ใบหน้าพริ้มพรายของ 'หญิงแย้' หรือ 'แย้ - นนทพร ธีระวัฒนสุข' ยากนักที่ละสายตา ยิ่งมาอวดเรือนร่าง 'เป๊ะ' ถ่ายแฟชั่นเซตเซ็กซี่ซอฟต์ๆ (นิตยสาร Mars ประจำเดือนสิงหาคม) งานนี้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คงตกอยู่ในภาวะ 'ฟิน' ไปตามๆ กัน
พริตตี้ฮอตติดลมบน ยืดอก(ที่ผ่านการอัปไซส์มาแล้ว)สารภาพชีวิตหลังผ่านมีดหมอมานับครั้งไม่ถ้วน จนใครหลายคนยกตำแหน่ง 'เจ้าแม่ศัลยกรรม' จากสาวหมวยเรียนเก่งกับความคิดที่ว่า 'ฉันต้วงสวยควบคู่ไปด้วย' ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าความสวยเป็นเพียงต้นทุนชีวิต แต่กำไรหลังจากนั้นอยู่ที่สมองล้วนๆ
แน่นอก! เพราะมีดหมอ
นับดูก็ผ่านมา 5-6 ปีแล้วสำหรับการตัดสินใจทำศัลยกรรมของหญิงสาว ไล่ตั้งแต่ หน้าอก, ตา ,ปาก, และโบท็อกซ์ที่ยังต้องฉีดประจำ แย้ พูดถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปขึ้นสั้นๆ
“ทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ชีวิต ความฝัน แล้วก็อาชีพ เปลี่ยนหมดเลยทุกอย่าง ความภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่”
ออกตัวเลยว่าไม่ได้เสพติดศัลยกรรม เพียงแต่รู้จุดบกพร่องของตัวเองแล้วเลือกที่ปรับเปลี่ยนด้วยวิธีทางการแพทย์ แย้ เริ่มทำศัลยกรรมในช่วงที่กำลังศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร ที่สำคัญใช้เงินออมของตัวเองล้วนๆ
“ซึ่งตอนนั้นที่อยากทำเป็นเพราะว่าเพื่อนในมหาวิทยาลัย มันมีหลายคนที่ทั้งสวยทั้งเก่งแต่เราเนี้ย เก่งอย่างเดียว ไม่สวย อ่ะ! อาจจะสวยนิดนึงก็ได้ แต่ก็รู้ว่ายังสวยน้อยไปหน่อย เฮ้ย! ทำไมเมื่อเรารู้จุดบกพร่องบนใบหน้าของเราว่าเราขาดจมูกไป ทำไมไม่ทั้งสวยทั้งเก่งไปเลยละ ก็ไปทำศัลยกรรม”
ถามถึงครอบครัวก็ลงมติตรงกันว่าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของลูกสาว แต่พวกท่านก็ให้น้ำหนักกับการตัดสินใจของเธอ รูปถ่ายใบเก่าเทียบเคียงกับใบหน้าในปัจจุบัน เรียกว่าเปลี่ยนหมวยหน้าบ้านๆ ให้สวยสะพรั่งอย่างที่เห็น
แย้ เข้าสู่แวดวงพริตตี้จากการชักชวนของเพื่อน ไม่นานเธอทะยานสู่ตำแหน่งพริตตี้แถวหน้า เรียกว่าชื่อเสียงเงินทองคืนทุนค่าใช้จ่ายที่นำไปทำศัลยกรรมเป็นที่เรียบร้อย ส่วนตอนนี้กำไรล้วนๆ เธอบอกว่าแม้จะละทิ้งความฝันการเป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ แต่ครอบครัวก็ภูมิใจในสิ่งที่เธอเลือกเป็นในวันนี้
เปลือยใจพริตตี้มหานิยม
ในวงการพริตตี้มั่นใจว่าไม่ใครไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ 'หญิงแย้' อย่างไรก็ตาม สังคมยังมองพริตตี้ด้วยทัศนคติลบแต่เนื้อแท้ของลักษณะงานพวกเธอไม่ใช่ได้หน้าตาเพียงอย่างเดียว ยังต้องมีทักษะความสามารถในการสื่อสารที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ถึงแม้แย้จะแขวนเต้าในวงการนี้ไปแล้วแต่เธอ และพริตตี้สาวสวยอีก 2 นาง ก็นำประสบการณ์ในสายงานจรดปากกาแชร์ให้ผู้สนใจได้อ่านกันในหนังสือเรื่อง 'ฉันคือพริตตี้มืออาชีพ'
“ต้องเรียกว่าเป็น How To เรื่องของชีวิตก่อน-หลัง ที่เป็นพริตตี้ค่ะสำหรับหนังสือเล่มนี้ ส่วนทำไมต้องเป็นสามคน เพราะว่าทุกอาชีพจะมีคนหลากหลายแบบ ดังนั้นการที่หนังสือเล่มหนึ่งมีคนเขียนถึงสามคนเนี่ย น่าจะทำให้ผู้อ่านได้รับแง่มุม ความคิดของพริตตี้ทั้งสามแบบ สามคาแรกเตอร์เลยจะได้รู้ว่ามันแตกต่างกันยังไง แล้วก็ผู้อ่านได้อรรถรสทำให้หนังสือน่าอ่านมากยิ่งขึ้น และคนที่อยากเอาไปใช้จริงก็สามารถที่จะเอาไปประยุกต์ให้เข้ากับคาแรกเตอร์ของตัวเอง ตอนเขียนแย้จะพูดเหมือนตัวจริงเลยค่ะ คือถ้าใครรู้จักแย้ พอมาอ่านหนังสือเล่มนี้จะรู้สึกได้เลยว่า นี่เธอเป็นตัวของตัวเองมากไปหรือเปล่า แย้เขียนตามจริง ตามที่คิด แต่พยายามทำทุกอย่างให้เป็นกลางที่สุด”
เธอ เปิดใจถึงวงการพริตตี้ “รู้สึกว่าทุกอาชีพที่มีทั้งไปทางขาว และไปทางดำ ไม่มีอาชีพไหนทั้งขาวล้วน ดำล้วน อาชีพพริตตี้ก็เหมือนกัน คนเราก็มีหลายแบบ อย่างข้าราชการมีทั้งคนดีและไม่ดี พริตตี้เองก็มีทั้งดีและไม่ดี”
หลายคนยังมองว่าเป็นพริตตี้นั้นเปลืองเนื้อเปลืองตัวเพื่อแลกกับเงินจำนวนไม่เท่าไหร่ อาจจะจริงส่วนหนึ่งพริตตี้มืออาชีพ เปิดใจถึงที่ที่ได้รับจากทางสายนี้
“สำหรับแย้ มันเป็นบันไดก้าวใหญ่ในชีวิต ทำให้แย้ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง สิ่งสำคัญคือการได้รู้จักการทำงานของคนหลายๆ องค์กร หลายๆ บริษัท สมมุติถ้าเราเป็นพนักงานออฟฟิศเราก็จะรู้แค่บริษัทเดียว เราจะรู้บริษัทอื่นก็ต่อเมื่อย้ายออกไป แต่ในขณะที่เป็นพริตตี้เราก็รู้ทุกบริษัท ทุกเอเยนซี่”
ส่วนตอนนี้แย้เลิกงานพริตตี้มาได้ 2 ปีเต็มๆ แล้ว “เลิกทำเพราะก็ตั้งใจเรียนปริญญาโท แล้วก็ตอนนี้ก็มีสื่อเป็นของตัวเองคือพวกโซเชียล แคม, อินสตาแกรม ดังนั้นสื่อของแย้มันก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการโปรโมตอะไรต่างต่างนานาได้”
