บรรยากาศอบอุ่น อบอวลไปด้วยความรักภายในครอบครัว กลับมาเยือนอีกครั้งทุกปี ในวันที่ 12 สิงหาคม อันเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า วันแม่แห่งชาติ วันนี้ถือเป็นวันแสดงออกความรักของลูกๆ ที่มีต่อผู้ให้กำเนิด ระลึกถึงพระคุณของแม่ ซึ่งไม่ว่าวันไหนเราก็รักแม่ได้เหมือนกันหมด มิใช่แต่เพียงเฉพาะวันแม่เท่านั้น
เทรนด์วัยโจ๋ซ่อนรักในคำคม
ในยุคที่การสื่อสารรุดหน้าไปมาก ดูเหมือนอะไรๆ ก็ง่ายลง และรวดเร็วขึ้น อย่างวันแม่ บางคนที่แม่อยู่ไกลก็อาจบอกรักกันผ่านหน้าโซเชียลมีเดีย ที่มีรูปพร้อมข้อความสั้นต่างๆ มากมาย ให้ได้เลือกใช้ ทั้งข้อความซึ้งกินใจ ข้อความล้อเล่นขำๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มุ่งไปสู่วัตถุประสงค์เดียวกันคือการบอกรักแม่นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น
รักใครแล้วแย่ รักแม่ดีกว่า
แม่ไม่ใช่ยาคูลท์ รีบกตัญญูก่อนหมดอายุ
รักไหนจะแน่แท้กว่ารักจากแม่ ไม่มี
อยากกลับบ้านนอก ไปบอกรักแม่
บอกรักแม่แบบเนียนๆ ดีกว่านั่งเกรียนไปวันๆ
แม้กระทั่งคำง่ายๆ สื่อความหมายแบบซื่อตรง ไม่อ้อมค้อมก็มี เช่น รักแม่ที่สุด, วันนี้คุณบอกรักแม่แล้วหรือยัง?
และบางครั้งการร้อยเรียงออกมาเป็นประโยคแบบสั้นๆ ไม่ต้องการความคล้องจอง ก็ทำเอาซึ้งไม่แพ้กับวลีหรือประโยคใดๆ เลย อย่าง “มีบางอารมณ์ที่แอบมองแม่กินข้าว แล้วคิดในใจเงียบๆ ว่า อยากให้ท่านอยู่กับเราไปชั่วชีวิตนานๆ” ทั้งนี้ ไม่ว่าจะประโยคใดๆ การพูดกลั่นออกมาจากใจน่าจะเป็นคำพูดที่กินใจมากที่สุด
ส่วนในเฟซบุ๊กแฟนเพจช่วงนี้ก็คึกคักรับเทศกาลวันแม่ไม่แพ้กัน อย่างเพจ JayTherabbit ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ก็ขออิงกระแสวันแม่ด้วยประโยคที่ว่า “วัน (รัก) แม่ ไม่ได้มีแค่วันนี้... รักทุกวันเลย” ด้านเพจแก้เกี้ยวกระต่ายหนุ่ม LayTherabbit ก็นำวลี “รักแม่ บอกแม่... เฟซบุ๊กมันไม่รู้อะไรด้วยหรอก, หรืออยากจะให้แม่แอดเฟซฯ เลือกเอา, ปิดเฟซบุ๊กแล้วไปบอกแม่ซะ” อ่านแล้วก็อย่าลืมไปบอกรักแม่ตัวเป็นๆ กันด้วย ไม่ใช่แค่เพียงแชร์รูป บอกรักแม่ แต่เพียงในโลกโซเชียลที่คนอื่นสามารถรับรู้ได้ แต่แม่ของเราอาจไม่รู้เรื่องเลย
บอกรักผ่านเพลง
ด้านเสียงเพลงก็เป็นตัวแทนส่งผ่านความรักถึงแม่ได้ด้วยเช่นกัน เพลง “ค่าน้ำนม” เป็นบทเพลงเชื่อว่าเกือบทุกคนจะต้องร้องและจดจำเพลงนี้ได้เป็นอย่างดี เพลงนี้แต่งโดย ไพบูลย์ บุตรขัน ตั้งแต่เมื่อ พ.ศ. 2492 บทเพลงเก่าแต่ยังคงเป็นอมตะจนถึงทุกวันนี้ เนื้อเพลงที่กล่าวถึงน้ำนมแต่ละหยดที่กลั่นออกมาให้ลูกได้ดื่ม ซึ่งต่อให้ลูกทดแทนบุญคุณเท่าไหร่ก็ไม่หมด โดยเฉพาะท่อน “ควร คิดพินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเหมาะสม โอ้ว่าแม่จ๋า ลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกผสม กลั่นเป็นน้ำนม ให้ลูกดื่มกิน” คงทำให้ลูกหลายๆ คนน้ำตาซึมมาแล้ว
ถึงแม้จะมีคนนำเพลงมาแปลงเสียจนความหมายผิดเพี้ยนไปจากเดิม กลายเป็น “แต่เล็กจนโต โอ้แม่เล่นหวย เลขสวยๆ แม่แทงไม่เหลือ ไม่เผื่อแผ่ใคร” ถือเป็นสีสันสนุกสนานเอาไว้ร้องกันสร้างความขบขัน แต่ก็เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจริงๆ แล้ว เนื้อเพลงค่าน้ำนม ต้นฉบับก็ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของลูกๆ และคุณแม่อย่างเดิมอยู่ดี
