สุดยอดนางเอกแถวหน้ามากฝีมือของเมืองไทย และยังคงเป็นอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
เรากำลังพูดถึง "แอน ทองประสม" เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงไทยที่ยังคงเป็น The one ของใครหลายคนทั้งใน และนอกวงการ
กว่า 20 ปีบนเส้นทางสายบันเทิง เธอยังเจ๋งในทุกบทบาท จากนักแสดงมากฝีมือค่อยๆ ขยับตัวมาเป็น "ผู้จัดละคร" เริ่มตั้งแต่ ปัญญาชนก้นครัว มาถึง สามีตีตรา ซึ่งเธอก็ทำได้ดีทั้ง 2 เรื่อง เห็นได้จากปฏิกิริยาของคนดูที่ติดงอมแงมทั่วบ้านทั่วเมือง โดยเฉพาะเรื่องหลังที่ลาจอไปได้ไม่นาน
วันนี้เธอกลับมาเล่นละครอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปนาน กับบท "สุริยาวดี/สุริยง/หนูเล็ก" ในเรื่อง "อย่าลืมฉัน" ละครที่เชือดเฉือนกันแบบเย็นๆ แถมมีองค์ประกอบดีมาก ไล่ตั้งแต่นักประพันธ์เจ้าของผลงานอย่างทมยันตี ไปจนถึงดาราแถวหน้าระดับแม่เหล็กของวงการ อย่างติ๊ก-เจษฎาภรณ์, ก้อง สหรัถ แถมยังมี ริต้า ศรีริต้าเข้ามาเติมเต็มอีกด้วย
ครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่ M-Lite ได้พูดคุยกับ "เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงไทย" ทั้งพูดคุยเป็นการส่วนตัว และเก็บเล็กผสมน้อยจากการนั่งสัมภาษณ์ตามงานต่างๆ เกี่ยวกับชีวิต และมุมคิดหลากหลายบทบาท ทั้งผู้จัดละคร และนักแสดงมากฝีมืออย่างเรื่องล่าสุด "อย่าลืมฉัน" เรียกได้ว่าเรตติ้งกระฉูดติดเทรนด์โลกออนไลน์กันเลยทีเดียว
"อย่าลืมฉัน" ชวนอิน ฟินกระจาย
เปิดประเด็นกันที่กระแสความฮอตของละครเรื่อง "อย่าลืมฉัน" ซึ่งเป็นละครที่ "แอน" เล่นเป็นนางเอก หลังจากที่ห่างหายจากจอแก้วไปนาน ยิ่งมาเล่นประกบคู่กับพระเอกตลอดกาล "ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี" และศิลปินรสนุ่ม อย่าง "ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา" ยิ่งสร้างปรากฏการณ์ "อิน" และ "ฟิน" ไปทั่วประเทศ
ไม่แปลกที่เรตติ้งเปิดตัววันแรกของละครเรื่องนี้จะอยู่ที่ 8.4 นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าละคร "สามีตีตรา" ของ "คุณพิศุทธิ์" (โป๊ป ธนวรรธน์) "กั้ง" (พลอย เฌอมาลย์) และ "สายน้ำผึ้ง" (จุ๋ย วรัทยา) ซึ่งมีเรตติ้งในการออกออกกาศวันแรกอยู่ที่ 7.2
"โอ้โห พูดถึงความฮอตเหรอค่ะ (นิ่งคิด) ดีใจที่ทุกคนชอบค่ะ (เรื่องนี้ ใครหลายคนอยากเป็นแอนในเรื่องกันเลยทีเดียว) ใช่มะ เพราะทุกคนชอบติ๊ก (เจษฎาภรณ์ ผลดี) พี่ก้อง (สหรัถ สังคปรีชา) และริต้า (ศรีริต้า เจนเซ่น) ดีใจค่ะที่นานๆ แอนจะได้มาเล่นละครทีหนึ่ง คุณติ๊กก็กว่าจะมาให้เห็นที ทำให้คนหายคิดถึง ส่วนตัวแอน การได้เป็นผู้จัด แล้วต้องมาเล่นละครอย่าลืมฉัน มันเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง ซึ่งให้ความสุขคนละอย่างค่ะ แต่แอนก็อยากให้ผู้ชมคนดูยังต้อนรับแอนทุกครั้งเวลาที่แอนได้มาทำงานเบื้องหน้าด้วย" แอนเผย
สำหรับละครเรื่องนี้ แอน เคยให้สัมภาษณ์ตั้งแต่ละครยังไม่ออนแอร์แล้วว่า ไม่ใช่ละครตบตีแย่งคนรักกัน แต่เป็นละครที่เชือดเฉือนกันแบบเย็นๆ มีการย้อนวัย กุ๊กกิ๊กน่ารักให้ดูกันด้วย
"เป็นละครแบบเย็นๆ สบายๆ ฟิวกู้ด ผสมดรามา ไม่ใช่ตบตีแย่งสามีกัน แต่เป็นความรักที่นางเอกได้ทำร้ายจิตใจพระเอก แล้วเขาก็เสียใจ ซึ่งมันเป็นอะไรที่แบบ...เชือดเฉือนกันแบบเย็นๆ มีแอ๊บแบ๊วใส่ชุดนักเรียน นักศึกษากันด้วย ส่วนตัวก็มีอายกันเองบ้างนะ ส่วนใหญ่จะเขินคนในกองกันเองมากกว่า ก็จะมีแบบ..ป้า ลุง มาเรียนการศึกษาผู้ใหญ่เหรอ อะไรประมาณนี้ ซึ่งรวมๆ แล้วเป็นการทำงานที่สนุกดีค่ะ"
ด้านการทำงานร่วมกันกับนักแสดงสุดฮอตอย่าง "ติ๊ก" กับ "ก้อง" รวมไปถึง "ริต้า" ด้วย แอนบอกว่า เป็นการทำงานที่สนุก แม้ส่วนตัวจะห่างหายจากละครไปนาน เพราะต้องไปเป็นผู้จัด แต่ด้วยประสบการณ์ และความที่คลุกคลีกับกองถ่ายบ่อยๆ พอมาเล่นละครก็ทำอย่างเต็มที่ และทำอย่างสุดหัวใจเหมือนเดิม
"ทุกคนน่ารักเป็นกันเองค่ะ อาจจะด้วยทุกคนสนิทกันหมด เราก็เลยทำงานด้วยกันง่าย เข้าฉากกันง่าย หรือนักแสดงอย่าง ฝาแฝด ไก่กับไข่ (เฮเดนกับโจชัว) รวมไปถึงน้องอันดา ก็เข้ามาสร้างสีสันในกองได้มากทีเดียว ซึ่งทุกคนรักกันดี เป็นการทำงานที่สนุกค่ะ
คุณติ๊กนิสัยดีค่ะ กินง่าย อยู่ง่าย ติดดิน ส่วนริต้าเป็นเด็กตรงไปตรงมา เป็นเด็กฝรั่ง น่ารัก คุยเก่ง ริต้าจะสนิทกับแอนค่ะ เวลาไปต่างจังหวัด เราก็จะนอนด้วยกัน สุดท้ายคือ พี่ก้อง แอนกับพี่เขา เราสนิทกันอยู่แล้วค่ะ พี่เขาเป็นคนใจเย็นๆ วันๆ ก็นั่งดูแต่ไอแพด ฟังเพลงค่ะ" แอนเล่าถึงสีสันในกองถ่าย
เมื่อต้องเลือกระหว่าง "เขมชาติ" กับ "เอื้อ"
อย่างไรก็ดี จากลีลาของ "เขมชาติ" (เจษฎาภรณ์ ผลดี) กับ "เอื้อ" (ก้อง สหรัถ) ต้องบอกว่า เป็นตัวละครที่ใครหลายคนต่างหลงใหล ถ้าดูแล้วไม่เกิดอาการจิกหมอนหรือว่าอารมณ์หมั่นไส้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัว "คุณเขมชาติ" ก็ให้มันรู้ไป และหากเป็นไปได้ในชีวิตจริง เชื่อว่าหลายคนก็คงอยากจะเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
ทีนี้มาลองดูคำตอบของ "แอน" กันบ้าง ถ้าถามเล่นๆ โดยให้เลือกระหว่าง "คุณเขมชาติ" กับ "คุณเอื้อ" เธอตอบ M-lite สั้นๆ ว่า ถ้าในละคร ขอเลือกอยู่กับ "เขมชาติ" เพราะเป็นผู้ชายที่มีสีสันดี ส่วนในชีวิตจริงขอเลือก "พี่ก้อง" อย่างไรก็ดี คำถามนี้ เธอเคยตอบขำๆ ไปแล้วในรายการตะลุยกองถ่าย โดยทีมงาน M-lite ขออนุญาตหยิบยกมานำเสนอต่อเพื่อขยายความ และลงรายละเอียดที่ลึกขึ้น
"เรื่องราวระหว่างเรากับเขมชาติมันเยอะมาก จึงรู้สึกว่า คนอย่างเขมชาติมีมิติดี ทั้งแบบดิบๆ จิ้นๆ ร้ายๆ แบบประชดประชัน ครบรสดี แอนว่าถ้าอยู่กับคนแบบนี้น่าจะมีสีสันดี เพราะฉะนั้น ขอเลือกเขมชาติค่ะ" (แล้วถ้าให้เลือกระหว่าง "ติ๊ก" กับ "ก้อง" ล่ะ จะเลือกใคร) คำถามนี้ แอนถึงกับร้อง "โหย!" ขึ้นมา ก่อนจะนิ่งคิด และตอบคำถามที่หนักใจที่สุดในชีวิตว่า
