เสียงคร่ำครวญของชาวบ้านย่านเมืองเก่า “เวิ้งนาครเขษม” พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่อาจหยุดยั้งฆาตกรใจเหี้ยมนาม “ทุนนิยม” ได้แม้น้อย ซ้ำร้ายหมากเกมรุกของมันยังบีบให้ชาวบ้านที่อยู่กินกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษให้ย้ายออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ เพื่อเครียร์พื้นที่ปลูกสร้างห้างร้านสมัยใหม่ ความโหดร้ายยังนำมาซึ่งความสูญเสีย ล่าสุดโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับ “เฮียโต-ชัชวาล อัศวโสภณ” เจ้าของร้านห้างดนตรีเก่าแก่ “ย่งเส็ง” เป็นการตอกย้ำความเหี้ยมของทุนนิยมที่คุกคามวิถีชีวิตชาวชุมชนเก่า
เวิ้งนาครเขษม รู้จักกันดีว่าเป็นแหล่งขายเครื่องดนตรี เหตุสูญเสียบุคคลซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ดนตรีของย่านเก่าแก่แห่งนี้จึงได้รับการจับตามองจากสังคมเป็นพิเศษ เพราะบรรดาลูกๆ ให้ข้อมูลในทำนองเดียวกันว่า.. คุณพ่อเครียดและกดดันจากกรณีจากไล่ที่
แน่นอนเหตุการณ์ดังกล่าว สะเทือนถึงผู้ถือครองที่ดินกลางเมืองแห่งนี้ บนเนื้อที่กว่า 14 ไร่ แต่เดิมเป็นของราชสกุลบริพัตร และเปลี่ยนมือสู่กลุ่มธุรกิจน้ำเมา “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” เมื่อราว 2 ปีก่อน โดยมีแผนงานว่าทุบตึกเก่าในย่านเวิ้งนาครเขษม ปรับเปลี่ยนเป็น “คอมเพล็กซ์มอลล์”
ทุนนิยม ฆาตกรผู้เหี้ยมโหด
ผู้อยู่อาศัยในย่านกลางเมืองเก่า “เวิ้งนาครเขษม” ส่วนใหญ่อยู่กันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษหลายชั่วอายุคน แน่นอน บรรดาตึกเก่าที่ตั้งตระหง่านถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ห้วนคำนึงถึงคุณค่าแห่งยุค
ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live ลงพื้นที่บริเวณเวิ้งนาครเขษม จุดหมายแรกคือ ห้างดนตรีย่งเส็ง ของเฮียโต ซึ่งวันนี้ (14 พ.ค.) ปิดทำการ อย่างไรก็ตาม ข่าวการเสียชีวิตของชายวัยกลางคนที่แพร่สะพัดออกไปสร้างความสนใจแก่ผู้คนในสังคมเป็นอย่างมาก
เท้าความเมื่อครั้ง เฮียโต-ชัชวาล อัศวโสภณ เจ้าของบริษัท ย่งเส็งวัฒนาเทรดดิ้ง จำกัด หรือห้างดนตรีย่งเส็ง ตั้งอยู่ภายในเวิ้งนาครเขษม หายตัวออกไปจากบ้าน (ประมาณ 2 วันก่อนเกิดเหตุ) บรรดาลูกๆ ต่างเร่งกันตามหา ช่องทางหนึ่งคือประกาศผ่านโซเชียลมีเดีย แน่นอนผู้คนพากันแชร์และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตามหา แต่สุดท้ายก็พบร่างไร้วิญญาณของเขาพร้อมนามบัตรแบบพลาสติกใบหนึ่งบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดระฆังฯ ซึ่งลูกชายเผยถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่น่าเศร้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าพ่อน่าจะต้องการบอกให้รู้ว่าทำธุรกิจอยู่ในเวิ้งนาครเขษม และกำลังเดือดร้อนพร้อมกับพ่อค้ารายอื่นๆ ที่ค้าขายอยู่ในเวิ้งนาครเขษม โดยให้ตัวเองนั้นเป็นตัวแทนความเดือดร้อนของกลุ่มพ่อค้าในเวิ้งนาครเขษมทั้งหมด
ทีมข่าวฯ สอบถามเจ้าของร้านกาแฟ ที่ตั้งอยู่ริมฟุตปาธติดห้างดนตรีย่งเส็ง สุภาภรณ์ จันทราพิทักษ์ เจ้าของร้านฯ ไม่รอช้าที่จะพูดถึงประเด็นการเสียชีวิตของเพื่อนบ้านที่ทำมาหากินในย่านนี้มานับสิบๆ ปี เธอเล่าถึงความคุ้นเคยที่มีต่อกันในฐานะชาวเวิ้งนาครเขษมว่า เฮียโตนั้นเป็นคนดี และน่าเศร้าที่เรื่องนี้เกิดขึ้น
เบื้องลึกเบื้องหลังสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีหลายคนมองว่า มาจากการไล่ที่ในย่านนาครเขษมที่เริ่มขึ้นมาได้ 2 ปีแล้ว โดยใช้มาตรการขึ้นค่าเช่าทำให้ร้านค้าหลายร้านต้องย้ายออก เธอเผยว่า ขายกาแฟในย่านการค้าเก่าแก่แห่งนี้มานานจึงรู้สึกใจหายหากจะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
“ถามว่าถ้าที่นี่หายไปจะรู้สึกยังไง...ก็ใจหายนะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลงตก “แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ชาวชุมชนก็มีการคุยกันว่าจะพยายามยื้อให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ได้ยินว่า เขาจะเริ่มมาก่อสร้างกันช่วงปลายปีนี้แล้ว มันก็เร็วเกินไปนะ หลายคนยังเตรียมตัวไม่ทันเลย”
ด้านของผู้เฒ่า 2 เจ้าของร้านขายอะไหล่ยนต์ เผยว่า ตนเองยังไม่มีแผนที่จะย้ายไปที่ไหน หากต้องย้ายออกจริงๆ ก็คงจะยุบกิจการ เพราะอย่างน้อยก็มีพี่น้องทำมาค้าขายอยู่ที่อื่น
“ขายมาตั้ง 70-80 ปีได้แล้วแหละ ขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อ เราเป็นรุ่นลูกแล้ว ก็สืบทอดต่อๆ กันมา ถึงยุคนี้แถวนี้ก็ขายได้เรื่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน คงเพราะหลายปัจจัยแหละ”
ตึกแถวเรียงราย บนที่ดินกว่า 14 ไร่ บริเวณเวิ้งนาครเขษม ทั้งหมดดำเนินการในรูปแบบสัญญาเช่ารายเดือน
เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า ค่าเช่าสมัยก่อนนั้นอยู่ที่ 9,000 กว่าบาทเท่านั้น แต่หลังจากที่ดินเปลี่ยนมือไปอยู่กับกลุ่มทุนค่าที่ก็ถีบตัวสูงขึ้นเป็น 23,000 บาท จึงไม่แปลกหากร้านค้าหลายร้านจะทยอยย้ายออกไปที่หลักแหล่งที่อื่น
“ชาวเวิ้งทำอะไรไม่ได้ เขาก็พูดคำเดียวว่า ถ้าเราจะฟ้องอะไรทำไม่ได้หรอก เขามีทนายอยู่แล้ว คนมีเงินน่ะ คนจนก็มีหน้าที่รับไป นี่ก็พยายามขายสต๊อกเก่าให้หมดไป”
เธอเล่าถึงเบื้องหลังก่อนที่ดินย่านเมืองจะตกไปอยู่ในมือของกลุ่มทุนว่า ชาวชุมชนเคยจะรวมตัวกันขอซื้อดิน 14 ไร่นี่มาก่อนแล้ว
“ตอนแรกที่นี่จะขอซื้อเขาตั้งไว้ 3,000 กว่าล้าน แล้วเขาก็ขึ้นมาจนลูกบ้านจะซื้อเขาบอก 5,000 กว่าล้านแล้ว ก็ซื้อไม่ไหวจนต่อมาเขาก็ไปมุบมิบขายกันแล้ว คือเขาไม่ขายคนเก่ากะจะทำอะไรของเขา คือไม่มีอนุรักษ์ ตอนแรกก็มีคนมาทำอะไรพวกนี้ ตอนนี้ก็เลิกๆ กันไปแล้ว สู้ไม่ได้เลย”
เธอทิ้งท้ายว่า ตัวเจ้าของที่ยังเคยพูดในเชิงเป็นบุญคุณกับชาวชุมชนที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยค่าที่จากการซื้อที่ดินผืนนี้ไว้อีกด้วย
“ยังมีมาพูดว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินที่เอามาลงทุนซื้อที่ เราก็อยากถามว่า ใครขอให้คุณมาซื้อที่ตรงนี้ไปละ”
สอดคล้องกับ หญิงสูงอายุ เจ้าของร้านขายเครื่องดนตรีไทย ที่ขายมาได้หลายปีแล้วแต่ก็คงต้องย้ายออกในเร็ววัน
“เขาซื้อที่ไปแล้วก็ไม่รู้จะเรียกร้องยังไง กฎหมายก็ไม่มีให้เรียกร้อง สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนไม่ช่วยคนเก่าขนาดค่าโยกย้ายยังไม่ให้เลย สมัยก่อนยังมีให้” เธอเผยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจพลางชี้ไปทางร้านรวงที่ปิดตัวลง “เจ้าของใหม่เขาเข้ามาก็ขึ้นค่าเช่าอย่างเดียว ไม่ได้มีสร้างอะไรให้เพราะที่สร้างคือโครงการของเขาที่เป็นศูนย์การค้า สุดท้ายแล้วใครที่ไม่ไหวก็ต้องย้ายออกไป”
เธอเล่าถึงชะตากรรมของชาวเวิ้งฯ ใครสู้ค่าเช่าไหวก็อยู่กันต่อไป ใครยอมแพ้ก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น อย่างตึกด้านตรงข้ามก็ปิดประตูอย่างแน่นหนา เพราะพ่ายทุนนิยมที่เข้าคุกคาม
วันที่เวิ้งฯ ไร้เสียงดนตรี
เวิ้งนาครเขษม มีร้านจำหน่ายเครื่องดนตรีอยู่หลายร้าน ทีมข่าวฯ เดินสำรวจไปเรื่อยๆ ได้บังเอิญพบกับนักดนตรีชื่อดังโดยเฉพาะคอเพลงอินดี้เป็นที่รู้กันดี อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร หรือ “เล็ก Greasy Cafe” ที่เดินทางมาซื้อเครื่องดนตรีในย่านฯ นี้ เมื่อสอบถามถึงเรื่องการเปลี่ยนมือเจ้าของที่ดินแก่กลุ่มธุรกิจฯ เขาตั้งคำถามสวนกลับทันที
“ทีนี้มันจะกลายเป็นอะไรล่ะ ห้างสรรพสินค้า? คือผมรู้สึกว่า คนเราจะต้องการห้างสรรพสินค้าจำนวนมหาศาลขนาดนั้นเลยหรอ ไม่รู้สิ ผมว่ามันมีชอปปิ้งเซ็นเตอร์เยอะมากแล้วในกรุงเทพฯ”
การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องปรับไปตามยุคสมัย แต่สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ของย่านเมืองเก่าก็มีคุณค่า ควรแก่การรักษาไว้เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์
“ผมเสียดาย มันจะเหมือนการทุบโรงภาพยนตร์เฉลิมไทย หรือทุบตึกบางตึกที่ทำเป็นเขาสร้างมาสวยแล้วก็มาทุบทิ้งมาทำเป็นที่จอดรถ โอ้โห.. คือมันน่าเสียใจนะครับ มันน่าใจหายมาก มันก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ ทั้งในเรื่องของสถาปัตยกรรม ถึงมันจะไม่ได้หวือหวาขนาดนั้น แต่มันก็เป็นหลักฐานบางส่วนที่บ่งบอกว่าพื้นที่ตรงนี้มันมาจากยุคไหน มันก็เลยน่าเสียดายมากครับ ถ้าจะต้องโดนทำลายไป”
