เมื่อในยุคนี้ การเป็นขวัญใจโลกโซเชียลไม่ได้ถูกตีกรอบจำกัดเพียงหนุ่มหล่อสาวสวยอย่างเดียว แต่เพื่อนมนุษย์สี่ขาทั้งหมาและแมวต่างก็ได้เฉิดฉายจนมีแฟนคลับคอยแวะเวียนกดไลค์ในความน่ารักถึงหลักหมื่นหลักแสน กลายเป็นหมาดัง แมวเด่น ปูทางได้เป็นดาราสัตว์โด่งดังแล้วก็มี แต่บางตัวถึงแม้จะไม่ได้เด่นดังขนาดนั้น แต่ภาพความน่ารักของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ก็ถือเป็นสีสันให้มนุษย์อย่างเราๆ ผ่อนคลายอารมณ์ในยามเครียดได้ดีเยี่ยมเหมือนกัน
หมาแมวโชว์ตัวโลกโซเชียล
ลองสังเกตโลกโซเชียลในตอนนี้ คงไม่ได้มีแค่ดาราคนดังเท่านั้นที่ถูกจับจ้อง แต่เหล่าสัตว์น้อยไร้เดียงสา ก็ถูกแชะ แชร์ภาพอวดโฉมกันในโซเชียลกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหมา แมว หรือแม้กระทั่งกระต่าย ซึ่งกระแสดังกล่าวนี้ทั่วโลกก็กำลังให้ความสนใจ อย่างที่เราอาจจะเคยได้ยินถึงเรื่องราวของสัตว์เลี้ยงเซเลบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บู หมาน้อยพันธุ์ปอมเมอเรเนียนจากฝั่งอเมริกา ที่มีแฟนคลับจากทั่วทุกมุมโลกเกือบ 2 ล้านคน, เหมียวทามะ นายสถานีรถไฟในประเทศญี่ปุ่น แต่ทั้งนี้ ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะในประเทศไทยกระแสสัตว์เลี้ยงในโลกโซเชียลก็ฮิตไม่แพ้กัน
“นาลา” แมวพันธุ์ผสมไซแอมมีส-แทบบี้มิกซ์ วัย 3 ปี ที่ถูกทอดทิ้งไว้ยังสถานรับเลี้ยงสัตว์ในเมืองลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุ 5 เดือน เนื่องจากร่างกายไม่แข็งแรง แต่โชคชะตากำหนดมาให้นาลาได้เจอกับเจ้าของคนใหม่ ซึ่งเป็นนักเรียนไทยที่ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา จากนั้นชีวิตของมันก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
การแชร์ภาพความน่ารักซุกซนของเหมียวน้อยนาลาผ่านอินสตาแกรม nala_cat ในปี 2555 ทำให้มันโด่งดังเป็นพลุแตก มีผู้ติดตามมากกว่า 1.1 ล้านคน เรียกได้ว่าดาราคนดังบางคนต้องอายกันบ้างล่ะ นอกจากนั้นยังมีเฟซบุ๊กแฟนเพจ Nala_cat ที่มียอดไลค์กว่า 1.1 แสนคน รวมไปถึงยูทิวบ์ด้วย และความโด่งดังของนาลานั้น ยังสามารถสร้างรายได้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนสัตว์เลี้ยงอีกด้วย เมื่อเจ้าของเธอได้จัดทำของเครื่องใช้ต่างๆ อาทิ เสื้อผ้า โปสการ์ด เคสมือถือ สติกเกอร์ ปลอกคอ โดยรายได้ส่วนหนึ่งที่ได้จะนำไปสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ สัตว์จรจัดในสถานรับเลี้ยงสัตว์ที่เจ้าตัวเคยถูกนำมาทิ้งไว้ รวมไปถึงบริจาคสถานรับเลี้ยงอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงกัน
ส่วนขวัญใจสัตว์เลี้ยงอีกตัวหนึ่งที่ใครหลายคนคุ้นหน้าคุ้นตา เจ้าแมวน้อยสก๊อตติชโฟลด์ หน้าตายียวนนามว่า “เฉโป” แมวสุดเฮี้ยวในรายการ We are lovely pet ของ VRZO โดยมีเจ้าของคือ เค-ดิษพงศ์ สำราญมาก หนึ่งในทีมงานนั่นเอง ซึ่งมีเฟซบุ๊กแฟนเพจเป็นของตัวเองชื่อว่า เฉโปแมวโง่ ที่มีแฟนคลับกดไลค์ถึง 2.2 แสนคน นับตั้งแต่วันที่สร้างแฟนเพจขึ้นมาเมื่อ 1 พ.ย. 55 รวมถึงอินสตาแกรม chepocat ที่มีผู้ติดตามราว 7.2 หมื่นคนด้วย
ตัวนี้ถ้าขาดไปคงโดนลงยันต์ข่วนหน้าแน่นอนสำหรับ จอนนี่แมวศุภลักษณ์ เฟซบุ๊กแฟนเพจของอาตแมวสุดฮอต “จอนนี่” แมวไทยศุภลักษณ์ เด็กอ้วนดำของ เกรียงไกร ซื่อตรง ที่เพิ่งมาถูกอกถูกใจสาวกโซเชียล หลังแชร์รูปภาพพี่แมวจอนนี่ห่มผ้าขนหนูสีเหลืองคล้ายจีวร สวมแว่นกันแดด ล้อเลียนข่าวในขณะนั้น กรณีพระอื้อฉาวหลอกหลวงฉ้อโกงที่โกยเผ่นแน่บไปแล้ว จากนั้นมาก็กลายเป็นอาตแมวของบรรดาลูกศิษย์ในเฟซบุ๊กแฟนเพจกว่า 1.4 แสนคน หลังสร้างเพจมาตั้งแต่ 30 ธ.ค. 55
นอกเหนือไปจากขวัญใจหมา-แมวรุ่นแรกๆ ในไทยที่กล่าวไปแล้ว ตอนนี้ยังมีกลุ่มคลื่นลูกใหม่ตามมาติดๆ ไม่ว่าจะเป็น มิโซะ เฟซบุ๊กแฟนเพจบอกเล่าเรื่องราวของ “มิโซะ” แม่แมวสาวสวยสุดแกร่งที่ใช้เพียงสองขาหน้าในการเดิน หลังถูกสุนัขกัดโดนเส้นประสาทขณะที่มันกำลังอุ้มท้องลูกน้อย โดยมีคนกดไลค์ให้กำลังใจกว่า 2.3 หมื่นคน Jao Kaao The Cat เฟซบุ๊กแฟนเพจที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแมวเพศผู้หัวใจอิสระชื่อ “เจ้าขาว” ซึ่งต้องกลับกลายเป็นแมวพิการไปอย่างไม่ได้คาดคิด ภายหลังพื้นที่ออนไลน์ตรงนี้ได้กลายเป็นชุมชนสำหรับผู้รักสัตว์เลี้ยง รวมถึงแมวที่ถูกทอดทิ้งด้วย
ทาสแมวพลีใจให้ “ทูนหัวของบ่าว”
สำหรับเฟซบุ๊กแฟนเพจ ทูนหัวของบ่าว ไม่ได้ตกสำรวจแต่อย่างใด แต่ด้วยความโด่งดังจึงขอเปิดพื้นที่สัมภาษณ์พิเศษกับทาสแมวผู้รับใช้เจ้านายทั้งสี่ตัว มะลิ-เสือโคร่ง-เสือสมิง-แมวอโศก นัชญ์ ประสพสิน ซึ่งนอกจากหน้าที่ประจำในการลงภาพทูนหัวให้บรรดาทาสแมวอิ่มเอมใจแล้ว เธอยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำงานช่วยเหลือแมวด้วย โดยใช้เฟซบุ๊กแฟนเพจ ทูนหัวของบ่าว เป็นสื่อกลางประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใจบุญทั้งหลายได้มาร่วมกิจกรรมการกุศลกัน
“แฟนเพจเนี่ย เริ่มมาจากที่เราเลี้ยงแมวอยู่แล้ว ก็จะมีมะลิ เสือโคร่ง แล้วก็เสือสมิง ซึ่งเค้าก็มีกลุ่มแฟนคลับของเค้าอยู่แล้วค่ะ เพราะปกติเราจะอัปโหลดรูปในเฟซบุ๊กส่วนตัวอยู่แล้ว เพื่อนก็ไลค์ ก็แชร์กันไปเรื่อยๆ คนรู้จักก็เข้ามาดูเยอะขึ้นเลยแยกออกมาเปิดเพจดีกว่า จากนั้น แมวอโศกมาอยู่กับเราก็เมื่อประมาณสี่-ห้าเดือนที่แล้วได้ค่ะ ซึ่งก่อนที่จะมีแมวอโศกเข้ามาเนี่ย จำนวนคนในเพจก็ประมาณ 60,000 คนอยู่แล้ว พอมีแมวอโศกเข้ามาก็มีคนสนใจเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าเค้าอยากมาติดตามดูชีวิตของแมวอโศกที่เราเอามารับเลี้ยง
