มองเพลินตาเสียจริงๆ 'โบว์ - เมลดา สุศรี' สาวใสดีกรีไทยซูเปอร์โมเดลคนล่าสุด (Thai Supermodel Contest 2013) สำหรับท่านที่รับชมการประกวดฯ อาจอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมสาวๆ เวทีนี้ไม่ค่อยยิ้มแย้ม
นั่นเป็นเพราะอินเนอร์ของ 'ว่าที่..นางแบบมืออาชีพ' ที่แสดงออกมา เพื่อให้คนดูสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าอาภรณ์สวยงามที่ปกคลุมเรือนกาย กลายๆ ว่า เป็นการขับบุคลิกนางแบบให้สื่อเรื่องราวไปคอนเซ็ปต์ของชุดที่กำลังสวมใส่
แต่พอได้พูดคุยเท่านั้นแหละ ใบหน้าเคร่งขรึมที่ปรากฏบนเวทีฯ ในวันนั้น ถูกรอยยิ้มสกัดออกไปอย่างไม่ทิ้งคราบเดิม หญิงสาวในเดรสชุดขาวค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวของตน ท่ามกลางความเย็นที่กำลังหยอกล้อกับมวลอากาศ
คลิปทักทายและเบื้องหลังการถ่ายทำฯ
ก้าวแรก..ซูเปอร์โมเดล
แววตาคู่สวยสะกดให้บทสนทนาเริ่มต้นขึ้น โบว์ เล่าถึงการเข้ามาประกวดในเวที Thai Supermodel Contest 2013 ว่ามีคุณแม่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง “คุณแม่พาเข้ามาประกวดค่ะ เค้าอยากให้เป็นนางแบบด้วย จริงๆ โบว์ก็ชอบ อยากเป็นนางแบบอยู่แล้ว อยากเดินแบบ อยากถ่ายแบบ”
สาววัย 17 ปี พูดถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ซึ่งดูเหมือนนั้นเป็นการค้นพบความชอบของเธอด้วย “ตอนเด็กๆ โบว์อยู่คอนโด แล้วพวกพี่ๆ ในคอนโดเค้าชอบเอารองเท้าส้นสูงมาทิ้ง โบว์เห็นก็แบบ สวยจัง..ก็เอามาเดินใส่ เห็นแล้วก็ไปเอามาลองใส่ (ยิ้มก่อน..พูดต่อด้วยเสียงอ้อนๆ) “หนูของเล่นหน่อย”
แน่นอน เวทีประกวดนางแบบระดับประเทศเวทีนี้ เป็นใบเบิกทางให้ก้าวเข้าสู่วงการนางแบบระดับประเทศได้ไม่ยาก โบว์ บอกรู้สึกประทับในเรื่องมิตรภาพของพี่ๆ น้องๆ ผู้เข้าร่วมประกวด จะว่าไป ก็ถือเป็นหัวโจกจอมแซวเลยทีเดียว
“ประทับใจที่สุดจะเป็นเรื่องเพื่อนค่ะ นิสัยโดนใจมากทุกคนค่ะ โบว์กับเพื่อนอีกคนจะเป็นตัวแซว แซวพี่ๆ กลุ่มไทยซูฯ เวลาเค้าแต่งตัวเซ็กซ์ซี่ โบว์ ก็จะ 'วี๊ดวีว' เค้าก็จะเขินๆ กัน”
พอได้มาเรียนรู้งานในวงการเดินแบบแล้ว โบว์ เปิดเผยว่าสิ่งที่ยากที่สำหรับตัวเองคือการจำแพตเทิร์น เพราะแต่ละเวทีก็จะแตกต่างกันไป ความที่เป็นคนความจำสั้นก็เลยมีสมุดเล่มหนึ่งไว้คอยจดวิธีการเดินแบบตลอด ถัดมา เป็นรื่องของอินเนอร์ที่มักแผ่วปลาย
“มันเหนื่อยมากเวลาที่ต้องใช้อินเนอร์ เหมือนเราแสดงละครไปในตัว จะทำยังไงให้เค้ารู้ว่าโชว์นี้ให้คนดูรู้สึกว่ามีความรัก รู้สึกโกรธ คือมันพูดไม่ได้ใช่มั้ยค่ะ ก็ต้องใช้สายตาใช้อินเนอร์มันก็เหนื่อยกว่าการพูดสื่อสารปกติ”
