xs
xsm
sm
md
lg

'โลกทั้งใบให้ลูกทั้งหมด' คุณแม่ซิกซ์แพก : นุ๊ก-สุทธิดา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อย่าไปยัดเยียดให้ลูกต้องคิดอย่างนั้นอย่างนี้ เด็กๆ จะรู้สึกไม่ดี”

ชื่อของ “นุ๊ก-สุทธิดา” ร้างลาจากพื้นที่สื่อไปนานเพียงใด หลายคนก็แทบจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน แต่แล้ววันหนึ่งก็มีภาพของเธอหลุดมาจากอินสตาแกรม ถูกแชร์และส่งต่อกันไปในโซเชียลมีเดีย ในภาพนั้น เราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมรูปทรงที่ฟิตแอนด์เฟิร์มจนไม่อยากจะเชื่อสายตาว่านั่นคือ “นุ๊ก-สุทธิดา” ที่ผ่านการมีลูกมาแล้วถึงสองคน!

ในความทรงจำของคนจำนวนหนึ่ง “นุ๊ก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” คืออดีตสาวน้อยตากลมที่โด่งดังมากในยุคหนึ่ง ท่าเต้นถอนสายบัวสุดฮิต ไปจนถึงบทบาทการแสดงในหนังยอดนิยม “โลกทั้งใบให้นายคนเดียว” คือภาพจำที่อยู่ในใจใครหลายคน

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่มีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝา กระทั่งหลังคาชีวิตรั่ว ทำให้ครอบครัวแยกออกเป็นเสี่ยงๆ นุ๊ก-สุทธิดา ก็ดูจะหายหน้าหายตาไปจนใครๆ เผลอคิดว่าเธอคงปลีกวิเวกไปใช้ชีวิตส่วนตัวโดยไม่ออกสื่ออีกต่อไป แต่อันที่จริง นุ๊ก-สุทธิดา ยังคงรักษาหน้าที่การงานของตัวเองไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทของความเป็นแม่ ที่ต้องดูแลลูกน้อยสองคน ทั้งน้องปิ๊บโป้และปาแปง

ช่วงสายของวันอากาศดีๆ เราพาตัวเองเดินเข้าไป สู่ “โลกทั้งใบ” ของนุ๊ก-สุทธิดา หลากหลายเรื่องราวถูกบอกเล่าอย่างมีชีวิตชีวา ที่มาของซิกซ์แพก บทเรียนแรกๆ จากการเลี้ยงลูก สุขและทุกข์ของคุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยวหรือ “ซิงเกิ้ลมัม” ทั้งหมดทั้งมวลหลอมรวมเป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ ที่แบกรับคำว่า “แม่” ไว้เต็มดวงใจ...

ก้าวแรกของคุณแม่ซิกซ์แพกหน้าเด็ก
“จริงๆ นุ๊กเล่นฟิตเนสมาตั้งแต่อายุ 18 ปีแล้วล่ะค่ะ” อดีตดาราสาวชื่อดัง บอกกล่าวเล่าย้อนถึงสมัยวัยรุ่นที่คุณแม่จะพาเข้าฟิตเนสเป็นประจำ เธอก็เหมือนโดนบังคับไปด้วยในตัวว่าต้องออกกำลังกาย แถมตอนเด็กๆ เธอยังมีความฝันอยากเป็นนักวิ่งทีมชาติ เพียงแต่พอโตมา วาสนาพัดพาสู่วงการบันเทิง การออกกำลังกายจึงห่างหายไปพอสมควร และก็อย่างที่รู้ ชีวิตคู่ของเธอถูกมรสุมรุมเร้าอยู่พักใหญ่ แต่ภายหลังคลื่นลมในชีวิตเบาบางลง นุ๊ก ก็หวนคืนสู่การออกกำลังกายอีกครั้ง โดยมีกีฬากายกรรมโหนผ้า ที่ชื่อว่า “แอเรียล ซิลค์” (Aerial Silk) เป็นเครื่องมือที่นำพาซิกซ์แพ็คและความฟิตแอนด์เฟิร์มมาสู่ร่างกายเธอ

