xs
xsm
sm
md
lg

“สั้นเสมอหู” ดูซิดู อีหนู “เบี่ยงเบนทางวัฒนธรรม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทำให้คนทั้งประเทศ “แน่นอก” จนต้อง “ยกออก” กันมาได้พักใหญ่ๆ ยอดวิวของเอ็มวีเพลง “รักต้องเปิด (แน่นอก)” ก็ยังคงกระฉูดอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นกระแสการเต้นคัฟเวอร์ท่าเด้งบนเด้งล่างในหมู่วัยรุ่น ให้สาวแท้และเทียมได้ทำตาม เปิดอก-โชว์ขาอ่อนกันอย่างสนุกสนาน จนกรมส่งเสริมวัฒนธรรมทน “คับอก” ไม่ไหว ต้อง “ลุกออก” มาประจาน “ใบเตย-อาร์สยาม” และเจ้าของค่ายออกสื่ออย่างเป็นทางการ โทษฐาน “สั้นเสมอหู” จนก่อให้เกิด “การเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรม”




มันแน่นอก ต้องคัดออก
“คุณต้องยอมว่า ขณะนี้ การเลียนแบบค่านิยมและพฤติกรรมของดารา-นักร้องที่ชื่นชอบมีอยู่มาก โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน พวกเขาซึมซับจากสื่อต่างๆ และนำมาเป็นต้นแบบ เช่น การนุ่งกางเกงขาสั้นมากๆ เสมอหู การเลียนแบบท่าเต้นโชว์เรือนร่างแล้วปล่อยคลิปตามยูทูป ตามนักร้องสาวใบเตย จนเกิดเป็นเรื่องเสื่อมเสียและมีส่วนทำให้เป็นต้นเหตุของปัญหาสังคมที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
ต่อไป เมื่อมีการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เราจะต้องให้คำแนะนำ เชิญผู้ผลิตเนื้อหาของการแสดงมาพูดคุยทำความเข้าใจกัน ก่อนที่จะมีการนำเสนอ เพื่อไม่ให้เกิดการเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรมแบบนี้อีกดำรงค์ ทองสม รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เตือนเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

ลองเข้าไปดูในมิวสิควิดีโอตัวที่ถูกกล่าวขานถึงว่าแรงนักแรงหนา จะเห็นว่าเนื้อเพลงโดยรวมพูดถึงคนที่เก็บงำความในใจเอาไว้ จน “แน่นอก” ทำให้อยากจะ “ยกออก” บอกเล่าความรู้สึกออกไป แต่กลวิธีการเล่าใช้ถ้อยคำที่ดูสองแง่สองง่าม “มันแน่นอก ต้องยกออก ให้แบกเอาไว้ นานไปเดี๋ยวใจถลอก มันแน่นอก ต้องยกออก เรื่องใหญ่อย่างนี้ บังยังไงก็ยิ่งกระฉอก” บวกกับท่าเต้นกระเด้งหน้าอก เผยผ่ามือเข้าออก สลับกับกระเด้งล่าง พร้อมเสื้อผ้านุ่งสั้น โชว์ส่วนโค้งเว้าวับๆ แวมๆ ยิ่งทำให้จินตนาการกันไปเลยเถิดว่า เรื่องราวที่ต้องการจะสื่อสารจริงๆ คงไม่ใช่เรื่อง “รัก” แต่เป็น มุม “ลับ” มากกว่า

บางกลุ่มอาจจะมองเห็นเป็นความแปลกใหม่ จับเอาศิลปินแนวฮิปฮอปของค่ายกามิกาเซ่ “3.2.1 (ทรี ทู วัน)” มา featuring กับลูกทุ่งสาวสุดเปรี้ยว “ใบเตย-อาร์สยาม” ทำให้เพลงลูกทุ่งขยายวงออกไปได้กว้างมากขึ้นในกลุ่มคนฟังวัยรุ่น แต่กรมส่งเสริมวัฒนธรรมขอยืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าภาคภูมิใจเลย โดยเฉพาะถ้อยคำที่ใช้แนะนำตัวใบเตยอยู่บนรถคณะฉิ่งฉาบทัวร์ของเธอที่บอกว่า “คณะสั้นเสมอหูเพราะหนูคือใบเตย” ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาพขายของเธอที่ไม่เหลือ “ความอาย” ต่อการนุ่งสั้นโชว์หวิวอีกต่อไป