ทีมงานฯ ตั้งคำถามว่า ทำไมถึงเลือกมาซื้อเครื่องดนตรีในย่านเมืองเก่า แทนที่จะไปเป็นร้านขายเครื่องดนตรีในห้างสรรพสินค้าที่น่าจะสะดวกสบายมากว่า เขา อธิบายถึงเหตุผล
“ผมยังชอบวิธีการไปซื้อของตามร้านเล็กๆ อ่ะ ผมชอบมากกว่าการที่ไปเดินห้าง แล้วทุกอย่างถูกจับเหมามารวมกัน ซึ่งผมก็ยอมรับว่าการเดินห้างมันเย็นกว่า โอเคกว่าใช่ไหม แต่ว่าผมก็ยังเสียดาย ผมอยากอุดหนุนกับคนเล็กๆ แล้วทำกันแบบน้อยๆ มากกว่าที่จะถูกจับรวมเป็นที่เดียว อีกอย่างตรงนี้มันก็อยู่มานานแล้ว ตั้งแต่ผมยังเล็กมากๆ มันก็มีตรงนี้แล้ว และมันก็น่าจะมีมาก่อนผมเกิดมานานแล้วด้วย มันก็คงน่าเสียดายมากๆ ถ้าตื่นเช้ามาวันนึงแล้วย่านนี้หายไปเลย กลายเป็นอะไรไม่รู้”
ย่านเมืองเก่า เวิ้งฯ มันมีเสน่ห์ของตัวเอง “มาแวะกินก๋วยเตี๋ยว มันก็เป็นชุมชนเก่าๆ ที่บรรยากาศแตกต่างจากในห้าง คือไม่ได้มาซื้อประจำครับ แค่ชอบมาเดินเล่นมากกว่า คือมาแล้วมันก็จะมีบรรยากาศของมันอยู่ อย่างไปเดินจตุจักรมันก็จะมีบรรยากาศของมันอยู่ ไปเดินที่ไหนมันก็จะมีอารมณ์ มีเสน่ห์ในแบบของมัน ก็เลยไม่อยากจะให้มันหายไปจริงๆ แต่เราก็ทำอะไรกันไม่ได้อ่ะ”
เล็ก Greasy Cafe แสดงความคิดเห็นต่อความเปลี่ยนแปลงของ เวิ้งนาครเขษม ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงขึ้นในอนาคตอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง
“ผมว่ามันเป็นเรื่องของส่วนหนึ่งในอดีตที่ผ่านมา คือจะเรียกว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยได้รึเปล่า..ก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นไหน แต่ว่ามันก็เป็นส่วนหนึ่งของอดีตที่เรายังสามารถจับต้อง มองเห็นได้อยู่ แล้วก็ตึกเก่าๆ อะไรเก่าๆ มันกำลังจะหายไปนะ แล้วก็ตึกใหม่ๆ ที่เค้าสร้างกันมันสวยจริงๆ เหรอ คืออยากรู้จริงๆ มันสวยมากขนาดนั้นเลยเหรอ ในการที่จะทุบตึกทิ้งนี้..มันเชยอะ ทุบทิ้งแล้วสร้างเป็นตึกใหม่ๆ ดีกว่าเหรอ?
“ผมว่าตึกเก่าเนี่ยมันสวยจะตาย โดยเฉพาะในย่านแบบนี้ ย่านเยาวราช หรือย่านสะพานเหล็ก สถาปัตยกรรมมันสวยมากนะครับ มันถูกคิดขึ้นในช่วงยุคนึง มันมีเรื่องของดีเทล ของอะไรต่างๆ ในส่วนของสถาปัตยกรรม ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครทำอย่างนั้นแล้ว ประวัติศาสตร์มันกำลังจะหายไปนะ แล้วพอมันหายไปเรื่อยๆ วันนึงอย่ามาร้องนะว่า บ้านเมืองผมมันไม่มีตึกเก่าเหลือเอาไว้ให้ดูอีก อย่ามาร้องกันทีหลังแล้วกัน”
…...............................................
เรื่องโดย ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องคลิกที่นี่
เสี่ยห้างดนตรี “ย่งเส็ง” หายตัวปริศนา ลูกชายเผยพ่อเครียดถูกไล่ที่
พบแล้วศพนายห้างย่งเส็ง
//////////////////////////////////
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage ของ "ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
