ฮิตติดลมบนมาตั้งแต่ต้นปีสำหรับ “เซลฟี่” (Selfie) หรือการถ่ายภาพตัวเองแล้วนำไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรืออินสตาแกรม ซึ่งนอกจากกระแสความฮิตการแชะภาพแบบเซลฟี่ที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกแล้ว ยังถือเป็นการเปิดตลาดอิเล็กทรอนิคส์อย่างกล้องคอมแพค ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การถ่ายเซลฟี่สะดวกมากขึ้น ซึ่งความเจ๋งของมันอยู่ที่ฟังก์ชั่นต่างๆ นานาที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้ได้ภาพที่ใครเห็นก็ต้องร้อง ว้าว!!
เปิดตัว กล้องถ่าย Selfie สุดเริ่ด
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงต้องยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อกล้องประเภทนี้มาใช้เป็นกระแสความนิยมในหมู่ดารา-วัยรุ่น ทั้งที่ในปัจจุบันเราก็สามารถถ่ายรูปตัวเองพร้อมมองหน้าจอไปด้วยผ่านสมาร์ทโฟนทั้งหลายได้แล้ว อีกทั้งแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ตอบสนองความสวยของสาวๆ ได้ก็มีมากมายให้เลือกใช้เต็มไม่หมด สำหรับคำตอบ เพราะกล้องประเภทนี้สามารถถ่ายภาพได้สวยกว่า คมชัดกว่า ละเอียดกว่า ถึงแม้จะมีแสงน้อยภาพก็ยังสว่างชัด และที่สำคัญคือการแชร์ลงโลกโซเชียลได้อย่างรวดเร็วผ่านทาง Wi-fi
สำหรับกล้องคอมแพคดังกล่าวที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในขณะนี้ “Casio Exilim TR-15” บางคนถึงขนาดเรียกว่า "กล้องเทพ" มียอดขายถล่มทลายสูงสุดในแถบเอเชียแปซิฟิค โดยมีคอนเซ็ปต์ที่ว่า “NEW TR, NEW BEAUTY” สนนราคาเครื่องละ 23,000 บาท และตัวกล้องมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีชมพู, สีขาว และสีดำ ด้วยดีไซน์และฟังก์ชั่นที่แถมมาแบบจัดเต็ม สาวโซเชียลกระเป๋าหนักจึงทุ่มเงินซื้อมาเป็นไอเทมเสริมความเริ่ดให้ตัวเองอย่างไม่ลังเล
มาแง้มดูเรื่องคุณสมบัติของ Casio Exilim TR-15 ตามที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่ามันเจ๋งมาก ตัวกล้องมีความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซล มาพร้อมจอ LCD ความละเอียดสูง 920,000 พิกเซลขนาด 3.0 นิ้ว ให้ภาพที่สวยงามทั้งในระหว่างและหลังจากการถ่ายภาพ รวมถึงเลนส์ wide angle รูรับแสง 2.8 โฟกัสเลนส์ 3.8 มม. พร้อมแฟลช LED, ซูมดิจิตอล 4 เท่า รวมถึงใช้เทคโนโลยีขั้นสูง EXILIM Engine HS เวอร์ชัน 3 ที่ช่วยประมวลผลการถ่ายภาพให้รวดเร็วขึ้นและได้ภาพที่สวยคมชัดระดับมืออาชีพมาเอง
ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ ที่ภูมิใจนำเสนอได้แก่ โหมดเพิ่มแสงสว่าง ช่วยให้ผิวดูสว่างใสและเรียบเนียน ความสามารถในการถ่ายภาพจากระยะไกลโดยควบคุมด้วยสมาร์ทโฟน และถ่ายโอนภาพถ่ายแบบไร้สายจากกล้องไปยังสมาร์ทโฟนทั้ง iPhone และ Android ได้ทันทีหลังจากถ่ายภาพ (ต้องติดตั้งแอปพลิเคชัน EXLIM Remote ในสมาร์ทโฟนก่อน)
