ละครเรื่อง แผนร้ายพ่ายรัก แม้จะลาจอไปเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน แต่ความแรงของนางเอกสุดเฮี้ยว 'แมท - ภีรนีย์ คงไทย' ก็ยังคงคุกรุ่นอยู่บนม่านฟ้ามายา เพราะมีละครจ่อคิวฉายถึง 3 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น '3 ทหารเสือสาว ตอน ฟ้ากระจ่างดาว' 'รักนี้เจ้จัดให้' และ 'ไฟในวายุ'
ทั้งยังข้อหาเป็นชนักติดหลัง ไม่ว่าจะเรื่องเป็นนางเอกขาวีน เป็นดาราจอมเหวี่ยง ไม่มีสัมมาคารวะ ฯลฯ สารพัดเรื่องฉาวที่สื่อหลายสำนักต่างประโคมข่าวกันไปต่างๆ นานา
ก็ไม่รู้ว่านางเอกลูกครึ่งถูกใส่สีตีไข่หรือเปล่า? เพราะข่าวบันเทิงในบ้านเรานั้นเน้นขายความฉาวของดาราเป็นหลัก และก็คงปฎิเสธเสียไม่ได้ว่าบางครั้งข้อเท็จจริงที่แพร่ต่อสาธารณะอาจเป็นข่าวโคมลอยปล่อยให้ขาเม้าส์ได้เม้าส์กันสนุกปากก็แค่นั้น
ผมสีน้ำตาลเข้มมัดรวบตึง ด้านหลังเผยปอยผมยาวสลวยดุจหางม้า แม้เจ้าของใบหน้าซีดที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์โทนพาสเทลจะไม่เผยรอยยิ้ม แต่ก็พลันหันหน้ามาพร้อมกับยกมือไหว้ทักทายทีมงานด้วยท่าทีอ่อนน้อม
ตัวตนของแมทเป็นอย่างไร M-Lite ขอเชื้อผู้อ่านทุกท่านมาร่วมทำความรู้จักไปพร้อมๆ กัน
คลายปม ช่อง 3 เซ็นเซอร์แผนร้ายพ่ายรัก
ก่อนอื่นต้องถามถึง ละครดังเรื่อง แผนร้ายพ่ายรัก ออกอากาศทางไทยทีวีสี ช่อง 3 ที่สาว แมท นั่งแท่นเป็นนางเอก ประคู่กับพระเอกหนุ่ม ฟิล์ม - รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หลังเป็นข่าวครึกโครมจากกรณีการถูกเซ็นเซอร์ด้วยการดูดเสียงชื่อบริษัททางการเกษตรพฤติกรรมฉ้อโกงที่ถูกสมมุติขึ้นในละคร เหตุใดที่ช่อง 3 ถึงต้องดูดเสียงบริษัทที่ชื่อว่า 'UF' ออกตลอดทั้งเรื่อง
แมท ออกตัวว่าเป็นเรื่องมี่เกิดจากความไม่ตั้งใจของทางทีมงานฯ แต่บังเอิญว่าชื่อบริษัทและลักษณะธุรกิจไปสอดคล้องกับบริษัทที่มีอยู่จริง มิหนำซ้ำยังทำธุรกิจประเภทเดียวกัน ตรงนี้เองเป็นเหตุต้องเซ็นเซอร์ชื่อบริษัทเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบและแสดงเจตนาบริสุทธิ์
“คือจริงๆ มันไม่ได้เกิดจากความตั้งใจไงคะ แล้วมันบังเอิญ ทีนี้เค้าปรากฎตัวมาเป็นบริษัทนี้นะ ทำอย่างนี้อยู่จริง พอละครมาออกแบบนี้เรื่องมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่เอาเปรียบคน ทีมงานก็โอเคก็ต้องขอโทษขอโพย แล้วดูดเสียงออกไป เพราะจริงๆ มันไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของเรา” แมท เล่าแบบไม่ปิดบัง
อรรถรสในการชมละครก็อาจเสียไปบ้างเพราะเสียงถูกเซ็นเซอร์ไปบางส่วน นางเอกสาว พูดขึ้น