“สิ่งที่น่าห่วงอย่างยิ่งในขณะนี้ก็คือ มีการนำการแสดงและดนตรีพื้นบ้านไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม อย่างกรณีใบเตย มองว่าเขาใช้เพลงลูกทุ่งมาสร้างจุดขายให้ตัวเองเกินไป เป็นศิลปินที่ทำยังไงก็ได้ให้มีชื่อเสียง โดยไม่สนใจศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของเพลงลูกทุ่งแล้ว ใช้ร่างกาย ท่าเต้น ดึงดูดให้คนสนใจ มากกว่าการขายเนื้อหาและถือว่าไม่รักษาวัฒนธรรมที่ดีของชาติ ผู้ประกอบธุรกิจวงการเพลง-การแสดงก็เหมือนกัน เดี๋ยวนี้หากินในเชิงธุรกิจมากเกินไปแล้ว อยากให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ไม่ใช่คิดแต่จะหาจุดขายเพื่อเรียกเรตติ้งให้ศิลปินอย่างเดียว”




หนูนำอาเซียน สร้างชื่อเสียงให้ประเทศนะ!
ถูกฉะแหลกขนาดนี้ มีหรือลูกทุ่งสาวผู้ครองพื้นที่บนสื่ออยู่บ่อยครั้งจะนิ่งเฉย ใบเตยออกมาให้ปากคำทันที ขอให้หลายฝ่ายลองหยุดฟัง จากเหตุผลและมุมมองของนักร้องสาวคนหนึ่งดูบ้าง เพราะเธอก็แค่ทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุด ที่สำคัญ เธอมองว่ามันมีแง่ดีให้มองมากกว่าด้านลบๆ ที่คนกล่าวโทษด้วยซ้ำไป และอยากจะขอโทษที่ทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ ฝ่ายไม่พอใจ เพราะจริงๆ แล้วไม่ได้มีเจตนาหรือตั้งใจให้ภาพออกมาเสื่อมเสียแบบนั้น มั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำน่าจะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศมากกว่า

“ที่ทำมาทุกวันนี้ทุกคนก็ยอมรับแล้วก็ชื่นชอบ รวมถึงต่างประเทศด้วย เราก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วก็รู้สึกว่าดีที่เราสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แล้วก็ศิลปินไทย โดยเฉพาะเพลงลูกทุ่งของเรา ที่วันนี้ต่างประเทศร้องเพลงแน่นอกได้ค่ะ เลยอยากให้มองว่ามันเป็นอะไรที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แล้วก็ส่งเสริมความทันสมัยทางดนตรีแบบก้าวล้ำ นำประเทศ นำอาเซียน นำทุกอย่าง หนูว่ามันค่อนข้างจะเป็นอะไรที่บวกมากกว่านะ”

พูดกันแบบเปิดอกแน่นๆ ใบเตยเองก็รู้สึกผิดหวังและเสียความรู้สึกกับคำติเตียนที่ได้รับมาเหมือนกัน เพราะดูเหมือนว่าเธอจะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตัวที่จะส่งผลให้วัฒนธรรมเสื่อมเสีย ทั้งที่ความจริง ไม่ได้มีเธอคนเดียวเสียหน่อย

จริงๆ ก็คิดว่าไม่น่าเป็นเราที่ถูกตำหนิ เพราะว่าทำชื่อเสียงให้ประเทศก็เยอะ ได้รับใช้ประเทศไทยก็เยอะ อย่างผลงานล่าสุด รักต้องเปิด (แน่นอก) มันก็โด่งดัง และมีชื่อเสียงในแง่บวกมากค่ะ ก็ไม่น่าที่จะเป็นเรา ควรจะไปต่อว่าคนอื่น แต่พอดีว่าเขาคงเห็นภาพใครไม่ชัดเท่าภาพเรา เพราะเห็นอะไรก็นึกว่าเป็นใบเตยทุกอย่าง ทั้งเรื่องนุ่งสั้นหรือว่าเรื่องท่าเต้น อันนี้ก็นานาจิตตังค่ะ ก็แล้วแต่วิจารณญาณ จะบอกว่าอันที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่ลูกทุ่งหรือแค่เราที่โป๊เปลือย คนอื่นก็เป็น ไม่เห็นไปว่าเลย ก็อยากให้ไปโฟกัสที่คนอื่นบ้าง ไม่ใช่อะไรก็ใบเตยๆ