"เหมือนให้กินช็อกโกแลตคนละรสชาติเท่านั้นเอง แต่อร่อยด้วยกันทั้งคู่ คือ หล่อ ถ้าถามแอนก็อาจจะเป็นพี่ก้องมั้งค่ะ (หัวเราะ) ขอโทษด้วยนะติ๊ก (ยกมือไหว้) เขามีตัวเลือกให้แอนแค่ 2 คน ที่แอนไม่เลือกติ๊กเพราะแอนคงไปรักษาธรรมชาติอยู่ป่าอย่างติ๊กไม่ได้ แอนคิดว่าแอนไปเกาะนักร้องกินดีกว่า (หัวเราะ) เขารวย เขามีคอนเสิร์ต อยู่กับเขาแอนคงไม่ลำบาก อยู่กับติ๊กแอนคงไส้แห้ง ขอโทษด้วยนะติ๊กนะ"
"ผู้จัดละคร" บทบาทที่โตขึ้น
จบเรื่องละคร มาคุยกันต่อในบทบาท "ผู้จัดละคร" กันบ้าง สำหรับบทบาทนี้ถือว่า "แอน" สามารถทำได้ดีไม่แพ้กัน นับเป็นบทบาทที่เธอยอมรับว่า หนักกว่าการแสดงละครมาก ทั้งเรื่องการทำงาน และการแบ่งเวลา เพราะการเป็นผู้จัด ความมีวินัย และความรับผิดชอบต้องมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ
"เป็นบทบาทที่สนุกดีค่ะ ตอนนี้ค่อยๆ คุ้นเคย และเข้าใจมากขึ้น แต่ก็ลองผิดลองถูก เรียนรู้กันไปค่ะ ซึ่งการเป็นผู้จัด สอนให้แอนโตขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้นค่ะ" แอนเสริม
แม้จะดูเป็นมือใหม่ แต่ละครหลายๆ เรื่องในการดูแลของ "ผู้จัด" อย่างแอน ก็เข้าไปอยู่ในหัวใจคนดูตั้งแต่เรื่อง "ปัญญาชนก้นครัว" ที่ได้ "หมาก-ปริญ และ "คิม-คิมเบอร์ลี่" มาเป็นคู่ขวัญ ตามมาด้วยเรื่อง "สามีตีตรา" ก็เรียกเรตติ้งพุ่งกระฉูด ดึงคนดูให้รีบกลับบ้าน เพื่อมานั่งติดขอบจอรอดู "คุณพิศุทธิ์" (โป๊ป ธนวรรธน์) และการเชือดเฉือนกันของ "กั้ง" (พลอย เฌอมาลย์) และ "สายน้ำผึ้ง" (จุ๋ย วรัทยา)
"ดีใจที่ทุกคนชอบค่ะ เราเหนื่อยกันทุกคน การได้รับกระแสตอบรับที่ดี เราก็มีความสุข ถามว่าสามีตีตรา ทำออกมาดูแรงเกินไปไหม รุ่นที่แอนเล่นเข้มข้น และเชือดเฉือนกันกว่านี้อีกค่ะ พอแอนมาเป็นผู้จัด แอนก็พยายามทำสัดส่วนของเรื่องความรัก ครอบครัว ตบตี หรือเรื่องของการฟาดฟัน เชือดเฉือนกันให้มันสมดุลนะ
ยกตัวอย่าง ในตอนที่มันฟาดฟันกันหนักๆ อาจจะเป็น 3 ตอนนี้ 3 ม้วนนี้ พอหลังจากนี้โทนมันก็จะเปลี่ยนละ คือเราจะไม่ย้ำกับเรื่องนั้นๆ ตลอดเวลา แต่คงต้องยอมรับว่า ศิลปะการทำละครมันก็ต้องมีแบบ..ทำให้คนดูหงุดหงิดบ้าง ไม่ได้ดั่งใจบ้าง (หัวเราะ) แต่ในเรื่องถ้าใครได้ติดตามดูจนจบ มันจะมีวิธีแก้ของมันด้วย" แอนเผย ก่อนจะฝากแง่คิดจากละครเรื่องสามีตีตรา แม้จะลาจอไปแล้วก็ตาม
คือจริงๆ เรื่องนี้ มันเป็นความรักของเพื่อนที่โดนหักหลังกัน และแอนก็เชื่อว่ามันมีอยู่ในชีวิตจริงนะที่เราโดนหอกข้างแคร่เข้ามาทิ่มแทง หรือรักผู้ชายคนเดียวกัน อย่างสามีตีตรา มีเรื่องครอบครัวที่พอเห็นลูกตัวเองอยู่ในวัยที่ผ่านร้อนผ่านหนาว หย่าร้างมาเหมือนกัน เวลาลูกเจอปัญหา รุ่นกะรัตจะเป็นตัวแทนของความผิดพลาด พอรุ่นแม่ รุ่นพี่ตั๊กเห็นก็เตือนว่าฉันเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน ฉันก็จะเตือนเธอว่าทำแบบนี้มันไม่ดีนะ
ดังนั้น เรื่องนี้แอนพยายามเตือนผ่านตัวละครแล้วนะ ถ้าไม่เชื่อ และต้องการไปเรียนรู้เอง แสดงว่าคุณขาดสติ พอไปเจอเกมแบบสายน้ำผึ้ง ต่อให้สามีของคุณมั่นคงขนาดไหน แต่ถ้าคุณไม่เชื่อใจเขา มันจบไหมค่ะ คือแหวนแต่งงานมันอยู่ในมือเรา ถ้าเราไม่ได้เป็นคนถอดแล้วเขวี้ยงมันออกไปเองก็คงไม่มีใครถอดออกไปได้ ทางที่ดี เรื่องนี้ให้บทเรียนที่ว่า ต้องรีบมีสติให้เร็ว เพราะไม่เช่นนั้นจะต้องอยู่ในเกมของคนชั่วต่อไป
คือแอนมีความรู้สึกว่า ทุกอย่างมันถูกสอน เพียงแต่เราต้องยอมรับว่า การตบตีมันเป็นสีสันที่ฉูดฉาด ซึ่งเราจะเห็นสีนี้ชัดกว่าสีอื่นๆ ที่แอนพูดถึง ทั้งๆ ที่จริงๆ สัดส่วนมันไม่ได้ต่างกันเยอะหรอก แต่บังเอิญว่าเรื่องตบตี ฟาดฟันกันมันเป็นสีแดง มันเลยเห็นชัด ส่วนเรื่องความรักของครอบครัว ความรักของพี่น้องที่แอนพยายามใส่เข้าไป มันเป็นสีชมพู สีพาสเทลที่เวลาเรามองไกลๆ เราก็อาจจะเห็นว่ามันจางหน่อย มันก็เลยทำให้คนมองว่า ละครเรื่องนี้ แรงไป" แอนเผย
ส่วนละครเรื่อง "แอบรักออนไลน์" เป็นละครเรื่องต่อไปในฐานะผู้จัดของแอน ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ "หมาก-ปริญ" และ "คิม-คิมเบอร์ลี่" มาทำให้หัวใจคนดูชุลมุนวุ่นวายกันอีกครั้ง
"แอบรักออนไลน์ เพิ่งเริ่มไปได้นิดเดียวเอง บทก็ยังไม่เยอะ ถ่ายกระเตาะกระแตะกันไป เป็นรักโรแมนติก กุ๊กกิ๊กสบายๆ ดูแล้วสบายใจ ยิ่งได้ หมาก คิม ก็ทำให้เรื่องดูเพลินๆ ไม่ได้มีอะไรหนักหน่วงมาก ความท้าท้ายก็แตกต่างกัน ต่างจากตอนทำดรามาหนักๆ อยู่กับบทที่ตบตีกัน แอนก็เลยอยากผ่อนคลายบ้างค่ะ"
เรื่องนี้จะกระแสแรงสู้เรื่องก่อนๆ อย่างสามีตีตรา และปัญญาชนก้นครัวได้หรือไม่ แต่ที่รู้ๆ "แอน" สวมบทบาทเป็นทั้งผู้จัด และนักแสดงไปพร้อมๆ กันด้วย
ทางด้านละครเรื่อง "พรหมจารีสีดำ" ที่มีกระแสข่าวว่า แอน จะได้ทำเป็นโปรเจกต์ต่อจาก "แอบรักออนไลน์" เรื่องนี้ผู้จัดและนักแสดงมากฝีมือ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงว่า เป็นคนอ่านเจอ และทางช่อง 3 ก็ได้อ่าน และซื้อเอาไว้จริง แต่ยังไม่น่าจะเปิดกล้องในเร็วๆ นี้
"แอนไม่รู้ว่า ถ้าถึงเวลาจะไปอยู่กับผู้จัดท่านอื่นหรือไม่ ส่วนเรื่องนี้ก็แรงอยู่นะ แรงเลยล่ะ แต่จะแรงที่คู่พระนาง ในเรื่องจะมีคู่ผู้ใหญ่ คู่สาวใหญ่ แต่ยังไม่ได้แพลนว่าจะเป็นนักแสดงท่านใด แน่ๆ คือต้องมีสาวใหญ่ 1 คน ส่วนนางเอกก็วัยกลางๆ คน พระเอกก็จะมีเป็นหนุ่มใหญ่กับหนุ่มกลาง ซึ่ง 2 คู่นี้ต้องฟาดฟันกัน แล้วมีพระเอกเด็ก อายุ 17-18 อีก 1 คน แต่ตอนนี้ยังไม่ทำการบ้านไปถึงขั้นว่า จะแพลนว่าจะทำเรื่องนี้หลังละครแอบรักออนไลน์ เพียงแต่ทราบแค่ว่าช่องซื้อไว้แล้วค่ะ"
เปิดชีวิต คิดแบบ "แอน"
พักเรื่องงาน มาคุยชีวิต และมุมคิดของเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงไทยกันบ้าง กว่าจะถึงวันนี้ เธอใช้เวลาสั่งสม ไม่ได้ใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน ไม่ใช่เพราะกระแส โชคช่วย หรือการอวย แต่เพราะความสามารถ การวางตน ความมีวินัยในการทำงานที่ทำให้เธอคือสุดยอดนักแสดงหญิงแถวหน้าของประเทศไทย
จากเด็กหญิงธรรมดา อยู่กับยายสองคน ไม่มีพ่อ ส่วนแม่ก็อยู่อีกที่หนึ่งกับพี่ชาย แต่เธอก็ไม่รู้สึกขาด เพราะมียายคอยเติมเต็มและให้ความรัก