“ถ้าเป็นคนดูก็อาจทำให้เสียอรรถรสนะ แต่ว่าละครมันทำออกมาแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นี่คือวิธีแก้ไข้ที่ดีที่สุด ก่อนหน้านี้มีการเช็คได้คุยกับพี่เอิน (นิธิภัทร์ เอื้อวัฒนสกุล ผู้กำกับฯ) มาบ้าง เค้าก็บอกว่ามีชื่อบริษัทนี้ ชื่อบริษัทนี้ทำเกี่ยวกับคล้ายๆ ในเรื่อง แล้วพอเกิดเรื่อง เราก็ต้องรับผิดชอบโดยการเซ็นเซอร์”
อย่างในละครเรื่องแผนร้ายพ่ายรัก ไม่ใช่เพียงให้ความสนุกสนานแก่คนดู แต่ยังมีแง่คิดในเรื่องการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว และการให้อภัย สำหรับ แมท ละครไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิงแต่ยังมีสาระที่แฝงอยู่
“ละครก็มีสาระบ้างอยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ครอบครัว ทำดีได้ดีทำชั่วได้ มันก็แฝงอยู่ในละครอยู่แล้ว อยู่ที่คนดูจะตีความมากกว่า คนทำละครจะทำอย่างไรให้ออกมาชัด หรือว่าอยากจะเน้นแค่ไหน”
เป็นนางรองก็ได้ เป็นนางเอกก็ดี
แมท เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ อายุ 13 ปี ด้วยการถ่ายโฆษณาครีมอาบน้ำยี่ห้อหนึ่ง ต่อมาก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนักแสดงเลือดใหม่ของทางช่อง 3 ในชื่อกลุ่มพาวเวอร์ทรี รุ่น 2 ละครเรื่องแรกนั้นได้รับบทรอง แต่เรื่องถัดมาก็เป็นนางเอกเต็มตัว หากนับดูก็ราวๆ 10 เรื่องที่เธอฝากฝีไม้ลายมือไว้บนจอแก้ว
แน่นอน เป็นนักแสดงยอมคาดหวังในผลงานอยากให้คนดูชื่นชอบด้วยกันทั้งนั้น เธอก็เช่นกัน
“คาดหวังค่ะ แต่ไม่ได้ไปคิดว่ามันจะต้องดีเลิศ คาดหวังของแมท คืออยากให้คนชอบที่เราแสดงมากกว่า”
ย้อนกลับไป แม้จะเริ่มต้นจากบทรอง แต่ละครที่แมทได้รับเลือกให้เป็นตัวแสดงนำนั้นจะได้รับบทเป็นนางเอกเป็นส่วนใหญ่ แมท บอกว่าจะบทบาทบาทก็ไม่ปฎิเสธหากผู้ใหญ่หยิบยื่นโอกาสมาให้
“ตอนนี้ให้อะไรก็ทำหมด แล้วแต่ว่าได้เงินหรือเปล่า ถ้าได้เงินก็ทำอ่ะ (ยิ้มกว้าง) เพราะว่าเงินก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ แต่สิ่งที่เราทำก็คือความรักขอแค่ได้ทำละครแค่ได้เล่นละคร คือตอนนี้รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่แมททำแล้วรู้สึกเก่งที่สุด ชำนาญที่สุด ทำได้ดีที่สุด
“แมทเป็นคนไม่ยึดติดให้แมทเล่นเป็นอะไร แมทโอเค..แต่ถ้าแมทเล่นแล้วดังขึ้นมา (หัวเราะดัง) อย่ามาอิจฉาก็แล้วกัน..ล้อเล่นๆ (ใบหน้าเจือยิ้ม)”
พักหลังๆ แมท จะได้รับบทนางเอก ลักษณะร่าเริงโลกสวย เธอแอบกระชิบถึงบทที่อยากเล่นในช่วงนี้ “ถ้าเป็นแต่ก่อนจะบอกว่าอยากเล่นร้ายๆ ไม่ได้หมายถึงตัวร้ายอะไรนะ แต่ว่าเป็นบทร้ายๆ มันส์ๆ ไม่ยอมคน แบบไม่ใช่แบบ ค่ะ ร้องไห้ เสงียมเจียมตัว แต่ถ้าตอนนี้อยากเล่นดราม่า อยากร้อง เพราะว่าห่างหายไปนานแล้ว หลังๆ นี้จะสดใส ร่าเริง ตลก”