สิ่งที่อยากให้รู้คือ เธอไม่ได้เป็นคนคิดคอนเซ็ปต์ ออกแบบท่าเต้นหรือเสื้อผ้าอะไรทั้งนั้น “มันไม่ได้มาจากเราอยู่แล้ว เป็นคอนเซ็ปต์จากทางค่ายที่เขาจัดเตรียมไว้ คือถ้าจะว่า ต้องไปว่าโปรดักชั่นที่เป็นค่ายของเรา ไม่ใช่เรา แล้วสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่ว่าเราตั้งใจจะทำลายวงการลูกทุ่งหรือว่าทำให้มันเสื่อมเสีย แต่มันเป็นเพลง ด้วยคอนเซ็ปต์ที่เป็นแบบนี้ ต้องเต้นแบบนี้ แล้วก็ทำให้คนดูรู้ว่าวันนี้มันประสบความสำเร็จมาก”

มันไม่เกี่ยวว่าเธอจะปฏิเสธคำขอจากค่ายเพลงได้หรือไม่ เธอก็แค่ทำตามคอนเซ็ปต์ที่ให้มาและคาแร็คเตอร์ของเธอก็กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ถามว่าโดนแบบนี้เข้าไปยังจะคงความ “สั้นเสมอหู” ต่อไปอีกหรือเปล่า เธอตอบว่าอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ก็คงเป็นเราเหมือนเดิมค่ะ แล้วแต่อัลบั้มไป พอเราโตขึ้นจะมาให้เราสั้นแบบนี้ก็อาจจะไม่ได้ ก็คงจะเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ไปตามวัยวุฒิและคุณวุฒิ แต่ ณ วันนี้ วัยเรายังใส่อย่างนี้ได้”




วัดจากเจตนา แรงกว่า “จ๊ะ-คันหู” อีก
ถูกของใบเตย ไม่ใช่เธอคนแรกและคนเดียวที่นุ่งสั้น ร้องเพลงสองแง่สองง่าม และวาดลวดลายเร่าร้อนเร้าอารมณ์เช่นนี้ ที่เห็นชัดๆ ก่อนหน้านี้ก็ยังมี “จ๊ะ-คันหู” ที่เป็น Talk of the town ในประเด็น “ขายเพลงหรือขายเซ็กซ์?” ให้ได้ถกเถียงกันอยู่พักใหญ่ๆ แต่ถ้าวัดจากสายตาของ “ครูเพลง” ผู้เชี่ยวชาญด้านเพลงลูกทุ่งไทย อดีตนักดนตรีลูกทุ่งผู้มากประสบการณ์ และคณะกรรมการการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งตามรายการโทรทัศน์และสถาบันการศึกษาต่างๆ แล้ว แดน บุรีรัมย์ ผู้พ่วงตำแหน่งนักจัดรายการวิทยุคลื่นลูกทุ่ง Network 101.75 มาด้วย ขอยืนยันว่า ใบเตย แรงกว่า จ๊ะ-คันหู เสียอีก

จ๊ะ-คันหู เนื้อเพลงเขาไม่มีอะไร แต่กิริยาที่แสดงออกต่างหากที่บ่งบอก เพราะมีคนร้องไว้ก่อนแล้ว แต่ไม่ดัง พอจ๊ะมาร้อง มานำเสนออีกแบบให้คิดไปไกล ซึ่งนั่นเป็นลีลาการแสดงโชว์บนเวทีของเขา ถือเป็นวิธีการนำเสนออย่างหนึ่ง แต่กรณีของใบเตย น่าเป็นห่วงกว่า เพราะมีเอ็มวีออกสื่ออย่างเป็นทางการ แชร์กันไปทั้งประเทศ ต่างประเทศด้วย แต่จ๊ะ เขาเป็นการแสดงตามเวทีต่างๆ เป็นงานกลางแจ้ง ซึ่งจะมีแขกกินเหล้า คุยกัน ไม่สนใจ ถ้าร้องตามปกติ คนอาจจะไม่สนใจ เขาก็เลยต้องนำเสนอออกมาแบบนั้น ถ้าไม่มีคนไปถ่ายคลิป มันก็ไม่เป็นประเด็น