ถัดมา เพลงอิ่มอุ่น แต่งโดย ศุ บุญเลี้ยง ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งบทเพลงถ่ายทอดความรักของแม่ได้เป็นอย่างดี เพลงนี้แต่งขึ้นมาตามคำขอของ อาจารย์หัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลศิริราช เมื่อปี พ.ศ.2534 โดยหัวหน้าของพี่สาวของศุ บุญเลี้ยง ซึ่งเป็นพยาบาลได้ทำโครงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แล้วต้องการให้เขาแต่งเพลงนี้ขึ้น เพราะเห็นว่าในการให้นมลูก แม่ต้องตระกองกอดแล้วช้อนตัวลูกขึ้นมาจึงไม่ได้ทำให้ “อิ่ม” อย่างเดียว แต่ยังทำให้ “อุ่น” ด้วย
หากลองร้องเพลงแล้วนึกภาพตามไปด้วย เพลงนี้คงถ่ายทอดความรัก ความอบอุ่น จากผู้เป็นแม่ ได้เป็นอย่างดี “อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน”
จากนั้นมา การแต่งบทเพลงเพื่อแม่ก็มีออกมาแทบทุกปี เพื่อให้ลูกๆ ได้รำลึกถึงพระคุณแม่ อย่าง เพลงแม่ ของ ศิลปินสุดฮาร์ดคอร์ เสก โลโซ, เพลงเรียงความเรื่องแม่ โดยศิลปินค่ายอาร์เอส, เพลงของขวัญวันแม่ ผลงานการร้องโดยแดน-วรเวช มาจนถึงปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะบทเพลงรักแม่เพลงไหนๆ ก็ยังคงฟังแล้วประทับใจ และยังคงสื่อถึงความรู้สึกของแม่-ลูกได้อย่างชัดเจน
บทกลอนแสนซึ้งถึงคุณแม่
โคลงกลอน อีกหนึ่งวิธีการร้อยเรียงคำพูดให้สละสลวย กินใจ การบอกรักด้วยคำโคลงกลอนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่มีความสามารถด้านภาษาไทย แต่งโคลงกลอนส่งผ่านความรักให้คุณแม่ คงจะดีไม่น้อย เหมือนครั้งยังเยาว์ บางครั้งในคาบวิชาภาษาไทย วันแม่ทุกปีเรามักจะมีการบ้านให้แต่งกลอนวันแม่อยู่เสมอๆ เชื่อว่าคุณแม่คนไหนที่ได้อ่านบทกลอนที่กลั่นมาจากความตั้งใจของลูกๆ คงต้องยิ้ม ปลื้มปริ่มใจเป็นที่สุด
เมื่อกาลเวลาผันผ่าน ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง จากแต่ก่อนกว่าจะประดิษฐ์ถ้อยคำรัก ต้องใช้เวลากลั่นกรองให้ไพเราะที่สุด มาตอนนี้คำบอกรักแบบซื่อๆ คล้องใจกันสั้นๆ จึงกลายเป็นวลีที่ถูกดึงมาบอกรักให้ง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การบอกรักผ่านถ้อยคำเป็นสิ่งที่จะยังไม่จางหายไป ดังที่ ดร.อนันท์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เคยแสดงความคิดเห็นว่า
“การบอกรักด้วยภาษานั้นจะชัดเจนที่สุด ภาษาจึงมีพลังมากกว่าคำบอกรักอื่นๆ แต่วิธีการใช้ภาษาก็มีกลวิธีมากมาย ทั้งบอกตรงๆ บอกโดยอ้อม บอกโดยใช้ความเปรียบ ก็สุดแล้วแต่จะแต่งแต้ม ต่อให้กาลเวลาจะผ่านไปอีกเป็นพันปี มนุษย์เราก็จะไม่เคยอับจนภาษาที่ใช้บอกรักกันเลย ฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่ากวีไม่เคยอับจนภาษา
อย่างการที่คนเราต้องคิดคำใหม่ๆ ขึ้นมาบอกรักกันเสมอนั้น เป็นเพราะว่าเราต้องการที่จะสร้างความประทับใจให้แก่คนที่เรารัก จึงพยายามที่จะหาถ้อยคำที่ฟังดูดีที่สุด ประทับใจที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นถ้อยคำที่เราคัดสรรด้วยตัวเอง หรือแต่งขึ้นมาเอง”
สุดท้ายการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อแม่ของเรานั้น ไม่ได้จำเป็นต้องแสดงออกผ่านทางตัวอักษรอย่างเดียว มีอีกหลายสิบวิธีที่จะบอกรักแม่ แต่ที่สำคัญที่สุดคืออย่าให้เป็นเพียงวันนี้วันเดียวที่เราจะทำให้ท่านรู้ว่าเรารักแม่ วันไหนๆ ก็รักท่านได้เช่นเดียวกัน
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต