xs
xsm
sm
md
lg

'ก้อ-ณฐพล' เพอร์เฟคชั่นนิสต์ทางดนตรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กว่า 15 ปีที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการดนตรี 'ก้อ - ณฐพล ศรีจอมขวัญ' หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง 'P.O.P' วงดนตรีแนวป็อปร็อกที่ได้รับความนิยมสูงสุด หัวหน้าวง 'Groove Riders' วงดนตรีแนวดิสโก้ฟังก์ที่ถือเป็นตำนานระดับประเทศ เป็นโปรดิวเซอร์ ศิลปินดัง อาทิ ปาล์มมี่, ละอองฟอง ฯลฯ ผลงานอัลบั้มเดี่ยว 2 ชุด The Workings Of The Soul, The Workings Of The Soul 02

ดนตรีไม่ได้เป็นเพียงอาชีพ แต่สำหรับเขาเปรียบดั่งชีวิตจิตใจ ความรัก พรสวรรค์ ที่ผสมผสานพรแสวง อุดมการณ์ทางดนตรีที่มุ่งมั่น และนั่นอาจหมายถึงกลีบกุหลาบที่โรยทางสู่ความสำเร็จในเส้นทางดนตรี ณ วันนี้


เลือกทางดนตรี เพราะหัวใจ
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน หลังจากเรียนจบทางด้านดนตรีในประเทศสหรัฐฯ ก็เดินทางกลับมาไล่ตามความฝันของตัวเอง ก้อ เริ่มทำงานในวงการเพลงไทยในบทบาท มือเบส ให้กับวงดนตรีชื่อดัง Moderndog (อัลบั้ม Cafe ) พร้อมๆ กับเริ่มต้นทำงานเพลงในค่าย Bakery Music อย่างเต็มตัว

“งานแรกที่ผมกลับมาทำคือมือเบสให้วง Moderndog ในหนึ่งปีแรก พี่โต้ง (มนเฑียร แก้วกำเนิด) เป็นคนพาให้ผมไปเจอกับ Moderndog”

จะเป็นด้วยโชคชะตาหรืออย่างไรก็ตามแต่ เมื่อตัวเองมีความพร้อม หมั่นฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา ครั้นโอกาสมาก็คว้าเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก

“ก่อนที่ Moderndog จะประกาศหามือเบสที่จะไปทัวร์กับเค้าในอัลบั้ม Cafe ชุด2 ผมเล่นเพลง Moderndog ได้ทั้งอัลบั้มอยู่แล้ว คือผมเตรียมตัวมาดีมาก ผมเล่นได้ตั้งแต่ก่อนที่เค้าจะประกาศหาอีก เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้งาน”


แม้จะมีค่ายยักษ์ใหญ่เป็นตัวเลือกในวงการดนตรี แต่ความศรัทธาในค่าย Bakery Music ค่ายดนตรีเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยงานเพลงคุณภาพ ศิลปินคุณภาพ ก็เป็นสิ่งที่เขาเลือกและเริ่มต้นงานเพลงอย่างจริงจัง

ผมก็ถือว่าตัวเองโชคดี เริ่มต้นทำงานในสถานที่ ที่ผมอยากทำ ใฝ่ฝันอยากทำ ได้เจอเพื่อนพี่น้องศิลปินที่มีความสามารถมาก ที่เราเป็นทั้งแฟนเพลงด้วย ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากเบเกอรี่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องศิลปิน ผู้บริหารเบเกอรี่มาตลอด มีทั้งช่วงเวลาที่ดี ลำบาก มีประสบการณ์ปะปนกันไปเยอะแยะ”

เริ่มต้นด้วยความชัดเจนในตัวตน
ก้อ เล่าถึงเมื่อครั้งเลือกศึกษาในด้านวิชาดนตรี แน่นอนว่าหลายครอบครัวคงไม่สนับสนุนเสียเท่าไหร่ โดยเฉพาะในครอบครัวนักธุรกิจอย่างครอบครัวศรีจอมขวัญ แม้จะสนับสนุนให้เล่นดนตรีเป็นงานอดิเรก แต่ไม่ส่งเสริมให้เลือกศึกษาหรือทำงานดนตรีโดยเด็ดขาด แต่ด้วยความมุ่งมั่น การพูดคุยด้วยเหตุผล ท้ายที่สุดทางครอบครัวยินยอมในวิถีที่เขาเลือก

