xs
xsm
sm
md
lg

'แพทริเซีย กู๊ด' ลักยิ้มเสน่หานางเอกป้ายแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พูดถึงละครพีเรียดที่โกยเรตติ้งอยู่ในเวลานี้ คงต้องยกให้เรื่อง 'แค้นเสน่หา' (ออกอากาศทางช่อง 3) นอกจาก 'ผีอีเฟือง' ตัวชูโรงเร่งเคลื่อนความแค้น นักแสดงวัยละอ่อนแต่ละคนต่างน่าจับตามอง โดยเพราะสาวแก้มบุ๋ม 'แพท - แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด' ผู้รับบท 'รุ้ง ปัณณธร' หญิงสามัญชาติกำเนิดสูงศักดิ์แต่มิอาจเปิดเผย ที่ขึ้นแท่นนางเอกเต็มตัวด้วยวัยเพียง 15 ปี

ชื่อเสียงเรียงนามฝรั่งจ๋าเสียขนาดนี้ก็คงเดากันได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวเป็นลูกครึ่ง คุณพ่อของแพทเป็นหนุ่มเมืองผู้ดีอังกฤษ ส่วนคุณแม่งามอย่างไทยแท้ๆ สำหรับละครเรื่องแค้นเสน่หานั้นเป็นละครเรื่องที่ 2 ที่ขึ้นแท่นนางเอกเต็มตัว ปี 2555 แพท ได้ชิมลางละครเรื่องหนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ในบทบาทลูกสาวของพระเอกล่ำมาแล้ว

ละครออนแอร์ไปหลายตอนแล้ว เชื่อว่าฝีไม้ลายมือของนางเอกผู้นี้คอละครต่างยกนิ้วให้ ไม่ใช่เพียงความน่ารักแต่ม่านมายาพรางตาให้เชื่อว่าเธอเข้าถึงบทบาทตัวละครที่ได้รับจริงๆ





หนูไม่คิดว่าจะได้เป็นนางเอก
เป็นนักแสดงสมัยนี้หน้าตาดีอย่างเดียวใช่ว่าจะได้รับโอกาสถึงระดับพระนางได้ง่ายๆ แต่โชคชะตาได้มอบโอกาสให้เด็กสาววัย 15 ปี

แพท เข้าตาผู้จัดละครดังเข้าอย่างจังจนได้รับเลือกให้เข้ามาเป็น นางเอกในละครพีเรียด แค้นเสน่หา เรียกว่าเรื่องนี้พิถีพิถันในเนื้องานทุกกระบวนการผลิต เพราะควบคุมการผลิตโดยผู้จัดมือฉมัง ไก่ - วรายุฑ มิลินทจินดา

แค้นเสน่หา เล่าเรื่องตั้งแต่ครั้งรุ่นพ่อรุ่นแม่ของพระนาง เปลี่ยนผ่านสู่รุ่นลูก ที่ค่อยๆ เติบโต วาดฝีไม้ลายมือทางการแสดงให้ผู้ชมได้ชมกันอย่างเต็มอรรถรส 'แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด' ประกบคู่พระเอกรุ่นพี่ 'สน - ยุกต์ ส่งไพศาล' เป็นครั้งแรกพร้อมนักแสดงหน้าใหม่ที่เข้ามาสร้างสีสัน

เจ้าของแก้มนวลปรากฏร่องลักยิ้ม ก่อนเผยความในใจ “ไม่คิดว่าจะได้เป็นนางเอกเต็มตัวเร็วขนาดนี้ อายุ 15 ปี ได้บทนางเอก ตื่นเต้นค่ะ ฟีดแบ็กก็ดีนะค่ะ ละครออนแอร์ทุกคนก็ชม ผีน่ากลัวมาก ทำให้คนอยากดูรุ่นลูก ก็รู้สึกดีใจที่คนอยากดูเราต่อ”

แพท เล่าถึงบทบาท รุ้ง ในละครเรื่องนี้ว่าเธอจะ หวาน เรียบร้อย เป็นกุลสตรีไทย ถ้าเปรียบเทียบนิสัยกับตัวเองไม่ค่อยจะคล้ายกันเท่าใดนัก จะพอถูๆ ไถ ก็เป็นเรื่องของน้ำเสียงเสียมากว่า

“เค้าจะเป็นคนเรียบร้อยมาก หวานมาก พูดช้าๆ หนูก็ฟังเสียงตัวเองในทีวี เราว่าเสียงก็หวานนะคะ มันเหมาะกับที่จะเล่น เพราะว่าถ้าเล่นบทแก่นๆ หนูคงไม่เข้าอะค่ะ เพราะว่าเสียงหนูไม่ห้าว หวานๆ มันก็ตรงข้ามนิดนึง เพราะว่าบทรุ้งตอนโตจะยาก แต่งงาน ทำงานเป็นพยาบาล อาชีพพยาบาลต้องไปเรียนรู้กับการทำอาชีพนี้ มันค่อนข้างจะไกลตัว บทรุ่งเค้าจะเรียบร้อย น่าสงสาร ดราม่า โดนคุณฉัตร(พระเอก)แกล้ง แต่ก็ยังทำทุกอย่างเพื่อเค้า เพราะอยากจะตอบแทนบุญคุณที่พ่อพระเอกเก็บมาเลี้ยง แต่พระเอกไม่เคยเห็นความสำคัญ”

เจ้าตัวยืนกราน “มันตรงข้ามที่หนูไม่ได้เป็นคนหวานขนาดนั้น หนูจะไม่ค่อยเรียบร้อย บางครั้งหนูใส่กระโปรงไปกองถ่าย ทุกคนจะถามว่าใส่กางเกงขาสั้นหรือเปล่า หุบขาหน่อย เพราะหนูจะสบายๆ ชอบใส่กางเกงยีนส์ เสื้อยืด ไม่หวานมาก (ยิ้ม)”

หลายเสียงบอกหน้าคล้ายดารารุ่นพี่
เรียกว่าถูกทักตลอดเวลาเรื่องใบหน้าละม้ายคล้ายดารารุ่นพี่ 'ญาญ่า - อุรัสยา เสปอร์บันด์' และ 'วิกกี้ - สุนิสา เจทท์' งานนี้แพทตอบผ่านสื่อว่ารู้สึกดีใจที่ถูกมองว่าคล้าย แต่ออกตัวเลยว่า 'หนูไม่คิดเทียบ'

พี่ญาญ่าน่ารักค่ะ หนูเคยเจอเขาแล้ว เขาก็เป็นตัวของเขาหนูก็เป็นตัวหนูของหนู หนูชื่นชอบเขาอยู่แล้วยังไงก็เทียบกันไม่ได้ค่ะ ถามว่ากดดันไหมคนเอาไปเปรียบเทียบก็คือดีใจนะคะที่คนบอกว่าหน้าเหมือน เพราะว่าพี่เขาสวยมากๆ เก่งมาก แล้วก็รู้สึกดีมากๆ ที่พี่เขาเหมือนมาอยู่ในตัวเรา คนก็พูดว่าหนูคล้ายพี่ญาญ่าแล้วก็คล้ายพี่วิกกี้ด้วย ก็รู้สึกดีนะแต่ถ้าจะมาแทนเลยคงไม่ใช่หรอกค่ะ มันคนละคนกันคงยากที่จะมาแทนใครได้ค่ะ”

ดารานักแสดงปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟนคลับเป็นคนสำคัญที่คอยซับพอร์ต ยิ่งสมัยนี้แฟนคลับดูจะมีอิทธิพลมากเสียด้วยการโดนเปรียบเทียบกับนักแสดงรุ่นพี่ทำเอานางเอกใหม่รู้สึกประหม่าทีเดียว

ก็กลัวแฟนคลับพี่ญาญ่าแอนตี้เหมือนกัน แต่หนูไม่ได้อยากจะมาแทนใคร หนูไม่อยากให้คนมองว่าหนูมาแทนใครค่ะ หนูไม่อยากจะไปเปรียบเทียบกับใครแล้วหนูก็จะทำหน้าที่ของหนูให้ดีที่สุด ก็คงไม่ต้องคุยอะไรกับพี่เขาค่ะ เพราะว่าหนูเคยคุยกับพี่เขาน่ารักมาก แล้วพูดกันน่ารักดีหนูชอบพี่เขา”

วงในเม้าท์กันว่า แพท กลายเป็นลูกรักของ ไก่ - วรายุฑ ไปแล้วเพราะบทนางเอกแห่ง แค้นเสน่หา ผู้จัดคนดังประคบประหงมปั้นจนคนดูเชื่อว่าสาวน้อยคือ รุ้ง นางเอกในเรื่องจริงๆ

“ตอนนี้ก็กำลังจะมีละครเรื่องใหม่ค่ะผู้ใหญ่ก็กำลังดูๆ กันอยู่ แต่บทเป็นยังไงยังไม่รู้ค่ะ แต่ว่าอยากเล่นหลายๆ แบบค่ะ คนจะได้ดูแล้วไม่คิดว่าหนูเป็นนางเอกละครพีเรียดอย่างเดียวค่ะ ตอนนี้ก็น่าจะมีละครต่อเนื่องค่ะ แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดเป็นลูกรักนะคะ พี่ไก่ก็ไม่ได้ดันอะไรหรอกค่ะ ก็ทำเหมือนทำกับทุกคน ก็ต้องรอดูกันต่อไปค่ะ”

ทำงานตรงนี้ภาษาไทยสำคัญมาก
ความที่แพทเป็นลูกครึ่ง ไทย-อังกฤษ แถมยังเรียนโรงเรียนนานาชาติ การสื่อสารของเธอมักจะใช้ภาษาอังกฤษเสียมากว่า อาจจะมีพูดภาษาไทยกับคุณแม่บ้างเพราะคุณแม่เป็นคนไทยจึงอยากปลูกฝังความเป็นไทยให้ลูกสาว พอมาทำงานในวงการบันเทิงไทยปัญหาสำคัญที่หลีกไม่พ้นก็เป็นเรื่องภาษานี่แหละ

จะว่าไปละครเรื่องแรกเมื่อปีก่อน การสื่อสารภาษาไทยเป็นโจทย์ที่เด็กฝรั่งต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนัก โดยมีคุณแม่เป็นดังครูที่ค่อยพร่ำสอน เช่นเดียวกับพี่ๆ ในกองละครที่ให้ความเอ็นดูช่วยเหลือในเรื่องภาษา แพท ออกตัวว่าถึงตอนนี้จะสื่อสารภาษาไทย ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ในระดับปานกลางเรื่องภาษายังต้องพัฒนาอีก

“ก็พอใช้ได้นะคะ (ยิ้ม) ก็ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ”

อย่างไรก็ตาม พอก้าวมาเป็นนางเอกในละครเรื่องที่ 2 ความที่เป็นละครพีเรียดใช้สำนวนแบบโบราณก็เป็นงานหินของสาวลูกครึ่งอยู่เหมือนกัน

“เตรียมตัวเยอะนะคะ เพราะว่าพอได้อ่านบทแล้วก็รู้ว่าบทมันยากจริงๆ บทมันเป็นบทที่หนูต้องใช้คำราชาศัพท์เป็นละครพีเรียด ภาษามันไม่คุ้นเคยเป็นยุคโบราณ คำพวกนี้เราไม่ได้ในชีวิตประจำวัน อยู่โรงเรียนหนูก็ไม่ได้พูดภาษาไทยอยู่แล้ว มาเล่นละครพีเรียดต้องทำการบ้านเยอะมากๆ เพราะรู้ว่าต้องยากสำหรับหนู มันเป็นบทที่ท้าทายและภาษาก็ท้าทายสำหรับหนู”

ถามว่าอะไรที่เป็นปัญหามากที่สุด เธอตอบขึ้นอย่างไม่ลังเล “ภาษาและก็การจำบท 2 อย่าง เป็นอะไรที่ค่อยข้างจะยาก”

เสียงหวานละไมยังคงดำเนินต่อไป “เรื่องภาษาคุณแม่จะคอยช่วย ทุกคนที่กองฯ ก็จะช่วย คือถ้าหนูไม่เข้าใจความหมาย คือถ้าหนูไม่เข้าใจความหมายของประโยคที่หนูกำลังพูดหนูจะจำไม่ได้ค่ะ ทุกคนก็เลยจะช่วยอธิบายให้หนูเข้าใจเพื่อที่หนูจะจำได้ และพูดออกมาถูกต้อง และไม่พูดออกมาเป็นห้วงๆ อะค่ะ”

“ คือหนูไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นนักแสดงที่เมืองไทย หนูก็ไม่ได้เรียนภาษาไทยเลย เพราะคิดว่าเดี๋ยวเราก็ไปเรียนเมืองนอกแล้วเราไม่จำเป็นต้องใช้หรอก ไม่ต้องเรียน พอเข้ามาจริงต้องเรียนเพิ่ม”

