“การเลือกตั้ง” แม้จะเป็นสิทธิชั้นพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ทว่ากับการเลือกตั้งครั้งนี้ หลายสิ่งหลายอย่างพลิกกลับด้าน และประชาธิปไตยไม่ได้อยู่ในนิยามขอบเขตของการไปเลือกตั้งอีกต่อไป สะท้อนผ่านการจับจ้องของผู้คนในสังคมกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา “ไม่หรือไม่ไป” โดยเฉพาะเหล่าคนดังที่ครั้งนี้การไม่ไปเลือกตั้งกลับกลายเป็นสิ่งที่สามารถแสดงออกได้อย่างเปิดเผยกว่าที่ผ่านมา
หลังจากคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ประกาศจุดยืนปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง นำมาซึ่งการแสดงออกที่บางคนในกลุ่มได้ทำการขัดขวางการเลือกตั้ง ทั้งการใช้สิทธิของประชาชนคนอื่น และการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่งผลให้เกิดกระแสการคัดค้านการเลือกตั้ง
คนดังหลายคนตัดสินใจใช้เวลาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมากับการปิกนิกที่เวทีชุมนุมกปปส. เริ่มตั้งแต่ดารารุ่นใหญ่อย่าง นก - สินจัย กับนก - ฉัตรชัย เปล่งพานิชที่โพสต์รูปคู่แต่งตัวแบบจัดเต็มพร้อมข้อความสั้นๆ ว่า “แต่งตัวสวยๆ ไปปิกนิก”
ด้านดาราอารมณ์ดีอย่างท็อป - ดารณีนุช โพธิปิติที่ขึ้นเวทีโชว์ล้อเลียนการเมืองอยู่บนเวทีอินดี้ชิดลม ก็แสดงจุดยืนขึ้นภาพตะกล้าปิกนิก ไม่ไปเลือกตั้งพร้อมชักชวนให้ผู้คนออกมาร่วมกิจกรรมการชุมนุม ขณะที่แตงโม - ภัทรธิดา พัชรวีรพงษ์ นางเอกสาวสุดแรงที่ยังคงยืนยันต่อสู้กับกลุ่มกปปส.โดยการโพสภาพตัวเองพร้อมเขียน no vote ไว้ที่หน้าผาก ยังมีดาราสุดเซอร์อย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ที่โพสต์อินสตาแกรมเป็นข้อความว่า “ไม่ไปจ้ะ เสียเวลา ยืนตดใส่พัดลมมีประโยชน์กว่า”
ยังมีคนดังอีกมากมายที่ร่วมขบวนกับการไม่ไปเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น พจน์ อานนท์, กอร์ฟ เบญจพล,โย ยศวดี จนถึงนักร้องอย่างอ็อฟ ปองศักดิ์ โดยความเห็นในโลกออนไลน์โดยมากก็เป็นไปในทางชื่นชมและเห็นด้วยกับการแสดงจุดยืนของคนดังเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองในยุคปัจจุบัน คนดังบางคนก็เลือกที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ การทวงถามคำตอบว่า เหตุใดจึงไปเลือกตั้ง? ตัวอย่างเช่น หนุ่ย อำพล ลำพูน ,เสก โลโซ ,ทราย เจริญปุระและจอร์น วิญญู
โดยคนดังที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักคนหนึ่งคือรัชนก อินทนนท์ หรือน้องเมย์ นักแบดมินตันอันดับ 3 ของโลก ที่ตลอดมาได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่พี่น้องชาวไทย กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากคนในสังคม โดยมีความเห็นหนึ่งที่แรงถึงขั้นบอกว่า “อย่าห่วงแต่ตีแบดฯ ห่วงชาติล้มจมบ้าง” บ้างก็มองว่า “ชาติต้องมาก่อนแบดฯ แค่ทำชื่อเสียงเพื่อชาติไม่ได้หมายความว่ารักชาติมากกว่าคนอื่น คนที่ไม่ได้ไปเลือกตั้งดูจะทำเพื่อชาติมากกว่าน้องเมอีก ผิดหวังมาก”
แต่บางความเห็นก็ยังมองว่า คนไทยควรเคารพสิทธิของกันและกัน แม้ว่าจะเห็นต่างกันก็ตาม
ท้ายที่สุด น้องเมย์ก็ออกมาโพสข้อความถึงเรื่องที่เกิดขึ้นดังนี้ “หนูโอเคคะ ทุกคอมเม้นและทุกอย่างคือแรงผลักดันให้หนูทำตรงนี้ให้ดีมากขึ้นแน่นอน พวกเราต่างมีสิทธิของตัวเองแต่ทุกคนก็สามารถรักษาสิทธิ์ได้ หนูมีอาชีพหลักของหนูที่จะทำเพื่อประเทศชาติและครอบครัว ไม่เคยที่จะยุ่งเรื่องการเมืองเลยแต่เพียงอยากเป็นส่วนนึงในการใช้สิทธิ์ของตัวเอง ใครที่ไม่อยากติดตามผลงานหนู หนูไม่โกรธแต่อยากให้แยกแยะว่ามันคนละเรื่องเลยค่ะ”
ดาราอีกคนที่ใช้สิทธิคือบุ๋ม - ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โดยเธอให้เหตุผลผ่านอินสตาแกรมว่า จำเป็นต้องมาเลือกตั้งเพื่อรักษาสิทธิในการขอแก้กฎหมายคดีข่มขืน ทั้งยังแจกแจงรายละเอียดถึงการทำงานการเมืองที่เธอเคยร่วมงานกับทั้งรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลอภิสิทธิ์มาก่อน พร้อมทิ้งท้ายไว้ว่า
“...อย่าคอมเมนท์การเมืองแรง ๆ กับบุ๋มเลยนะคะ ขอทำหน้าที่เป็นคนของประชาชนต่อไป และสัญญาว่าจะทำให้ร่างกฎหมายนี้ผ่านก่อนวันตาย"
การเลือกตั้งที่ผ่านมาดูจะแตกต่างจากทุกครั้ง ด้วยเพราะจุดยืนทางการเมืองที่แบ่งขั้วผู้คนในสังคมออกเป็น 2 ฝั่ง การกระทำหลายอย่างของคนดังจึงถูกจับจ้องและตีความจุดยืนทางการเมือง ท้ายที่สุดไม่ว่าคนดังเหล่านั้นจะคิดเห็นกับการเมืองด้วยจุดยืนใด ผลตอบรับที่ดีหรือร้ายก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