“ไม่รู้บางคนอาจจะเรียกว่าโชคดี แต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ดันรู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร รู้ตัวตั้งแต่เด็กเลย ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ตอนอยู่ ป.4 รู้ตัวเลยว่าชอบดนตรี ชอบงานเพลง รู้มาตลอดต้องไปทางนี้ให้ได้ ก็เลยเกิดปฏิกิริยาที่จะต้องต่อสู้ระหว่างความคิดตัวเองกับความคิดของคนอื่นรอบข้างพอสมควร ซึ่งตอนแรกเราก็คล้อยตามคนอื่นไปก่อน เรียนบริหารธุรกิจไปปีครึ่ง เป็นปีครึ่งที่รู้สึกเสียใจแล้วเศร้ามาก ก็เลยเปลี่ยนไปเรียนดนตรีหลังจากนั้น”

จากนั้นก็เริ่มศึกษาในเมเจอร์ music production and sound engineering อธิบายง่ายๆ ก็คือเป็นกระบวนการผลิตผลงานเพลงตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งผลิตเนื้องานออกมาอย่างสมบูรณ์

“ผมเป็นคนที่ชอบที่จะทำหลายๆ อย่าง บางทีคนบางคนจะมุ่งเป็นซาวนด์เอนจิเนียร์อย่างเดียว บางคนจะมุ่งเป็นโปรดิวเซอร์ โดยส่วนตัวผมชอบตั้งแต่เริ่มต้นเลย ชอบที่จะเป็นนักแต่งเพลง เรียบเรียงเพลง ชอบที่จะทำโปรแกรมต่างๆข องตัวเอง ชอบที่จะมองหาความรู้ในหลายๆ ศาสตร์ ที่จะทำให้มันออกมาเป็นเพลงๆ นึง ชอบเป็นนักดนตรีในฐานะมือเบส ชอบเล่นดนตรีมาก ก็เลยมุ่งไปในหลายๆ ด้าน ในเวลาเดียวกัน เป็นทั้งนักแต่งเพลง นักดนตรี โปรดิวเซอร์”


ด้วยความชอบที่หลากหลาย จึงไม่แปลกเลยที่ได้รู้จักเขาในหลายๆ บทบาททางดนตรี ก้อ บอกความนัยที่มีต่องานดนตรี

“มันเป็นชีวิตเลยครับ มันเป็นชีวิตจิตใจของเรา ผมเชื่อมาตลอด ไม่ว่าคนเราจะทำอะไรให้ดีและมีความสุข ต้องมี ใจรัก ถ้าเรามีใจรักในสิ่งที่เราจะทำซักอย่าง ผมมั่นใจจะต้องออกมาดีแน่นอน ไม่ใช่แค่ดีอย่างเดียวผมมั่นใจว่ามันจะออกมามีความสุขด้วย และในขณะเดียวกันสิ่งที่เราทำมันจะเป็นผลงานที่ดี ซึ่งมันจะส่งผลให้คนที่เสพงานเพลงของเราได้มีความสุขตามไปด้วย มันก็เป็นสิ่งที่รู้สึกแล้วเชื่ออย่างนั้นและทำมาตลอด 15 ปี”

มือเบส จากP.O.Pถึง Groove Riders
หลังจากกลับมาเริ่มงานด้านดนตรีที่เมืองไทย มือเบสผู้นี้ได้สร้างบันทึกหน้าใหม่แก่วงการเพลง ก้อ เชื้อเชิญเพื่อนสมาชิกที่รู้จักกันดี นภ พรชำนิ และ โต้ง- มณเฑียร แก้วกำเนิด เข้าร่วมอุดมการณ์ทางดนตรี ในชื่อ P.O.P. วงดนตรีแนวป็อปร็อก อันโด่งดังเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักฟังเพลงเป็นอย่างดี