เมื่อได้รัไมได้บโอกาสในงานแสดง ความคิดของเด็กสาวก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง กลับกลายเป็นว่าภาษาไทยเป็นการสื่อสารที่สำคัญเพราะต้องนำมาใช้ในงานแสดงที่เธอสนใจ

ครอบครัวสอนว่าเรื่องเรียนเรื่องใหญ่
ความที่วัยเพียง 15 ปี เรื่องการศึกษาคงเป็นเรื่องไม่สามารถมองข้ามได้ แม้เธอต้องแบ่งเวลาเข้ามาโลดแล่นบนจอแก้ว แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องเรียนเลยเพราะสาวแพทได้รับการปลูกฝังจากทางบ้านเสมอว่าเรื่องเรียนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะอย่างไรห้ามทิ้งการเรียนต้องรู้จักแบ่งเวลา แน่นอนว่าเธอได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถบริหารทั้งเรียนและเรื่องงานได้อย่างดีทีเดียว

แม้เธอจะดูเป็นเด็กฝรั่ง แต่การได้พูดคุยทีมงานฯ รู้สึกเลยว่าสาวน้อยได้รับการอบรมในเรื่องกิริยามารยาทแบบไทยๆ มาอย่างดี งานนี้คงต้องให้เครดิตกับคุณแม่ไปเต็มๆ

ระหว่างการสัมภาษณ์คุณแม่คอยให้กำลังใจไม่ห่าง อดสงสัยไม่ได้เพราะธรรมเนียมฝรั่งมักเลี้ยงลูกให้ได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง แต่ถ้าเป็นคนไทยค่อยดูแลไม่ห่าง แล้วลูกครึ่งวัย 15 ปี ถูกเลี้ยงมาอย่างไร

แพท พูดขึ้น “ไม่โอ๋นะคะ ให้ดูแลตัวเอง”

คุณแม่ กล่าวเสริม “ไม่ถึงกับปล่อยถึงโตแล้วก็ยังเป็นห่วง"

ลูกสาวแซวคุณแม่ทันที “เป็นห่วงมาก พ่อแม่หนูเป็นห่วงหนูมากกก (ลากเสียงยาว..ยิ้ม)”

ถึงท่านทั้งสองจะเป็นห่วงลูกสาวคนโตมาก แต่คุณพ่อก็มีความคิดที่จะส่งเธอไปเรียนยังต่างประเทศใช้ชีวิตด้วยตัวเองดูแลตัวเอง แต่ตอนนี้แพลนเรื่องเรียนต่อต่างประเทศคงต้องคิดกันต่ออีกซักระยะ เพราะโอกาสในงานบันเทิงที่เข้ามา ใช่ว่าทุกคนจะได้รับโอกาสง่ายๆ ที่สำคัญดูเหมือนว่าเธอกำลังสนุกกับงานแสดง

“คุณพ่ออยากให้หนูใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เลี้ยงตัวเอง การใช้ชีวิตมันคนละสไตล์ ที่นี่จะไทยมาก คุณพ่ออยากจะให้หนูใช้ชีวิตแบบฝรั่งบ้าง อยากให้หนูดูแลตัวเองบ้าง โตขึ้นมา คุณพ่อคิดว่าถ้าหนูได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองที่เมืองนอก มันอาจทำให้หนูโตขึ้นมานิดนึง มีความรับผิดชอบ” เป็นเหตุผลของคุณพ่อ ที่ทำให้เธอรู้สึกมาตลอดว่าวันหนึ่งจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ

แต้ถ้าอนาคตต้องไปเรียนต่างประเทศจริงๆ แพท เปิดใจ “อยากไปอังกฤษ คือหนูเป็นลูกครึ่งอังกฤษ หนูกลับไปซัมเมอร์ทุกปี แฮปปี้มากตอนหนูอยู่ที่นั่น ไปทุกเทอม เปิดเทอมเราก็กลับมาไทย เรียนเทอมนึงก็ 3-4 เดือนก็กลับมาแล้วค่ะ”

อีกอย่างคือ คุณปู่คุณย่าและญาติพี่น้องอาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ จึงทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่เป็นเป็นพิเศษ ซึ่งในแต่ละปีคุณพ่อก็จะพาครอบครัวกลับไปเยี่ยมบ้านที่อังกฤษแล้วท่องเที่ยวกันต่อในแถบยุโรป

ใบหน้าครุ่นคิดอธิบายถึง แพลนไปเรียนต่างประเทศจากเดิมที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้เหลือแค่ 50/50 เปอร์เซ็นต์ ปรึกษากับคุณแม่ก็คงต้องดูงานด้วยว่ามีโอกาสมาแค่ไหน เพราะถ้าทิ้งงานไปเรียนกลับมามันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เอาเข้าจริงๆ ทางบ้านก็ไม่ได้คาดหวังหรือกดดันเรื่องเรียน จะเรียนต่อที่ไหนก็ดีคุณพ่อคุณแม่อยากให้เรียนจบเรียนดี

แพทริเซีย ดิ แอดเวนเชอร์
บู้เสียงหวานเจื้อยเจื้อยเล่าถึงนิสัยส่วนตัว “มันก็แล้วแต่ว่าหนูอยู่กับใครนะคะ ถ้าหนูอยู่กับเพื่อน หนูก็จะซนมาก ขี้เล่นมากๆ คือถ้าหนูสนิทกับใครหนูจะค่อนข้าง ขี้อ้อน ขี้เล่น แต่ถ้าไม่สนิท หรืออยู่ที่ๆ มีแต่ผู้ใหญ่ เราก็จะรู้จักมีมารยาท เราก็ต้องรู้ว่าอยู่ที่ไหนอยู่กับใคร แล้วเราก็ต้องปรับบุคลิกของเรา ถ้าอยู่กับผู้ใหญ่ก็จะเรียบร้อยนะคะ แต่อยู่กับเพื่อนก็จะเฮฮา สนุกสนาน”

ไม่พูดถึงคงไมได้สำหรับน้องชายสุดหล่อ อายุห่างกัน 6 ปี ทั้งคู่สนิทสนมไม่แพ้พี่น้องคู่อื่นๆ คุณแม่กระซิบว่าถึงจะโตเป็นสาวแล้วแต่แพทก็ยังนอนห้องเดียวกับน้อง

“เราก็อยู่ด้วยกัน เห็นหน้ากันตลอดเวลา จะต่อยตีกันบ้าง (หัวเราะ)“

ทั้งคู่มักมีกิจกรรมร่วมกันตลอด แต่ส่วนมากจะเป็นกิจกรรมที่น้องชายจอมซนชักชวนพี่สาวเข้าร่วมเสียมากกว่า อย่างเช่น กีฬา หรือ เกมฮิตของเด็กผู้ชาย

"ถ้าน้องชวนเล่นอะไรเราก็เล่นด้วย น้องอยากตีแบดฯ หน้าบ้าน เค้าก็จะชวนหนูถ้าเค้าไม่มีเพื่อน เพราะปกติเค้าจะพาเพื่อนมาเล่น วันไหนไม่มีเพื่อนจะชวนหนูแทน เล่นอะไรก็ได้ที่เป็นกีฬา หรือไม่ก็เล่น PSP เกมบู๊ๆ ฆ่ากันตาย น้องชวนหนูเล่น แต่พอหนูเล่นหนูกรี๊ดตลอดมันน่ากลัว น้องก็.. เห้ย! รำคาญ (ยิ้ม)”

เห็นหุ่นเพรียวลมแบบนี้ รู้หรือเปล่าเธอชอบกิจกรรมกลางแจ้งการผจญภัยเป็นที่สุด “ชอบมาก ชอบเวคบอร์ด อะไรหวาดเสียว อยากเล่นเวคบอร์ด บานาน่าโบ๊ต, บั้นจี้จัมพ์, สกีหิมะ (แววตาเปี่ยมความหวัง)”

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงแค่ความชอบ เพราะเอาเข้าจริงๆ คนรอบตัวทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อน ไม่ค่อยชอบกิจกรรมเหล่านี้เท่าไหร่

“คือที่บ้านไม่มีใครชอบกีฬาแบบนี้ ขี้กลัวมาก อย่างน้องชายถ้าเห็นน้ำน้องก็จะไม่กล้าแล้ว เครื่องเล่นหวาดเสียวก็ไม่มีใครกล้าเล่น หนูก็ไม่มีโอกาสได้เล่น เพื่อนผู้หญิงหนูก็กลัวกันมากมีแต่เพื่อนผู้ชาย ก็เลยไม่ได้เล่นเลย”

ความที่คุณพ่อเป็นคนรักสุขภาพชอบออกกำลังกาย ลูกสาวจึงรักการออกกำลังกายไปด้วย “ถ้าหนูว่างจะไปออกกำลังกายกับคุณพ่อคะ คุณพ่อจไปฟิตเนสอาทิตย์ละหลายวัน หนูก็จะไปด้วย ก็แค่วิ่ง กับยกเวตนิดนึง หนูเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายนะคะ แต่ถ้าหนูไม่มีใครเล่นด้วย ไม่มีแรงผลักดัน ก็เฮ้อ..ไม่ทำดีกว่า”

ส่วนคุณแม่จะมีกิจรรรมที่ทำร่วมกันแบบสาวๆ ทำผม ทำเล็บ ช้อปปิ้งฯ แต่ก็ผลักดันให้แพทออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพราะจะได้ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย

“หนูเป็นภูมิแพ้ เป็นหอบ ลิ้นหัวใจรั่ว เหนื่อยง่าย พอหอบหนูจะหอบหนักมากตอนเด็กต้องไปโรงพยาบาล ครอบออกซิเจน (เฮ้ออ..ทำเสียงท่าทางประกอบ) ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัง คุณแม่เลยอยากจะให้ออกกำลังกาย บางทีหนูไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย หนูก็จะกินยาภูมิแพ้ทุกเช้ากันไว้ก่อน”

เรื่องไม่ลับ แต่ใช่ว่าทุกคนจะรู้
แพท เล่าว่า ที่บ้านเลี้ยงเจ้าตูบ 2 ตัว ตัวนึงเป็นพันธ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่ได้มาจากญาติ แต่ที่ตลกคืออีกตัวเป็นพันธุ์ลาบราดอร์เก๊ๆ ที่ได้มาตลาดนัดจตุจักร

ในเรื่องของการดูแลนั้นคุณแม่จะเป็นหัวหอกจัดการ ส่วนลูกสาวก็ช่วยเลี้ยงบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเล่นกับพวกมันเยมากกว่า ถามว่าทำไมถึงเลี้ยงสัตว์ แพท บอกว่าเพราะชอบหมา อีกอย่างหนึ่งคุณแม่รู้สึกว่าถ้าลูกๆ ได้เลี้ยงสัตว์จะมีความโอบอ้อมอารี

“คุณแม่พาไปวิ่งทุกเช้า ตอนเช้าปั่นจักรยานพาเค้าวิ่ง คุณแม่เป็นคนดูแลมากกว่า (ยิ้ม)”

เป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงเลยก็ว่าได้ที่จะต้องกลัวสัตว์บางชนิดอย่างสุดขีด เสียงใสแทรกขึ้น

“ไม่ชอบจิ้งจงนะ กลัวมากถ้าเจอจิ้งจกกระโดด กรี๊ด! ไม่ทำอะไรแล้ว”

แพท เล่าต่อว่า ที่บ้านมีจิ้งจกเยอะมาก ถ้ามีอยู่ในห้องน้ำหรือห้องนอนคุณแม่ต้องมาจับเอาออกให้

แน่นอนละว่าก่อนจะกลัวจิ้งจกได้ขนาดนี้ น่าจะต้องมีประสบการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก แพท เล่า

“ตอนหนูกินข้าวที่บ้านตอนเด็กๆ แล้วมันก็ตกมาที่จานข้าว หนูก็พยายามปัด แต่มันก็กระโดดลงขาหนู แล้วมันก็เข้าไปในกางเกงหนูแล้วออกมาอีกฝั่งนึง หยึ๊ย!”

กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ได้ลองแล้วรู้สึกชอบมากๆ แพท เล่าถึงการขี่ม้าเมื่อครั้งมีโอกาสได้เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาอยู่ชิ้นหนึ่ง

“หนูไปเรียนขี่ม้า เรียนเพราะโฆษณายูเซอริน ตอนแรกที่หนูไปเรียนหนูจุกจนแบบร้องไห้ เห้ย!ไม่ไหวแล้ว ต้องควบม้า หนูก็จุกด้วยเพราะกินน้ำเยอะเกิน แบบหนูท้อเลย ไม่เอาแล้วเปลี่ยนบอร์ดโฆษณาได้มั้ย? ไม่อยากขี่ม้าแล้ว

“แต่พอไปซ้อมอีกวันรู่สึกสนุกมาเลย เริ่มได้แล้ว กระโดดแบบโอเคขึ้น สนุก กลายเป็นชอบขี่ม้า แล้วถ่ายโฆษณาจบก็อยากเรียนต่อ แต่ยังไม่มีโอกาสได้เรียนซักที”

เห็นแบบนี้รู้หรือว่าเธอเป็นคนทานยาเม็ดยากมาก โดยเฉพาะยาเม็ดใหญ่ไม่สามารถทานได้เลยเพราะกินอย่างไรก็ติดคอ คุณแม่ต้องคอยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดให้ทาน หรือถ้าเลี่ยงได้ก็ต้องทานยาน้ำ

ถ้าพูดถึงเรื่องดนตรีคงต้องบอกว่าเป็นกิจกรรมที่ทุกเพศทุกวัยชื่นชอบ เช่นกันสาวน้อยผู้นี้หลงรักเสียงเพลงมาก ริมฝีปากบางค่อยๆ เล่า

ชอบฟังเพลงมา โทรศัพท์หนูมีเพลงอยู่ 700 กว่าเพลงอะคะ ว่างๆ ก็จะเปิดไปทุกเพลง หนูชอบเพลง อาร์แอนด์บี, โซล, ป๊อบร๊อค หนูฟังได้หมดทุกอย่างเลย ชอบเพลง ติ๊ดๆ ด้วย (หัวเราะ)”

ถามถึงศิลปินที่ชอบ เจ้าตัวถึงกับอุทานเสียงหลงเพราะเยอะมาก เยอะเสียงจนไล่ชื่อไม่ครบ “ชอบ ริฮันน่า, จัสติน บีเบอร์, เดวิด เก็ตต้า, คริส บราวน์ ฯลฯ”

ได้ฟังรายชื่อศิลปินที่เธอชื่นชอมก็อดถามถึงงานคอนเสิร์ตของ จัสติน บีเบอร์ ที่กำลังจะมาเปิดแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ที่ประเทศไทยเร็วๆ นี้ไม่ได้

น้ำเสียงตื่นเต้นโผงขึ้น “ไปค่ะ หนูได้ยินแล้วหนูโทรไปบอกจองบัตรหน้าเวที หนูยอมจ่าย (ยิ้ม)”

ถ้าไม่บอกคงคิดว่าเธอไปกับเพื่อนๆ แต่เปล่าเลย แพท พูดอย่างไม่เก้อเขิน “ไปกับแม่ค่ะ เพื่อนหนูเกลียด จัสติน บีเบอร์ ตอนแรกหนูเกลียดเค้ามาก เห้ย! อะไรอ่ะ!!(หัวเราะรัว) ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ รู้สึกว่าเค้าน่ารัก เริ่มชอบเพลงเค้า กลายเป็นว่าเพื่อนเริ่มเกลียด หนูก็เริ่มชอบ (ยิ้ม) แล้วหนูบอกแม่ว่าถ้าหนูร้องไห้..แม่บอกไม่เป็นไรเดี๋ยวแม่ไปโอ๋ให้ มันเหมือนแบบเราชอบใครมาก มีโอกาสได้เจอเค้าเราก็จะเป็นเหมือนแฟนคลับบ้าๆ คนนึง รู้สึกบ้าเหมือนกัน (หัวเราะ) ”

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite
ภาพโดย ศิวกร เสนสอน
ขอบคุณภาพประกอบ Instagram @patriciagood
ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อสถานที่ : ร้าน Three mangoes สาขา แจ้งวัฒนะ

.............

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ: แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด (แพท)
วันเกิด : 18 สิงหาคม พ.ศ.2540 (อายุ 15ปี)
ส่วนสูง/น้ำหนัก : 170 ซม./45 กก.
การศึกษา : กำลังศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี่ (Shrewsbury International School)
ผลงาน: โฆษณา - เครื่องสำอาง Cute Press แบรนด์วีต้า, ยูเซอริน ฯลฯ
ละคร - เรื่องหนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ (2555), แค้นเสน่หา (2556)









ร่วมเฟรมกับนักแสดงรุ่นพี่ ญาญ่า


สมาชิกครอบครัวกู๊ด
คุณแม่ คุณพ่อ และแพท
แพท กับ น้องชายจอมซน
สองพี่น้องน่ารักแต่เด็ก
ไม่บอกว่านี่คือ คุณแม่ คงคิดว่าเป็น พี่สาว



กำลังโหลดความคิดเห็น