“เยอะ” “ติสต์” “ทำงานด้วยยาก” คือคำครหาที่สาวมาดเซอร์อย่าง “ปาล์มมี่-อีฟ ปานเจริญ” เจอมาทั้งชีวิต ที่น่าสนใจคือมุมมองของเธอในวันนี้กลับเปลี่ยนไป เรียกว่า “ยอม” มากขึ้น ส่วนจะเป็นเพราะอะไรและเพราะใคร เจ้าตัวยอมให้ ASTV ผู้จัดการ Live มานั่งค้นใจ หลังงานเปิดตัว “Honda Scoopy I Club12 - Live Your Line” แบบ Exclusive กันไปเลย
เมื่อ “ร็อกสตาร์” ขี่มอเตอร์ไซค์
Q: เพลงปาล์มมี่ มีเพลง “Rock Star Syndrome” ประชดดาราที่ทำตัวหรูๆ แต่ต้องมาโฆษณาขี่รถมอเตอร์ไซค์ แล้วมาขี่เองแบบนี้ รู้สึกยังไง?
A: มี่ยังไม่ได้ขี่เลยนะ (ยิ้ม) มี่แค่รู้สึกว่ามี่คุยกับทางฮอนด้าแล้วเราตกลงกันได้ค่ะว่าเราทำได้แค่ไหน ส่วนเพลง Rock Star Syndrome มันก็เป็นเพลงนึงที่มี่พูดแซวร็อกสตาร์เมืองไทยแค่นั้นเองว่า ทำไมการเป็นร็อกสตาร์มันดูเท่และสวยหรู มันต้องอยู่ในบ้านหลังใหญ่ มันต้องมีของแพงๆ ใส่ ต้องทำตัวเหนือกว่าคนอื่นๆ ไม่ธรรมดาเอาซะเลยนะ แต่สุดท้าย คุณก็ต้องมาขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนกับคนอื่นๆ
Q: กลัวโดนแซวกลับบ้างมั้ย?
A: ไม่กลัวเลย
Q: เคยโดนแซวบ้างมั้ย?
A: ก็ยังนะคะ มีคุณคนแรก (หัวเราะ)
Q: ปกติดูรับงานยาก เวลารับโฆษณาแต่ละที พิจารณาจากอะไรบ้าง?
A: พิจารณากับความเหมาะสมกับสิ่งที่มี่ทำค่ะ แล้วก็ถ้าไม่ได้เปลี่ยนอะไรมี่มาก ถ้าไม่ได้ไปทำอะไรที่เกินขีดความสามารถของมี่ เพราะความสามารถมี่มีขีดจำกัดพอสมควร ไม่สามารถทำอะไรเกินสิ่งที่เราทำได้ ถ้าทางสินค้าเข้าใจและยินดีให้มี่ออกความคิดเห็นในทุกๆ พาร์ตของการทำงาน เช่น การออกไอเดีย การ prove เรื่องร่วมกันก่อนที่ภาพจะออกมา มี่จะได้เห็นทุกขั้นตอนเลยค่ะ ตั้งแต่วางคอนเซ็ปต์ว่าจะถ่ายออกมาเป็นยังไง เสื้อผ้าจะต้องใส่แบบไหน มันก็จะไม่ต่างกับสิ่งที่มี่เคยใส่หรือทำมา นี่เขาก็ถามว่าถ้าจะให้มี่ใส่เป็นลายในตัวจะได้มั้ย ปาล์มมี่ก็... (ยิ้มสดใส) ปาล์มมี่สะดวกมากเลย ลายทั้งหน้าก็ยังได้ (หัวเราะ)
Q: นี่ก็เป็นการร่วมงานกับฮอนด้าเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ทำไมเขาถึงเลือกเราอีกครั้ง?
A: เขาไม่ได้บอกนะ จากที่มี่ทราบเขาคงอยากให้มอเตอร์ไซค์มันดูสนุก และเขาคงได้ดู MV ของมี่ การเล่นคอนเสิร์ตด้วยมั้งคะ แล้วเห็นถึงความสนุกที่เราพอจะลิงก์กับตัวสินค้าของเขาได้ ก็เลยทำร่วมกัน เลยออกมาเป็นภาพโฆษณาที่มันดูขี้แกล้ง Live Your Line (ทำเสียงทะเล้นเหมือนในโฆษณา)
Q: “Live Your Line” อยากให้พูดถึงคำนี้ สำหรับปาล์มมี่หมายถึงอะไร?
