รักแห่งสยาม
เลิฟ จุลินทรีย์
Suck Seed ห่วยขั้นเทพ
5 แพร่ง
หรือ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคประกาศอิสรภาพ (พ.ศ.2550) ซึ่งรับบทเป็น พระราชมนู (ไอ้ทิ้ง) ในวัยเด็ก
ทั้งหมดนี้ เป็นผลงานบนแผ่นฟิล์มที่ "เก้า-จิรายุ ละอองมณี" ได้พิสูจน์ฝีไม้ลายมือให้ใครหลายคนได้เห็น จนขึ้นแท่นเป็นนักแสดงวัยรุ่นแถวหน้า ๆ ของประเทศไทย
นี่ยังไม่รวมผลงานละครอีกหลายเรื่อง รวมไปถึงผลงานเพลง เรียกได้ว่า พ่อหนุ่มหน้าใสคนนี้ สอบผ่านการแสดงได้ทุกบทบาท
มาวันนี้ เขากลับมาพร้อมบทบาทการแสดงที่โตขึ้น กับบท "สิงห์" ตัวละครเด่นจากภาพยนตร์สยองสะเทือนใจวัยรุ่น เรื่อง Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย ผลงานเรื่องแรกของค่ายหนังใหม่แกะกล่องอย่าง ทาเลนต์ วัน มูฟวี่ สตูดิโอ ซึ่งได้ 3 ผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง จอห์น-กิตติธัช ตั้งกิจศิริ โดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ และยู-ษรัณยู จิราลักษม์ โดยมี คงเดช จาตุรันต์รัศมี ร่วมเขียนบทภาพยนตร์
อีกทั้งยังได้นักแสดงวัยรุ่นอย่าง ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์ อาย-พิมพกานต์ แพร่คุณธรรม และเบสท์-เอกวัฒน์ เอกอัจฉริยามาร่วมแจมด้วย
วันนี้เป็นโอกาสอันดีของ M-OPEN ที่จะขอทำหน้าที่เปิดเปลือยความรู้สึกของ เก้า จิรายุ พร้อมด้วยแง่มุมต่าง ๆ ที่ไม่เคยถูกเปิดเผยที่ไหนมาก่อน รับรองได้ว่า หลังจากอ่านจบ คุณจะรู้สึกคุ้นเคย และใกล้ชิดกับเขาคนนี้มากขึ้น
Last Summer หนังผีัที่โตขึ้นของเก้า
ทีมงานเริ่มเปิดประเด็นพูดคุยกับเก้าถึงหนังสยองขวัญวัยรุ่นเรื่องล่าสุดของเขา เก้า เล่าว่า เป็นบทที่เข้มขึ้น จริงจังขึ้น แต่ก็เหมาะกับช่วงวัยที่ดูโตขึ้น อีกทั้งยังได้ทำงานกับพี่ ๆ ที่มีไฟ และนี่คือเหตุผลที่เขารับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้
"ตอนแรกที่คุยกัน อันดับแรกคือเรื่องของบทครับ เพราะเข้มข้นขึ้น จริงจังขึ้น ซึ่งต้องบอกว่า เป็นหนังที่มาถูกช่วงเวลาของผมด้วย นอกจากเข้มข้นแล้ว บทที่ได้รับยังดูโตขึ้น เหมาะสมกับวัยด้วย ส่วนเนื้อเรื่องก็ดูน่ากลัวในแบบใหม่ ยิ่งเป็นค่ายใหม่ด้วยก็ไม่อยากทำอะไรเดิม ๆ แต่อยากทำอะไรที่มันดี ๆ ผมก็เลยรู้สึกว่า ทำงานกับคนมีไฟ แล้วมันดีแบบนี้นี่เอง (หัวเราะ) สุดท้ายผมก็ตัดสินใจรับเล่น เพราะอยากให้คนดูเห็นความเป็นเก้าในหนังผีวัยรุ่นแบบใหม่ที่โตขึ้น" เก้าเผย
เมื่อถามถึงระดับความยาก-ง่าย เมื่อเทียบกับหนังผีที่ผ่านมา เขาบอกว่า เรื่องนี้ค่อนข้างยาก และต้องเตรียมตัวอย่างหนัก โดยเฉพาะอารมณ์ร่วมไปกับหนัง
"ยากนะครับ เพราะถ้าพูดว่าไม่ยาก ก็เหมือนกับว่าใครจะเล่นก็ได้ อีกอย่าง บทมันก็ดูโตขึ้น ผมเองต้องเตรียมตัวหนักเหมือนกันครับ แต่หนังทุกเรื่องที่ผมรับเล่น ก็ต้องเตรียมตัวหนักอยู่แล้ว สิ่งแรกเลย ต้องทำความรู้จักกับมันก่อน ไม่ว่าจะเป็นบท อารมณ์ร่วม และอื่น ๆ ผมไม่ใช่คนที่เอาบทมานั่งอ่านซ้ำ ๆ แต่เวลาผมเล่นหนัง ผมจะคิดเผื่อสิ่งที่ตัวละครเป็น ตัวบท จริง ๆ แล้ว มาอ่านสุดท้ายเลยก็ยังได้ สิ่งที่สำคัญสุดคือ ต้องนึกภาพความเป็นตัวละครนั้น ๆ ให้ออก ตีอารมณ์ให้แตก ว่าสิ่งที่กำลังเล่น ตัวละครต้องการจะสื่ออะไร แล้วถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด อีกอย่างต้องมี สมาธิ ผมไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ นับหนึ่ง สอง สามแล้วเล่นเลย ถ้าแบบนั้นมันคือการเฟกครับ" เขาบอก
ถามลึกลงไปถึงความคาดหวัง แน่นอนว่า คงไม่มีใคร ไม่คาดหวังกับผลงานของตัวเอง เช่นเดียวกับเก้า ที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก บอกแต่เพียงว่า เขาและทีมงานตั้งใจ และทุ่มเทกับหนังเรื่องนี้มาก ดังนั้นอยากให้คนดูชอบเหมือนที่เขาและทีมงานชอบ
"ผมก็แค่คาดหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นหนังที่หลายคนชอบ คือ เรื่องของการทำงานในวงการภาพยนตร์ ผมมองว่ามันเหมือนกับการทำธุรกิจอย่างหนึ่ง ดีหรือไม่ดี มันไม่สำคัญเท่ากับคนชอบหรือไม่ชอบ แต่ถ้าถามว่าในความรู้สึกผม มันเป็นสิ่งที่ดีนะ แต่สิ่งเหล่านั้นจะไม่มีประโยชน์ถ้าคนอื่นไม่ชอบ ซึ่งผม และทีมงานเราตั้งใจทำหนังออกมาสู่สายตาคนดู สิ่งที่คาดหวังเพียงอย่างเดียวก็คือให้คนดูชอบก็เท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ความคาดหวังมาก ๆ ผมและทีมงานเพียงแค่อยากจะบอกว่า เราได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณแล้วนะ ต่อจากนี้อยู่ที่คุณเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสิน"
สำหรับครั้งนี้ เก้า และปันปัน ได้ถูกจับคู่ให้เล่นหนังด้วยกันอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้เคยเล่นคู่กันในภาพยนตร์ฉลอง 7ปี จีทีเอช "รัก 7ปี ดี 7หน" ไม่แปลกที่จะมีกระแสจับคู่กันเกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ เก้าเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อไปแล้ว โดยนักแสดงวัยรุ่นท่านนี้บอกว่า
"จริงๆ ผมกับปันปันเล่นหนังด้วยกันแค่ 2 เรื่องเองนะ ดู พี่ณเดชน์กับพี่ญาญ่า ยังเล่นด้วยกันหลายเรื่องและยังมีโฆษณาด้วยกันอีกตั้งหลายตัว ยังไม่เห็นเป็นไรกันเลย แต่จริงๆ ผมกับปันปันเคยมีโฆษณาด้วยกัน ก็ไม่แน่นะ (หัวเราะ) ผมว่ากระแสคู่จิ้นเป็นสิ่งที่เขาสามารถพูดกันได้ แต่ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับผม ผมสบายๆ แต่ถ้าน้องไม่ได้รู้สึกรังเกียจผม ผมโอเค เท่านั้นเองครับ" หนุ่มเก้า จิรายุชี้แจงผ่านสื่อ