“การมาเล่น aerial silk มันเริ่มมาจากที่เราเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ชอบเอาชนะ และพอดีว่ามีเพื่อนสนิทคนหนึ่งเขาอยากเรียนกับ ครูเล้ง (ราชนิกร แก้วดี ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 2) ซึ่งเรารู้จัก ครูเล้ง ตั้งแต่ก่อนเขาจะได้ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์แล้ว เขาก็ขอให้เราขึ้นไปโพสท่าบนผ้าให้หน่อย (ดูภาพประกอบ) เราก็โอเค โพสแล้วถ่ายรูปไปลงในไทม์ไลน์ เพื่อนก็เข้ามาคอมเมนต์ว่า 'ท่านี้ง่าย เป็นเร็ว' เราก็เลยบอกว่า “ได้ ขอเวลาเดือนหนึ่ง”

“พยายามอย่าให้ตัวเองว่างมาก การออกกำลังกายทำให้เราไม่เครียด กลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีขึ้น จิตใจเข้มแข็งขึ้น ไม่นอยด์”

จากความรู้สึกอยากเอาชนะความท้าทายเช่นนี้เองที่ทำให้เธอหันมาออกกำลังกายจริงจัง

“การเล่นแอเรียล ซิลค์ จะทำให้ได้กล้ามเนื้อทุกส่วนคล้ายกับการเล่นเวท ข้อสำคัญคือเราต้องยกตัวเองขึ้นไปให้ได้ กล้ามเนื้อจึงต้องมีความแข็งแรงมาก แต่แอเรียล ซิลค์ จะมีข้อแตกต่างจากการเล่นเวทเข้ายิม คือเวลายกเวท ถ้าเราไม่ยืดดีๆ กล้ามเนื้อจากการยกเวทจะเป็นลูกๆ กลมๆ แต่แอเรียล ซิลค์ เมื่อเล่นไปนานๆ กล้ามเนื้อจะเป็นลายชัดเจน เพราะเราเล่นไปด้วยยืดไปด้วยในจังหวะเดียวกัน การเล่นแอเรียด เราจะไม่ได้แค่ซิกซ์แพก มันจะมีทั้งหมด 8 แพกคะ คือมันจะมีแพกเล็กๆ ตรงลิ้นปี่อีก 2 แพก รวมเป็นทั้งหมด 8 แพกด้วยกัน”

เมื่อถูกคำท้ามาเชื้อเชิญถึงประตูบ้านแล้ว เป็นไปได้หรือที่จะไม่อยากเอาชนะ แต่ปัญหาก็คือว่า...“เราไม่มีทักษะอะไรเลย” คุณแม่ลูกสองที่หน้าตาอ่อนกว่าวัย กล่าว “เพราะแค่ก้มเอามือไปแตะปลายเท้า เรายังทำไม่ได้เลย ตัวแข็งมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะท้าไปแล้ว ก็เลยตั้งใจว่าเดือนหนึ่ง ฉันจะต้องทำให้ได้”

ขณะที่นาฬิกาทำหน้าที่ของมันไป กิจวัตรของ นุ๊ก-สุทธิดา ก็คือ เมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลาหกโมงเช้า เธอจะตื่นนอน อยู่บนเตียงเล่นกะลูกสักพัก พอเจ็ดโมง ลูกไปอาบน้ำ เธอจะลุกไปวิ่ง ยืดเส้นยืดสาย แต่จะไม่วิ่งเยอะ

เธอบอกว่า “เราตัวเล็กไม่อยากผอมไปกว่านี้” เพราะฉะนั้นก็จะวิ่งพอให้หัวใจได้สูบฉีดราวๆ 15 นาที จากนั้นก็ทานข้าว พอ 10 โมง ไปยัง “กรวิก” (Kara's Vic โรงเรียนสอนแอเรียล ซิลค์) หลังมื้อเที่ยง เธอมีถ่ายรายการ ถ่ายรายการแรกเสร็จ ลงมาเวทเทรนเนอร์ เสร็จแล้วก็ขึ้นไปถ่ายอีกสองรายการ จากนั้นกลับบ้าน พอประมาณ 3 ทุ่ม พาลูกๆ เข้านอน และเมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลาหกโมงเช้า เธอจะตื่นนอน และ...วงจรชีวิตก็จะวนเป็นระบบแบบนี้