A: สำหรับมี่คือการใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการค่ะ ไลน์ใครไลน์มัน จากที่คุยกันเขาอยากให้ออกแนวสนุกๆ ที่มี่ถ่ายในโฆษณาก็อาจจะดูชอบแกล้งคนอื่นอะไรอย่างนี้ อันนี้เป็นคาแร็กเตอร์ของมี่นะคะ แต่ของคนอื่นก็คาแร็กเตอร์ใครคาแร็กเตอร์มัน มี่ก็ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรเขาถึงเลือกมี่ แต่ตั้งแต่มี่ร่วมงานกับฮอนด้ามา ทุกคลิป-ทุกครั้ง-ทุกการทำงาน มี่แฮปปี้กับตรงนี้มากค่ะ เขาอยากให้มี่ present ความสนุก ซึ่งมันก็มีอยู่ข้างในเลือดมี่
“Live Your Line” หมายความว่าคุณก็เป็นของคุณแบบนี้มา มี่เองก็ไม่ค่อยได้คล้อยตามความเป็นไปของกระแสดนตรีที่มันเกิดขึ้นในบ้านเรา เพราะฉะนั้น ทางของใคร สะดวกยังไง เป็นยังไง ก็เป็นของคุณแบบนั้นน่ะ It’s your personal thing. It’s your line.
ครั้งแรกที่ยอมอ่อนข้อ!?!
Q: แล้วไลน์เพลงปาล์มมี่ไปถึงไหนแล้ว?
A: เพลงประกอบโฆษณานี้มี่ก็ร้องด้วยนะ เป็นแนวอิเล็กทรอนิกส์ค่ะ
Q: อัลบั้มใหม่จะเป็นแนวนี้มั้ย? เห็นว่ากำลังปั้นอัลบั้มใหม่อยู่
A: อ๋อ ไม่เลยค่ะ (นิ่งคิดไปพักใหญ่) ตอนนี้มี่กำลังตบกับตัวเองอยู่ว่ามี่จะทำอะไรดี คือมี่ลองหลายอย่างค่ะ ที่มี่เบรกงานไป มี่ก็ได้ลองไปทำงานหลายๆ สไตล์ แล้วก็ยังไม่แน่ใจในเรื่องของเพลงว่าสุดท้ายแล้วจะไปตกหล่นในประเภทไหน เพราะมี่ชอบหลายอย่างและยังอยู่ในความสับสนว่า สรุปมี่ต้องการอะไร
Q: จะใช้เวลากี่ปีดี นานมั้ย? เพราะปกติปาล์มมี่ใช้เวลาปั้นแต่ละอัลบั้มนานมาก
A: (ยิ้มเขินๆ) นี่ก็ผ่านไป 6 เดือนแล้วค่ะที่มี่เริ่มทำเพลง คือมี่ไม่ได้ตั้งไทม์ไลน์นะว่าจะทำนานมั้ย แต่มี่อาจจะออกเป็นซิงเกิลก็ได้ เพราะออกเป็นอัลบั้มมันนานเกินไป
Q: อย่างปาล์มมี่ รับกับระบบออกเพลงเป็นซิงเกิลได้มากน้อยแค่ไหน?
A: ตอนนี้มี่คงต้องรับให้ได้แล้วล่ะ (ยิ้มบางๆ) การเป็นศิลปิน เป็นนักร้อง หรือมีวง มันเป็นสิ่งที่ควรจะทำน่ะค่ะ ในเมื่อระบบการทำงานเพลงในบ้านเรามันเป็นแบบนี้ มี่ก็ไม่รังเกียจที่จะคล้อยตามมันไปได้บ้าง เพราะสุดท้ายมันก็เป็นเพลงของมี่อยู่ดี สุดท้ายมันก็เป็นเพลงที่ทำออกไปแล้วให้ทุกคนสนุกกัน
Q: ถ้าจะออกมาเป็นซิงเกิล ปาล์มมี่จะทำให้เสร็จทั้งหมดแล้วค่อยๆ ปล่อยทีละเพลง หรือจะทำไปปล่อยไป?