สำหรับน้องๆ รุ่นใหม่ที่สนใจงานพริตตี้จำนวนไม่น้อยคงยึดพริตตี้รุ่นพี่ผู้นี้เป็นไอดอล แย้ เผยความรู้สึก “รู้สึกภูมิใจ (หัวเราะ แหะๆ) แต่ฝากไว้นิดนึงว่าเด็กๆ คนไหนที่อนาคตอยากเป็นพริตตี้ขอให้อาชีพพริตตี้เป็นแค่บันไดก้าวหนึ่งของชีวิตพอ มันไม่ใช่บันไดขั้นสูงสุด”
บอกเลย! ยังไม่ถึงเวลาหยุดสวย
ถึงเวลาหยุดสวยหรือยัง? “อย่างที่บอกผู้หญิงอย่างหยุดสวย คือแย้ไม่สนใจว่าฉันต้องทำศัลยกรรมเพื่อความสวย เพราะว่ามีวิธีอื่นที่ทำให้เราสวยขึ้นได้อย่างเช่นแต่งหน้า ทำผม แต่งตัวดีๆ เวลาเค้ามีนวัตกรรมเครื่องสำอางค์ใหม่ๆ มา เราก็ใช้ๆๆ ก็สวยขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งศัลยกรรมตลอดไปหรอก”
สำหรับเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพหลังการทำศัลยกรรมก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องถามถึง “ไม่กังวลเพราะว่ามันปลอดภัย ไม่ใช่ว่าอยู่ข้างหมอ มีแฟนเป็นหมอแล้วไม่กังวลนะคะ เพราะว่าคือเหมือนกับเราผ่านกรรมวิธีการทำที่ถูกต้อง ก็เลยไม่ต้องกังวล”
เธอเปิดใจว่ารู้สึกพอใจกับหน้าตาแล้ว เพียงแต่ “พอใจกับหน้าตาแล้วคะ แต่ตอนนี้รูปร่างเริ่มเผละแล้ว เพราะว่าไม่มีเวลาออกกำลังกายแล้วก็กินเยอะ เอ็นจอยอีตติ้ง”
ส่วนตัวนี้ที่ยังทำอยู่ประจำก็คือฉีด โบท็อกซ์บริเวณกราม “แย้ศึกษาค่ะ จริงๆ ก็มีเรื่องฉีดเรื่องนู้นเรื่องนี่เข้ามา เราต้องหาว่าฉีดเนี้ยถึงแม้จะเป็นสารที่ถูกต้องสารที่เค้ารับรองว่าปลอดภัยแต่ไปๆ มาๆ สุดท้ายทุกคนก็เหมือนกับยังคงค้างอยู่ในร่างกายเรา มันไม่สลายไปหมด ทีนี้การที่ค้างอยู่มันไม่ใช่เรื่องดี”
ส่วนจะมีอะไรที่จะศัลยกรรมเพิ่มเติมหรือเปล่าเจ้าตัวตอบขึ้นอย่างไม่ลังเล “ในอนาคตน่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขความชรามากกว่า เอาง่ายๆ ก็คือชลอวัยมากกว่า”
ปกติมักเห็นใบหน้าเธอใต้เมกอัพ “แย้ไม่กล้าออกจากบ้านโดยที่ไม่มีเมกอัพ เนื่องจากว่าแย้กลัวว่าถ้าออกจากบ้านไม่มีเมกอัพปุ๊บ แล้วคนมาเจอเราแล้ว เฮ้ย! หญิงแย้ไม่สวยเหมือนไม่รูปเลย (ทำเสียงเล็กเสียงน้อยออกรส) มันจะติดใจ”
ทีมงานหยอกถามว่าแล้วตื่นมาเห็นตัวเองหน้าสด รู้สึกอย่างไร “ก็รู้สึกสวยแล้วธรรมชาติ (เค้นหัวเราะ) เอางี้ดีกว่าคือหน้าสดแย้ก็ไม่ถึงขั้น บรื๋ย! ขนาดนั้น ยังโอเค พอดู”