“หลังจากที่ออกกำลังไป 1-2 สัปดาห์ อยากจะบอกค่ะว่า สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ 'หน้า' ไม่ใช่ 'หุ่น' คือปกติจะต้องไปหาคุณหมอ เลเซอร์ รักษาสิว มีทั้งสิวมีทั้งผด อย่างเวลาเราทำงานแต่งหน้าบ่อยๆ จะมีของเสียสะสมใต้ตา แต่พอออกกำลังกายได้ 2 สัปดาห์ ก็ไม่ได้ไปหาหมออีกเลยจนทุกวันนี้ ไม่แต่งหน้า แต่ก็กล้าออกจากบ้าน”

นอกจาก “ใบหน้า” อีกอย่างที่เปลี่ยนคือ “นิสัย”
ผู้หญิงทุกคนจะเป็น คือว่างมากแล้วจะขี้นอยด์ นอยด์เพื่อน นอยด์ตัวเอง นอยด์ผู้ชาย แค่เขามาจีบ เราก็ไปนอยด์เขาแล้ว นอยด์ได้ทุกอย่างนะผู้หญิงนี่ ดังนั้น พยายามอย่าให้ตัวเองว่างมาก การออกกำลังกายทำให้เราไม่เครียด กลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีขึ้น จิตใจเข้มแข็งขึ้น ไม่นอยด์” คุณแม่ซิกซ์แพกแทรกรอยยิ้มบางๆ ก่อนว่าต่อ

“เมื่อก่อน นุ๊กเดินขึ้นลงบันไดบ้าน จะเหนื่อยมาก เพราะที่บ้านสูง แต่หลังจากออกกำลังกายแล้ว ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยเลย แถมไม่ค่อยป่วยเหมือนแต่ก่อนด้วย ส่วนสิ่งที่ได้มาสุดท้ายเลยก็คือหุ่นหรือบอดี้ มีกล้ามเนื้อ มีซิกซ์แพกขึ้นมา”

จุดอันตรายที่คนออกกำลังกายต้องระวัง
เชื่อแน่ว่า มาถึงบรรทัดนี้ หลายคนคงเกิดภาพในใจว่าทำอย่างไรนะ ฉันจะหุ่นสวย แลดูสุขภาพดี เหมือนผู้หญิงคนนี้บ้าง ซึ่งต้องบอกว่า ก่อนหน้านี้ นุ๊ก-สุทธิดา ก็เคยท้อแท้แพ้ใจตัวเองเหมือนกัน กว่าจะมั่นคงกับเป้าหมายปลายทางที่ต้องไปให้ถึง เคล็ดลับข้อหนึ่งนั้น เธอบอกว่า ลองค้นหา “รูปแบบ” การออกกำลังที่ตัวเองชอบให้เจอก่อน “เลือกกีฬาที่ตัวเองชอบ” เธอว่า

“ก็เคยท้อนะคะ จากการเล่น Aerial Silk นี่แหละ ท้อถึงขั้นร้องไห้เลย เพราะมันยาก รู้สึกเหมือนมีบันไดอีกพันก้าวที่เราต้องก้าวขึ้นไป แต่เรายังทำได้แค่นี้เอง ก็ท้อ”

แล้วทำอย่างไร ถึงจะไม่ให้ “ความฝัน” ตายลงกลางทาง ผู้พ้นผ่านประสบการณ์เคยท้อ กล่าวต่อไป

“บางคนตั้งเป้าลดน้ำหนักไว้ 10 กิโลกรัม พอออกำลังกายไปได้สักพัก น้ำหนักลงไปได้ 5 กิโลกรัม จะมีแรงฮึดมากในช่วงนั้น แต่ 5 กิโลกรัมแรกที่ลดลงเร็วมากนั้นเพราะมันเป็นไขมันประเภทนิ่ม แต่ออกกำลังไปอีกสักพักมันจะตัน เพราะไขมันส่วนที่เหลือ เป็นไขมันประเภทแข็งที่สะสมอยู่ในร่างกายของเรามานาน มันจะค่อยๆ ลงทีละนิด แต่คนส่วนใหญ่จะท้อกันช่วงนี้ ตบะจะแตก กลับมากินเยอะ ก็ช่วงนี้”