A: มี่ว่าทำไปปล่อยไปดีกว่าค่ะ เพราะถ้าทำเสร็จแล้วปล่อย ก็คงอีก 5 ปีกว่าจะได้ฟังเพลงแรก มี่ก็แก่ไปแล้วพอถึงตอนนั้น (หัวเราะ)
Q: แต่การทำงานมันก็จะต่างออกไปนะ เพราะถ้าทำอัลบั้มเสร็จแล้วปล่อยเพลงทีเดียว พอรู้ฟีดแบ็กจากคนฟัง เราจะไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่ถ้าปล่อยออกมาเป็นซิงเกิล พอเรารู้ฟีดแบ็ก มันก็อาจจะมีผลต่อซิงเกิลต่อไปของเราหรือเปล่า เพราะเรายังแก้ไขเพลงได้เรื่อยๆ อยู่
A: จริงๆ แล้วมี่ต้องกลับมาที่ตัวเองก่อนแหละว่า สรุปแล้วมี่ชอบหรือเปล่า แล้วถ้ามี่ชอบและมี่แชร์ออกไป คนฟังก็แฮปปี้ มี่ก็โอเคนะ แต่ถ้าคนฟังบอกไม่แฮปปี้เลย มี่คงไม่ได้เอามาปรับปรุงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ที่คนเขาวิจารณ์กันหรอก เพราะสุดท้ายแล้ว มี่ก็ทำมันมาจากสิ่งที่มี่ต้องการน่ะค่ะ และมี่ก็ไม่ได้ทำมาจากการวิเคราะห์เพลงของใคร มันคงเป็นอย่างนั้นมากกว่านะ
แต่ข้อดีของการออกซิงเกิล มันน่าจะตอบกับสภาวะตอนนี้ค่ะ คือตอนนี้มี่ได้ยินเสียงเร้าเยอะมากจากแฟนเพลงโดยเฉพาะในเฟซบุ๊ก (www.facebook.com/PALMY5) ถามตลอดเลยว่าเมื่อไหร่จะออกเพลงใหม่ มี่เชื่อว่าหลายๆ คนเพลงเก่ายังไม่ได้ฟังเลย (ยิ้ม) บางคนอัลบั้มมี่ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ (หัวเราะเบาๆ) แต่บางทีมี่ก็อดใจไม่ไหวเหมือนกันค่ะ อยากจะออกมาเร็วๆ เหมือนกัน ก็เลยคิดว่าระบบซิงเกิลน่าจะเหมาะกับสภาพอารมณ์ของมี่ตอนนี้ แล้วก็น่าจะเหมาะกับสภาพการตลาดของวงการเพลงบ้านเราด้วย
Q: แต่ก็จะยังมีอัลบั้มเต็มๆ ออกมาอยู่ใช่มั้ย?
A: คิดว่าอย่างนั้นนะ
Q: ปล่อยออกมาทีละซิงเกิล จะทำให้ภาพรวมมันแตกมั้ย พอมารวมเป็นอัลบั้ม?
A: สำหรับมี่ไม่นะคะ เพราะเราเป็นคนทำมัน เราไม่ได้ทำมาจากการที่มีคนสักคนนึงสั่งว่าจะต้องเป็นเพลงนี้นะ เฮ้ย...ฟีดแบ็กไม่ดี มาทำเพลงนี้ดีกว่า ทำแนวนี้ดีกว่า เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันจะไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วเราเป็นคนกำหนดเอง ถ้าไม่มีใครมากำหนด มี่ว่ามันไม่มีทางแตกแน่นอน
Q: โทนอัลบั้มหน้าจะเป็นไง เศร้าหรือสนุก?
A: คงเป็นเพลงสนุกก่อนค่ะ ตามสไตล์ที่มี่ทำมา ซึ่งมี่ก็ชอบนะ เพราะมี่เป็นคนที่ถ้าเวลาเล่นคอนเสิร์ตก็อยากให้ทุกคน enjoy กับเพลง ส่วนเพลงช้า ประมาณ 20 กว่าเพลงที่มี่มีอยู่แล้ว และมี่ยังไม่เคยได้เล่นเลยด้วยซ้ำไป ในบางจังหวะก็อยากจะค่อยๆ ทยอยเล่นทีละเพลงค่ะ
เอือม... ทำเรื่องเล็ก เป็นเรื่องใหญ่!
Q: ปกติ เวลาปาล์มมี่จะลุกขึ้นมาปั้นอัลบั้มใหม่ จะต้องมีการพักยก ไปเก็บพลังงานจากที่อื่นก่อนลุยงาน ครั้งนี้เห็นว่าได้มีเวลาพักแค่ 2 สัปดาห์เอง มันพอมั้ย?
A: เอาจริงๆ สำหรับมี่มันไม่พอนะ ไม่พอเลย (เสียงแผ่ว) แต่เราก็ต้อง adapt น่ะค่ะ มี่ยังมีความรับผิดชอบอย่างอื่นที่ต้องทำ ไม่ใช่แค่การฟูมฟักอัลบั้มอย่างเดียว (ยิ้ม) อย่างวันนี้มี่ต้องมาทำหน้าที่กับทางฮอนด้า และมี่ต้องมีคอนเสิร์ตอีกหลายๆ งานในเดือนนี้ที่ทำให้มี่ต้องกลับมาสางให้จบ ไม่อย่างนั้น มี่ก็ต้องล็อกตัวเองแล้วก็หยุดไปเลย 6 เดือน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะวงมี่ก็อีกตั้งหลายชีวิตค่ะที่ยังต้องทำงาน แค่นี้เขาก็เข้าใจมี่มากแล้ว หยุดไปเดือนนึงก็พูดละ เมื่อไหร่จะกลับมาๆ (หัวเราะ) รออยู่
Q: แสดงว่าโตขึ้นมาก เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนคงทำแบบนี้ไม่ได้ อะไรทำให้คิดว่าต้องทำให้ได้
A: มี่แค่รู้สึกว่า บางทีการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่บ่อยๆ มันก็เอือมกับตัวเองเหมือนกันนะ (ยิ้ม) เรื่องมันมีอยู่แค่นี้ ถ้าเราจะต้องปิดประตู ตอกบ้าน ไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ในพื้นที่ของเรา แต่อันนี้เราไปซึมซับบรรยากาศ ไปพักผ่อน พอมีแรงเราก็มาทำต่อ เราไม่ต้องหนีไปสักครึ่งปีหรือปีนึงเหมือนที่มี่เคยทำ 5 ปี (ยิ้มบางๆ)
มี่คิดว่ามันคงเปลี่ยนไปตามอายุแล้วก็ประสบการณ์มั้งคะว่าเราสามารถตอบตัวเองในเรื่องนี้ได้ในขอบเขตแค่ไหน แล้วเราก็สู้กับมันได้ เพราะเราเคยเจออารมณ์แบบนี้มาแล้วเมื่อตอนนู้น เราก็รู้แล้วว่าเราใช้พลังกับมันได้แค่ไหน ไม่ต้องเยอะ
Q: ปี 2 ปีนี้ เห็นปาล์มมี่ลุกขึ้นมาทำเรื่องใหม่ๆ เยอะเหมือนกัน ทั้งการรับโฆษณาที่ไม่ค่อยจะได้รับ ล่าสุดเห็นมีคอนเสิร์ตร่วมรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ด้วย (MTV EXIT Live in Udon Thani Concert)
A: นั่นน่ะสิ (ยิ้ม) เรื่องรณรงค์ มี่ว่าไม่ใช่เฉพาะมี่นะ ทุกคนยินดีจะทำแหละ ถ้ามันจะช่วยเหลืออะไรได้บ้างในหน้าที่ที่ตัวเองมี เพราะถ้าจะให้เราไปช่วยเป็นนายกฯ อะไรอย่างนั้น เราคงทำไม่ได้ มี่คงมอบให้แต่สิ่งที่มี่มอบให้ได้ แล้วถ้าเกิดมีองค์กรไหนที่คิดว่าการที่เราไปร้องเพลงแล้วทำให้คนมาสนใจ พูดถึงเรื่องนี้บ้าง หรือเอะใจคิดถึงเรื่องนี้บ้างว่า เอ้อ...มันสำคัญสังคมนะ
ถ้าเรามีญาติพี่น้อง เราก็คงจะช่วยดูแลกันน่ะค่ะ หางานอะไรที่ไม่ทำร้ายตัวเอง จะได้ไม่ต้องถูกส่งไปหางานต่างประเทศแล้วก็ไปโดนหลอก มี่ก็คิดว่ามันสำคัญค่ะ ก็เลยยินดีที่จะทำ