แม้วันๆ จะมีหน้าที่เรียน กลับบ้านมาช่วยยายเก็บผัก และเก็บดอกมะลิร้อยพวงมาลัยขาย แต่ด้วยความฝันที่อยากจะสร้างตัวเองให้ดี เพื่อความสบายของครอบครัว เธอค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาจนเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการถ่ายแบบ แต่ก่อนหน้านั้นเคยไปสมัครเข้าไฟว์สตาร์เมื่อตอนอายุ 12 ปี เพราะอยากดูหนังลด 20 เปอร์เซ็นต์ สุดท้ายก็ได้เล่นหนังให้ไฟว์สตาร์เรื่อง โก๊ะจ๋า ป่านะโก๊ะ โดยเริ่มจากตัวประกอบ จากนั้นได้มาเล่นละครเรื่อยมา
ตลอด 20 กว่าปีบนเส้นทางสายบันเทิง เธอตระหนักในคำพูดของเธอมาตลอดว่า "อาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่ขายความศรัทธากับคน คนรักและศรัทธาเราเขาก็เชื่อฟังเรา ถ้าเราชี้นำเขาไปในทางที่ผิด เราก็ไม่รู้ว่าไปทำให้ลูกของใครเสียคนบ้าง ฉะนั้นเรามีอาชีพนักแสดงก็ควรมีความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมบ้าง"
ไม่แปลกที่ "แอน" จะเป็น The one ของใครหลายคน เพราะเป็นต้นแบบให้เรียนรู้ว่า ชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ทุกอย่างที่ได้มาเกิดจากการเรียนรู้ และความพยายาม
"สำหรับอาชีพนี้มันเป็นอาชีพที่โคตรฝึกความอดทนเลยนะ และฝึกให้เราเข้าใจโลก เพราะฉะนั้น วงการนี้ให้อะไรกับแอนเยอะมาก ถ้าอยู่แล้วทำให้ตัวให้ดีงาม มันก็ดีงาม มันไม่ได้แย่ หรือฉาวโฉ่ เน่าเหม็นอย่างที่ใครหลายคนมองเข้ามา แต่มันมีมุมดีๆ อีกตั้งเยอะแยะ เพียงแต่คนอาจจะไม่ค่อยได้เห็น ถึงวันนี้ บทบาทที่แอนได้ทำ ทั้งผู้จัดละคร และนักแสดง ถึงจะเหนื่อยแต่ก็เป็นบทบาทที่สนุก และมีความสุขค่ะ
ถึงวันนี้ วงการบันเทิงสอนอะไรแอนเยอะค่ะ ทั้งในเรื่องของการปรับตัว ยืดหยุ่น การเข้าสังคม การใช้ชีวิต คือคนอยู่ในวงการบันเทิงต้องใช้ความยืดหยุ่นสูงจริงๆ ค่ะ เพราะเราต้องเจอคนเยอะ ทั้งในเรื่องของการใช้ชีวิต หรือการเป็นตัวของตัวเอง 100 เปอร์เซ็นต์ มันไม่ได้
หากจะให้เปรียบ การทำงานในวงการเหมือนเล่นฟุตบอลอ่ะค่ะ เราเตาะบอลไปให้คนนั้น คนนั้นก็จะต้องส่งต่อ เราทำงานคนเดียวไม่ได้ ดังนั้น เราจะมีตัวตน หรืออีโก้สูงไม่ได้ นักแสดงต้องทำตัวเหมือนดินน้ำมันที่พร้อมจะให้ใครปั้นเราเป็นอะไรก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตจริงเราจะเสียจุดยืนนะ เราก็ยังต้องมีจุดยืนของเราด้วยเหมือนกัน"
คลี่หัวใจเจ้าหญิงบันเทิงไทย
ถามต่อไปว่า การถูกยกให้เป็นเจ้าหญิงในวงการบันเทิง ทำให้ "แอน" รู้สึกอึดอัดบ้างไหม นี่คือความรู้สึกลึกๆ ของแอน ทองประสม
"ไม่นะคะ คือคำว่าเจ้าหญิงที่ทุกคนเรียกแอน เขาก็คงไม่ได้มองว่าแอนสวยสง่าหรืออะไรขนาดนั้น แต่แอนก็ไม่ได้เป็น คนทำร้ายใคร หรือทำสังคมเสื่อมเสีย ทำงานทำการไป ไม่ได้มีอะไรเสียหาย เขาก็เลยเรียกแอนว่าเจ้าหญิง คือมันเป็นตัวแทนของความดีงาม ส่วนตัวรู้สึกดีใจค่ะ แต่มันก็ไม่ได้กดดัน หรือต้องมานั่งทำลุคตัวเองให้อยู่ในสเตตัสอย่างนั้นตลอดเวลา แอนก็แต่งตัวของแอนเป็นแอนปกติ อยู่กองถ่ายแอนก็ทำตัวเป็นผู้จัดหน้ามันๆ ของแอน หรือการใช้ชีวิต แอนก็ใช้ชีวิตตามฟังก์ชั่นการใช้งานของตัวเอง ไม่กดดันเลยค่ะ"
ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูเป็นเจ้าหญิงตลอดกาล กลายมาเป็นกระแสที่ใครหลายคนรู้สึกว่า เข้าถึงยาก และสัมภาษณ์ยาก เรื่องนี้แอนจะว่าอย่างไร ไปฟังกัน
"ไม่ได้เกี่ยวกับภาพเจ้าหญิงเลยค่ะ คือตัวแอนไม่ค่อยได้ออกไปไหน ไม่ได้เป็นเด็กที่ไปงานอีเวนต์บ่อย เพราะฉะนั้นแอนก็ไม่ค่อยได้เจอนักข่าว บางทีเวลาแอนอยู่ในกองถ่าย แล้วแอนให้คิวเขาไปแล้ว มีนักข่าวจะมาสัมภาษณ์ แอนก็จะบอก คิวเราให้ละครไปหมดแล้วค่ะ ถ้ากองละครยอมเจียดเวลาให้เราไปนั่งสัมภาษณ์ หรือพักกองถ่าย แอนก็โอเค คุณก็จัดไป นี่อาจเป็นเหตุให้นักข่าวหลายคนเริ่มขี้เกียจเข้ามา ไปหาน้องๆ ที่อยู่ตามงานอีเวนต์ง่ายกว่า บางคนก็เลยมองว่า แอนสัมภาษณ์ยากหรือเปล่า แอนก็ไม่รู้นะคะ" แอนเคลียร์กระแสเมาท์
ล้วงลึกลงไปถึงตัวตนจริงๆ ของ "แอน" เธอบอกว่า เธอคือผู้หญิงที่มีทั้งด้านดี และไม่ดีเหมือนคนทั่วๆ ไป
"จริงๆ แอนเป็นคนตลกนะ ถ้าถามแอน แล้วแอนก็เป็นคนดุประมาณหนึ่ง..แต่ก็ไม่น้อยนะ (ยิ้ม) มันมีเองค่ะ แอนก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน แล้วตัวแอนเองก็ไม่ได้อยากเป็นคนแบบนั้นนะคะ แอนไม่อยากให้คนกลัว แอนอยากให้คนรักแอนมากกว่า นอกจากนั้น แอนก็มีนิสัยไม่ดีอะไรอีกหลายอย่าง เช่น ใจร้อน วู่วาม 2 สิ่งนี้แอนมี แล้วมีเยอะด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใด แอนก็มีข้อดีอีกหลายๆ อย่างที่แอนก็ไม่ล้ำเส้น หรือไปเอาเปรียบใคร มันก็ผสมกันหลายอย่างค่ะ แต่ถ้าถามโดยทั่วไปแล้ว แอนไม่ใช่คนที่แย่มากหรอก เป็นแบบนี้ แอนก็โอเคของแอนนะ (หัวเราะ)"
เผยความเจ๋งในตัวผู้หญิงชื่อ "แอน"
ไม่ถามไม่ได้ถึงความเจ๋งที่มีอยู่ในตัวผู้หญิงมากความสามารถท่านนี้ ตลอดเวลากว่า 20 ปีในวงการบันเทิงไทย เธอคือนักแสดงมากความสามารถที่การันตีด้วยรางวัลนับไม่ถ้วน และเมื่อขยับตัวมาเป็น "ผู้จัดละคร" ก็สร้างละครออกมาให้คนติดกันงอมแงมไปทั่วบ้านทั่วเมือง
"ตัวแอน แอนก็แค่ตั้งใจทำงาน แล้วทำตัวให้เป็นสินค้าที่มีประโยชน์กับผู้คนอยู่ หมายความว่า ถ้าเราหมดประโยชน์แล้วก็ไม่มีใครเอาเนอะ ในความรู้สึกแอน แอนจะบอกตัวเองเสมอว่า ต้องทำตัวเองให้มีประโยชน์ ทำให้เขายังต้องการเรา ต่อให้มีเด็กใหม่เข้ามามากมายยังไง มันก็ต้องยังมีตัวละครวัยอย่างแอนในละครเรื่องนั้นๆ อยู่ ซึ่งจะไม่มีเลยมันก็เป็นไปไม่ได้
อีกอย่าง วัยอย่างแอนก็มีนักแสดงรุ่นเดียวกับแอนตั้งเยอะตั้งแยะที่เป็นตัวเลือกมากมาย ถ้าแอนไม่ดูแลตัวเอง ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่พัฒนาฝีมือ หรือไม่ขัดเกลาเหลี่ยมคมของตัวเอง คนก็จะไม่พร้อมซื้อเราไปใช้ เพราะฉะนั้น เราก็ต้องลับคมของเราอยู่ตลอดเวลาเพื่อรอให้คนเลือกเราไปใช้ เชื่อเถอะค่ะว่า ถ้าเรามีประโยชน์เขาก็จ้างเราเอง