ครูเพลงบอกว่าได้ดูมิวสิควิดีโอตัวนี้แล้ว รู้สึกชัดเจนเลยว่า “มันสื่อออกไปทางอนาจารเสียมากกว่า ดูแล้วไม่รู้สึกถึงศิลปะเลย อันนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องการแต่งตัวนะ เพราะไม่ใช่ว่าในสมัยก่อน วงการเพลงลูกทุ่ง นักร้องลูกทุ่ง ไม่มีการแต่งตัวสั้นๆ แบบนี้ มีน่ะมันมี อย่าง วิภารัตน์ เปรื่องสุวรรณ, เตือนใจ บุญพระรักษา หรือนักร้องที่ร้องไนต์คลับตั้งแต่เมื่อ 30-40 ปีก่อนนู้น เขาก็มีการนุ่งสั้นเหมือนกัน นุ่งกางเกงสั้นกับบูทยาวสูงเลยหัวเข่า แต่ที่เขาต้องนุ่งสั้นเพราะอยากจะร้องจะเต้นให้คล่องแคล่ว แต่ถามว่านักร้องสมัยนี้ แต่งแบบนี้เพื่อการเต้นอย่างเดียวหรือเปล่า หรือมีเจตนาอย่างอื่นกันแน่ มันอยู่ที่เจตนาที่อยากจะสื่อมากกว่า

ถ้าแต่งตัวสั้นๆ แล้วคนมองเป็นศิลปะ มองเป็นแฟชั่น ทำออกมาคนจะมองว่าสามารถเอาไปพัฒนาทำอะไรอย่างอื่นได้ แต่ถ้านุ่งสั้นแล้วจงใจให้แสดงออกเพื่อกระตุ้นเร้าอารมณ์ ถ้าภาพมันดูแล้วเน้นขายเซ็กซ์ ทำให้เสื่อมเสีย มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันก็ไม่เหมาะสม




ทะลึ่งได้ แต่อย่าออกสื่อ
ถ้าฟังแนวลูกทุ่งบ่อยๆ จะรู้ว่าเพลงส่วนใหญ่ที่ดังๆ จะแฝงความสองแง่สองง่ามเอาไว้เสมอ ทำให้คนเคยชินไปแล้วว่า คนลูกทุ่งต้องทะลึ่งตึงตังนิดๆ แต่ความจริงแล้ว ครูเพลงขอยืนยันว่าแบบนั้นไม่ใช่ธรรมชาติของเพลงลูกทุ่ง “อย่าเข้าใจผิด ความเป็นสองแง่สองง่ามเนี่ย มันเกิดขึ้นจากเพลงฉ่อย, ลำตัด และที่เขาต้องเล่นมุกแบบนี้ เพราะมันคือการแสดงในงานเพื่อให้คนดูได้บันเทิง เฮฮา สนุกสนาน

แต่ไม่ใช่ออกสื่อแบบโจ๋งครึ่ม คนแสดงเขาไม่ได้จงใจเขียนขึ้นมาเพื่อสื่อความสองแง่สองง่ามให้แพร่กระจายออกไปในวิทยุ ทีวี หรืออัปขึ้นยูทูปแบบนี้ ถ้ามันถูกแพร่ออกไปในวงกว้าง ในสื่อ มันก็ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว แต่จริงๆ แล้ว จะเรื่องเพลงหรือเรื่องเต้น ผมไม่ค่อยได้ติดใจนะ ติดใจตรงที่เจตนามากกว่า คนที่วางคอนเซ็ปต์ให้ออกมา คุณรู้ตัวเองดีแหละว่า ตั้งใจจะสื่ออะไรกันแน่” มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวิชาดนตรี ฝากไว้ให้คิด