คนที่ปาล์มมี่ไว้ใจ
Q: ช่วยอัพเดตผลงานหน่อย ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว เห็นว่าเพิ่งมีคอนเสิร์ตใหญ่ Barefoot Acoustic Concert ไป
A: คอนเสิร์ต Barefoot เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตมี่เลย (แววตาเป็นประกาย) หมายถึงว่าทุกคอนเสิร์ตดีหมดนะ แต่ครั้งนี้เหมือนกับว่ามี่ได้เอาชนะใจตัวเองไปอีกขั้นนึง ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ได้มีความรู้เพิ่มขึ้นในห้องซ้อม ได้เจอพี่ฮิวโก้ (จุลจักร จักรพงษ์) ที่เขาให้อะไรมี่มากๆ เลย แล้วก็เป็นกัลยาณมิตรที่ดีมาก มี่รู้สึกว่าถ้ามี่ไม่ได้ทำงานครั้งนี้ มี่คงอึดอัดใจตายเลย (ยิ้ม) และมี่อาจไม่มีแรงที่จะทำอะไรต่อไปเลยก็ได้
พอมีทำคอนเสิร์ตครั้งนั้นแล้ว มี่รู้สึกว่าความกลัวของมี่มันเหมือนลูกโป่งที่มันฟีบลง มันไม่ได้ใหญ่มากเท่าเดิมแล้วอ่ะ มี่รู้สึกว่าทำไมเราต้องให้คนอื่นมาคอยดึงศักยภาพของเราออกมา โดยที่เรามักมองข้ามมันไปว่าเรามีศักยภาพทำอะไรได้บ้าง
มี่เป็นคนไม่ภูมิใจกับตัวเองเท่าไหร่นะ ไม่มั่นใจแล้วก็ไม่ภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ รู้สึกว่ามันเป็นแค่จุดเล็กๆ เรื่องเล็กๆ แต่ครั้งนั้นทุกคนพูดให้กำลังใจมี่ โดยเฉพาะวงที่มาเล่นด้วยกัน (เพื่อนนักดนตรีจากนิวยอร์ก) เขาเป็น back up มืออาชีพจริงๆ อ่ะ มี่ไม่รู้จะอธิบายยังไง ซึ่งมี่ไม่เคยเจอแม้กระทั่งกับวงมี่เอง ไม่เคยเจอที่ทั้ง support ทั้งเรื่องจิตใจและการเล่นดนตรีขนาดนี้
มี่ว่ามืออาชีพมันคือตรงนี้ มันคือการไว้วางใจกันน่ะว่าคุณทำหน้าที่คุณ เราเป็น back up เราจะ back คุณ up เราจะทำอันนี้ๆ นะ ส่วนคุณจะทำอะไร คุณทำไปเลย ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองและมี่รู้สึกว่า มันทำให้มี่มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งนึง (ยิ้มสดใส) ไม่จำเจ
Q: คิดว่ายากมั้ยที่จะมีอัลบั้มซักอัลบั้มออกมาในยุค MP3 ครองเมืองแบบนี้ นี่ก็เพิ่งมีรวมอัลบั้ม Palmy Greatest Hits รวมเพลงฮิตปาล์มมี่ออกมาด้วย
A: มี่ว่ามันไม่ยากนะที่จะมีอัลบั้มรวมฮิตออกมา เพียงแต่เราต้องใส่ใจกับการรวมอัลบั้ม ไม่ใช่เอะอะก็รวมอะไรส่งเดช (ยิ้มเนือยๆ) มี่คิดว่าการให้รายละเอียด ให้ความสำคัญว่าเรารวมเพื่ออะไร และเพลงที่เลือกมาเป็นเอกฉันท์หรือเปล่าว่าสมควรที่จะอยู่ในอัลบั้มนั้น มี่เอาเพลงมาเรียงเสร็จ (30 เพลง) มี่ก็เอามา re-master ใหม่ ไปมิกซ์ใหม่ เกลี่ยให้เข้ากัน ไม่ใช่มารวม จับมายัดแล้วขายเลย ส่วนภาพก็ถ่ายภาพใหม่ ปกใหม่ สีใหม่ มี่ดูแลเองทั้งหมด เรื่องสี เรื่องฟอนต์ เตรียมมาตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้วค่ะ (เพิ่งวางแผง มี.ค.ปีนี้) ทำไปควบคู่กับตอนเตรียมคอนเสิร์ต Barefoot เลยค่ะ เตรียมกันนานพอสมควร
ถามว่าเราใส่ใจรายละเอียดกับการรวมอัลบั้มแล้วจะทำให้สู้เรื่องแผ่นผีได้มั้ย มี่ว่ามีส่วนนะ คือมี่เป็นคนหัวเก่าไงคะ ถ้ามี่ซื้อ มี่ซื้อของจริง และถ้ามี่ชอบใคร ต่อให้มันเท่าไหร่ มี่ก็ซื้อ และพอซื้อมาก็ไม่อยากเห็นว่าไม่ออกแบบอะไรเลย มันก็จะเซ็งอ่ะ คือมี่ชอบศึกษา มี่สนใจเรื่องพวกนี้ มี่ก็เลยอยากให้รายละเอียดดีๆ มันเกิดขึ้นกับงานตัวเอง เวลามี่หยิบมาก็จะรู้สึกดีอ่ะ เปิดมาแล้วรู้สึกว่าเราได้ทำอันนั้นอันนี้ เราชอบ เห็นแล้วแบบมันถูกใจอ่ะ (แววตาเป็นประกาย)
Q: วันนี้แฟนคลับมาให้กำลังใจเยอะ อยากบอกอะไรกับแฟนเพลงบ้างมั้ย?
A: มี่แค่คิดว่ามี่มีอาชีพนี้อาชีพเดียวแน่ๆ มี่คงไม่ได้ผันตัวไปทำอะไรอย่างอื่นแน่ๆ มี่ก็จะทำมันต่อไปค่ะ จนกว่ามี่จะรู้สึกว่าทั้งคนฟังและมี่เริ่มเบื่อหน้ากันละ มี่ถึงจะรีไทร์ไปขายอะไรสักอย่างนึงที่บ้าน (ยิ้มบางๆ)
เวลาของมี่มีความหมายมากค่ะ ทุกเวลาที่มันหายไป มี่กำลังทำอะไรอยู่หรือหายไปคิดอะไรอยู่ มี่ขยับตัวอยู่ตลอด แต่มี่แค่รู้สึกว่ากว่าอะไรจะออกมาจากมี่แต่ละอย่างมันยากเหลือเกิน ยากเย็นเหลือเกิน (ย้ำอีกครั้ง) กว่าจะหาทีมงาน กว่าจะคิดอะไรออกมาได้แต่ละอย่าง เพราะมี่ใช้พลังไปกับมันเยอะค่ะ ใช้ความคิด ใช้ทั้งหมด
ความสร้างสรรค์มันมีวันหมดเหมือนกันนะสำหรับมี่ พองานออกมาแล้ว มี่ก็แค่หวังให้คนตั้งใจซึมซับกับมัน เสพมันจริงๆ แล้วก็ฟังมันจริงๆ มี่ไม่เคยใช้เวลาแล้วทำอะไรส่งเดช มี่กล้าพูดได้เลยโดยเฉพาะเรื่องงาน เรื่องงานมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วสำหรับมี่เพราะว่ามี่ขลุกอยู่กับมันตลอดเวลาจนมันเป็นส่วนหนึ่งของมี่อ่ะ
ก็เลยแค่อยากให้ทราบว่า ทุกครั้งที่ทำงานออกมา (นิ่งคิดพักใหญ่ ก่อนยิ้มกับตัวเองแล้วพูดต่อ) เซลล์มันต้องผสมผสานกันอย่างหนักเลยกว่าจะออกมาเป็นสิ่งๆ นี้ได้ (ยิ้ม) มี่แค่หวังว่าทุกคนจะชอบมันน่ะ แล้วก็ชายตามามองมี่บ้าง เอียงหูมาฟังบ้างก็ยังดีค่ะ (หัวเราะปิดท้าย)
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
เรื่อง: อิสสริยา อาชวานันทกุล
ขอบคุณภาพ: แฟนเพจ PALMY5
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage ของ "ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
เปลือยเท้า-เปลือยใจ “ปาล์มมี่” เธอคนนี้ไม่เคยหยุดสร้างเซอร์ไพรส์!