ทุกวันนี้ แอนเป็นผู้จัดด้วย เป็นนักแสดงด้วย แต่ก็ยังรับเล่นละครอยู่ค่ะ อาจจะมีน้อยลง เพราะแอนจะต้องมาทำละครเองด้วยส่วนหนึ่ง และสองคือ ด้วยวัยอย่างแอน บทไม่ได้มาหลากหลายเหมือนเมื่อก่อน แอนก็ต้องยอมตรงนั้นไป ชีวิตแอนก็มีอยู่แค่นี้ค่ะ อย่างอื่นไม่ทำ เพราะยังไม่มีเวลา"
คือคำพูดที่แสดงให้เห็นความเต็มที่ในทุกบทบาททั้งการแสดง และการเป็นผู้จัดละคร ตามคติที่เธอยึดถือมาตลอดว่า "ทำทุกอย่างด้วยใจสุดพลัง" ก่อนจะฝากไปยังนักแสดงรุ่นใหม่ให้มีสติท่ามกลางการแข่งขันที่สูง โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพงาน มากกว่าที่จะมองเรื่องเงินเป็นหลัก
"ดารารุ่นใหม่หลายคนเขาเก่งนะคะ อย่างญาญ่า (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ในวัยแอนตอนเท่าญาญ่า แอนยังทำไม่ได้เท่าญาญ่านะ คือต้องยอมรับว่า เขาอยู่ในยุคแข่งขันสูงกว่าเรา เพราะฉะนั้นเขาต้องชัดเจน และเก่งกันเร็วๆ ถึงจะได้มายืนอย่างสง่างาม แอนมองว่า ยุคของพวกเขา เหนื่อยกว่ายุคแอนเยอะ แต่อาจจะได้เงินเยอะกว่า ตามมาด้วยอายุงานที่สั้นกว่า เพราะฉะนั้นความสำเร็จมันมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เหมือนพลุแตก ซึ่งบางคนแทบสำลักควันกันเลยทีเดียว ทางที่ดี เป็นดารายุคนี้ ต้องมีสติ แล้วก็มองเรื่องงานเป็นหลัก อย่ามองเรื่องเงินเป็นหลัก เชื่อเถอะค่ะว่าคุณจะอยู่ได้นาน"
ขอแค่ "ความรัก" ที่ซื่อสัตย์-มีเหตุผล
ปิดท้ายกันด้วยมุมความรักในแบบดาราที่ได้ชื่อว่าเป็น "เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงไทย" หลังจากจบคำถาม "ความรักของแอนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง" เธอเผยยิ้มอายๆ ก่อนจะตอบว่า "ความรักของแอนก็ไม่ได้หวานอะไรมากค่ะ แอนแค่ต้องการความรักที่ซื่อสัตย์ เพราะสังคมข้างนอกเรามักจะเจอแต่การหลอกลวง หลอกใช้ หรือไม่จริงใจมาเยอะแล้ว
ดังนั้น คนใกล้ตัวต้องเป็นคนที่เราเชื่อใจได้มากที่สุด แล้วแอนก็จะบอกเขาเสมอว่า แอนต้องการความซื่อสัตย์ คุณไม่ต้องรักมากก็ได้ แต่ขอแค่รักกันอย่างคนมีเหตุผล แอนต้องการแค่นั้นจริงๆ ค่ะ ส่วนเรื่องแต่งงานมีครอบครัว แอนเชื่อติ๊ก (เจษฎาภรณ์ ผลดี) นะคะ ถ้าแต่งงานมีลูกเราจะลืมเรื่องความบ้างานไปเลย
ตอนนี้แอนบ้างานมาก แอนเคยคิดนะคะว่า แอนคงต้องหาแรงดึงดูดให้แอนเลิกสนใจงาน คือตอนนี้แอนไม่ได้สนใจอะไรเลยนอกจากละคร ถ้าวันหนึ่งแอนมีลูกน้อยของแอนเอง แอนอาจจะรู้สึกว่า นี่คือสิ่งที่ดึงดูดกว่า" เธอเผยยิ้มก่อนจะบอกถึงแผนชีวิตต่อจากนี้ว่า "รอละครเรื่องแอบรักออนไลน์ที่แอนกำลังเปิดเรื่องที่สามก่อน แอนคงต้องกลับมาจัดชีวิตส่วนตัวแล้วว่า จะเอาอย่างไร เพราะแอนรู้สึกว่าทิ้งมานานแล้ว จะแต่ง หรือไม่แต่ง คงต้องกลับไปเคลียร์ตัวเองนิดนึง"
ปัจจุบัน "แอน" คบหากับแฟนหนุ่ม เอ ทินพันธ์ ตันตินิรันดร์ มานานถึง 13 ปีแล้ว แต่เจ้าตัวได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ยังไม่มีแพลนที่จะแต่งงาน โดยเธอให้เหตุผลว่า ไม่ได้เป็นเจ้าสาวกลัวฝนอย่างที่ใครหลายคนมอง เพียงแต่ยังไม่พร้อมมากกว่า