แมท บอกว่าชื่อเสียงเงินทองที่เข้ามาไม่ได้ทำให้ตัวเองหลงระเริงไปกับมันเลย แมทยังใช้ชีวิตปกติ “ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าใครจะรู้จักแมทมากขึ้น แต่แมทก็ยังใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้นไปเดินตลาดแถวบ้านได้เหมือนเดิม พื้นฐานแมทเป็นคนตรงอยู่แล้ว แมทจะอึดอัดถ้าจะทำอะไรที่ขัดหรือโกหกต่อความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งมันไม่ใช่แนวถนัดของแมท แต่ถ้าวันหนึ่งแมทเป็นแบบนั้นขึ้นมา เพราะแมทคิดว่าคนที่เหลิงจะไม่รู้ตัว ก็อยากให้ทุกคนช่วยเตือน อยากให้เข้ามาบอกแมทได้เลย เพราะแมทน้อมรับอยู่แล้ว เพราะแมทชอบฟัง และเป็นคนที่รับได้”
แล้วแต่จะมองว่าเป็นดาราหรือนักแสดง
ถามถึงในเรื่องความแต่งต่างของคำว่าดารากับนักแสดง แมท เคยให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์คมชัดลึกว่าเหล่านี้เป็นเพียงคำๆ หนึ่ง ไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้งสำหรับเธอเลย
“แมทคิดว่ามันเป็นแค่คำหนึ่งคำนะ เป็นแค่ความคิดของแมทเองคนเดียว เพราะแมทคิดว่ามันเป็นเหมือนคำพูดติดปาก ความหมายโดยพจนานุกรมหรือโดยนัยจริงๆ นักแสดงอาจจะหมายถึงผู้ที่ประกอบอาชีพการแสดง ต้องมีจิตใจและจิตวิญญาณจริงๆ ดาราอาจหมายถึงคนที่แต่งตัวสวยอยู่ในวงการไปวันๆ แต่แมทคิดว่ามันอาจจะเป็นแค่คำติดปากของคนทั่วไปที่พูดว่า ดูดาราคนโน้น คนนี้สิ ไม่มีใครมาพูดหรอก ว่าดูนักแสดงคนนี้สิ แต่ความหมายที่แท้จริงแล้วแมทก็รู้ถึงความแตกต่าง”
นักแสดงเป็นอาชีพที่น่าชื่นชม เพราะบทบาทที่ต่างกันในแต่ละเรื่องตัวนักแสดงจะต้องปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
“แมทรู้สึกชื่นชมนักแสดงที่เขาเก่งและมีความสามารถ อย่างนักแสดงฮอลลีวู้ด ลองสังเกตดูว่านักแสดงคนหนึ่งแสดงหนังเรื่องหนึ่งที่เขาต้องรับบทเป็นผู้ชายแข็งแรงมีกล้าม แต่พอเขาต้องไปเล่นอีกเรื่องเขาก็ลดน้ำหนักให้ตัวเองผอมลง เพื่อให้เข้าถึงบทบาทและเหมาะสมกับคาแร็กเตอร์ของตัวละครที่เล่น ซึ่งอันนี้แหละที่แมทคิดว่าเขาเป็นนักแสดงโดยแท้จริง ไม่ใช่ว่าแค่ไปงานอีเวนท์ถ่ายรูปสวยๆ หล่อๆ แล้วก็จบ แมทก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นแบบนั้น”
หลายปีที่ทำงานในวงการบันเทิง แมท เปิดใจว่าไม่เคยยึดติดกับชื่อเสียงเงินทองแม้แต่น้อย กลับกันในตอนแรกยังรู้สึกรำคาญมากเสียด้วยซ้ำ เพราะต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบไม่ใช่ตัวเอง
“การเป็นนักแสดงเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง คุณเอาตัวเองมาออกกล้องไม่ได้ เพราะเวลาที่เราต้องรับบทเป็นตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง มันต้องใช้พลังต้องใช้ความอดทนและความสามารถรอบด้าน อย่างช่วงแรก แมทจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย เพราะความจริงเราเป็นคนชอบอยู่คนเดียว มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่ง”