พอเข้ามาในวงการนางแบบจริงๆ การเดินแบบไม่เพียงแต่งตัวสวยๆ หรือเดินโพสท่าสวยๆ แต่ต้องแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาตามคอนเซ็ปต์เสื้อผ้าให้ได้
การประกวดในครั้งนี้เหมือนเป็นขุมสมบัติตักตวงความรู้และประสบการณ์ดีๆ ในวงการนางแบบ โบว์ เปิดเผยว่า ปลื้มนางแบบรุ่นพี่อยู่คนนึงมากๆ
“ชอบ พี่สิค่ะ (พิชญ์สินี ตันวิบูลย์) ชอบมาก ..พี่สิเป็นคนที่เปรี้ยวค่ะ ชอบการแต่งตัว ท่าทางของเค้า ชอบมากๆ (เน้นเสียง) โบว์ตามดูอินสตราแกรมพี่เค้าด้วย คือเห็นในรูปแบบ สวย เฉี่ยว ค่ะ (ยิ้มกว้าง)”
ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้มา ก็คือเป็นนางแบบต้องออกกำลังกาย นางแบบรุ่นพี่แนะรุ่นน้อง “พี่เค้าบอกให้ออกกำลังกายมากๆ ซิทอัพ เพราะว่านางแบบต้องอยู่ศูนย์กลางของร่างกายตลอด ต้องมีสติให้เยอะมากที่สุด เวลาเดินเราต้องมีสติ ต้องมีโฟกัสของสายตาทุกครั้ง หรือช่างภาพขออะไรมาก็ต้องทำให้ได้ ต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้”
สาวน้อย เปรยว่า ชอบแฟชั่น ชอบดูนิตยสารแฟชั่น ท่องเว็บแฟชั่น เช็คว่าอะไรอินต์อะไรเอ้าต์ ส่วนสไตล์การแต่งตัวก็จะเน้นชิลล์ๆ
ทีมงานฯ แหย่ว่า งั้นเดรสสีขาวเปลือยแผ่นหลังที่ใส่อยู่นี่ก็ไม่ใช่ตัวเองเลยใช่มั้ย? โบว์ ตอบสวนทันที “ใช่ (หัวเราะดัง)”
ในส่วนของงานวงการบันเทิง ก็คงต้องอยู่ในดุลพินิจของผู้ใหญ่ว่าจะมอบโอกาสอะไรให้สาวน้อยคนนี้บ้าง แต่ที่แน่ๆ เธอเป็นนางแบบอย่างที่ฝันไว้ในตอนเด็กได้สำเร็จแล้ว
ต้องทำให้พ่อแม่ภูมิใจให้ได้
ถามว่า ณ วันนี้ ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวสุศรี ทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจได้หรือยัง โบว์ ตอบว่าการได้รางวัลตรงนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวภูมิใจสูงสุด
“ต้องเข้ามหาลัยฯ แล้วเรียนจบมหาลัยฯ ให้ได้ก่อนค่ะ คุณแม่บอกถึงจะเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมากที่สุด ส่วนคุณพ่อก็บอกทำงานอนาคตยังมีเปลี่ยนแปลงกันได้ แต่เรื่องเรียนต้องเป็นหลัก”
โบว์ กำลังลังศึกษาอยู่ ชั้น ม.6 สาขาศิลป์-ภาษาญี่ปุ่น โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งตอนนี้ก็กำลังรอประกาศผลสอบเข้าศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยที่ฝันไว้
“คณะศิลปกรรมฯ ค่ะ ของจุฬาลงกรณ์ สาขานฤมิตศิลป์ เกี่ยวกับวาดรูป ออกแบบ โบว์อยากเป็นนักออกแบบ ดีไซน์เนอร์ ออกแบบเสื้อผ้า อยากจะเป็นตกแต่งอินทีเรียเล็กๆ น้อยๆ เปิดเป็นโฮมออฟฟิต”
ชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว “โบว์ชอบวาดรูปตั้งแต่เด็กแล้ว เห็นพี่สาว ญาติ เค้าชอบวาดรูปการ์ตูนญี่ปุ่น เห็นแล้วก็สวย ก็เลยให้พี่เค้าสอน แต่เค้าก็ไม่เคยสอน หนูก็เลยเอาของเค้ามาก๊อบปี้ ตามประสาเด็กน้อย”
ตอนประถมฯ เคยประกวดได้รับรางวัลชนะเลิศด้วย โบว์ เล่าว่า คุณพ่อวาดรูปเก่ง น่าจะได้ทักษะมาจากคุณพ่อ กลายๆ ว่ามีหัวศิลปะมาตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ โบว์ยังชื่นชอบงาน D.I.Y ประดิษฐ์ประดอยของเล็กๆ น้อยๆ เช่น กระเป๋าสตางค์, กล่องดินสอ ฯลฯ ไว้ใช้เอง และเป็นของขวัญให้คนรอบข้างด้วย
ใบหน้าจิ้มลิ้มอาจทำให้ถูกเข้าใจไปว่าเป็นเด็กลูกครึ่งหรือเปล่า โบว์ บอกว่ามีคนทักเยอะเลย แต่จริงๆ แล้วเปอร์เปอร์เป็นคนไทยแท้ๆ คุณพ่อเป็นคนขอนแก่น คุณแม่เป็นคนเมืองกาญจน์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เธอเลือกเรียน สาขาศิลป์-ภาษาญี่ปุ่น ก็เพราะได้รับอิทธิพลมาจากครอบครัว เป็นเรื่องราวความรักน่ารักๆ ระหว่างคุณพ่อคุณแม่ สาวน้อยเล่าว่า คุณแม่ได้ทุนไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ต้องเรียนภาษาญี่ปุ่น และบังเอิญว่าคุณพ่อเป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่นให้คนไทย ลูกสาวก็เลยตัดสินใจเรียนภาษาญี่ปุ่นบ้าง
โบว์ อมยิ้มก่อนพูดขึ้น “เพราะพอเรียนศิลป์ญี่ปุ่นก็จะให้คุณช่วยเวลาสอน ช่วยทำการบ้าน โบว์ก็บอก..ป๊าสอนหน่อย เค้าก็จะไม่สอนให้ทำเอง”
จะว่าไปคุณพ่อของโบว์จะประมาณว่า รักนะ..แต่ไม่แสดงออก โบว์ เล่าถึงท่าทีคุณพ่อตอนลูกสาวได้รางวัลในเวทีไทยซูเปอร์โมเดลฯ
“แต่ก่อนคุณพ่อจะเงียบๆ แต่เดี๋ยวนี้เค้าพูดมากขึ้น ตื่นเต้น พอได้คุณพ่อเปิดดูคลิปที่หนูได้รางวัลทุกวันเลย ดูสิ..ชอบดนตรีตอนประกาศมากเลย เออ..ชุดสวยเนอะ คนนั้นเค้าก็สวยนะ แต่ไม่ได้ชมลูก แล้วลูกละ..ไม่ชมบ้างหรอ เค้าบอก..ชมเบื่อแล้ว (ยิ้ม)”
ถามว่าทางบ้านหวงลูกสาวไหม โบว์ สวนขึ้นมาทันที “หวงมาก ทั้งคุณพ่อทั้งคุณแม่หวงมาก เวลาไปไหนเจอเพื่อนผู้ชาย แม่ก็จะ..อะไรเนี่ย ใครเนี่ย แต่พ่อก็จะมีแซว..อะไรยังไงสองคนนี้ แต่คือเวลาที่หนูรู้จักใครคุณแม่ก็จะโอเครู้จักด้วย หนูไม่มีความลับกับคุณพ่อกับคุณแม่”
แม้จะเป็นลูกคนเดียว แต่บ้านนี้ก็ไม่ได้เลี้ยงลูกสาวแบบตามใจเท่าไหร่ “ตั้งแต่เด็กๆ โบว์ก็อยากมีพี่ชาย พี่สาว มีน้อง อยากมีมาก แต่แม่ก็บอกลูกคนเดียวดีแล้วแค่นี้ก็เลี้ยงไม่ไหวแล้ว คืออยู่บ้านก็เหงาก็จริงแต่โบว์ก็หาอะไรทำ เช่น วาดรูป ลูกคนเดียวจะมีอะไรทำเยอะ แม่บอก..จะได้ไม่ต้องมีใครมาแย่ง
จริงๆ แล้ว ทั้งแสบทั้งซน
โบว์ เล่าว่า ครอบครัวอาศัยอยู่คอนโดมาตั้งแต่เธอจำความได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยู่คอนโดน่าจะปลอดภัยกว่า มี รปภ. มีการจัดการดูแลเป็นสัดส่วน ถามว่ามีความคิดจะย้ายไปอยู่บ้านเป็นหลังๆ บ้างหรือเปล่า สาวน้อย ตอบ
“น่าจะยังนะคะ คุณแม่ก็บอกรอให้โบว์โตก่อน เดี๋ยวให้โบว์ซื้อให้แล้วกัน อ่ะ..โอเค ได้ค่ะ (หัวเราะ) โบว์ก็ตั้งใจจะซื้อให้ ตั้งใจว่าโตขึ้นจะดูแลพ่อแม่ให้ดีที่สุด ต้องดูแลให้ได้อะค่ะ”
ถามว่าทางครอบครัวคาดหวังในตัว โบว์ หรือเปล่า “ไม่ค่อยนะคะ แม่จะบอกตลอด ให้ทำในสิ่งที่ชอบ และต้องชอบนะถ้าจะทำอะไร ต้องทำแล้วต้องเต็มที่ไม่ชอบชอบแป๊บเดียวแล้วก็เลิกชอบ”
ตอนเด็กเคยโดนตีเพราะความซนด้วย แน่นอน ตามประสาเด็กอาจยังไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นทำให้คุณแม่เป็นห่วงมากจนต้องทำโทษ โบว์ เล่า
“โบว์ขึ้นไปเก็บผ้าเป็นเพื่อนเพื่อนที่ดาดฟ้าคอนโด เพื่อนมาตามให้ไปช่วยเก็บ แล้วโบว์ไม่ได้บอกคุณแม่ คุณแม่ก็ไปตามหา ทีนี้เค้าตามหาไม่เจอ พอกลับมาถึงบ้านแม่ก็ตี เพราะไปไหนไม่บอก ทีหลังไปไหนบอกด้วย”
ถึงสาวน้อยจะเติบโตขึ้นทุกวันๆ แต่ก็ยังเป็นเด็กในสายตาคุณพ่อคุณแม่อยู่เสมอ จึงอดถามไม่ได้ว่าความเป็นผู้ใหญ่ในความคิดของสาววัย 17 ปี เป็นอย่างไร โบว์ นิ่งคิดไม่นานก่อนตอบ “ต้องหาเลี้ยงตัวเองให้ได้ ต้องรู้อะไรเยอะพอสมควร ต้องคิดให้เป็น ทำอะไรต้องคิดก่อน ไม่ใช่ทำๆ เลย”
ย้อนกลับไปวัยเด็ก โบว์ เล่าถึงวีรกรรมแสบๆ ที่ช่วยอมยิ้มให้ฟัง “เยอะนะค่ะ แต่มันจะเป็นวีรกรรมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนเด็กๆ จะมีตังค์ผูกหนังสติ๊กติดตรงชายเสื้อใช่มั้ยคะ? ก็คือขี้เกียจแกะ เดินไปที่ร้านแล้วแบบหนูขอติดไว้ก่อนนะคะ แล้วก็หยิบของแล้วเดินออกมาเลย แล้วเค้าก็เก็บตังค์ที่แม่อีกทีนึง”
เว้นช่วงก่อนเล่าวีรกรรมเปิ่นๆ ต่อ “ตอนประถมเล่นซ่อนแอบกับเพื่อนแล้วปวดฉี่มาก ก็คือมันต้องแอบใช่มั้ย มันไม่ฉี่ไมได้ ก็เลยฉี่ตรงนั้นเลย (หัวเราะ) นั่งย่องๆ แล้วก็ฉี่ แล้วก็ลืมไปว่ายังไม่ได้ถอดกางเกง (ยิ้ม) แล้วไปหาครูอนุบาลที่เคยสอน ไปขอกางเกงเปลี่ยน ประมาณ ป.3 แล้ว โตแล้ว ก็มันปวดฉี่มาก แม่ก็บอกทำไมทำแบบนี้ ทำอะไรไม่คิดเลย”
กลับมาที่วงการบินเทิง ด้วยความที่คุณแม่ส่งเสริมในเรื่องการแสดงออก บวกกับให้เรียนรู้ความชอบด้วยการส่งเรียนพิเศษ อาทิ เทควันโด, เรียนบัลเล่, ร้องเพลง ฯลฯ ซึ่งก็ดูหมือนว่าการเรียนร้องเพลงของเด็กสาว เป็นการค้นพบความชอบอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าทางสายดนตรีไปได้สวยจนเป็นศิลปินมีอัลบั้มของตัวเอง
เมื่อสาวน้อยขายาวมาเป็นศิลปิน
สาววัยใส โบว์ เคยเป็นหนึ่งในเกิร์ลกรุ๊ปวง Kiss me five ค่าย Kamikaze ในเครือ RS แม้กระแสตอบรับเป็นที่น่าพอใจ แต่ด้วยความที่บรรดาเพื่อนร่วมวงอยู่ในวัยเรียน จึงมีการพูดคุยกับทางผู้ใหญ่และขออนุญาติพักงานเพลงมาศึกษาต่อ และเป็นข้อตกลงที่ยอมรับร่วมกันของสาวๆ ทุกคนในวง
โบว์ เล่าถึงที่มาที่ไปที่ทำให้มาเป็นศิลปิน ด้วยวัยเพียง 14 ปี “ตอนเด็กๆ เป็นคนร้องเพลงไม่จบ คุณแม่กับคุณพ่อรำคาญก็เลยให้ไปเรียนร้องเพลง”
มีคนชมว่าเสียงตั้งแต่เด็กๆ ด้วยนะ โบว์ เล่าก่อนเปรยขึ้นอย่างมีอารมณ์ขัน “เหมือนยอตัวเองเลยเนอะ (หัวเราะ) ครูสอนร้องเพลงก็ชมนะว่าเสียงโอเคเลยนะ”
โบว์ เรียนอยู่ 3 คอร์ส แล้วก็ไปประกวด ได้รางวัลมาค่ะ มีเหรียญทอง ได้ถ้วยรางวัล แล้วก็ได้เหรียญเงิน พอดีว่าทาง ทีนี้คุณแม่ทราบจากเพื่อว่า ค่าย Kamikaz eมีโปรเจกต์สาวขายาว Kiss me five ก็คือ ต้องการเด็กผู้หญิงที่ร้องเพลงได้ ก็เลยไปสมัคร
“ตอนเด็กๆ เราสูง เค้าขอขายาวๆ หน่อย เพื่อนคุณโทรมาบอก มีโปรเจคใหม่ต้องการเด็กผู้หญิงขายาวๆ หน่อย ก็เลยไปประกวด ไปออดิชั่น ก็จะมีพี่ๆ ขายาวมากเยอะเลย โบว์ก็ไม่รู้จะไปออดิชั่นเป็นอะไรนะ แค่ไปแคสถ่ายไว้ มีถ่ายภาพ เต้น ร้องเพลง แล้วเต้นไม่เป็น แล้วถามว่าชอบดาราเกาหลีมั้ย รู้จัก k otic มั้ย? ชอบมั้ย? โบว์ก็บอก เฉยๆ แล้วรู้สึกยังไงกับการร้องเพลง โบว์ก็บอกเค้าร้องเพลงเพี้ยนค่ะ ตอนเด็กๆ โบว์พูดตรงมาก เค้าบอกชอบ ไอ้นี่มันตรงดี เอามาเลย (ยิ้ม)”
เป็นโปรเจคในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงเวลา 1 เดือน โบว์ ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป Kiss me five มีเพลงติดหูที่ชื่อ 'แอ๊บ' สาวน้อยเปรยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลาถัดมา
“ มีปัญหากับการเต้น เป็นคนความจำไม่ไดี ไม่เคยเต้นมาก่อน แปลกๆ ไม่เหมือนกับคนอื่น ก็เต้นไม่ค่อยดีนะคะ หลังๆ เขาก็จะมีให้เรียนเต้น เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดเพราะเราต้องเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่ต้องมีเต้นเยอะมาก”
ถามถึงความรู้สึกที่เป็นศิลปินมีอัลบั้มเป็นของตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก โบว์ ยอมรับว่ารู้สึกงงมากกว่า “รู้สึกว่าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นศิลปินจริงๆ หรือเปล่า เพราะก็ยังงงๆ อยู่ว่าเข้าไปทำอะไร”
เรื่องที่ศิลปินทุกคนต้องมีก็ต้องเป็นเรื่อง แฟนคลับ สาวน้อยผู้นี้ก็มีคนมาชื่นชอมไม่น้อยเลย เธอพูดถึงแฟนคลับ
“ก็ดีใจค่ะ เหมือนมีเพื่อนเพิ่มก็จะเวลามีแฟนคลับส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ ถึงจะเป็นรุ่นพี่ โบก็จะทำให้สนิทที่สุด ทุกคนจะสนิทกับโบมาก ก็เกินความคาดคิดของเรา (ยิ้ม)”
คลิปแก๊งสาวขายาวซ้อมเต้นเพลง แอ๊บ
คลิป Official MV แอ๊บ ศิลปิน Kiss Me Five
เป็นศิลปินอยู่ 2 ปีเต็ม ขณะเดียวกันต้องรับผิดชอบเรื่องการเรียนไปพร้อมๆ กัน ท้ายที่สุด ก็มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจยุบวง “คือมีพี่ในวงไปเรียนต่างประเทศแล้วขอคืนสัญญาเพื่อจะไปเรียนต่อ พี่เขาเรียนหนักเลยไม่ไหว ทำงานไปไม่มีเวลาเรียน ค่ายก็เข้าใจนะคะ ถ้าเป็นเรื่องเรียน”
ถามว่าเสียดายหรือเปล่า สาวน้อย ตอบขึ้นทันที “ก็โอเค โบว์ก็อยากเรียนด้วย เป็นข้อตกลงของทั้งวงแล้ว สรุปกันว่าไปเรียนนะ เสียดายนะคะ จริงๆ โบว์ก็ชอบร้องเพลงด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร ออกมาเรียนเป็นหลักดีกว่า ไม่ได้เรียนเพื่อนๆ ก็ลืมหน้ากันไปแล้ว (ยิ้ม)”
ถึงลึกๆ แม้จะรู้สึกเสียดายที่ต้องทิ้งการร้องเพลง แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กสาวผู้นี้ค้นหาความชอบใหม่ๆ ของตัวเอง ในที่สุด ก็ก้าวเข้ามาประกวดและชนะเลิศในเวทีไทยซูเปอร์โมเดลฯ เป็นดาวดวงใหม่ที่เจิดจรัสในม่านฟ้าวงการนางแบบระดับประเทศ
.....................…...........
เรื่องโดย : นฤมล ประพฤติดี
ภาพโดย : ปวริศร์ แพงราช
ขอบคุณภาพประกอบ Instagram @bow_maylada
............................
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล : เมลดา สุศรีชื่อเล่น : โบว์
วันเดือนปีเกิด : 4 มิถุนายน 2539อายุ : 17 ปี
น้ำหนัก/ส่วนสูง : 51.4 กก. /172 ซม.
การศึกษา : กำลังศึกษา ม.6 ศิลป์ ภาษาญี่ปุ่น โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ผลงาน : ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป วง Kiss me five ค่าย Kamikaze
รางวัลที่ได้รับ : ตำแหน่งชนะเลิศ Thai Supermodel Contest 2013, Aura White Face Model By Nivea, AIS 3G Digital Girl