สุดท้าย ในด้านของรูปลักษณ์ก็สามารถออกแบบมาเพื่อตอบสนองผู้ใช้งานเป็นอย่างดี โดย Casio TR-15 เป็นกล้องที่ออกแบบให้มีส่วนที่เรียกว่า “เฟรม” ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนมุมได้อย่างอิสระเพื่อให้สะดวกต่อการจับถือ โดยเฉพาะกับการถ่ายภาพตัวเองหรือกลุ่มเพื่อนๆ นอกจากนั้นส่วนตัวกล้องยังสามารถพับเปลี่ยนมุมได้อีกหลากหลายรูปแบบ ทำให้สามารถใช้งานสะดวกไม่ว่าจะเป็นการจับถือกล้องหรือการวาง, แขวน ตามจุดต่างๆ
เตือน อย่าติดแชะแชร์เรียกไลค์
ในแง่เหตุผลการเกิดปรากฏการณ์เซลฟี่ หรือการที่ผู้คนในยุคดิจิตอลหันมาหมกมุ่นกับตัวเองบนโลกโซเชียลมากขึ้น อาจอธิบายได้ว่า เนื่องจากในโลกใบเล็กๆ นั้น เราสามารถสร้างภาพลักษณ์ของตนเองได้ เป็นอิสระ ได้แสดงออกตามที่เราต้องการ ได้ปลดปล่อยตัวเองจากความเป็นจริงในชีวิตจริง นอกจากนั้น ตัวตนออนไลน์กำลังมีบทบาทแทนที่ชีวิตจริง จากภาพเซลฟี่ที่ส่วนใหญ่มักแสดงออกถึงตัวตนที่ดูดี เซ็กซี่ มีฐานะ ซึ่งในมุมมองจิตวิทยานั้น เรียกว่าให้ความสนใจเกี่ยวกับการลุ่มหลงตนเองในโลกออนไลน์ (Digital Narcissism) ที่บางทีขัดแย้งกับสิ่งที่ตัวเองเป็นจริง
ทั้งนี้ ยังมีนักจิตวิทยาบางคนได้ออกมาระบุว่า พฤติกรรมแบบนี้สะท้อนปมด้อยลึกๆ ของผู้ที่เสพติดเซลฟี่ อย่าง ดอกเตอร์พาเมล่า รูทเลดจ์ (Dr. Pamela Rutledge) Psychology of media technologies ได้เคยกล่าวว่า “คนที่ถ่ายรูป Selfie ขึ้น Facebook บ่อยๆ มีแนวโน้มจะถูกคนรังเกียจและแสดงออกว่าตัวเองมีปมด้อยในใจ”
ด้านนักจิตวิทยาของประเทศไทยเองอย่าง พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็ได้ออกโรงเตือนว่าพฤติกรรมเหล่านี้อาจไม่ได้ส่งผลดีนักต่อตัวเอง
“เซลฟีจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การลงรูปเพราะอยากได้การตอบรับจากสังคม และการได้ยอดกดไลค์ถือว่าเป็นรางวัล ซึ่งเป็นหลักปกติของมนุษย์ทั่วไป ถ้าอะไรที่ทำแล้วได้รางวัลก็จะทำซ้ำ แต่ว่ารางวัลของแต่ละบุคคลมีผลกระทบต่อความรู้สึกไม่เท่ากัน บางคนลงรูปไปแล้วได้แค่ 2 ไลค์เขาก็มีความสุขแล้ว เพราะถือว่าพอแล้ว แต่บางคนต้องให้มียอดคนกดไลค์มากๆ พอมากแล้วก็ยิ่งติด เพราะถือว่าเป็นรางวัล แต่หากได้รับการตอบรับน้อยไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ และทำใหม่แล้วก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจะส่งผลต่อความคิดของตัวเอง บุคคลนั้นสูญเสียความมั่นใจ และส่งผลต่อทัศนคติด้านลบของตัวเองได้ เช่น ไม่ชอบตัวเอง ไม่พอใจรูปลักษณ์ตัวเอง แต่หากบุคคลนั้น สามารถรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้เป็นปกติได้ เซลฟีก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต”
นอกจากนั้น ยังได้แนะวิธีป้องกันการเสพติดเซลฟี และสร้างความมั่นใจตัวเองบนโลกความเป็นจริงคือ ต้องให้ความสำคัญต่อคนรอบข้างที่เป็นสิ่งแวดล้อมจริงในชีวิตประจำวัน หากิจกรรมยามว่างทำ และข้อสำคัญให้ยอมรับในความแตกต่างของคนที่ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน รวมถึงต้องฝึกความอดทนให้แก่ตัวเองในการลดพฤติกรรมการถ่ายเซลฟี่ด้วย
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก
http://www.casio-intl.com
http://www.brandbuffet.in.th
http://photonextor.com
http://llwsrisa.blogspot.com