การเติบโตทางด้านวุฒิภาวะทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนไป การทำงานในวงการบันเทิงทำให้เธอปรับโดยเฉพาะในเรื่องการวางตัว
“พอมาอยู่มาอยู่จุดนี้ มันต้องมีคนเข้ามาหา มายุ่งกับเราอยู่แล้ว เมื่อก่อนเวลาไปงานแมทจะคิดว่า ไม่มีเราไปสัมภาษณ์ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แต่พอตอนนี้เราโตขึ้นเข้าใจอะไรมากขึ้น เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และคิดอยู่เสมอ ว่าต้องมีคนอยากดูเรา เพราะเรามาอยู่ตรงจุดนี้มันน่าภูมิใจ ที่มีคนเห็นเราเป็นแบบอย่าง ชอบและรักอยากเห็นเราอยู่ในทีวี อยากเห็นเราสัมภาษณ์ อยากฟังเราพูด แมทคิดว่าแค่มีคนสนใจเราแค่คนเดียว มันก็ดีมากแล้ว แมทไม่ได้ต้องการความโด่งดังอะไรทั้งสิ้น แต่ที่แมทหลงเสน่ห์และชอบก็คือ แมทได้ทำแล้วมีความสุข และแมทก็อยากให้คนดูมีความสุข”
นักข่าว-ดารา คิดบวกใส่กัน
วงการบันเทิงในส่วนของดารานักแสดงกับนักข่าว คงไม่ต่างกับสุภาษิตโบราณที่ว่า น้ำพึ่งเรือเสืองพึ่งป่า ทำงานร่วมกันอย่างเกื้อกูล แต่ว่ากันตามจริงโดยเฉพาะข่าวบันเทิงอาจมีถ้อยคำหรือภาพข่าวหวือหวาเป็นแรงดึงดูดผู้อ่าน แน่นอนเรื่องดาราใครๆ ก็อยากรู้ แมท พูดถึงการทำงานร่วมกัน
“แมทว่าต้องอะลุ่มอล่วยกันบ้าง ต้องรักกัน คือบางทีแมทรู้สึกว่าทั้ง 2 ฝ่ายก็ใช้อารมณ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง บางทีนักข่าวคนนี้ไม่ชอบคนนี้ ไม่เชียร์คนนี้ ก็จะให้แต่ข่าวไม่ดี บางคนชอบคนนี้เชียร์คนนี้ดีไม่ดีก็จะอวย ก็ต้องอะลุ่มอล่วยมากกว่า ไม่คิดว่าแบบจะต้องยังไงเพราะว่าก็คนทั้ง 2 ฝ่าย มีถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้างเป็นเรื่องปกติทุกอาชีพมีหมด”
บางทีนักข่าวเองก็พยายามสร้างประเด็น ถามคำถามที่เซนซิทีฟแมท ยอมรับว่ารู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง แต่ช่วงหลังๆ ก็พยายามมองเป็นเรื่องตลกไป
“บางทีแมทก็มีนะ เฮ้ย!ทำไมถามแบบว่าไม่น่ารักเลย ก็มีอารมณ์แบบปรี๊ดมาก แต่ก็ไม่เคยใส่อารมณ์มากมายเพราะรู้ว่าถ้าทำไปก็คือปากกาอยู่ที่เค้าๆ จะเขียนยังไงก็ได้ เราก็เลยปล่อยๆ เป็นเรื่องขำ ช่วงหลังๆ นี้ จะเป็นแบบปรี๊ดแล้วฮึบ! แปบนึง แล้วก็โอเคๆ ค่อยๆ คลาย จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรเลยอะคะ ก็ถ้าใช้ก็ตอบว่าใช่ ไม่ใช่ก็ตอบว่าไม่ใช่ ถ้าเค้าพูดไม่ดีเราก็คิดเสียว่ามันเหมือนเป็นประเด็นที่เค้าต้องพาดหัวข่าว”