"แอนไม่ได้กลัวนะ แต่ว่ายังไม่พร้อมมากกว่า อย่างที่บอกเราคบกันมา 13 ปีแล้ว มันไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน เพราะเราอยู่กันมาจนชินแล้ว ถามว่านานเกินไปไหม มันก็นานเกิน แต่มันก็ดีเหมือนกัน มันไม่ได้รู้สึกเหมือนเราเป็นแฟน แต่รู้สึกว่าเราผูกพัน เป็นเหมือนเพื่อนกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน เวลาที่เขาหายไปเราก็รู้สึกไม่ดี
ส่วนเรื่องมีลูกนี่ก็ไม่คิดแล้วค่ะ ยอมรับตอนถ่ายอย่าลืมฉันอยากมีลูก แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ก็กลับมารู้สึกว่าไม่มีก็ดี ไม่ต้องมีห่วง ไม่ต้องรักใคร จะมีก่อนแต่งเลยไหมนี่คงไม่มี ท่าจะยาก เราตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ครอบครัวเราก็เข้าใจค่ะ ก็บอกเขาว่าถ้าเราพร้อมกันเมื่อไหร่เดี๋ยวจะเดินมาบอกเอง เอาไว้ปิดกล้องละครแอบรักออนไลน์ก่อนแล้วแอนจะมาบอกอีกทีว่าเมื่อไร
ทุกวันนี้งานแอนนี่ยุ่งมาก เอเขาจะเป็นคนดูแลแอนด้วยซ้ำ เราก็ทำงานตรงนี้ไป คุณเอเขาก็จะดูแลรายละเอียดด้านอื่นๆ จริงๆ คุณเอเหมือนแม่บ้านมากกว่าแอน เขาจัดการ เขาจะรู้หมด ซึ่งแอนจะไม่มีตรงนี้ก็สลับกัน เขาก็ทำงานนะคะแต่เขายังมีเวลาแบ่งมาทำอะไรส่วนตัวตรงนี้ แต่แอนนี่ไม่เลย" แอนเผย และขยายความต่อไปว่า "ขนาดต้นไม้ยังไม่กล้าปลูกเลย กลัวไม่มีเวลารดน้ำต้นไม้ให้เขา ตอนนี้ไม่อยากมีภาระอะไรเลย แอนบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ เราก็คบกันมา 13 ปีแล้ว จะบอกว่าไม่แต่งแล้วมันก็ไม่ใช่ แอนก็ต้องให้เกียรติทางเขาด้วยค่ะ"
ดังนั้น ความสุขของ "แอน ทองประสม" ในวันนี้ คงจะหนีไม่พ้นเรื่องงาน ซึ่งก็จริงตามคาด เพราะการได้ทำงานที่ชอบ และอยู่กับเพื่อนร่วมงานที่รัก คือความสุขของเธอ
"ทุกวันนี้เวลาแอนอยู่กองถ่าย แอนจะพยายามสร้างสังคมของคนที่เรารักกัน มาอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เอาใครที่ไม่ถูกจริตมาอยู่ด้วย เพราะแอนอยากสร้างสังคมของแอนให้มีความสุขทั้งเรื่องงาน เรื่องคนที่เราลุยไปด้วยกัน รวมไปถึงคนที่อยู่เคียงข้างเราด้วย" แอนทิ้งท้าย
รู้หรือไม่เกี่ยวกับ แอน ทองประสม
- เข้าวงการตั้งแต่อายุ 13 ปี (ปัจจุบันอายุ 38 ปี)
- ตอนเด็กๆ กว่าจะได้จักรยานสักคัน (คันละ 500 บาท) ต้องรอเกือบ 2 ปี เพราะยายจะต้องเก็บเงินวันละ 40 บาท ให้ได้ครบ 500 บาท
- สมัยเด็กลำบากถึงขนาดเคยใส่รองเท้าแตะสลับกับยายในวันที่ต้องไปโรงเรียน แถมยังต้องรับจ้างล้างชามเพื่อแลกกับอาหารกลางวัน
- ยายเป็นต้นแบบของผู้หญิงที่สู้ชีวิต และพอเพียง (ปัจจุบันยายได้จากไปแล้ว)
- 3 นางเอกในดวงใจคือ แหม่ม จินตรา, นก สินใจ และญาญ่า (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ดารารุ่นใหม่ที่มีเสน่ห์ สะกดใจให้หลงรัก
- อาหารจานโปรด ข้าวกะเพราไก่ ไข่ดาว
///////////////////////////////
สกู๊ปโดย ASTV ผู้จัดการ Lite
ขอบคุณภาพจาก ละครออนไลน์
และภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรมของแอน ทองประสม @annethong