แต่ถ้าให้เมาท์ถึง "ปันปัน" เก้าไม่ได้พูดอะไรมาก นอกจากชื่นชมความตั้งใจ และฝีมือในการแสดงของเธอ
"ปันปัน เขาเป็นคนตั้งใจมาก เวลาเข้าฉากก็เล่นได้ตลอด เขาเป็นคนมีความสามารถอยู่แล้ว สำหรับผมนะ ไม่มีอะไรน่าห่วงของผู้กำกับ และทีมงานเลย พูดง่าย ๆ คือ ไม่มีใครมาเสียเวลาเพราะปันปันอ่ะครับ ถึงเวลาปุ๊บก็เล่นได้ตลอด ดีครับ มืออาชีพครับ ส่วนตัวเวลาอยู่ในกอง ผมไม่ค่อยได้คุยกับปันปันเลยครับ เอาจริง ๆ เพราะไม่ค่อยได้เข้าฉากคู่กัน เป็นแฟนกัน แต่ในเรื่องปันปันจะเป็นเพื่อนของแฟนผม อีกอย่าง ผมตั้งใจกับเรื่องนี้มาก ผมพยายามวางตัวให้คล้าย ๆ กับบท ไม่ต้องคุยกันมากจะได้ดูไม่ต้องสนิทกัน (หัวเราะ)"
สุดท้ายของประเด็นเรื่องหนัง ทำไมต้องไปดูเรื่อง Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย ไปฟังคำตอบจากเขากัน
"ทำไมต้องดูเรื่องนี้ เอาง่าย ๆ เลยครับ มันเป็นภาพยนตร์ที่ทุกคนตั้งใจ ผม นักแสดงคนอื่น ๆ รวมไปถึงทีมงานตั้งใจทำสิ่งใหม่ ๆ ออกมา ตัวบท สำหรับผมแล้วมันดีมาก ๆ มันดีจริง ๆ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ควรดู คนดูจะได้อะไรจากมันเยอะเลย และที่สำคัญ แม้จะเป็นหนังผี แต่ไม่ใช่แค่ความน่ากลัว ความตื่นเต้น แต่สิ่งที่ได้เพิ่มเข้ามาคือ ความรู้สึกที่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ในหนังผีที่ไม่ค่อยได้เคยมีมาก่อน และถึงจะเป็นค่ายใหม่ แต่เป็นค่ายที่รวมผู้มากประสบการณ์ในการทำหนังเยอะมาก ไม่ใช่ค่ายใหม่แล้วทุกคนใหม่หมด" เก้าฝาก พร้อมกับเปรยว่า ตอนนี้กำลังมีซิตคอมของเอ็กแซ็กท์ เรื่อง "ลูกพี่ลูกน้อง" ซึ่งเล่นเป็นตัวเสริม คอยสร้างเสียงหัวเราะ อยากให้ติดตามกันด้วย
ยิ่งโต ยิ่งหล่อ แถมไม่ไร้หัวคิด
จบประเด็นเรื่องหนัง มาต่อกันที่มุมสบาย ๆ ของเก้า จิรายุ หลังกลับจากเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษ ตอนนี้ก็มีงานอยู่เรื่อย ๆ ส่วนเรื่องเรียน ไม่ค่อยหนักมาก ปัจจุบันเรียนอยู่ที่คณะวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม สาขากำกับการแสดงภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
