เป็นข่าวน่าสลดใจถึงสองครั้งสองครา สำหรับเหยื่อผู้บริสุทธิ์เหตุระเบิดในสองพื้นที่ เด็ก 3 คนต้องจบชีวิตลงอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือเด็กทั้ง 3 คนต่างไม่ได้มาร่วมชุมนุมทางการเมือง แต่กลับต้องมาสังเวยชีวิตให้กับความขัดแย้งของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ได้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงใส่เวทีชุมนุมของกปปส. ในจ. ตราด เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังแม่พามาช่วยยายขายก๋วยเตี๋ยวบริเวณพื้นที่ชุมนุม ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ สองพี่น้องเด็กชายวัย 4 ขวบและเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ต้องเสียชีวิตจากเหตุระเบิดใกล้เวทีชุมนุมของกปปส. ในย่านราชประสงค์ใจกลางกรุงเทพฯ หลังเดินทางมากับน้าสาวเพื่อซื้อของที่บิ๊กซี ราชดำริ
นอกจากนั้น ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ยังระบุว่า เหตุรุนแรงดังกล่าวส่งผลให้มีเด็กอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส คือ เด็กหญิงวัย 5 ขวบซึ่งกำลังอยู่ในอาการโคม่าในโรงพยาบาลระยอง และเด็กชายวัย 9 ขวบ ซึ่งกำลังอยู่ในห้องไอซียูในโรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพฯ
เหตุการณ์ดังกล่าวสะเทือนใจประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมาก ถึงแม้การเสียชีวิตของเด็กทั้งสามคนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุชุมนุมทางการเมือง แต่การสูญเสียเช่นนี้ก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับ พิชัย ราชภัณฑารี ผู้แทนองค์การยูนิเซฟประเทศไทย ก็ได้ออกมาประณามเหตุดังกล่าวว่า
“ยูนิเซฟประณามเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลให้เด็กๆ ต้องมาเสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างเศร้าสลดโดยไม่มีเหตุอันควรใดๆ เลย เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องหันมาปกป้องคุ้มครองเด็กๆ จากอันตราย ยูนิเซฟเรียกร้องทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล แกนนำกลุ่มที่สนับสนุนและต่อต้านรัฐบาล ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครองไม่นำเด็กเข้าไปในสถานที่ชุมนุมประท้วง และกันเด็กๆ ให้ออกห่างจากพื้นที่โดยรอบ”
ทั้งนี้ พิชัยกล่าวว่าพื้นที่ชุมนุมประท้วงและพื้นที่โดยรอบควรเป็น “สถานที่ปลอดเด็ก” เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเด็กคนใดต้องได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงทางการเมืองอีก นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม