xs
xsm
sm
md
lg

รวมหัว เรียก.. 'ปูโง่!' นายกฯ ตีมึน ด่าได้ด่าไป.. 'ฉันไม่แคร์'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดูเหมือนว่าปฏิกิริยาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯรัฐมนตรี ในการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างวันที่ 26-27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาก็ยังเข้าอีหรอบเดิม แม้เสียงของฟาก ส.ส.ฝ่ายค้าน จะยกเหตุอ้างผลมาถล่มก่นด่า วิพากษ์กันอย่างตรงไปตรงมา แต่ผู้นำหญิงก็ยังยิ้มร่า ราวกับไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างใด?
 
งานนี้ร่ายยาวตั้งแต่ลูกพรรคฝ่ายค้าน (พรรคประชาธิปัตย์) ยันหัวหน้าพรรคฯ กันทีเดียว อย่างที่ทราบกันว่า ในการประชุมสภา สมาชิกสภารัฐสภานั้นจะได้เอกสิทธิ์ในการกล่าวหรือแถลงข้อเท็จจริง ไม่สามารถฟ้องร้องเอาความกันได้ แน่นอนว่าสมาชิกผู้แทนราษฎรทั้งหลายจะ 'ฉะ' กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์

ไม่ถือสา-ไม่รู้สึก-ไม่รู้ไม่ชี้
พอถึงคราวอภิปรายของ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ สังเกตได้ว่า กลุ่ม ส.ส. พรรคเพื่อไทย หรือบรรดาลูกสมุนพิทักษ์นาย รับลูกประท้วงคำอภิปรายของตัวแทนฟากฝ่ายค้านกันอย่างแข็งขัน

โดย นิพิฏฐ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงความไร้ความสามารถของนายกฯรัฐมนตรี ใจความสำคัญความว่า เมื่อผู้บริหารสูงสุดไร้ความสามารถก็ไม่ควรเป็นนายกฯฯ ซึ่งที่ผ่านมา นอกจากไม่มีภูมิรู้ ยังไม่มีพัฒนาการ ที่ผ่านมาพูดผิดได้อ่านโพยได้ ส่วนตัวก็ไม่เคยต่อว่า เพราะไม่มีใครฉลาดหมด แต่กลับไม่มีการเรียนรู้ ไม่มีการพัฒนาตัวเอง ยิ่งกว่านั้นยังมีการครอบงำ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่สไกป์มายังที่ประชุมพรรคเพื่อไทย

“ดังนั้นเขาถึงบอกว่ามีนายกฯฯ สองคน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกครอบงำ นายกฯฯ เป็นดาวพระเคราะห์ ไม่ใช่ดาวพระฤกษ์ ไม่มีแสงสว่างในตัว วันนี้ตนไม่ไว้วางใจนายกฯรัฐมนตรี เพราะปล่อยให้คนในครอบครัวกำกับ ซึ่งทางกฎหมายทำไม่ได้ เนื่องจากเป็นนักโทษ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ก็ทราบดี จึงขอให้ช่วยแนะนำด้วย เพราะในระเบียบสำนักนายกฯรัฐมนตรีมีประมวลจริยธรรมว่าด้วยจริยธรรมข้าราชการการเมืองกำกับอยู่” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

ไล่บี้ตามมาติดๆ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับปมทุจริตโครงการจำนำข้าว ขณะที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ กำลังนั่งฟังอภิปรายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางอารมณ์ดี ก่อนโดนหัวหน้าฝ่ายค้านเฉือดด้วยคำพูดนิ่มๆ

“โกงชาวนา เรื่องน้ำหนักเรื่อง ความชื้น เวียนข้าว สวมสิทธิ์ พูดซ้ำเเล้วซ้ำเล่าครับ เสียดายนายกฯฯ ไม่มาฟังพวกเรา ผมเห็นเมื่อไหร่ได้ประโยชน์นะครับ ถึงอ้างว่ามีอะไรมาว่ากันที่สภา เเต่หน้าที่ท่านมาตอบกระทู้ถามทุกสัปดาห์ ท่านไม่มาครับ เเละในบรรดานายกฯ ที่มีหน้าที่ในการตอบกระทู้ มีเฉพาะในตระกูลท่าน ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้

“ท่านจะยิ้มก็ได้ครับ เเต่ถ้าท่านมาสภา ท่านจะทราบ ว่าชาวนาถูกโกง ความชื้น ถูกโกงน้ำหนัก อย่างไร เวลาพวกผมพูด วันนี้ท่านก็ยิ้มไปครับเเต่ชาวนา เขายิ้มไม่ออก วันนี้ ท่านอาจจะยิ้มได้ครับ เพราะคนที่ได้ประโยชน์จากการทุจริต พรรคพวกท่านทั้งนั้น ท่านถึงยิ้ม”