ย้อนกลับไปสมัยแรกที่วงการลูกทุ่งเริ่มโชว์วับๆ แวมๆ สมัยที่ “เพลิน พรหมแดน” รับเอาวัฒนธรรมจากต่างชาติเข้ามาใหม่ๆ “เอาชุดกาสิโนมาจากปารีส ทำให้หางเครื่องสมัยนั้นเริ่มแต่งสั้นจู๋ เพียงแต่จะดูไม่โป๊ เพราะปกปิดด้วยขนนก-ขนไก่ ทำให้คนดูมองเห็นเป็นความสวยงาม เป็นศิลปะไป ไม่เหมือนสมัยนี้”

ถึงแม้คนลูกทุ่งอย่างใบเตยจะได้ไป Featuring กับศิลปินเพลงป็อป แต่คนลูกทุ่งด้วยกันเองอย่าง แดน บุรีรัมย์ กลับไม่ยินดี เพราะการผสมแนวเพลงให้เกิดความสร้างสรรค์ เคยมีคนทำได้เหมาะสมกว่านี้ ทั้งเพลง “คิดฮอต” ที่วง บอดี้สแลม ชักชวนให้ ศิริพร อำไพพงษ์ ไปร่วมแจม หรือ เพลง “แฟนจ๋า” ของป๋าเบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ที่ดึง จินตหรา พูนลาภ ไปร่วมขับกล่อมเสียงเพลง ก็ทำให้เพลงลูกทุ่งขยายวงกว้างออกไปได้โดยไม่จำเป็นต้องโชว์หวิวให้เสียเกียรติเลย

“ลูกทุ่งแท้ๆ โดยวิธีการร้อง ทุกวันนี้ก็ยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้าง ยกตัวอย่าง คัทลียา มารศรี, ฝน-ธนสุนทร, สุนารี ราชสีมา ฯลฯ เขาขายเสียงไม่ได้ขายความสั้น แต่นักร้องลูกทุ่งน้องใหม่ช่วงหลังๆ กลายเป็นว่าต้องเน้นขายสั้นโชว์โป๊ไปแล้ว นี่แหละที่มันทำให้เสียภาพลักษณ์ แทนที่จะขายศิลปะ

คนรุ่นก่อนเขาก็ไม่ได้เน้นขายรูปลักษณ์แบบนี้ ลูกทุ่งก็อยู่กันมาได้ช้านานค่อนศตวรรษ 60-70 ปีมาแล้ว ขายเนื้อหาสาระของเพลง ขายลูกเอื้อนแบบลูกทุ่ง แค่นั้นก็อยู่ได้แล้ว แถมคนยังชื่นชมเยอะแยะ การชื่นชมกับความโด่งดัง มันผิดกันนะ ถ้าคุณทำอะไรแล้วดูมีศิลปะ สวยงาม ถูกจารีตประเพณี ความโด่งดังมันก็เป็นอมตะ แต่ถ้าคุณทำอะไรให้เสื่อมวัฒนธรรม เสื่อมประเพณี ถึงจะโด่งดังก็จะได้แค่ประเดี๋ยวประด๋าว แค่ชั่วระยะที่กำลังฟู่ฟ่าเท่านั้นเองแหละ พอบั้นปลายก็อยู่ไม่รอด แต่ถ้าดังด้วยความดี-ความงาม จะอยู่ได้นาน

ลูกทุ่งจะเป็นอะไรก็ได้ จะร้องแบบใหม่ เอื้อนแบบร่วมสมัยก็ได้ ไม่ได้บังคับให้ต้องเป็นลูกทุ่งแท้ ไม่ได้บอกให้ยืนย่ำอยู่กับที่ เพราะเข้าใจว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป เพียงแต่ว่าขอให้อย่าเกินเลยวัฒนธรรม เรื่องความดีความงามของไทยกันนักเลย ช่วยกันรักษาหน่อยเถอะ

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE

ต้นเหตุของอาการแน่นอก


ตัวอย่างการ Featuring ลูกทุ่งที่สร้างสรรค์



เต้นคัฟเวอร์หลากเวอร์ชั่น






ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ใบเตย” โวย กรมส่งเสริม วธ. จวกนุ่งสั้น บอกอุตส่าห์สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ
จวก “ใบเตย” ใช้เรือนร่าง ท่าเต้น ทำภาพลักษณ์ลูกทุ่งเสื่อม




คัฟเวอร์กันใหญ่





สมกับฉายา สั้นเสมอหู
กำลังโหลดความคิดเห็น