แล้วพอมีคนรู้จักเพจเยอะขึ้น เราก็คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะแชร์เรื่องราวต่างๆ ขอความช่วยเหลือ หรือหาบ้านให้แมวจรจัด คือเรื่องที่มันไม่เหนือบ่ากว่าแรงเราก็ช่วยแชร์กันไปค่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วคนรู้จักในเฟซบุ๊กส่วนตัวเองก็จะรู้ว่าแมวบ้านเราเป็นแมวที่บริจาคเลือดได้ทุกตัว เวลาแมวบ้านใครเจ็บป่วยก็จะติดต่อมาที่บ้านเรา ตรงนี้เราก็เลยมีความรู้เรื่องการบริจาคเลือด เราเลยอยากทำคล้ายๆ เป็นศูนย์รับบริจาคเลือดแมวก็เลยประชาสัมพันธ์เรื่องนี้โดยตรงในเพจ”
ความน่ารักของเหล่าทูนหัวทั้งสี่ มะลิ แมวพันธุ์ไทยลายเสือ, เสือสมิงและเสือโคร่ง แมวพันธุ์สก๊อตติชโฟลด์ และอโศก(อ้วนส้ม) อดีตแมวประจำสถานีรถไฟฟ้าอโศก เหล่านี้เองที่ทำให้ใครหลายคนติดหนึบ พร้อมพลีหัวใจกดไลค์ให้ถึงกว่า 1.3 แสนคน
“แต่ละตัวคาแรคเตอร์แตกต่างกันหมดเลยค่ะ อย่างมะลิก็จะเป็นเจ่เจ้ จะชอบเที่ยวนอกบ้าน ชอบปีนป่าย รักอิสระมากๆ สายตาจิกเหวี่ยง ถ่ายรูปทีไรก็จะมีสายตาอยู่สายตาเดียว ก็เลยจะเรียกว่า เจ่เจ้จิกกล้องแตก ตัวที่สองก็จะเป็นเสือสมิง เค้าจะเป็นลุคคุณหนูไฮโซผู้เย่อหยิ่งมากๆ จะชอบเก็บเนื้อเก็บตัว เวลาถ่ายรูปก็จะมีอยู่ไม่กี่มุมก็เลยไม่ค่อยจะมีรูปเค้าเท่าไหร่ เค้าก็จะมีฉายาว่า เสือสมิง ผู้ไม่สุงสิงกับผู้ใด ส่วนเสือโคร่งเนี่ยจะเป็นแมวที่แก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่า กินอย่างเดียวจนอ้วน นอนเก่ง ความตุ้ยนุ้ยของเค้าก็เลยจะทำให้มีแฟนคลับเยอะ ส่วนอโศกเค้าก็จะมีสตอรี่ของเค้า แล้วตอนนี้พอเค้ามาอยู่กับเรา เค้าก็จะเป็นลุคแมวชอบเที่ยว เป็นแมวนักเดินทาง นักผจญภัย เราไปไหนก็จะพาไปด้วยตลอด เป็นแมวที่รู้อยู่รู้กิน เลยได้เที่ยวบ่อยกว่าเพื่อนๆ ค่ะ
ส่วนคนที่มากดไลค์เนี่ย คิดว่าเพราะความน่ารักของแมวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คือทูนหัวทั้งสี่ตัวก็จะมีเอกลักษณ์เด่นชัด แล้วแต่ละตัวก็จะมีแฟนคลับของเค้าอยู่แล้ว ส่วนเสน่ห์อื่นๆ ที่ได้ยินมาน่าจะเป็นเรื่องของ Caption คำบรรยายใต้ภาพ เราจะตลกเฮฮา เหมือนเราไปนั่งอยู่ในใจแมว แล้วก็เขียนแทนพวกเขาว่าพวกเขาพูดอะไร คิดอะไร คนก็เลยน่าจะชอบ มันสนุก มันตลกดี”
ด้วยความโด่งดัง เฟซบุ๊กแฟนเพจทูนหัวของบ่าวในวันนี้จึงกลายเป็นสถานที่แชร์ความช่วยเหลือ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงการขายสินค้าเพื่อนำรายได้ไปใช้ในการกุศล ดังที่เพิ่งเกิดขึ้นไปคือการเปิดขายถุงผ้าเมื่อช่วงปีใหม่ และปลอกหมอนเมื่อช่วงวาเลนไทน์ รวมถึงเสื้อยืด ซึ่งกระแสตอบรับล้นหลามมาก ถึงขนาดว่าผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอ ส่วนโครงการเร็วๆ นี้ที่กำลังเป็นรูปเป็นร่างในไม่ช้าคือการเปิดเว็บไซต์เพื่อเป็นช่องทางในการรับบริจาคเลือดให้กับแมว
“โครงการต่อไปก็คือจะเปิดเว็บไซต์ kingdomoftigers.com ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนโปรแกรมมิ่งอยู่ เหตุที่มาทำเพราะตอนนี้แฟนเพจของเรามีอยู่ประมาณแสนสาม แต่ว่าคนจะเห็นแค่ 10% ก็คือหมื่นสาม เราก็เลยรู้สึกว่าเปอร์เซ็นต์คนที่จะทำบุญ หรือคนที่จะเห็นการขอความช่วยเหลือมันน้อย เพราะฉะนั้นก็เลยจะทำเว็บไซต์เพื่อให้ทาสแมวมาติดตามได้ตลอดเวลา ความพิเศษของเว็บไซต์คือเป็นการแชร์ความช่วยเหลือต่างๆ ที่ชัดเจนก็คือศูนย์บริจาคเลือดแมว ซึ่งปัญหาที่เราเจอตอนนี้ก็คือเลือดแมวขาดแคลนมาก แล้วก็เลือดแมวไม่สามารถเก็บได้เหมือนเลือดคน แมวผู้ให้กับแมวผู้รับต้องอยู่ให้เลือดด้วยกัน ทุกวินาทีของแมวเลยมีค่า เราเห็นจากเคสที่เขอมาเองคือมาเลย์ถูกรถทับแล้วเค้านอนรอเลือดอยู่สองวัน สุดท้ายก็เลยตายในที่สุด
เราก็เลยอยากทำเว็บไซต์เพื่อให้แมวผู้ให้กับแมวผู้รับมาเจอกันง่ายๆ สมมติว่ามีแมวป่วยย่านม.เกษตรฯ ก็อาจจะมีแมวในย่านเดียวกันที่พร้อมจะให้เลือดอยู่สิบตัวก็ให้เค้าติดต่อกันโดยตรงเลย ถ้าจะมาโพสตามเพจมันจะไม่ค่อยเห็นความช่วยเหลือมันก็จะช้า เราก็จะรณรงค์ให้คนที่มีแมวแข็งแรงเข้าเกณฑ์บริจาคเลือดได้ มาลงทะเบียนไว้ที่เว็บไซต์ของเรา”
“กลูต้า” หมานางแบบสุดฮอต
ไล่เรียงลำดับลงมาดูเหมือนจะเน้นไปถึงแมวเหมียวเป็นส่วนใหญ่ แต่ใช่ว่าพี่ตูบจะไม่อยู่ในลิสต์ขวัญใจสัตว์เลี้ยงเสียเมื่อไหร่ ซึ่งเมื่อพูดชื่อนี้ออกไปหลายคนคงต้องยอมหลีกให้เธอคนนี้ “กลูต้า” หมาพันธุ์ไทย นางแบบสาวขาวสวยอนาคตไกล ที่ใช้เวลาบ่มเพาะความน่ารักกว่าปีครึ่งจนมาได้เป็นหมาแห่งยุคที่สบสายตากับภาพเธอในเฟซบุ๊กแฟนเพจ Gluta เมื่อไหร่ ต้องอ่อนระทวยให้กับความน่ารักของเธอ รวมถึงที่มาอันน่าเศร้าของชีวิตอดีตหมาจรอย่างกลูต้าทุกที
เรื่องราวของกลูต้าเริ่มจากการเป็นหมาหลงหลบฝนมาอยู่ใต้หอพักนักศึกษา ชาวหอทั้งหลายต่างเอ็นดู แต่ไม่มีใครอยากรับภาระเลี้ยงดูมันอย่างจริงจัง หลายเดือนผ่านไปสภาพร่างกายของกลูต้าก็ย่ำแย่ ทั้งยุงกัด ขี้เรื้อน จนหนักสุดคือ รปภ. ประจำหอมาไล่ตี สุดท้ายมันจึงตัดสินใจเดินตามเด็กหนุ่มนักศึกษาขึ้นไปที่ห้อง ด้วยความสงสาร และแววตาที่อ้อนวอนของมัน เขาจึงตัดสินใจเลี้ยงมันไว้เอง จากนั้น ก็ได้รู้ว่ากลูต้าต้องเผชิญกับโรคร้ายมากมายไม่ว่าจะเป็น มะเร็งปากมดลูก, มดลูกอักเสบ และโรคผิวหนังต่างๆ ซึ่งโชคดีที่ยังมีพี่สองคนใจดีนามว่าพี่กุงและพี่สินช่วยในเรื่องค่าใช้จ่าย จนทุกวันนี้ กลูต้ากลายหมาสุดน่ารักอย่างที่เราได้เห็น
ความสวยของกลูต้านั้น ไม่ได้มาจากการเข้าคลินิกเสริมความงามแต่อย่างใด แต่เกิดขึ้นจากความรัก การดูแลเอาใจใส่จาก ยอร์ช - สรศาสตร์ วิเศษสินธุ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน สาขาวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ผู้ที่ทำให้กลูต้ากลายเป็นหมาสุดฮอตที่มีคนมากกว่า 5.1 หมื่นไลค์ตกหลุมรัก ทั้งนี้ ความโด่งดังส่วนหนึ่งของกลูต้าคือการได้เป็น 1 ใน 10 กระทู้สุดยอดแห่งปี 2013 ในเว็บไซต์พันทิปด้วย
“ผมรู้สึกว่าหมาทุกตัวน่ารักเหมือนกัน หมาจรก็น่ารักได้เพียงแค่เราเอาเค้ามาอุปการะเลี้ยงดู มันก็ไม่ต่างจากหมาทั่วไป แล้วนิสัยเค้าน่ารัก อยากให้ทุกคนมองเห็นความสำคัญของหมาจรมากขึ้นหลังจากดูเพจกลูต้า ซึ่งมันน่าแปลกเหมือนกันที่ผมไม่มีเงิน แต่ว่าผมก็ไม่อยากเอาเค้าไปปล่อยคืน ด้วยความน่ารักของเค้าผมก็ทิ้งไม่ลง แต่ผมก็จนปัญหาเหมือนกันนะว่าจะทำยังไง ผมก็พยายามถามๆ ปรึกษารุ่นพี่ ที่นี้ก็มีคนยืนมือเข้ามาช่วย เป็นรุ่นพี่ที่สนิทกันที่กลุ่ม ในคณะเดียวกัน จบไปแล้ว เค้าก็เข้ามาช่วยรับส่ง ช่วยเรื่องค่ารักษา เค้ามีเงินเค้าทำงานแล้ว รักษาจนกลูต้าหาย อีกส่วนนึงก็คือเหมือนผมเป็นช่างภาพอยู่แล้ว ก็อยากมีผลงานภาพถ่าย โฟโต้บุ๊ก โปรเจ็กต์ของตัวเองครับ รวมรูปภาพเป็นซีรีย์รวมผลงานของตัวเอง
จุดประสงค์อีกอย่างของผม อย่างที่บอกว่าหมาตัวนึงก็สวยขึ้นได้หากมีคนดูแล ผมเคยไปทำกิจกรรมนั่งยองๆ กับน้องหมา ให้ไปป้อนอาหารสุนัข จัดกิจกรรมกับเค้า ไปใช้ชีวิตกับเค้า คนก็ถ่ายรูปมาลงกันเต็มเลย ข้อความตรงนั้นมันเหมือนเป็นเนื้อเรื่องให้คนอ่าน ถ้าเกิดทำให้เค้ายิ้มได้ มันก็น่าจะโน้มน้าวให้คนอยากจะมีส่วนร่วมในการเอาหมาจรมาเลี้ยงครับ”
ใครที่เคยเข้าไปแวะเวียนชมความน่ารักของกลูต้าคงต้องเอ่ยปากชมถึงฝีมือการถ่ายภาพของเฟซบุ๊กแฟนเพจนี้ด้วย ซึ่งยอร์ชเชื่อว่ายอดกดไลค์ที่หลั่งไหลมานั้น เกิดจากความประทับใจ และหน้าตาที่น่ารักของกลูต้า พอไปเจอกับโลเกชั่นที่มีทั้งดอกไม้ ทุ่งหญ้า จึงคิดว่าชาวออฟฟิตน่าจะชอบใจเพราะไม่ค่อยได้เจออะไรอย่างนั้น แล้วยิ่งเจอรอยยิ้งกลูต้าเข้าไปอีก นอกจากนั้น เรื่องราวของกลูต้าที่ลำบากมาแล้วพลิกชีวิตในตอนหลังก็ยิ่งน่าสนใจ รวมไปถึงความฉลาดแสนรู้ของกลูต้าที่สามารถอยู่นิ่งๆ ให้เก็บภาพได้
“ผมเคยเลี้ยงหมามา เคยเล่นกับหมามาหลายๆ ตัว ผมก็เคยเห็นหมาฉลาดมา แต่กลูต้าของผมผมไม่เคยสัมผัสนะ นึกภาพออกมั้ย หมาที่สั่งกลิ้งก็กลิ้งได้ หรือสั่งให้นั่งให้คลานทำได้หมดนะ อันนั้นคือหมาฉลาดใช่มั้ยครับ? แต่ว่ากลูต้าไม่ได้ทำอย่างนั้น กลูต้าทำอย่างนั้นไม่ได้ แต่ผมรู้สึกว่าเค้าฉลาด คือเวลาเค้ามองหน้าผม เวลาผมพูดกับเค้า คือเหมือนเค้ามีกระบวนความคิดของเค้า คือผมไม่ได้ฝึกอะไรเค้าเลย ฝึกไม่เป็น อย่างให้นั่งรอถ่ายรูป ผมก็ไม่ได้สอนเค้าก็นั่งเป็น เค้ารู้เรื่องในระดับนึงเหลือแค่ว่าพูดไม่ได้อย่างเดียว”
ด้านกิจกรรมในเฟซบุ๊กแฟนเพจ Gluta ยอร์ชก็ไม่ยอมให้น้อยหน้าใคร โดยอนาคตจะมีการจัดพิมพ์โฟโต้บุ๊กกลูต้า โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปช่วยเหลือสุนัขจรจัด ส่วนที่ผ่านมาก็มีทำเสื้อยืดสกรีนลายกลูต้าขาย เมื่อยอดกดไลค์ครบ 20,000 โดยนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมาซื้ออาหารเลี้ยงหมาจรจัดที่อาศัยอยู่ในละแวกมหาวิทยาลัยฯ และล่าสุดก็มีโปรเจ็กต์ที่ชื่อว่า “พาน้องหมาออกไปแตะขอบฟ้า Project” โดยยอร์ชมีความคิดที่ว่า อยากให้คนได้ใช้เวลาร่วมกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
“หมาเค้าไม่มีเฟสบุ๊กเล่น ไม่มีอินเตอร์เน็ต คือเค้านั่งรอเราอย่างเดียว รอเราเล่นกับเค้า ก็คือ ทุกวันนี้เราอยู่กับโลกโซเซียลมากใช่มั้ยครับ เวลาเราผ่านไปเร็ว แต่กับหมามันผ่านไปช้านะครับ แล้วมันก็ผ่านไปเรื่อยๆ เป็นวันเป็นเดือนเป็นปี เค้าไม่ได้ไปไหน ก็เลยอยากให้พาหมาออกไปวิ่งเล่นกันทุกๆ วัน ก็เลยอยากรณรงค์พาหมาออกไปเที่ยวบ้าง อย่างเพื่อนผมก็มีคนมาทัก เออ..ยอร์ช ขอบใจมาก มันเลี้ยงหมามา 9 ปี ไม่เคยพาหมาออกไปเที่ยวเลย มันมาเจอรูปกลูต้าก็อยากพาออกไปเที่ยว เพื่อจะได้เห็นปฏิกิริยาหมาตัวเอง”
ความน่ารักของเหล่าสัตว์เลี้ยงอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนมีรอยยิ้ม รวมถึงอาจเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนอยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งนัชญ์และยอร์ชต่างฝากทิ้งท้ายไว้ว่า ควรคำนึงถึงความพร้อมว่าเราจะสามารถเลี้ยงเค้าไปได้ตลอดชีวิตได้หรือไม่ มิใช่เป็นเพียงแค่เห่อกระแสในเวลาสั้นๆ ซึ่งถ้าคำตอบคือคุณยังไม่พร้อม การเปิดโลกโซเชียลทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เพื่อชมความน่ารัก น่าเอ็นดูของพวกเขาจากภาพถ่ายก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
* หมายเหตุ ข้อมูลยอดเฟซบุ๊กแฟนเพจและอินสตาแกรม ณ วันที่ 18 มีนาคม 2557
เรื่องโดย สุภิญญา นาคมงคล
ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก Mars Magazine