ขณะที่ความชอบในแนวดนตรีที่หลากหลาย เขาก็ได้ก่อตั้งวงดิสโก้ฟังก์ ระดับตำนาน Groove Riders นอกจากเป็นมือเบส ยังรับหน้าที่เป็นหัวหน้าวง และ Producer แน่นอนความสามารถของเขาพิสูจน์ให้ได้รับฟังผ่านผลงานดนตรีกันเป็นที่เรียบร้อย

เรียกว่าแนวดนตรีของทั้ง 2 วงนั้นต่างกันอย่างสุดขั้ว “ต่างกันครับ ต่างกันมาก P.O.P. มีความเป็นป็อปร๊อก Groove Riders เป็นดิสโก้ฟังก์ จะคนละแนวกัน แต่ว่ามันก็จะมีอะไรบางอย่างคล้ายคลึงกัน เนื่องจากว่าผมเป็นสมาชิกของทั้ง 2 วง มันก็จะมีลายเซ็นบางอย่างที่บางคนฟังแล้วก็จะรู้ว่าผมทำ หลายคนก็จะพูดแบบนี้แต่โดยส่วนตัวผมไม่ทราบนะ”


ถามว่าทำไมเครื่องดนตรีที่เลือกนั้นต้องเป็น เบส เขาค่อยๆ อธิบายขึ้น “จริงๆ ไม่ได้เลือกเล่นเบสตั้งแต่แรก เลือกที่จะเล่นเปียโน แต่เล่นยังไงก็ไม่เก่ง เล่นอยู่หลายปี แล้วก็อยากเล่นกีตาร์ แต่ปรากฏว่า ช่วง ม.2 ตอนปิดเทอมผมดันแขนหักด้านซ้ายก็ไม่สามารถจับคอร์ตทาบได้ มันต้องใช้นิ้วชี้ทาบสายทั้ง 6 สายแต่ผมทำไม่ได้เพราะแขนหัก นิ้วชี้ไม่มีแรงพอ ก็เลยไม่สามารถเป็นมือกีตาร์ได้ไม่งั้นผมอาจเป็นมือกีตาร์ฮีโร่ไปแล้วก็ได้(ยิ้ม) กลายเป็นเล่นเบส พอจับเบสแล้วรู้สึกว่ามันสนุก มันเข้ากับเรา มันใช่”

เขาเริ่มเล่น เบส ตั้งแต่อายุ 18 ปี แน่นอนหากเปรียบเทียบกับนักดนตรีคนอื่นถือว่าเริ่มช้า “เรารู้ว่าเราเริ่มช้าแต่ใส่ชั่วโมงของการซ้อมไปสมควร”

สร้างสรรค์งานเพลงอย่างมีศิลปะ
แน่นอนว่าการทำอะไรนานๆ ย่อมเกิดอาการสมองตันคิดไม่ออกกันบ้าง 15ปี ในแวดวงดนตรีก็คงมีอาการเช่นกัน ก้อ อธิบายถึงแรงบันดาลใจที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนผลงานเพลง

ผมเป็นคนชอบงานศิลปะทุกแขนง บางครั้งเราได้อ่านหนังสือดีๆ หรือได้ดูหนังเจ๋งๆ หรือว่า ได้ไปมิวเซียมต่างประเทศ ได้ดูวาดภาพเจ๋งๆ หรืองานโมเดิร์นอาร์ตของศิลปินเจ๋งๆ มันก็กลับมาเป็นแรงบันดาลใจ จากตรงนั้นมันก็แปรสภาพมาเป็นงานเพลงได้ตลอดเวลา ก็เลยได้รับแรงบันดานใจจากศิลปินต่างๆ สิ่งใกล้ๆ ตัว งานเจ๋งๆ แบบนี้ก็กลับมาเป็นงาน”

นอกเหนือจากบทบาทนักดนตรี โปรดิวเซอร์ ก้อ ทำงานเพลงในฐานะนักร้อง มีผลงานอัลบั้ม 2 ชุด The Workings Of The Soul และ The Workings Of The Soul Part 02

“ผมจะแต่งเพลงโดยไม่คิด เรารู้สึกอะไรเราก็จับกีตาร์ขึ้นมาแล้วให้มันปล่อยไหล โดยไม่ใช้หัวสมอง ใช้ความรู้สึกเพียวๆ

“ต้องยอมรับตามตรงว่าผมไม่ใช่นักร้องที่เก่ง อาจจะร้องเพลงได้เท่านั้นเอง ผมมีความรู้สึกว่า เราอยากจะพรีเซ็นต์บางสิ่งบางอย่างในตัวเราที่มันต่างจาก P.O.P. หรือ Groove Riders ในฐานะที่เรามีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวมันมีสิ่งที่ต้องทำ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือขายไม่ได้ซักแผ่น แต่มันต้องทำเพราะว่าบางอย่างที่อยู่ในตัวเราถ้าเราไม่เอามันออกมามันอาจจะเผาไหม้ตัวเราได้ ไม่ดังเท่า.. ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยเรารู้สึกภูมิใจกับงานที่มันออกมาเท่านั้นก็พอแล้ว”

งานเพลงของเขานั้นได้รับอิทธิพลจากแนวเพลงที่ชอบอยู่ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะ 60's, 70's, Soul

“บางทีเราไปฟังเพลงเจ๋งๆ เราก็อยากทำเพลงให้เจ๋งเท่าเค้า มันก็เป็นแรงบันดาลใจ แม้แต่เพื่อนศิลปินบางทีงานเพลงดีๆ มันก็เป็นแรงบันดาลใจให้อยากทำงานดีๆ ผมชอบแนวเพลงเยอะนะ ชอบทุกแนวเลย คนส่วนมากถ้ารู้จักผมจะรู้จักผมเป็นแนวย้อนยุค 60's จะมีกลิ่นอายย้อนยุคอยู่ในนั้น หรือว่าดิสโก้ฟังก์ที่ทำกับ Groove Riders แต่ส่วนตัวผมฟังเพลงทุกแนว ขอให้ศิลปินคนนั้นเป็นศิลปินที่ดี เรกเก้ แร็ป แจ๊ซ อาร์แอนบี แดนซ์ อิเล็คทรอนิกส์ แต่ชอบศิลปินเป็นรายคนมากกว่า”

 
'ปาล์มมี่ 5' ผลงานชิ้นโบแดง
“บางครั้งผมทำงานเป็นตัวเองมาซักพัก มันก็มีช่วงที่เบื่อเหมือนกันนะ ขี้เกียจเป็นศิลปิน หลบไปอยู่ข้างหลังซักพักดีกว่า ไปทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ หรือว่ากลับไปเป็นนักดนตรีเฉยๆ ดีกว่าก็มี มันเป็นแต่ละช่วงเวลาที่ไม่เหมือนกัน ถามว่าช่วงเวลาไหนที่เราชอบต้องตอบตามตรงว่าทุกช่วงเวลา ผมชอบในแต่ละบทบาทของการทำเพลง”

มาพูดถึงในฐานะโปรดิวเซอร์ เขาเปิดเผยถึงผลงานชิ้นที่รู้สึกภูมิใจ ซึ่งก็คือการร่วมงานกับนักร้องหญิงระดับประเทศ 'ปาล์มมี่ - อีฟ ปานเจริญ' ในฐานะโปรดิวเซอร์ อัลบั้ม ปาล์มมี่ 5

“งานที่ผมภูมิใจเรียกว่า ชอบมาก ก็คืองานที่ทำเป็นโปรดิวเซอร์ปาล์มมี่อัลบั้มที่ผ่านมา เป็นอัลบั้มที่ผมเห็นว่าเป็นอัลบั้มที่ดีเลย”

โปรดิวเซอร์หนุ่ม เล่าถึง จุดเริ่มต้นของการร่วมงานกับนักร้องสาวคนดัง เกิดขึ้นเมื่อครั้ง Groove Riders ได้ขึ้นคอนเสิร์ตเวทีเดียวกัน บังเอิญว่า ปาล์มมี่ ชอบงานเพลงของ Groove Riders อัลบั้ม The lift มาก

“ปาล์มมี่เค้าก็เดินมาคุยกับผมว่า เค้าชอบงาน Groove Riders ชุด The lift มากเลย ก็เลยไปเปิดหน้าปกดูว่าใครเป็นคนทำคนแต่งเพลงใครเป็นโปรดิวเซอร์ แล้วก็เจอชื่อผมเต็มไปหมดในนั้น เค้าก็เลยอยากลองดู ทีแรกเค้าก็ขอให้ผมแต่งเพลงให้ ผมก็โอเคแต่งเพลงที่ชื่อว่า Shy Boy ไปให้เค้า แล้วเค้าก็ชอบเพลงนั้นแล้วก็เริ่มจากตรงนั้น”


แต่ใช่ว่าหลังจากคุยกันในครั้งนั้นจะเป็นจุดเริ่มของอัลบั้มนี้ เพราะทาง ก้อ เองก็ยังติดทัวร์คอนเสิร์ตของตัวเอง ผ่านไปราวๆ ปี นักร้องสาวก็ติดต่อกลับมาอีก เมื่อทุกอย่างลงตัวทั้งคู่จึงเริ่มต้นสร้างสรรค์งานเพลงด้วยกัน จะว่าไป อัลบั้ม ปาล์มมี่ 5 ที่มีชื่อ ณฐพล ศรีจอมขวัญ นั่งแท่นโปรดิวเซอร์ก็กวาดรางวัลไม่น้อยเลยทีเดียว

ถามว่าการทำงานกับปาล์มมี่ยากหรือเปล่า ก้อ เล่าขึ้น “ผมคิดว่าถ้าเข้าใจเค้า มันก็ไม่ยากเกินไป คือเรียกว่าเค้าเป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์คนนึงเลยนะ ทำอะไรต้องให้มันเจ๋งที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะต้องไปแก้กี่สิบครั้ง หรือว่าจะต้องกลับไปแก้อีกหลายครั้ง เหมือนผมสมัยก่อน ตอนที่ผมเข้าวงการใหม่ๆ ในช่วงแบบ 8-9 ปีแรกของผม ผมเป็นแบบมี่เลย ผมก็เลยเข้าใจเค้าว่ารู้สึกยังไง

“ผมเข้าใจนะ บางทีเค้าเครียด ผมก็จะบอกว่าเรามาทำงานกันให้สนุกดีกว่า แล้วมันก็จะเป็นการทำงานที่สนุกขึ้น แต่มันเป็นการทำงานที่เหนื่อยมากนะ แต่ผลงานที่ออกมามันก็คุ้มและเราทั้งคู่ก็รักอัลบั้มนี้มาก แล้วก็เพลง คิดมาก เป็นเพลงที่ดังมาก”

อย่างไรก็ตาม รสนิยมในการเสพงานดนตรีของแต่ละคนก็ต่างกันออกไป ถามว่ากังวลหรือไม่หากผลงานเพลงที่ผลิตออกมานั้นไม่ได้รับความนิยม ก้อ กล่าวขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม

ผมเริ่มต้นมาจากการทำเพลง ทำอย่างไรให้มันเจ๋งที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ ผมไม่เคยเริ่มต้นการทำเพลงว่าทำอย่างไรให้ตลาดยอมรับ ทำอย่างไรให้คนฟังชอบมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในประเทศนี้ ผมเป็นคนที่มองหาจุดที่เจ๋งที่สุดในงานก่อนแล้วค่อยมามองว่าคนฟังจะชอบหรือเปล่า ผมเชื่อว่าถ้าเราทำงานออกมาแล้วเราชอบ แล้วศิลปินที่เราโปรดิวซ์ให้ชอบ คนที่ฟังรู้สึกรักมันหมด ผมเชื่อว่านั้นพอแล้ว หลังจากนั้นให้เพลงเป็นตัวทำงานของมันเอง”
….................................

เรื่องโดย ทีมข่าว M-Lite
ภาพโดย พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร
ข้อมูลประกอบ Fanpage KOR.NOTAPOL  Fanpage P.O.P  Fanpage Groove Riders

..............................................
ข่าวดี! สำหรับแฟนเพลง วง P.O.P  เดือนมิถุนายนนี้พวกเขาจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบสิบปี พร้อมแขกรับเชิญตั้งแต่ยุคเบเกอรี่ นำทีมโดย ก้อ-ณฐพล, นภ พรชำนิ, โต้ง-มณเฑียร ฯลฯ  รายละเอียดคลิก http://www.periodofparty.com









Groove Riders
P.O.P






กำลังโหลดความคิดเห็น