แมท เปิดใจต่อข่าวลบและเรื่องราวที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง “จะบอกไม่แคร์ก็ไม่ได้ เราก็รู้สึกเสียใจ น้อยใจ ทำไมเขียนแบบ.. เพราะส่วนใหญ่จะเจอแต่ข่าวจะเรียกว่าไม่จริงก็ได้ หลังๆ เริ่มชินแล้ว ถ้ายังเล่นข่าวแบบนี้กับเราอยู่ เราก็น่าจะอยู่ในกระแสมั้ง เดี๋ยวนี้แมทต้องคิดเป็นขำๆ ไปก่อน คิดบวกไว้ พอปรี๊ดแล้วก็ฮึบไว้ โอเค..เค้าขำๆ แหละ”
หลายกระแส ว่ากันกันว่านางเอกลูกครึ่งผู้นี้เป็นขอวีนเบอร์หนึ่งเลยทีเดียว อย่างข่าวคราวที่สื่อพากันลงว่าเธอก้าวร้าวไม่เคารพนักแสดงรุ่นพี่ แมท ก็ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา
อีกเรื่องหนึ่งที่ถูกพูดถึง คือเรื่องราวเมื่อครั้งเธอกับเพื่อนชายไปเดินที่ตลาดนัดจตุจักร แล้วบังเอินเจอปาปารัสซี่แอบถ่ายอยู่นาน งานนี้เจ้าตัวเล่าว่าที่เพื่อนต้องเข้าไปเครียเพราะเป็นพฤติกรรมที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเกินไป แต่ก็พูดจากันดีๆ ด้วยเหตุผลไม่ได้ใช้อารมณ์แต่อย่างใด
แฟนคลับกำลังใจที่สำคัญที่สุดของแมท
“คือดาราสำคัญที่แฟนคลับจริงๆ นะ แมทว่าถ้าไม่มีคือไม่มีกำลังใจ อย่างเวลาเราไปงาน อย่างน้อยเวลาเรามองไปเราจะเห็นว่ากลุ่มๆ นี้ จุดนึงที่เป็นคนที่รักเรามากจริงๆ เป็นคนที่ถ่ายรูปเรา เป็นคนที่ซื้อนู้นซื้อนี่ให้เรา เป็นคนที่คอยแก้ต่างอะไรให้เรา อย่างน้อยออกอีเวนท์มีคนซักร้อยคน เรารู้แล้วแหละว่า 10 คนนี้ พอเรารู้สึกตื่นตระหนก ตื่นเต้น ไม่มั่นใจ พอเรามองไปกลุ่มนี้เค้าก็ส่งพลังมาให้เราเอง” แมท เล่าด้วยแววตาเปล่งประกาย เจือยิ้มบาง
ถามถึงความรู้สึกที่มีกลุ่มแฟนคลับมาชื่นชอบว่ารู้สึกอย่างไร แมท พูดขึ้นในทันที
“รู้สึกดีใจ รู้สึกชอบ (ยิ้มแววตาเปี่ยมด้วยความสุข)”
เธอให้ความสำคัญกับบรรดาแฟนๆ ไม่น้อย ถ้ามีเวลาก็จะจัดมิตติ้งกันเป็นครั้งคราว แมท พูดถึงความประทับใจต่อบรรดาแฟนคลับ “จริงๆ เค้าทำอะไรให้ประทับใจหลายอย่างนะคะ การ์ด มีคำพูดที่แบบเรานึกไม่ถึงว่าเค้าจะรู้สึกเค้าจะทำเพื่อเราขนาดนี้”
แต่บางทีก็รู้สึกเกรงใจเพราะต้องเสียเงินซื้อนู้นซื้อนี่มาให้ แมท บอกว่าแค่ส่งทวิตเตอร์มาก็ปลื้มใจแล้ว
อย่างไรก็ตาม พอมาเป็นนักแสดงเต็มตัวชีวิตส่วนตัวแมทหายไป แต่แมทก็มีความสุขกับงานที่ทำอยู่ในตอนนี้มากๆ
“คืออย่างไปไหน ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เราก็เหมือนต้องให้เวลากับคนอื่นด้วย เพราะว่าบางทีสมมุตินะ ล่าสุด แมทก็ต้องทำเกี่ยวกับเอกสารเครียดมาก แต่มีคนมาขอถ่ายรูป ซึ่งบางทีเราอาจจะละกับเอกสารไม่ได้จริงๆ แต่เราก็ต้องยอมก็รีบหน่อยนะคะ แต่เราก็ไม่เคยไม่ให้ แต่บางทีอาจจะให้ไม่เต็มที่บ้าง ก็อยู่ที่สถานการณ์ แต่ทุกอย่างคือต้องน่ารักอ่ะ”
แมทรู้สึกอย่างหนึ่งอยู่เสมอคือทุกควรคิดบวกใส่กัน เห็นใจซึ่งกันและกัน “คือบางทีเราเป็นดาราไม่ใช้ว่าทุกคนจะมาใช้ข้ออ้างว่าเราเป็นดาราเป็นคนของประชาชนอย่งนี้ก็ไม่ถูกซ่ะตลอดใช่มั้ยค่ะ? เราเป็นดาราเราก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเรามีคนชื่นชอบ เรามีคนเชียร์ มีคนอยากเห็นเรา อยากถ่ายรูปเรา เราก็ต้องให้ได้ทั้งหมด”
คิดไม่ผิดที่เลือกเรียนการแสดง
บัณฑิตป้ายแดงเพิ่งจากรั้วแม่โดมมาเมื่อปีก่อน แมท จบจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการละคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เธอเล่าถึงเล่นทางในรั้วมหาลัยฯ ที่ถึงกับต้องเสียน้ำตา
“เท้าความก่อนว่า คือแมทเป็นคนชอบวาดรูปแล้วพยายามจะเข้า ม.ศิลปากร ทีนี้ไปสอบแอดมิดชั่นคะ โอเน็ตเอเน็ต เป็นรุ่นแรกๆ ทีนี้เราไปสอบศิลปกรแต่ว่ามันไม่ติดค่ะ เสียใจมาก เราก็เลยเลือกอันดับอื่น มันมีให้เลือก 4 อันดับ เราก็เลือก ศิลปากร ศิลปากร ศิลปากร อันสุดท้ายเป็น ธรรมศาสตร์ คือเพื่อนชวนไปแล้วเพื่อนบอกว่ามันเป็นคณะแบบนี้นะคือแสดงร้องเล่นเต้นรำ อ๋อ..เราก็ได้เผื่อไว้ เพราะว่าเราไม่ติด 3 อันดับแรก แล้วเบอร์ 4 ทีนี้ศิลปากรก็ไม่ได้ เราก็เลยพอถึงกำหนดวันที่ออกผลสอบของธรรมศาสตร์ เราติดเราก็เลยคว้าไว้เลย”
แมท เปิดเผยว่ารู้ว่าชอบวาดรูปชอบศิลปะ มีตั้งความตั้งใจที่จะเข้าศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตั้งแต่ช่วง ม.3 และก็รู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไปถึงทำให้สอบไม่ติดในมหาลัยฯ ที่ฝันไว้
“ตอนนี้เริ่มทำใจได้ ตอนนั้นเฮิร์ทมาก คือตั้งแต่เด็กพ่อแม่ก็ไม่ได้บังคับว่าต้องเรียนให้ได้เกรด 4 ตลอด จะได้เก่งๆ แมทก็จะเรียนแบบว่าสบายๆ ไม่เอาให้ตกก็ถือว่าสบายใจ แต่ตอนนั้นพอประกาศผลมาเป็นครั้งแรกที่ร้องไห้ ร้องไห้เสียใจเรื่องเรียน แต่เราก็ต้องยอมรับกับผลเพราะว่าคนอื่นเค้าเรียนติวมาเป็นปีๆ แต่ว่าแมทไม่เคยเรียนเลย แมทวาดรูปด้วยเอง เรียนด้วยตัวเอง สกิลเราไม่เท่ากับคนอื่น เราก็โอเค ต้องยอมรับในจุดนี้ คือไม่เป็นคนที่เรียนพิเศษมาตั้งแต่เด็ก เราก็แบบตอนนั้นเราไม่ได้เห็นโลกว้างขนาดนี้ เฮ้ย! คนอื่นเค้าไปเรียนติวพิเศษที่ศิลปากรแบบตัวๆ โห..จริงจังมากอ่ะ เราไม่รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้อยู่บนโลก ก็เลยชวดโอกาส”
หลังจากเข้ามาเป็นเฟรชชี่ในรั้วแม่โดม เธอก็ไม่รู้สึกผิดหวังเลย เพราะที่นี้มอบความรู้มอบประสบการณ์ และมิตรภาพดีๆ
“ก็เป็นอะไรที่ดี สบาบัน หลักสูตรการสอน มันก็เป็นอะไรที่เก่าแก่ และก็มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เราก็เรียนแบบไม่ให้เสียชื่อสถาบัน” แมท พูดแบบแบ่งรับแบ่งสู้เพราะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขี้เกียจ คือจะเรียนแบบพอสอบผ่านเท่านั้น
“จริงๆ ถ้าถามว่าเสียดายมั้ย ก็เสียดายนะคะ แต่ว่าคิดอีกแง่นึงแมทไม่ได้เป็นคนยึดติดกับอะไร พอแมทมาคิดอีกที ก็ดีเหมือนกับเราได้มาเรียนธรรมศาสตร์ การละคร เป็นอะไรที่เราได้กับความคิด การตัดสินใจ และก็การใช้ชีวิตมากนะคะ มันให้อะไรกับชีวิตความเป็นมนุษย์ มันมีปรัชญา มันมีหลายๆ อย่างที่เป็นแนวคิด”
ทีมงานฯ ถามว่าถ้าไม่ได้มาทำงานในวงการบันเทิง คิดว่าตอนนี้ตัวเองจะทำอะไรอยู่ แมท ตอบขึ้นทันที
“คิดไม่ออกค่ะ เพราะว่าเริ่มทำมาก็เด็กมากแล้ว พอทำแล้วเราก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น เราก็เลยไม่รู้ว่าเราจะไปทำอะไร แต่ถ้าถามว่ามีอะไรที่อยากทำหรือเปล่า คงไม่ถึงกับอาชีพ แต่ถ้าเป็นตอนเด็กๆ ก็มีหลายอย่าง อยากเป็นอะไรที่ป๊อปปูล่า ที่คนอื่นเค้าก็อยากเป็นกัน คุณหมอ คุณครู แอร์โฮสเตรส แต่พอโตมาเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้หมายถึงวิชาเรียนตอนเด็กมันมีน้อย มันไม่ได้ทำให้เราค้นพบตัวเอง แต่โตมาเราก็รู้สึกว่าเราอยากทำอาหาร เราชอบเห็นอาหาร ชอบทาน ทานเก่ง คุณแม่ก็ทานเก่ง น่าจะเป็นสิ่งที่อยากทำ ณ ตอนนี้”
เรื่องเรียน..น้อยนิดมหาศาล
ความที่เรียนด้านการละครมาบวกกับงานแสดงที่ทำอยู่ในตอนนี้ สิ่งที่ร่ำเรียนมาจึงนำมาปรับใช้ในวิชาชีพได้เป็นอย่างดี
“แมทเรียนการละครค่ะ จริงๆ แล้วเป็นละครเวที แต่ว่ามันก็ปรับใช้ได้เพราะว่าเค้าค่อนข้างจะสอนเรื่องการแสดงสอนเรื่องแอคติ้ง แบบเจาะลึก แบบละเอียด มันก็ดีนะคะ บางส่วนก็นำมาใช้ได้ แต่ว่าส่วนใหญ่ที่แมทเรียนจะเป็นละครเวทีมากกว่า ซึ่งจะเน้นร่างกาย ไม่ได้สีหน้าเหมือนกับเวลาเล่นละครมันก็จะโคลสอัพที่หน้า”
หลังจบปริญญาตรี ตั้งใจว่าศึกษาต่อปริญาโท ที่มหาวิทยาลัยศิลปกร แต่ด้วยความรู้สึกที่กำลังสนุกกับงานเอาเสียมากๆ คงต้องเบรกเรื่องเรียนไว้ก่อน
“จริงๆ มี คือแม่อยากให้ต่อแล้วแมทก็อยากต่อตอนเรียนจบใหม่ๆ ตอนนี้พอเราจบมาได้ทำงาน เรียนจบมาก็ถ่ายละคร 2 เรื่อง จันทร์ถึงอาทิตย์ไม่ได้หยุดเลย ก็เลยเริ่มแผ่วๆ แล้ว เริ่มรู้สึกว่าจะขี้เกียจแล้ว เราก็ยังเสียดาย เราก็ยังมันส์กับการทำงานอยู่เลย ก็เลยยังไม่อยากทิ้งงาน”
ถึงครอบครัวแมทให้อิสระกับเรื่องเรียน และเธอเองก็ยอมรับว่าเรียนแค่ให้ผ่านๆ แต่ความรับผิดชอบต่อตัวเองก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คว้าใบปริญญามาครองได้
“แมทจะอ่านหนังสือแค่แบบรู้เลยว่าพอทำได้ ทำแบบสมมุติมี 2 หน้า ทำไปหน้าครึ่งให้พอรู้ว่าผ่าน เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก จะว่าเป็นคนขี้เกียจก็ได้ อันนี้ต้องบอกก่อนอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ แมทคิดว่าการเรียนการสอนบ้านเราไม่ค่อยมีประโยชน์ เหมือนให้เราท่องจำประวัติ วิชา สปช ให้เราท่องประวัติศาสตร์ มันเป็นเรื่องที่รู้ได้ก็ดี แต่น่าจะเป็นเรื่องรู้นอกเวลา มันควรจะสอนอะไรที่แบบ.. (ใบหน้าคลี่ยิ้ม)”
แมท ค่อยๆ วิพากษ์ระบบการศึกษาของไทยที่ยังย่ำอยู่กับที่ ไม่มีการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้เด็กรุ่นใหม่ได้คิดวิเคราะห์มากกว่าการท่องจำอย่างที่ผ่านมา
“พูดออกไปจะโดนคนด่ามั้ยเนี่ย? (หัวเราะ) คือนึกดูนะไปอยู่ในโรงเรียนตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึง 4 โมงเย็น แล้วก็เรียนพิเศษอีก กลับมามีการบ้านอีก คืออย่างเพื่อนคนอื่นประเทศอื่นเค้าจะมีการคิดวิเคราะห์ ไม่ใช่มาจำแล้วไปทำสอบ บ้านเราในยุคสมัยแมทมันเป็นแบบนั้น บอกว่าจะออกหน้าไหนถึงหน้าไหนแล้วให้ไปอ่านมา สมมุติ 10 หน้าจะออกตรงไหนก็ไม่รู้ เราก็ต้องท่องจำตรงนั้นอ่ะ ซึ่งไม่รู้ว่าครูจะออกตรงไหน แต่ว่ามันไม่ได้ถามความเห็นเราเลย มันไม่ได้ให้เราคิดเลยว่าถูกหรือผิด เพราะอะไร เค้าไม่เปิดโอกาสให้เราใช้สมองเค้าให้เราจำอย่างเดียว”
เมื่อมีความคิดต่อระบบการศึกษาไทยอย่างนี้ แมท เคยถามตัวเองหรือเปล่าว่าเรียนไปเพื่ออะไร “ไม่เคยค่ะ เพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่คนปฏิบัติกันมา แล้วมันก็ต้องปฏิบัติต่อไป มันไม่มีทางหรอกที่เราจะไปเปลี่ยนสิ่งที่เค้าทำมาเป็นร้อยๆ ปี ที่ทุกประเทศเค้าทำอยู่ แต่ถ้ามันมีการพัฒนาขึ้นได้ก็จะดีกับเด็กรุ่นต่อๆ ไปที่เขาจะเติบโตมา แมทรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ก็เลยเหมือนแอนตี้เบาๆ”
…..........................
ในปี 56 ก็คงได้เห็นหน้าคาตาสาวแมทแบบยาวๆ แน่นอน เพราะถือเป็นอีกหนึ่งนางเอกคิวทองของช่อง 3 ล่าสุด กำลังเดินเครื่องถ่ายทำละครเตรียมลงจอเร็วๆ นี้ ถึง3 เรื่อง!
ขอบคุณภาพประกอบ instagram @mattperanee
ข่าวโดย : ASTV ผู้จัดการ LITE
ภาพโดย : ศิวกร เสนสอน
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล : ภีรนีย์ คงไทย ชื่อเล่น : แมท
เชื้อสาย : ไทย-นอร์เวย์
วันเดือนปีเกิด : 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2532 อายุ : 24 ปี
การศึกษา : มัธยมต้น - โรงเรียนวาสุเทวี
มัธยมปลาย - โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา
ปริญญาตรี - จบการศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการละคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผลงาน : พรีเซนเตอร์ - โฆษณา Eucerin laser white oil control, สบู่ลักส์, คิวเพรส
มิวสิกวิดีโอ - เพลงแพ้แล้วพาล ศิลปินศรัณยู วินัยพานิช, เพลงเพื่อนในฝัน ของ ปาน ธนพร
ละคร - เรื่องเรือนนารีสีชมพู, มณีดิน, ชมพู่แก้มแหม่ม, ก๊วนกามเทพ, หวานใจกับนายจอมหยิ่ง, กุหลาบร้ายกลายรัก, ลิขิตเสน่หา, แหม่มแก้มแดง, แผนร้ายพ่ายรัก, 3 ทหารเสือสาว ตอน ฟ้ากระจ่างดาว, รักนี้เจ้จัดให้, ไฟในวายุ