เคล็ดลับสำหรับนุ๊กที่จะช่วยให้ทุกคนก้าวผ่าน “โค้งอันตราย” นี้ไปได้ คือการเลือกกีฬาที่ “ใช่” และมีเป้าหมายที่ชัดเจน รวมทั้งการเลือกสถานที่ออกกำลังกายให้ใกล้บ้านหรือที่ทำงานเข้าไว้ เพราะจะกระตุ้นให้เรามีความอยากที่จะไปออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น

“นอกจากออกกำลังกาย อีกเรื่องหนึ่งซึ่งสำคัญมากๆ คืออาหารการกิน เพราะการที่เราออกกำลังกายมันอาจจะได้ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่อีก 60 เปอร์เซ็นต์ คือเรื่องการกิน ถ้าจะกินให้ถูกต้อง ควรกินทุก 2-3 ชั่วโมง แล้วแต่อัตราการเผาผลาญของร่างกาย ส่วนมากผู้หญิงจะกินทุก 3 ชั่วโมง เพราะเผาผลาญน้อยกว่า หรือช้ากว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายจะเผาผลาญทุก 2 ชั่วโมง

“กินให้รู้สึกว่าแค่ได้กิน ถ้ารู้สึกว่ากำลังเอ็นจอยกับการกิน ให้หยุด อย่าไปเอ็นจอยกับการกิน เราสามารถกินได้ทุกอย่าง ไม่สนับสนุนให้เลิกกินอาหาร บางคนบอกว่าฉันไม่กินข้าวหลัง 6 โมงเย็น แล้วถ้าบางคนนอนดึกล่ะ ซึ่งความจริงแล้ว 4 ชั่วโมงก่อนการนอน เราไม่ควรกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เพราะคาร์โบไฮเดรตจะเข้าไปแทรกอยู่ในกล้ามเนื้อ นอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ยังจะทำให้แก่ขึ้นอีกด้วย”

แง้มหัวใจ.. ‘คุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยว’
จากโลกของการออกกำลัง เราลัดเลาะเข้าชายฝั่งชีวิตส่วนตัวของอดีตดาราสาวเจ้าบทบาท ซึ่งหลายปีที่ผ่าน เธอกลับมาครองสถานะโสดอีกรอบหนึ่ง เราพยายามคิดถึงว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะเลี้ยงลูกได้อย่างไรถึงสองคน ขณะที่ นุ๊ก-สุทธิดา ยอมรับว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ เธอผ่านการลองผิดลองถูกมาแล้วทุกรูปแบบ ในฐานะ 'ซิงเกิ้ลมัม' หรือ 'คุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยว'

“ตามหลัก แม่จะเป็นตัวแทนเรื่องความสุข ใครโตมากับแม่ จะเป็นคนที่มีความสุข ส่วนคนไหนที่โตมากับพ่อ จะมีไอดอล มีจุดมุ่งหมายกับเส้นทางที่มองออกไป คราวนี้ เราก็ต้องมามองครอบครัวของเราก่อนว่าเราเป็นครอบครัวประมาณไหน ลูกเรามีความสุขแน่นอน อยู่กับเราและตายาย แต่เราก็อยากให้เขามีอีกพาร์ทหนึ่ง คือมีไอดอลบ้าง ตอนแรกก็เลยไปเรียนขับรถ แต่ลูกไม่ค่อยชอบ ลูกบอกว่า 'แม่เป็นผู้หญิงนะ' หรือลูกๆ ก็จะชอบแซวว่า 'แม่อะชอบทำเท่ แม่ชอบทำเป็นเท่' เราก็จะตอบเขาไปว่า 'อ้าว แล้วแม่ไม่เท่หรอ'” (หัวเราะ)

แรกๆ กับการเลี้ยงลูก นุ๊ก-สุทธิดา เล่าว่าเธอมีความรักในตัวลูกจนคิดว่ามันคือโลกทั้งใบที่ไม่มีวันให้ถูกรุกราน อยู่กับลูกตลอดเวลา จนกลายเป็นหมกมุ่นกับลูก และเพราะการลองผิดลองถูก จึงมีบ้างที่ทั้งถูกและผิด ซึ่งเมื่อผิดก็คิดมากจนเครียด มองไม่เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนวันเวลาจะค่อยๆ ชี้ทางว่าให้เธอเดินออกมาจากลูกๆ บ้าง กลับไปใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง ใช้ชีวิตในแบบที่เป็น นุ๊ก-สุทธิดา ไม่ใช่ชีวิตที่เป็นคุณแม่

“นุ๊กโชคดีที่มีคุณพ่อคุณแม่ ต้องขอบคุณพวกท่านมากๆ ที่ช่วยเหลือเรามาตลอด ทำให้นุ๊กได้มีโอกาสใช้ชีวิตของเราด้วย แต่ก็ไม่ปล่อยให้นุ๊กต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ โดยลำพัง ท่านสอนให้เราไม่หมกมุ่นกับการทำงาน เลี้ยงลูก แล้วก็ทำงาน แค่สองอย่างนี้ แต่เราควรมีเวลาไปออกกำลังกาย ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ บ้าง สมองเราจะได้ปลอดโปร่ง”

คุณแม่ยังสาวกล่าวเสริมว่า เมื่อสมองปลอดโปร่ง ไม่เครียดแล้ว จะทำให้สามารถมองปัญหาต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น และทำอะไรๆ ได้ดีขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งการเลี้ยงลูก

“ลำบากมากเหมือนกันค่ะ” คุณแม่ยังสาวเผยความรู้สึกในการรับบทบาทซิงเกิ้ลมัมที่เหมือนชีวิตต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ตั้งแต่เซ็นใบหย่ากับสามีแล้วรับลูกๆ มาเลี้ยงดูเพียงลำพัง ผู้หญิงหนึ่งคนที่ต้องทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย ฟังดูแล้ว ไม่น่าจะใช่เรื่องที่อภิรมย์เท่าไรนัก

“วันที่เริ่มยืนได้ใหม่ๆ เราก็อยากพาลูกๆ ไปว่ายน้ำ แต่เราก็ลืมว่ามีเราแค่คนเดียว แต่ต้องดูแลลูกถึงสองคนในเวลาเดียวกัน ตอนนั้นลูกเล็กมาก ซึ่งลูกๆ ก็อยากเล่นปลายางตัวใหญ่มาก ด้วยความรักอยากทำได้ทุกอย่างจนลืมว่าเราก็เป็นผู้หญิง ก็ไปนั่งเป่าปลาอยู่ข้างสระ เหนื่อยมากจนเป็นลม โมเมนต์นั้นก็มีความรู้สึกแว้บๆ เข้ามาว่า 'ทำไมไม่มีใครมาช่วยฉันเลย' แต่ก็ฮึดอีกฮึดหนึ่ง 'ไม่ ฉันต้องทำได้' ก็เลยวางปลาแล้วลงไปเล่นน้ำกับลูก”

“ลูกสองคน คนหนึ่งกลัวการว่ายน้ำมาก อีกคนหนึ่งก็ว่ายน้ำไม่ค่อยจะเป็น แต่ไม่กลัว ใส่ปลอกแขนได้ปุ๊บไปเลย ตอนนั้นเล็กมากขวบสองขวบ เขาก็ไปของเขาได้ เราก็เลยปล่อยเขาไป มาดูคนโตซึ่งก็ไม่ยอมลงมาสักที ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นาน พอสักพัก คนเล็กจมน้ำเพราะปลอกแขนหลุด ก็มีคนไปเก็บลูกเราจากสระน้ำข้างๆ มาให้” นุ๊ก-สุทธิดา หัวเราะร่วนเมื่อจบเรื่องแต่หนหลัง ในรอยยิ้มและแววตา น่าจะมีเรื่องราวระหว่างเธอกับลูกๆ ซ่อนซุกอยู่ในนั้นอย่างมากล้น มันคงระคนทั้งทุกข์และสุขไปด้วยพร้อมๆ กัน

เคล็ดลับเลี้ยงลูกฉบับ นุ๊ก-สุทธิดา
คุณแม่ลูกสองที่ทั้งสวยทั้งเก่ง และคงไม่ผิดนักหากจะบอกว่าเธอคือหนึ่งหญิงแกร่ง แม้บางส่วนเสี้ยวของชีวิตจะวิ่นแหว่ง ไม่สมบูรณ์แบบ ใช่, คงไม่มีชีวิตไหนเพียบพร้อมเพอร์เฟคต์ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่พ้นผ่านบาดแผลมาแล้ว ก็แน่วแน่พยายามสุดหัวใจที่จะประคับประคองนาวาชีวิตให้กลับมายืนหยัดได้อย่างมั่นคง โดยมีลูกๆ เป็นดั่งแรงบันดาลใจอันใหญ่หลวง

“เราพยายามเป็นเพื่อนเขาให้ได้มากที่สุด คุยกันทุกเรื่อง พยายามแงะเขาออกมาจากโลกของเขาให้ได้ พยายามไม่ดุแล้วก็ไม่สอนไปซะทุกเรื่อง บางเรื่องก็ต้องปล่อยให้เขาพูด ให้เขาเกิดความไว้ใจที่จะเล่าให้เราฟัง แต่เรื่องไหนที่เป็นเรื่องใหญ่และเราควรจะสอน เราค่อยสอน บางเรื่องมันเป็นโลกของเด็ก เราฟังแล้วเราก็ต้องเฉยๆ บ้าง สร้างความไว้วางใจให้กับเขา และที่สำคัญ คือทำให้เขาอยู่ในอารมณ์ที่มีความสุขก่อนที่จะเริ่มต้นสอนอะไร อย่าไปยัดเยียดให้ลูกต้องคิดอย่างนั้นอย่างนี้ เด็กๆ จะรู้สึกไม่ดี

“สมัยก่อน ลูกๆ ไปเจอแฟนของคุณพ่อ (สามีเก่า) ก็จะมาพูด 'หนูไม่ชอบ หนูมีแม่คนเดียว' แต่เราต้องคุยแบบสบายๆ กับลูก 'ทำไมล่ะ แม่ว่าเขาสวยนะ' ปัญหาคือเราต้องรู้สึกสบายจากใจเราก่อน ไม่ใช่เฟคกับลูก เพราะเด็กไม่โง่ เราต้องทำให้ลูกรู้สึกว่าเราแฮปปี้นะ แล้วลูกเราก็จะแฮปปี้ 'ทำไมล่ะ แม่ว่าเขาสวยนะ' เขาก็จะ 'ไม่อะ' เราก็จะพูดเหมือนเดิม ‘แต่แม่ว่าเขาสวยนะเด็กๆ’ เขาก็จะเริ่มยิ้มๆ เพราะเด็กจะไม่อะไรมากอยู่แล้ว พอเราเห็นว่าเขาเริ่มผ่อนคลาย เราก็จะ 'เดี๋ยวก่อน อย่ามายิ้มๆ แม่กับเขาใครสวยกว่ากัน บอกมาก่อน' เด็กๆ ก็จะขำ และพอถึงจุดนี้ เราก็จะค่อยๆ แทรก ค่อยๆ สอนเขา ‘แม่ว่าให้ป่ะป๊าเขามีแฟนไปน่ะดีแล้ว เพราะป่ะป๊าเป็นคนที่เรารักใช่ไหม แต่เรามาอยู่รวมกันไม่มีใครไปดูแลป่ะป๊า ก็ให้มีคนดูแลป่ะป๊าดีไหม’ นุ๊กทำอย่างนี้แล้วผลลัพธ์ก็โอเค”

ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ใช้ฟ้าทั้งฟ้าจดจารึกก็ไม่จบสิ้น ดังคำโบราณว่า ความเหนื่อยยากของแม่ก็คงไม่ต่างกัน กว่าลูกหนึ่งคนจะเติบโตจนรู้ความและดูแลตัวเองได้ และยิ่งถ้ามีลูกหลายคน แต่ละคนก็มีโลกแต่ละใบ วิธีเลี้ยงดูและเอาใจใส่ ก็ย่อมจะแตกต่าง

“คนโตจะเป็นแนวชอบนั่งเรียน ติดแม่ ถ้าแม่นั่งอยู่ก็จะสามารถอดทนนั่งเรียนอะไรก็ได้ คืออดทนได้ทุกอย่างเพื่อแม่ แต่คนเล็กจะเป็นแบบฉันคือตัวฉัน ฉันเป็นอาร์ติสท์ ฉันมีโลกของฉัน ฉันมีความคิดของฉัน ฉันไม่ทนกับอะไร ความอดทนต่ำค่ะ แต่ชอบกีฬา ตอนแรกจะเครียดมาก เรามีคนเดียวฉันจะทำยังไงดี นุ๊กก็ต้องเอาทั้งสองคน ไปทำกิจกรรมทั้งสองอย่าง แล้วอีกคนจะต้องอดทนรอไปก่อน ให้เขาเรียนรู้โลกของกันและกัน”

“ถ้าอีกคนเป็นตาข้างขวาแล้วคนหนึ่งเป็นตาข้างซ้าย เขามองโลกกันคนละด้าน เพราะนิสัยเขาคนละแบบ ตราบใดที่เราเลี้ยงเขาให้เขารักกันมากๆ เขาก็จะเป็นดวงตาให้แก่กันและกัน นุ๊กเชื่ออย่างนั้น”

“เวลาทำผิด นุ๊กจะไม่ตัดสิน นุ๊กจะตีทั้งคู่ แต่จะมีช้อยส์ให้เลือกว่า 'จะขอโทษกันและกันแล้วกอดกันเดี๋ยวนี้หรือโดนแม่ตีคนละห้าที' สุดท้ายเขาก็จะยอมกอดกัน”

แต่ก็อย่างที่แม่หลายคนย่อมกระจ่างอยู่แก่ใจ ว่าโลกของแม่ย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกัน เหมือนกับภาพยนตร์สักเรื่อง ซีนเศร้าอาจจะมี แต่ฉากประทับใจนั่นต่างหากที่ควรค่าแก่การเก็บไว้ในพื้นที่ความทรงจำ

“บางครั้ง นุ๊ก ไปออกกำลังกายแล้วตัวเขียวกลับมา ตื่นมาก็จะบ่นว่า โอ๊ย! เหนื่อยจังเลย คนโตเขาก็จะตื่น แล้วมา 'แม่ทำไมวันนี้แม่ยังไม่ลุกล่ะ' นุ๊กก็จะบอกว่า 'ปวดตัว เดี๋ยวแป๊บนึงนะ' เขาก็จะมา 'แม่ปวดตรงไหนครับ' แล้วเขาก็นวด 'ปวดตรงนี้ไหมครับ' นวดให้ หรือถ้าเราไม่สบาย เขาก็จะไปเปิดตู้ยา นุ๊กกินวิตามินบ้าง ลูกเคยเห็นและจำได้ เขาก็จะไปหยิบกระปุกวิตามินนั้นมาให้เรา 'แม่กินยาครับ'” (หัวเราะ)

คนรักคนใหม่ พร้อมเปิดใจหรือยัง?
ในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่นุ๊ก-สุทธิดา ที่ต้องเผชิญกับภาวะคุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยว ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว หลังการหย่าร้าง มันคือวันคืนที่ต้องยืนหยัดให้ได้ท่ามกลางความโดดเดี่ยว เหน็ดเหนื่อยแต่ก็ท้าทาย และเมื่อผ่านพ้นมาได้ มันคือความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของชีวิต

“เวลาที่มีคนมาปรึกษา นุ๊ก ว่าจะเลิกกับแฟนดีไหม เขามักจะคิดว่าเราต้องบอกว่า ‘เลิกเลยๆ’ แต่ นุ๊ก จะบอกกับทุกคนเสมอว่า 'ทำดีที่สุดหรือยัง ถ้าทำดีที่สุดแล้ว มั่นใจแล้วใช่ไหม ให้ทำดีกว่านั้นอีก ให้ทำดีจนถึงที่สุด ให้ถึงคำว่าไม่มีอะไรที่ไม่ได้ทำแล้ว ทำจนดีที่สุดจริงๆ แล้วค่อยเดินออกมา' เพราะถ้าเราเดินออกมาด้วยอารมณ์ บางที เราอาจจะย้อนกลับไปมองว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ แล้วมาเสียใจทีหลัง รู้งี้ทำเพื่อลูกดีกว่า รู้งี้ทำเพื่อครอบครัวดีกว่า อยากให้ทำดีที่สุดจนคิดแล้วว่าไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่เรายังไม่ได้ทำ เราได้ทำทุกอย่างหมดแล้ว เวลาเราเดินออกมา จะได้ไม่ไปคิดย้อนเสียใจ และเหนืออื่นใด หลังจากที่เราเดินออกมา มันยังมีเรื่องให้เราเสียใจอีกเยอะคะ”

คุณแม่ลูกสองยอมรับว่า ที่ผ่านมา เธอเองก็เสียใจไม่น้อยกับการตัดสินใจหย่าร้าง กว่าจะ “ตั้งตัว” ได้ ก็ใจสลายไปไม่รู้กี่หน เพราะบนถนนชีวิต จากที่เคยมีมิตรร่วมสู้ คู่ร่วมทาง กลับกลายเป็นอ้างว้างโดดเดี่ยว

“การเดินคนเดียวมันลำบากมาก เราต้องการคนช่วยเหลือ ครอบครัวจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าเรามีคนช่วยเหลือเรา มันทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุข ทั้งในชีวิตของการเป็นตัวเราเอง และในชีวิตของการเป็นแม่ของลูก แล้วพอเรามีความสุขกับตัวเอง ลูกที่เราเลี้ยงเขาก็จะซึมซับความสุขของเรา ทำให้เขามีความสุขไปด้วย”

ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้าเปรียบนุ๊ก-สุทธิดา เหมือนบุปผา ก็คงเป็นบุปผาที่ยังสวยสะพรั่งและกลิ่นหอม ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ภมรมาหมายตอมดอมดม และในคืนวันที่ผ่านพ้น ซิงเกิ้ลมัมลูกสองก็ทดลองคบหาดูใจกับหนุ่มคนใหม่บ้างตามวิถี แต่ถ้าจะให้เลือกใครสักคนขึ้นเป็นนัมเบอร์วัน อยู่ร่วมกันไปจนแก่เฒ่าและตายจาก เธอมีหลักในการเลือกที่เรียบง่าย แต่ทว่ามีความหมายจริงจัง

“ลูกเป็นประเด็นหลักเลยค่ะ เวลาที่ลูกชอบใคร คะแนนจะพุ่งพรวดเลย แต่ถ้าลูกไม่ชอบคือคนนั้นจะปลิวออกไปเลย ใครจะจีบผู้หญิงที่มีลูก ก็ต้องจีบลูกเขาก่อน อันนี้เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ก่อนหน้านี้ นุ๊กก็อยากมีแฟนนะอยากมีจริงๆ แต่ว่าเราอาจจะไม่มีแฟนมานานจนลืมไปว่าการมีแฟนมันเป็นยังไง แล้วเราไปให้ความสำคัญกับงาน กับลูก กับการเล่นกีฬา เวลาในหนึ่งวันก็หมดไป ไม่มีเวลาไปเจอใครแล้ว ก็เลยมานั่งคิดว่า เราอาจจะคิดไปเองว่าเราอยากมีแฟน แต่พอเราเรียนรู้การใช้ชีวิตของตัวเอง จนถึงตอนนี้ก็รู้สึกว่า อ้อ ฉันไม่อยากมีแฟนนี่นา แต่ฉันเข้าใจผิดคิดว่าฉันอยาก”

เรื่องโดย มนัชญา นามละคร กองบรรณาธิการ เซ็กชั่น Taste
ภาพโดย พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพประกอบ Instagram @nook_suttida


ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ชื่อเล่น : นุ๊ก
วันเกิด : 15 มีนาคม พ.ศ. 2520
ส่วนสูง : 164 ซม. / น้ำหนัก 42 กก.
การศึกษา โรงเรียนบดินทร์เดชา:
เริ่มเข้าวงการ : ละครโทรทัศน์แนวจักรๆ วงศ์ๆ ทางช่อง 7เรื่อง "โม่งป่า" (2535)
ผลงานเด่น : มิวสิควิดีโอเพลง บอร์ดี้การด์ ของสมชาย เข็มกลัด (2535), อัลบั้มชุดแรก นุ๊ก สุทธิดา (2537), ภาพยนตร์ โลกทั้งใบให้นายคนเดียว (2538) ฯลฯ


 














กำลังโหลดความคิดเห็น