จะเรียกว่าเป็นพัฒนาการของนายกฯฯ ได้หรือไม่คงต้องพิจารณาดูกัน เพราะหลังจากซุ่มอยู่ครู่หนึ่ง ยิ่งลักษณ์ ก็ลุกขึ้นอภิปรายโต้ในประเด็นที่ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ตอกย้ำถึงความไม่ฉลาดของตนเองเธอชี้แจ้งอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ สรุปได้ว่าผลงานที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้ผู้ที่ร่วมงานกันได้เห็นความสามารถของตนแล้ว ส่วนผู้ที่กล่าวหาว่าตนขาดความเป็นตัวของตัวเอง ขาดสติปัญญา นั้นยากที่จะอธิบายเพราะไม่เคยร่วมงานกัน

คำกล่าว ของนายกฯ หญิง ในตอนหนึ่ง “ท่านสมาชิกได้กล่าวกระทั่งดิฉันโง่ คงไม่ไปตอบในประเด็นนั้น เพราะคงยากที่จะอธิบาย ถ้าไม่มีใครเชื่อ เพราะว่าเราไม่เคยได้ร่วมงานกันอย่างจริงจัง แต่ดิฉันเชื่อว่าคณะรัฐมนตรีและข้าราชการที่ได้ร่วมงาน ย่อมรู้ดีว่าดิฉันเน้นในการทำงานและผลงานที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชน”

เปล่า.. คุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้โง่?
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนต่างแสดงทัศนะผ่านพื้นที่ออนไลน์ของตัวเอง รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน แสดงทัศนะผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แม้ไม่ได้ระบุชื่อพากพิง แต่แน่นอนว่าเป็นที่รับรู้ว่าหมายถึงใคร พร้อมทั้งเสนอแนวทางให้ท่านผู้นำลาออกไปเพราะที่คนไทยจะได้มีด้มีโอกาสปฏิรูปประเทศ

“ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ ไม่มีความรอบรู้ ไม่มีปัญญาคิดเอง ไม่มีจริยธรรม ไม่มีคุณธรรม ไม่มีความจริงใจ ไม่ทำตามคำพูดที่สัญญาไว้ ไม่น่าไว้วางใจ ไม่ควรเป็นนายกฯรัฐมนตรี ไม่มีความชอบธรรม ไม่เคารพศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ให้เกียรติสภา ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย มีอะไรที่จะเป็นเหตุผลให้อยู่ต่อไป เป็นนายกฯที่โดนด่ามากที่สุด เป็นนายกฯที่โง่ที่สุด เป็นนายกฯที่แย่ที่สุด เป็นนายกฯที่คนเกลียดมากที่สุด เป็นนายกฯที่หน้าด้านที่สุด” รศ.ดร.เสรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

ทว่า ย้อนแย้งกับทัศนะของนักสื่อสารมวลชนอาวุโส สมเกียรติ อ่อนวิมล ได้เขียนข้อความลงในทวิตเตอร์ Somkiat Onwimon ความว่า ในสภาฯ มีการพูดพาดพิงกล่าวหา ยิ่งลักษณ์ว่า 'โง่' หลายต่อหลายครั้ง ตนรู้สึกว่าไม่เหมาะสม เป็นคำที่ไม่สุภาพ ความคิดเห็นส่วนตัวนายกฯฯ ไม่ถึงขนาดที่ต้องถูกเรียกว่าโง่

“การแสดงออกโดยธรรมชาติของคุณยิ่งลักษณ์ว่าไม่พร้อม ขาดความรอบรู้เรื่องงานของประเทศชาติบ้านเมืองนั้น แสดงความไม่เหมาะสมในการเป็นนายกฯฯ ของประเทศ คุณยิ่งลักษณ์ไม่ถึงขนาดจะถูกเรียกและไม่ควรเรียกเธอว่า "โง่" เป็นคำที่ไม่สุภาพเป็นอย่างยิ่ง คุณยิ่งลักษณ์เพียงเป็นคนไม่มีความสามารถพอเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล ประธานสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัย แสดงทัศนะว่าบุคคลที่เข้ามาเป็นนักการเมือง กระทั่งนายกฯรัฐมนตรีต้องมีคุณสมบัติที่แกร่ง ยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ เรียนรู้ ปรับปรุง และพัฒนาตัวเอง เพื่อประโยชน์ของส่วนร่วมเป็นหลัก ฉะนั้น การที่นายกฯฯ โดนโจมตีด้วยวาทกรรม 'โง่' ก็เป็นเรื่องที่ต้องกลับมาพิจารณาตัวเองว่าควรทำอย่างไรต่อไป


“ผมขออ้างคำนักการเมืองสมัยก่อนนะ คุณจะมาเป็นนักการเมืองจะต้องมีคุณลักษณะที่มีสำนวนไทยเรียกว่า คอทั่งสันหลังเหล็ก (ความหมาย : แข็งแกร่ง, ทรหดอดทน.) นี่คือบุคลิกของคนที่จะมาเป็นนักการเมือง ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะว่าคนที่จะมาเป็นนักการเมืองจะต้องมีความอดทนต่อความรุนแรง เพราะการเมืองโดยเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการต่อสู้ ซึ่งจะเจอเรื่องของความรุนแรง เมื่อท่านนายกฯฯ มาเป็นนักการเมืองจะมาโอดครวญไม่ได้ หรือมีใครเกิดสงสารนายกฯ จะบอกว่าทำรุนแรงกับนายกฯฯ มากไป ผมว่าอย่างนั้นเป็นการเข้าใจผิด และก็ใช้หลักของความเป็นพิเศษ เช่นความเป็นผู้หญิง เพศที่อ่อนแอกว่า มากลบเกลื่อน ปัญหาทางการเมืองของตน..มันไม่ใช่ เมื่อเราบอกว่าหญิงชายเท่าเทียวมกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นหญิงชาย ต้องรับสภาพสิ่งนั้นเหมือนกันเมื่อคุณมาเป็นนักการเมือง เมื่อถูกโจมตีกล่าวหา คุณต้องชี้แจง อธิบาย ถ้าเผื่ออธิบายไม่ได้ ได้ไม่ดีเพราะตัวเองไม่ได้ถูกฝึก ถูกเตรียมมาเป็นนักการเมือง ก็ต้องโทษถึงคนที่ผลักไสเข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้ และต้องโทษตัวเองด้วยยังอดทนให้คนเขาใช้”

ยิ้มร่ารับฉายา 'ปูปวกเปียก'
“เท่าที่เห็นบรรยากาศเอาเป็นว่าตั้งฉายาจากการถูกอภิปราย ต้องเรียกว่า 'ปูปวกเปียก' มันสะท้อนถึงวุฒิภาวะของผู้นำ” ประธานสาขารัฐศาสตร์ท่านเดิม นิยามคำจำกัดความ นายกฯฯ หญิง ในเวลานี้

สำหรับท่าทียิ้มรับคำอภิปรายของนายกฯหญิง ก็ซ่อนนัยะของความอ่อนไหวทางอารมณ์อยู่ด้วย ไม่แน่ว่าหากถูกกดดันมากๆ อาจจะส่งผลกระทบต่อวุฒิภาวะทางอารมณ์ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม กฎหมายให้ความคุ้มครองสมาชิกรัฐสภาให้ได้กล่าวหรือแถลงข้อเท็จจริง โดยไม่สามารถฟ้องร้องเอาความกันได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการของรัฐศาสตร์ “การให้เอกสิทธิ์ของ ส.ส., ส.ว. ถือว่าเป็นการคุ้มครองเสรีภาพ กับผู้ที่ทำหน้าที่เพื่อประชาชน ในฐานะที่พวกเขาเป็นนักการเมืองของปวงชน เพราะฉะนั้นการที่เค้าพูดบางสิ่งบางอย่างไป ซึ่งมันอาจก่ำกึ่งกับการกล่าวหาว่าร้าย หมิ่นประมาท ก็จะต้องยกไว้ในฐานที่เข้าใจว่าเป็นการทำหน้าที่ ไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวหา หรือให้ร้าย”

บางครั้งผู้แทนฯ บางคนก็ใช้ถ้อยคำรวมทั้งมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งการแสดงออกตรงนี้จะอธิบายถึงวุฒิภาวะของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี แต่การเป็นนักการเมืองนั้นพึ่งระลึกเอาไว้เลยว่าคุณต้องมีคุณลักษณะพิเศษ เพื่อให้สมเกียรติที่ถูกเลือกเข้ามาเป็นผู้แทนของราษฎร

“มีหลักคิดอีกอย่างนึง ส.ส., ส.ว. จะต้องเป็นคนพิเศษ ถ้าจะมีกิริยามารยาทอะไรต้องพิเศษด้วย เหมือนพระ คุณเป็นนักการเมืองถือว่าคุณอยู่ในฐานะที่พิเศษกว่าประชาชน แต่ถ้าเกิดคุณมาทำความเลวร้ายก็ถือว่าคุณไม่ได้ยกระดับตัวคุณเองเป็นนักการเมืองอย่างแท้จริง เป็นนักการเมือง ต้องอดทน ต้องเข้มแข็ง ต่อสู้ได้ ต้องมีปฏิภาณไหวพริบ ต้องมีสติปัญญาที่จะตอบโต้”

ผศ.ทวี กล่าวทิ้งท้ายว่า ในการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ถ่ายทอดผ่านช่องฟรีทีวี นั้นมีนัยยะซ่อนอยู่ 2 แง่มุม คือ ดรามาติก (การแสดง) กับเรียลลิสติก (ตัวข้อมูล) แน่นอนว่าการประชุมนี้เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพราะอย่างครั้งนี้คนไทยก็ได้เห็นข้อมูลที่เกือบหลงลืม ในเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นของผู้นำรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง เมื่อประชาชนทราบข้อมูลทราบข้อเท็จจริง ก็จะพิจารณาได้เองว่าเป็นเรื่องนั้นๆ เป็นเรื่องชั่วช้าเลวทรามแค่ไหน?

….....................
เรื่องโดย ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live
ภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @winaithornPNC

กำลังโหลดความคิดเห็น