แม้ประเทศเกาหลีจะโด่งดังในเรื่องการศัลยกรรม แต่หญิงสาวคนนี้สวยด้วยคุณหมอชาวไทยแท้ๆ แถมเขายังมีดีกรีเป็นแฟนหนุ่มที่ศัลยกรรมให้แย้มาตลอด
การลงทุนมีความเสี่ยง
อย่างที่ทราบ การศัลยกรรมมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยทีเดียว ถามว่าเด็กสาววัย 20ในวันนั้นหาเงินมาจากที่ไหน แย้ ตอบขึ้นทันควัน
“เงินเก็บเอง พอดีว่าตอนนั้นได้ปันผลหุ้น คุณพ่อคุณแม่แนะนำค่ะ ท่านเป็นหมอเคยเปิดคลินิกมาก่อน แต่ก็มาลงทุนแทน ขอเรียกว่าลงทุนดีกว่า เพราะเรียกว่าเล่นหุ้นมันเหมือนซื้อเช้าขายเย็น แต่อันนี้ไม่ใช่ ของแย้เหมือนเป็นการออมอย่างนึงก็คือไม่ได้ฝากธนาคารใช้วิธีฝากหุ้นแทน เลือกหุ้นที่ไม่มีปัจจัยสูง พื้นฐานดี ผลประกอบการดี
“เริ่มมาตั้งแต่อายุ 15 ค่ะ แต่ตอนอายุ 15 ต้องเป็นพอร์ตของคุณพ่อคุณแม่ แต่ของคุณพ่อคุณแม่จะแบ่งแยกกันชัดเลย อันนี้เป็นพอร์ตของลูกคนนี้ๆๆ คุณแม่มีลูก 3 คน ก็จะแบ่งกันเลย แล้วพออายุครบ 20 ปุ๊บ บรรลุนิติภาวะก็ใช้พอร์ตของตัวเอง แต่ตอนนี้คนที่ดูแลหุ้นของแย้ก็คือคุณแม่ งานค่อนข้างเยอะ ไม่ค่อยมีเวลา”
แม้เป็นการลงทุนที่เพิ่มพูนเงินออม แต่ก็มีขาดทุนอยู่เหมือนกัน “มีเป็นอารมณ์ขาดทุนกำไร เอ๊ะ! ถ้าฉันขายเมื่อเดือนที่แล้วฉันก็ได้กำคลีไรเยอะกว่านี้ แต่ไม่ใช่ว่าขาดทุนเลย ยังไม่มี สมมุติซื้อตั้งแต่ราคา 9 บาท จนมันขึ้นไป 30 - 40 บาท ก็ไม่ขายซักที จนมันลงมา 20 กว่า แต่ถ้าถามว่ามีเงินในพอร์ตเท่าไหร่ไม่ตอบนะ (หัวเราะ)”
เพราะลงทุนด้วยวิธีนี้มาตั้งแต่เด็กและเห็นผลกำไร หญิงสาวจึงมักแนะนำการออมเงินลักษณะลงทุนเล่นหุ้นแก่คนสนิท
“แย้แนะนำแฟน แฟนแย้ที่เป็นคุณหมอ คุณหมอจะเป็นอะไรที่แบบ หม๊อ..หมอ ยังไม่อยากจะลงทุนอะไร กลัวความเสี่ยงนู้นนี่อะไรอย่างนี้ แต่แย้ก็แนะนำให้เค้าลงทุนให้เค้ารู้จักโบรกเกอร์ที่เก่ง เค้าก็เลยโอเคซัสเซสดี ตัวไหนที่เค้าตัดสินใจซื้อเองเค้าก็ขาดทุน ตัวไหนที่เชื่อโบรกเกอร์เค้าก็กำไรค่ะ (หัวเราะ)”
ความรักไม่ใช่เรื่องพรหมลิขิต
ส่วนตัวเธอไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิต ฉะนั้น เรื่องราวความรักระหว่าง 'คนไข้' กับ 'หมอศัลยกรรมเสริมความงาม' ก่อตัวขึ้นได้อย่างไรคงต้องปล่อยเป็นคำถามที่ไร้คำตอบ
หญิงสาว เล่าว่า ทุกตารางนิ้วที่ผ่านการศัลยกรรมเป็นฝีมือของคุณหมอแฟนหนุ่ม แน่นอนว่าความรู้สึกดีๆ ของทั้งคู่เริ่มต้นก่อนที่แย้จะตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองด้วยมีดหมอ
“แย้ก็ไม่รู้หรอกมันจะเป็นพรหมลิขิตหรือเปล่า”
สาวสวยแง้มหัวใจ บอกเล่าถึงความรู้สึกดีๆ ที่ก่อตัวขึ้น “ตอนที่ไปเจอคุณหมอเนี้ย แย้ทำจมูกครั้งแรกแล้วเรียบร้อย หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าหน้าบานอยากฉีดโบท็อกซ์ก็เลยฉีดโบท็อกซ์ก็เลยเจอกับคุณหมอ แต่ตอนนั้นไม่ได้ปิ๊งกัน พึ่งมาปิ๊งกันตอนหลัง
“ครั้งแรกเฉยๆ เลยอะ เพราะว่าแย้มีความรู้สึก เฮ้ย! คุณหมอก็แก่แล้ว คือเราเพิ่ง 21 คุณหมอ 36 อ่ะ เออ! หมอเหี่ยวจัง คือเราไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะตอนนั้นเราก็มีแฟนรุ่นราวคราวเดียวกันมาตลอด คือรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว หมอน่าจะมีครอบครัวแล้วเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย เพราะคุณหมอเองก็ไม่ได้หล่อขนาดนั้น หน้าเหมือน แมนนี่ ปาเกียว (หัวเราะ)
“ทีนี้ด้วยความงกของแย้ แทนที่แย้จะเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นเด็กมาก ไม่มีความรู้ เด็กแบบบ้านนอก เงอะๆ งะๆ รู้สึกว่าการที่ไปโรงพยาบาล แย้ต้องนั่งรถไฟฟ้าแล้วต่อแท็กซี่ แพงจ้า.. และถ้าไปโรงพยาบาลก็กลัวว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการพบแพทย์ ก็ไม่อยากไป เราก็ถาม..คุณหมอคะ มีวันไหนที่คุณหมอจะมาแถวพารากอน หรือ เซ็นทรัลเวิร์ล แต่ถามว่าแย้ไปเดินพารากอนทำไม? อ๋อ..เปล่า! ไปกินแมคโดนัล คือเราก็ไปตากแอร์เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ไม่ได้มีเงิน ไปเดินเล่นวันเสาร์อาทิตย์ ผ่อนคลาย ก็เลยนัดคุณหมอที่พารากอน ก็เลยได้คุยกันเพิ่ม เสร็จแล้วแย้ก็บอกจะกลับบ้านแล้วค่ะ คุณหมอก็ถามว่ากลับยังไงไปส่งมั้ย? แย้ก็บอก..ไม่เป็นไรค่ะ กลับรถไฟฟ้า คุณหมอก็บอกไม่เป็นไรเดี๋ยวไปส่ง แย้ก็โอเครถฟรี..ก็เลยไปกับคุณหมอ ปรากฏว่าขึ้นรถคุณหมอคุณหมอก็เปิดเพลงๆ นึง เราก็เฮ้ย! คุณหมอวัยรุ่นจังเลย บ้าจริง! (หัวเราะ)
“แล้วก็กลับถึงบ้านไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณหมอก็ลงเมสเสดมาว่าเป็นภาษาอังกฤษนะ แค่ได้เห็นหน้าคุณก็มีความสุขแล้ว ฮิ้วว.. บ้าจริง? เล่าเองอายเอง”
ลั้ลลา.. สาวโลกสวย
รู้สึกประทับใจอะไรในตัวผู้ชายคนนี้ แย้ ตอบขึ้น “ความเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็เหมือนกับว่าทั้งแย้ทั้งพี่หมองานยุ่งทั้งคู่ ก็เลยต่างคนต่างไม่มีเวลาว่างก็เลยมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน และทั้ง 2 คน ก็มีความคิดที่ว่าไหนๆ ก็มีโอกาสได้เจอกันน้อยแล้ว เราก็อยากให้ทุกครั้งที่เจอกันเนี่ยเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข แล้วอีกอย่างหนึ่งอยู่ที่ตัวแย้ด้วยแหละ คือแย้จะเป็นคนที่ไม่โกรธไม่หือไม่อือตามที่เห็นตามสื่อต่างๆ แย้ก็เป็นอย่างนั้นแหละ”
ถามว่าการแต่งงานสำคัญหรือเปล่า หญิงสาว พูดขึ้นอย่างไม่ลังเล “สำหรับแย้ถ้าไม่ได้รับอิทธิพลทางความคิดของคนอื่น คือไม่ค่อยสำคัญ”
แย้ ทิ้งช่วงก่อนเปรยให้จบประโยค “แต่ถ้าได้รับอิทธิพลคนอื่นแล้ว โดยเฉพาะคุณแม่สำคัญมาก เพราะมันเหมือนเป็นการคอมมิตอย่างนึง ไม่ให้ผู้ชายลั้ลลา เพราะนึกภาพดูนะ ถ้าผู้หญิงอายุ 40 ก็คือเหี่ยวแล้วอ่ะ แต่ผู้ชายอายุ 40 นยังปึ่งปั๋งดึ๋งดั๋งอยู่เลย 50 ก็ยังควงเด็กได้ 60 ก็ยังควงเด็กได้อยู่ ในขณะที่ผู้หญิง 50-60 นี่ควงลูกอย่างเดียว”
เสน่ห์ของผู้หญิงอยู่ที่อะไร คำตอบคงแตกต่างกันไป สำหรับแย้ละ? “คือการที่ทำให้คนรอบข้างเรามีความสุขได้ การที่ทำตัวไม่ต้องเป็นปัญหา”
ผิทธิตลอดการสนต์ทนาหญิงสาวแทรกอารมณ์ขันไม่ขาด ถึงไม่ถามก็คงเดาได้ว่าเธอน่าจะอารมณ์ดีมองโลกแง่บวกแค่ไหน แน่นอนแหละบางทีการมองโลกในแบบของเธอก็บั่นทอนจิตใจอยู่บ้าง
“แค่อาจจะทำให้เสียความรู้สึก หรือว่าทำให้เราคิดมาก หรือว่าทำให้เรารู้สึกแย่ แค่นั้น..”
อย่างนี้เวลาเกิดความเครียดจัดการอย่างไร “ไปเตะบอล อ่ะ! ไม่ใช่ (หยอดมุขอีกแล้ว) ก็อ่านคอมเม้นต์แฟนคลับ เพราะว่าแฟนคลับเค้าจะคอมเม้นท์น่ารักอ่ะ (ทำเสียงออดอ้อน) อ่านแล้วเราก็หัวเราะร่า ก็ดีคะ เพราะส่วนใหญ่แฟนคลับน่ารัก”
สำหรับผลงานตอนนี้ แย้ บอกว่า กำลังถ่ายละครเรื่องลูกหนี้ที่รัก ละครเฉลิมพระเกียรติ ออกอากาศทางช่อง 3, ทำยูทิวบ์ชาแนลของตัว(http://www.youtube.com/user/YaeUUNWS) และรายการรูมเมท ออกอากาศทางยูทิวบ์เช่นกัน (http://www.youtube.com/roommateth)
ซึ่งถ้ามีโอกาสได้ดูรายการรูมเมทจะสัมผัสถึงความรั่วของพริตตี้สาว และอมยิ้มไปการหยอดมุขแบบถี่ยิกของเธอแน่ๆ
“รายการนี้จะค่อนข้างติดเรทเยอะนิดนึง เนื่องจากว่าโดยส่วนตัวเป็นคนทะลึ่งตึงตังในหัวก็เลยมีแต่เรื่องพวกนั้น เป็นรายการไร้ซึ่งสาระ (หัวเราะ) คือแย้จะบอกว่าทำรายการไม่ต้องมีสาระมันก็ดีนะ คือเราได้รับสาระเกินไปมันก็เกิดความเครียดได้ คือทุกวันนี้โลกเรามันก็มีเรื่องต้องเครียดเยอะแล้ว อยากจะฝากว่าใครเครียดๆ อยู่ก็ขอให้ดูรายการนี้ เอาง่ายๆ ว่าคนเข้ามาดูหาสาระไม่ได้ แต่มีความสุข จบ”
ถ้าเห็นเพียงภาพนิ่งกับลีลาการโพสต์สวยๆ คงคิดไปเองว่าเธอคงเป็นผู้หญิงประเภท สวย ไฮโซ “ไม่นะ ปกติแย้ไม่ได้มีภาพลักษณ์สวยไฮโซอยู่แล้ว เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า?” แย้ พูดแทรกทันที
เพราะตัวตนของเธอที่เห็นผ่านสื่อ ออกแนวรั่วและฮามาก ถ้าใครเป็นแฟนติดตามแย้ก็จะเห็นว่าหลายๆ ครั้งเธอทำอะไรที่บ้ามาก
“คือแย้เหมือนสินค้าอย่างหนึ่งที่ต้องขายตัวเอง เมื่อใดที่แย้หยุดโชว์ความฮา หยุดโชว์สิ่งที่คนเค้าสนใจกัน กระแสเราก็จะตก ความนิยมเราก็จะลดลง ฉะนั้นเราต้องให้มันต่อเนื่อง เพราะว่าคนฟอลโล้แย้ตั้ง 3 แสนกว่า แล้วคนฟอลโล่ แย้คือความสุข ความสนุกสนานจากการที่ดูอินสตาแกรมของเรา ก็คือทำอะไรก็ได้ให้มันตอบโจทย์ลูกค้า ตอบโจทย์คนดูให้ได้มากที่สุด”
…............................
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite
ขอบคุณภาพประกอบ : นิตยสาร Mars, Instagram @yae_uunws
คลิปรายการ Roommate
คลิปจากยูทิวบ์ชาแนลของเธอ YaeUUNWS
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : นนทพร ธีระวัฒนสุข ชื่อเล่น : แย้
วันเกิด : 20 เมษายน 2530 น้ำหนัก-ส่วนสูง : 168 ซม. / 47 กก.
การศึกษา : กำลังศึกษาปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ (หลักสูตร MBA ) Stamford International University
ปริญญาตรี - คณะอักษรศาสตร์ เอกวิชาภาษาอังกฤษ โทวิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
มัธยมศึกษา - โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย
ผลงาน : Mc พริตตี้ พรีเซนเตอร์ งานสินค้าต่างๆ
Mc พริตตี้งานมอเตอร์ โชว์ และมอเตอร์ เอ็กซ์โป
ละครซิทคอม สถานีบานฉ่ำ ทางช่อง 3
นางแบบและพรีเซนเตอร์ Smooth E, มหกรรมสินค้าราคาถูก กระทรวงการคลัง, TrueMove ฯ
นางแบบโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต ม.หอการค้าไทย ปี 2551
นางแบบนิตยสาร Cheeze, สุดสัปดาห์, Candy
มิวสิค วิดีโอ เพลงพระเอกตัวจริง และเพลงโดนทำร้ายหัวใจ วง Daddy Dog, เพลงไม่เกลียดแต่ไม่กลับ และเพลงเรื่องรัก วง Ztudiotomo, เพลงแก้เหงาให้ไหม เมย์ เดอะสตาร์ 4 ฯลฯ