"ตอนนี้งานไม่ค่อยเยอะมาก เรื่องเรียนก็สบายๆ ครับ อย่างเทอมนี้เรียนแค่อาทิตย์ละ 3 วันเอง ก็เลยไม่ค่อยเครียดเท่าไร ปัจจุบันผมเรียนภาพยนตร์ ที่มศว เหตุผลที่เลือกเรียนสาขานี้ก็ไม่ได้ถึงขั้นจะทำหนังหรอกครับ ตอนนี้ยังไม่ได้วางแผนอะไร คงนำมาใช้กับการทำงานมากกว่า ถามว่าจะเป็นนักแสดงไปถึงเมื่อไร ผมก็ยังตอบไม่ได้ แต่ถ้าเอาจริง ๆ ผมอยากทำอะไรที่มันเป็นของเราเอง ผมก็เหมือนคนปกติที่อยากทำงานสบาย ๆ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ แต่ว่าเงินมีตลอด อะไรประมาณนี้ (หัวเราะ) แต่ไม่ใช่ว่าจะขี้เกียจนอนอยู่บ้านเฉย ๆ นะ ที่มองไว้คร่าว ๆ ผมอยากลงทุนอะไรสักอย่าง ที่เป็นความคิดในแบบของเรา ไม่ใช่แค่ชื่อของเรา" เก้าเผย
ละอ่อนเนื้อหอมรายนี้ ยังเผยต่อไปว่า เงินอาจเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามองต่อไปด้วยก็คือ ตายไปแล้วจะทิ้งอะไรไว้ได้บ้าง
"ตายไปแล้วคนจะคิดถึงผมหรือเปล่า แต่มันไม่ใช่อารมณ์แบบวัยรุ่นที่ว่า ฉันตายไปแล้วเธอจะคิดถึงฉันไหม แต่สำหรับผม ต้องคิดถึงผมจริง ๆ โอเค ผมอาจจะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนสตีฟ จ็อบส์ตายแล้วแบบว่า คนก็ยังพูดถึงอยู่ ขอแค่สักชุมชนหนึ่งมีรูปปั้นผมอยู่ ผมก็โอเคแล้วครับ ดังนั้น ผมจึงอยากทำอะไรสักอย่างที่จะสร้างตำนานให้คนจดจำ อย่างน้อย ๆ ก็มีหนังล่ะ แล้วเร็ว ๆ นี้ก็จะไปพิมพ์มือที่หอภาพยนตร์แห่งชาติ แค่นี้ผมก็ภูมิใจมากแล้วครับ" เก้าขยายความ
รักใส ๆ ฉบับวัยรุ่นเนื้อหอม
ล้วงให้ลึกลงไปถึงมุมมองความรัก เก้านิ่งคิดกับคำถามนี้ จนทีมงานต้องถามออกมาว่า สะดวกตอบไหม สุดท้ายก็เผยความรู้สึกออกมา
"อ้อ..พูดได้ครับ เพียงแต่ผมไม่อยากพูดอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ ซึ่งผมเชื่อว่าพี่ก็คงเบื่อ แต่ถ้าถามผมตอนนี้ ในความรู้สึกผมนะ ไม่ว่าจะความรักแบบไหนก็ตาม มันสำคัญหมด เพียงแต่ เราต้องถามตัวเองว่าเราขาดหรือเปล่า ถ้าไม่ขาดก็ไม่จำเป็นต้องตามหาความรักมากมาย แต่ถ้าไม่มีเลยมันก็คงเหงาอ่ะครับ ความรักของผมก็มีเข้ามาหลากหลาย ทั้งจากครอบครัว แฟนคลับ หรือจากพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้องๆ ที่ร่วมงานกัน
ส่วนความรักในเชิงชู้สาว ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่า จะตอบในลักษณะไหน เช่น ต้องอยู่กับคนคนหนึ่งไปตลอดชีวิตเหมือนที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน ผมยังเป็นเด็กอยู่ครับ ผมก็ไม่สามารถพูดได้ว่า ผมเข้าใจความรักได้อย่างถ่องแท้ แต่ตอนนี้สำหรับผมแล้ว ความรักมันคือความรู้สึกตื่นเต้น อยากที่จะ..นั่น..กับเขา ผมหมายถึงชวนไปเที่ยวอ่ะครับ (หัวเราะ) แค่นั้นเองครับ"
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับตามมาก็คือ เรื่องความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคน และในกรณีเก้า ที่มีคุณแม่คอยดูแลหลาย ๆ เรื่องมาตั้งแต่เด็ก ทั้งการใช้ชีวิต และการทำงาน ไม่แปลกที่จะมีกระแสข่าวว่าหวงลูกชายขึ้นมา เรื่องนี้เก้าจะว่าอย่างไร ไปฟังคำตอบของเขากัน
"ส่วนตัวผม ถ้าผมจะคบใครสักคน แม่ผมไม่ได่ว่าอะไร และก็ไม่ได้ฟิกด้วยว่าจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ เพราะแม่เลี้ยงผมมา ซึ่งก็ค่อนข้างมั่นใจว่าท่านเลี้ยงผมมาได้ดีแล้ว เพราะฉะนั้นท่านก็คงจะเชื่อในการตัดสินใจของผมอ่ะเนอะ (เสียงสูง)" หนุ่มเก้าตอบ
เมื่อลองถามเล่น ๆ โดยให้เลือกระหว่าง ผู้หญิงทำศัลยกรรม กับผู้หญิงที่ไม่ทำศัลยกรรมมาเป็นแฟน อยากรู้หรือไม่ว่าเขาจะเลือกผู้หญิงแบบไหน นี่คือคำตอบของเขา
"ผู้หญิงทำศัลยกรรม แต่สวยกว่า กับผู้หญิงธรรมดาที่สวยน้อยหน่อย แต่ไม่ถึงกับแย่ (นิ่งคิด)..ผมขอเลือกผู้หญิงที่ยังไม่ศัลยกรรมมาก่อนดีกว่าครับ เพราะถ้าเกิดว่าวันหนึ่งไม่สวยขึ้นมาจริง ๆ ก็ค่อยว่ากัน เพราะหน้าไม่ศัลยกรรมทำง่ายกว่า (แต่ก็ต้องมีพื้นฐานความน่ารักอยู่บ้างอ่ะนะ) อ่อ ๆ ผมดูคนที่นิสัยครับ จริง ๆ" เก้าย้ำ
ถ้าล้วงผมถีบ จับก้นผมปัด
หัวข้อนี้ เป็นความรัก และความรู้สึก ๆ ของเก้ากับแฟนคลับ สำหรับคนที่รัก และติดตามงานของเขามาตลอด เก้าเอ่ยคำขอบคุณไปถึงแฟนคลับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม แต่การกระทำที่เข้าข่ายลวนลาม โดยไม่ให้เกียรติกัน เป็นสิ่งที่นักแสดงหนุ่มคนนี้ไม่ชอบเอามากๆ
"คือผมดูการประพฤติตัวอย่างเดียวเลยครับ ไม่ว่าจะเพศไหน รสนิยมทางเพศจะเป็นอย่างไร บางคนดูปกติมาหาผม แต่กลับไปบ้านเขาอาจจะโรคจิตก็ได้ เรื่องนั้นผมไม่ว่าครับ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่การที่เข้ามาหาผม และให้เกียรติผม ไม่มีทางที่ผมจะเดินหนี แต่ถ้าเข้ามาแล้วลวนลาม ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงผมก็ไม่ชอบอยู่ดี ดังนั้น ถ้ารักผม ชอบผม โปรดให้เกียรติผมเหมือนมนุษย์คนหนึ่งทั่วไป และไม่เกี่ยวด้วยว่าคุณจะเป็นเพศที่สาม ถ้าเข้ามาดี แสดงพฤติกรรมที่ดีต่อผม ผมก็ขอบคุณมาก"
"(ที่ผ่านมามีบ้างไหม) ส่วนตัวผมไม่ค่อยเจอ แต่ดูท่าไม่ค่อยดี ผมก็เดินหนีก่อนดีกว่า ล้วงนี่ไม่มีครับ ล้วงของผมนี่ผมถีบแน่นอนครับ เพราะผมก็ต้องป้องกันตัว ผมตกใจ คุณจะมาล้วงของผมได้ยังไง เวลานั้นไม่สนหรอกครับว่าจะมีกล้องตั้งอยู่เยอะ แต่ก็ไม่เคยเกิดกรณีนี้ ส่วนมากจะเข้ามาถ่ายรูป และจับตูด แบบนี้ผมเจอบ่อยครับ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมาก ๆ แต่เฮ้ยพี่! แบบนี้ไม่ใช่หรือเปล่าวะ ผมก็ปัดมือออก จับมาเนียน ๆ ผมก็ปัดแบบเนียน ๆ" นักแสดงหนุ่มเนื้อหอมเผย
สุขง่าย ๆ สไตล์ "เก้า-จิรายุ"
ด้านความสุขของหนุ่มคนนี้ ไม่มีอะไรมาก นอกจากมีความสุขไปกับชีวิต และได้ชื่นชมชีวิตที่ดีขึ้นจากความตั้งใจของตัวเอง
"ความสุขในวันนี้ของผมเหรอครับ ผมมองตัวเองแล้วก็รู้สึกว่าชีวิตก็ดีนะ ผมอาจจะเป็นคนขี้เกียจ ชุ่ย ๆ บ้าง แต่ก็เก่งอยู่ครับ ส่วนตัวผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายมาก และการที่ผมมองตัวเองแบบนี้ได้ แสดงว่าชีวิตผมดีจริง ๆ ถึงไม่เจ๋งอย่างหลาย ๆ คน แต่ผมก็เจ๋งในแบบของผม ทุกวันนี้ก็มีซ้อมบาส ซึ่งเป็นคอร์สทีมชาติ พูดซะดูดีเลย (หัวเราะ) แล้วก็มีเรียนวันอังคาร พฤหัสฯ ศุกร์ มันก็เป็นช่วงเวลาที่โอเคครับ เล่นกีฬาอาทิตย์ละ 2 วัน ชีวิตดูมีอะไรที่ประจำให้ทำ และดูมีวินัยมากขึ้น ความสุขในแต่ละวันของผมก็ประมาณนี้ครับ ไม่ได้มีอะไรมาก"
"(คิดว่าตัวเองดังไหม) ผมคิดว่า ตัวเองดังบ้าง ไม่ดังบ้าง แต่ถ้าถามลึก ๆ แล้ว ไม่ดังหรอกครับ ยิ่งในยุคที่มีของใหม่ ๆ หน้าใหม่ ๆ เข้ามา คนเขาก็ลืมของเก่า ๆ ถามว่าน้อยใจไหม ไม่นะครับ ผมแค่รู้สึกว่า เราต้องรักษามาตรฐานการทำงานของเราให้ดีก็พอ ผมเองถ้าพูดกันตรง ๆ ก็อยู่มานาน ไม่ใช่มา ๆ หาย ๆ มีหลาย ๆ รางวัลการันตี ตอนเล่น 5 แพร่งก็ได้เข้าชิงทุกสถาบัน ซึ่งก็พอจะพิสูจน์ได้บ้างว่า ผมไม่ได้มีแค่หน้าตาเป็นใบเบิกทาง แต่คุณภาพผมก็มีเหมือนกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด ความสุขของผมไม่ได้อยู่แค่ในเรื่องของวงการอยู่แล้ว ผมยังมีความสุขหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะกับครอบครัว และเพื่อน"
ท้ายนี้ เก้าเผยว่า ความตั้งใจทำงานให้ออกมาดีในวันนี้ ก็เพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้า
"ชีวิตต้องมีเงินหล่อเลี้ยงอยู่แล้ว คือถามว่าความสุขก็เป็นส่วนสำคัญ แต่นั่นก็แค่พูดให้ดูดี สุขแล้วสุขสบายหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่อง เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่มันก็ซื้ออะไรได้หลาย ๆ อย่าง สำหรับผม ไม่ต้องมีมาก แค่กลาง ๆ แบบไม่ต้องดิ้นรนก็พอ วันนี้ผมจึงต้องทำงาน เก็บเงินเพื่อครอบครัว และตัวผมเอง เพื่อสักวันเราจะได้ทำในสิ่งที่เราชอบจริง ๆ ถ้าเรามีเงิน เราก็สามารถเลือกทำได้ ผมว่านั่นก็คือเป้าหมายของผมในตอนนี้"
จากนักแสดงเด็กน้อย สู่วันที่เติบใหญ่เป็นนักแสดงวัยรุ่นมากความสามารถ เขาไม่เคยฉาว และไม่เคยหวือจนทำให้พ่อแม่ หรือแฟนคลับต้องกลุ้มใจ มีแต่จะพัฒนาฝีมือ และตั้งใจทำงานอย่างดีมาตลอด ไม่แปลกใจว่าทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงเดินอยู่บนถนนสายบันเทิงได้นานถึง 11 ปี แล้วแบบนี้จะไม่เรียกว่า หล่อทั้งรูป จูบก็หอมได้อย่างไร
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite