เอ่ยถึง แนน-สุพัตรา จูเจริญ ชื่อนี้ มีทั้งคนที่รู้ และไม่รู้จัก แต่หากได้ทำความรู้จักแล้ว เธอคือผู้หญิงที่ชวนให้จดจำ และตกหลุมรักเอาได้ง่าย ๆ แม้จะพบกันเพียงครั้งเดียว แต่ดวงตาที่หวานเป็นประกาย รอยยิ้มที่สดใสเห็นแล้วใจละลาย มักจะฉายภาพวนเวียนอยู่ในความทรงจำไปตลอด
ไม่แปลก ที่เธอจะมีดีกรีเป็นถึงดาวนิเทศศาสตร์ ขวัญใจสวนสุนันทา รวมไปถึงรางวัลการันตีความสวยทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ไม่ว่าจะรองชนะเลิศอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2555 และมิส เซาท์อีสต์ เอเชีย 2012 ซึ่งนับเป็นรางวัลที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยในเวทีการประกวด มิสทัวร์ริซึ่ม อินเตอร์เนชั่นแนล 2012
วันนี้ทีมงาน Lite จะพาไปทำความรู้จักกับสาวหน้าหวานดีกรีนางงามคนนี้ไปด้วยกัน รับรองว่า ไม่ใช่แต่เปลือกอย่างเดียวที่สวย แต่เมื่อถูกปอกออกมาแล้ว เธอคือผู้หญิงที่น่าสนใจมากคนหนึ่งทีเดียว พิสูจน์ได้จากบทสัมภาษณ์ด้านล่างนี้
ตัวตน นางงามชื่อ "แนน"
ทีมงานได้พบกับเธอที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ใบหน้าของเธอตกแต่้่้งด้วยเครื่องสำอางสีอ่อน ๆ ดูน่ารัก สดใส "สวัสดีค่ะ" เป็นคำทักทายแรก จากนั้นก็เริ่มแนะนำตัวด้วยการบอกชื่อ และลงรายละเอียดคร่าว ๆ เกี่ยวกับตัวเธอใฟ้ฟัง
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อ แนน สุพัตรา จูเจริญ อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ เอกวิทยุโทรทัศน์ค่ะ" สิ้นประโยคแนะนำตัว เธอขยายความต่อไปถึงตัวตนที่ลงรายละเอียดลึกกว่าเดิม
"ถ้าพูดถึงแนน ทุก ๆ คนที่รู้จักแนนจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แนนไม่ใช่คนเรียบร้อย (หัวเราะ) เพราะแนนเรียบร้อยไม่ค่อยเป็น อยู่นิ่ง ๆ ไม่ค่อยได้ จะออกแนวเด็กไฮเปอร์ ต้องทำโน่นนี่นั่นอยู่ตลอด หรือบางทีหนูจะชอบเข้าไปแกล้งเพื่อน จนเพื่อน ๆ มักจะบอกว่า มันมาอีกละ หรือการแข่งรถเอง หนูก็ชอบไปแข่งรถกับเพื่อนผู้ชายจนเพื่อน ๆ บอกว่า ไอ้แนน เป็นผู้หญิงหน่อย (หัวเราะ)"
แนน ให้เหตุผลต่อไปว่า ที่เติบโตมาบนบุคลิกดังกล่าวนั้น เป็นเพราะครอบครัวตำรวจที่สอนให้อดทน และช่วยเหลือตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
"คุณพ่อเป็นตำรวจค่ะ (พ.ต.ท.สมโภชน์ จูเจริญ รองผกก.ส.ภ.บางโทรัด จ.สมุทรสาคร) ส่วนคุณแม่ (พัชรี จูเจริญ) เป็นแม่บ้านตำรวจค่ะ แนนมีน้องชาย 1 คน แนนกับน้องถูกสอนให้เป็นคนมีระเบียบวินัย เพราะคุณพ่อเป็นคนเจ้าระเบียบหน่อย ๆ ดังนั้น สิ่งของในบ้านต้องมีระเบียบ แต่แนนจะเป็นคนชอบวางของ ไม่ค่อยเก็บ ก็มักจะถูกคุณพ่อดุเป็นประจำ เพราะท่านอยากให้เรารู้จักช่วยเหลือตัวเอง ทำอะไรเอง ไม่ใช่คอยให้คนอื่นมาคอยตามเก็บให้"
นอกจากนั้น คุณพ่อ คุณแม่ค่อนข้างให้อิสระในการคิด และเคารพในการตัดสินใจของลูกทุกคน
"สิ่งที่ท่านพร่ำบอกอยู่เสมอ ๆ ก็คือ ขอให้เป็นคนดี ไม่เกเร ไม่คดโกง คุณพ่อไม่เคยตีแนนเลยค่ะ ถ้าเกิดจะว่าจะดุ ท่านจะเก็บอารมณ์ก่อน พอมาก ๆ ขึ้น คุณพ่อจะระเบิดทีเดียว เช่น เรียกมานั่งอบรมสั่งสอนแบบตัวต่อตัว มีอยู่ครั้งหนึ่งสมัยเรียน คุณครูไม่สอน หนูกับเพื่อน ๆ ก็แหกกฎชวนกันออกไปข้างนอกด้วยการปีนกำแพงออกไป ปรากฎว่าถูกจับได้ และโดนเรียกพบผู้ปกครอง คุณพ่อก็กลับมาเคลียร์กับเราที่บ้าน และหักค่าขนมไประยะหนึ่ง"
"ส่วนคุณแม่จะอยู่กับลูกมากกว่าคุณพ่อค่ะ คุณแม่สอนแนนหลาย ๆ เรื่องทั้งมารยาท ความเป็นแม่บ้านแม่เรือน รวมไปถึงที่ปรึกษาเวลาขาดของใช้อะไร คุณแม่ก็จะพาไปซื้อ แต่ถ้าถามว่าสนิทกับใครมากกว่ากัน แนนสนิท และกลัวคุณพ่อมากกว่านะ อาจจะเป็นเพราะอยู่กับแม่ทุก ๆ วัน แต่ถ้าเป็นคุณพ่อ เวลาท่านสอนอะไรท่านจะจริงจัง และเอาจริงถ้าเราไม่ทำตาม ดังนั้นแนนจะฟัง และไม่กล้าทำอะไรผิด" แนนเผย
เปิดวีรกรรมแสบซน
เมื่อถามถึงวีรกรรมสุดแสบในวัยเด็ก ใครจะไปรู้ว่า สาวหน้าหวานที่ดูอ่อนหวานคนนี้ จะมีวีรกรรมกับเขาด้วยเหมือนกัน
"วีรกรรมในวัยเด็กเหรอค่ะ (หัวเราะ) มีเยอะเลยค่ะ แต่ที่จำได้ไม่รู้ลืมเลยก็คือ สมัยเรียนมัธยม หนูต้องเข้าเรียนในห้องแลป ซึ่งเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ และครูก็ให้ทดลองผสมสารเคมีอะไรสักอย่าง แต่เราไม่ฟัง ปรากฎว่า ผสมผิดสูตร จู่ ๆ มันก็ระเบิดตู้มขึ้นมา หนูก็ต้องซื้อโต๊ะใหม่ใช้โรงเรียน ซึ่งมันค่อนข้างแพงอยู่พอสมควร กลับไปบอกคุณพ่อ คุณพ่อก็โมโห ให้เราออกเงินเอง ซึ่งท่านเด็ดขาดมาก เงินเก็บของหนูหมดเกลี้ยงเลย ที่หนักไปกว่านั้น คุณพ่อไม่ให้เงินค่าขนมด้วย ต้องเอาเงินไปกินที่โรงเรียนวันละ 10 บาท จากปกติได้ไปวันละ 150 บาท ช่วงนั้นหนูจึงผอมไปโดยปริยาย เพราะไม่ค่อยได้กินอะไร (หัวเราะ)"
นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณพ่อถึงเป็นห่วงลูกสาวคนนี้มากเหลือเกิน
"ท่านก็เป็นห่วงหนูค่ะ กลัวว่าเราจะไม่เป็นผู้หญิงมากกว่า (หัวเราะ) ซึ่งท่านก็บอกประจำเวลาเห็นเราเดินว่า แนน เรียบร้อยหน่อยลูก เพราะส่วนตัวเป็นคนกระโดกกระเดก อย่างเวลาเดินจะเดินไว หรือบางครั้งก็ชอบวิ่ง หรือใส่กางเกงอยู่บ้าน พ่อก็ไม่ชอบค่ะ ท่านอยากให้เราใส่กระโปรง เรียกได้ว่า คุณพ่อให้ความสนใจในเรื่องนี้มากกว่าคุณแม่เสียอีก (หัวเราะ) คุณแม่จะเป็นคนเฉย ๆ อะไรก็ได้" เธอเล่า
หลังจากนั้นทีมงานก็พาเข้ากระแส 3 คำ โดยเธอให้ 3 คำกับตัวเองว่า "สวย เปิ่น โก๊ะ" ซึ่งเป็น 3 คำที่บอกความเป็นตัวเธอได้ชัดเจนทีเดียว
ตามรอยเส้นทางนางงาม
ลึกลงไปถึงเส้นทางนางงาม แนน บอกว่า จุดเริ่มมาจากความคิดที่อยากจะหากิจกรรมทำในช่วงเรียนม.ปลาย และการประกวดนางสงกรานต์ก็เป็นกิจกรรมแรกที่เธอเลือกทำ
"สมัยเด็ก ๆ หนูฝันอยากเป็นพยาบาล พอโตขึ้นช่วงสมัยเรียนมัธยมปลาย เห็นเขาประกวดนางสงกรานต์ก็อยากประกวดบ้าง แต่หนูไม่ได้บอกคุณพ่อนะ เพราะท่านจะหวงมาก คุณน้าคุณแม่ก็เลยสนับสนุนเรา ปรากฎว่า ตกตั้งแต่รอบแรกเลย จนมาเวทีที่ 2 เป็นการประกวดนางนพมาศ หนูได้ที่ 1 หลังจากนั้นก็มีพี่ช่างแต่งหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกว่า เขาชอบหนูมาก และก็ขอเบอร์ติดต่อ แต่ช่วงนั้นคุณพ่อห้าม บอกให้เรียนก่อน เพราะต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้วด้วย"
ผ่านไป 1 ปี พี่ช่างแต่งหน้าท่านนั้นก็ไม่ละความตั้งใจ และพยายามโทรชวนให้ไปประกวดนางสาวถิ่นไทยงามที่จ.เชียงราย
"ตอนนั้นก็ตกใจนะคะ ไปเชียงรายเลยเหรอ บอกคุณแม่ ก็ไม่ยอมให้ไป ยิ่งบอกคุณพ่อยิ่งไม่ต้องหวัง สุดท้ายคุณแม่ก็อนุญาต แต่คุณพ่อไม่ให้ ซึ่งตอนนั้นเหลือเวลาอีกแค่ 5 วันก็จะปิดรับสมัครนางสาวถิ่นไทยงามแล้ว สรุป หนูไปกับคุณแม่ 2 คน แต่ก็บอกคุณพ่อว่าจะไปนะ ท่านก็อืม ๆ เหมือนจะโกรธ ๆ แต่พอหนูกับแม่ไปถึง ท่านก็โทรมาถามผ่านทางคุณแม่ว่า เป็นอย่างไรบ้าง จนรอบติดสิน หนูดันได้ที่ 1 ซึ่งตอนนั้น น้ำตาไหลเลย ไม่คิดว่าจะเป็นเรา มีพี่ ๆ นางงามที่สวย และเก่งกว่าหนูอีก โทรหาคุณพ่อ ท่านก็ดีใจ บอกว่า ลูกเก่งมาก ตอนนั้น หนูก็บอกท่านไปว่า แน่นอนอยู่แล้ว ก็หนูลูกป๊านี่คะ" เล่าจบเธอก็เผยให้เห็นประกายตาและรอยยิ้มที่สดใส
นี่คือจุดเริ่มต้นเส้นทางนางงามของเธอ และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พาตัวเองเข้ามาประกวดในเวทีระดับประเทศอย่าง "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์" ประจำปี 2555 สำหรับเวทีนี้ แม้จะไม่ได้ที่ 1 แต่ด้วยความมั่นใจและทำเต็มที่ แค่รางวัลรองอันดับ 2 ที่เธอได้รับมาก็เป็นเกียรติสำหรับตัวเอง และครอบครัวแล้ว
"หลังจากประกวดนางสาวถิ่นไทยงาม พี่เขาจะส่งหนูไปต่างประเทศ แต่หนูอยากอยู่ที่เมืองไทยก่อน อีกอย่างหนูอยากประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ถ้าไป ก็จะไม่มีโอกาสได้ประกวด เนื่องจากเป็นกฎของกองประกวด พอมาประกวดเวทีนี้ คุณพ่อเริ่มนำเสนอลูกสาวเต็มที่ ยิ่งพอได้รางวัลติดไม้ติดมือกลับมาด้วยแล้ว ทีนี้อวดลูกสาวกันยกใหญ่ (หัวเราะ) ซึ่งหนูก็ภูมิใจในตัวเองมาก ๆ แม้จะไม่ได้ที่ 1 แต่หนูได้ทำเต็มที่แล้วค่ะ" แนนเผย
นางงามไทยในเวทีโลก
เส้นทางนางงาม ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เธอยังได้เป็นตัวแทนสาวไทยเข้าประกวด มิส ทัวร์ริซึ่ม อินเตอร์เนชั่นแนล 2012 (Miss Tourism International 2012) ร่วมกับผู้เข้าประกวดกว่า 56 ประเทศทั่วโลก ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเวทีนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเธอเลยก็ว่าได้
"หนูต้องฟิตร่างกาย มีเรียนร้องเพลง เรียนเต้น กับเพื่อน ๆ นางงามด้วยกัน จากนั้นเพื่อน ๆ ก็แยกกันไปประกวดทีละคนสองคน ซึ่งตัวหนูเองต้องไปประกวดเหมือนกัน ซึ่งเป็นเวที มิส ทัวร์ริซึ่ม อินเตอร์เนชั่นแนล 2012 พอมารู้วันประกวด โอ้ 31 ธ.ค. 55 สิ้นปี เคาท์ดาวน์ของหนู ต้องอยู่ที่มาเลเซียคนเดียว หนูก็แบบ กรี๊ด แล้วฉันจะฉลองกับใคร แต่ก็โอเคค่ะ หนูได้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทีมงาน พี่ ๆ ช่างแต่งหน้า พวกเขาช่วยเหลือหนูดีมาก ๆ เป็นช่วงเวลาที่สนุกมากค่ะ"
"เวลาหนูอยู่กับเพื่อน ๆ นางงาม หนูก็จะยิ้ม (ลากเสียงยาว) ตลอด จนเพื่อน ๆ เรียกหนูว่า ไทยโกมุย แปลว่าผู้หญิงจากประเทศไทยที่สวย และน่ารัก อะไรประมาณนั้นค่ะ ซึ่งหนูก็ชอบ และดีใจที่ได้ชื่อใหม่น่ารัก ๆ แบบนี้ ส่วนเรื่องอิจฉา ริษยาไม่มีค่ะ เพื่อน ๆ ทุกคนน่ารักกันมาก"
"เพื่อนคนแรกของหนูคือ เวเนซุเอลา เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่หนูก็พยายามสื่อสาร และช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอขอความช่วยเหลือหนูในเรื่องซิมโทรศัพท์ หนูก็พาไปแลกเงิน และช่วยจัดการในเรื่องนี้ให้ ตั้งแต่นั้นมา เราก็เป็นเพื่อนซี้กัน แม้จะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แต่รู้ว่าต้องการอะไร แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ ส่วนกับเพื่อนนางงามประเทศอื่น ๆ ก็น่ารักค่ะ ชอบมาเล่นกับหนู และชอบมาเรียกเราว่า ไทยแลนด์ ไทยแลนด์"
ซึ้งน้ำใจคนไทยในต่างแดน
การเดินทางมาประกวดในเวทีนี้ เธอฉายเดี่ยวตัวคนเดียว จนมารู้ทีหลังว่า คนไทยในประเทศมาเลเซีย เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมกับอาสาเข้ามาช่วยเป็นล่าม และนี่ความรู้สึกของเธอ
"ก่อนจะสัมภาษณ์จริง ๆ หนูก็เตรียมตัวจะรำมวยไทย ต่อยมวย ทางคณะกรรมการก็ถามว่า ญี่ปุ่นก็มวย เราก็มวย มันมีความแตกต่างกันอย่างไร หนูก็เลยรำมวยไทยให้ดู 1 รอบ ตามด้วยโชว์ต่อยมวย และก็ตอบไปว่า มวยไทยไม่ได้มีไว้ต่อสู้กัน เอาชนะกัน แต่ส่วนตัวคิดว่า เรียนไว้เพื่อป้องกันตัวเองมากกว่า ที่อึ้งไปกว่านั้น พี่ทีมงานเข้ามาบอกว่า มีล่ามคนไทยมาช่วยด้วยนะ ตอนนั้นดีใจมาก เพราะไม่คิดว่ามีล่ามมาช่วยเรา พอมารู้อีกว่า เขาเป็นคนไทยที่อยู่ในมาเลเซีย และใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. เพื่ออาสามาช่วยหนู มาช่วยไทยแลนด์ เพราะเห็นหนูจากสื่อในมาเลเซีย หนูก็ได้แต่ขอบคุณ และซึ้งใจมาก ๆ ค่ะ พี่เขาช่วยไกด์ไลน์ให้หนูเยอะมาก"
สำหรับเวทีนี้ แม้เธอจะไม่ได้ตำแหน่งมิส ทัวร์ริซึ่ม อินเตอร์เนชั่นแนล 2012 แต่ก็สามารถนำรางวัลมิส เซาท์อีสต์ เอเชีย 2012 (Miss South East Asia 2012) จากเวทีนี้ มาฝากคนไทยให้ได้ภูมิใจแทน ซึ่งเป็นรางวัลที่เริ่มมีเป็นปีแรกในการประกวด มิส ทัวร์ริซึ่ม อินเตอร์เนชั่นแนลครั้งล่าสุด
"ตอนแรกก็ตื่นเต้นค่ะ เพราะดูจากหลาย ๆ ประเทศแล้ว สวย ๆ ทั้งนั้นเลย พอประกาศรางวัลแรก และเรียกชื่อประเทศไทย หนูตกใจมาก ซึ่งเราได้รับเลือกให้เป็นมิส เซาท์อีสต์ เอเชีย 2012 หนูไม่รู้มาก่อนว่ามีรางวัลนี้ด้วย แต่พอได้รับมา ก็รู้สึกภูมิใจว่า เราได้สร้างชื่อให้กับประเทศไทยแล้ว ที่สำคัญ รางวัลนี้ เป็นรางวัลต้อนรับประชาคมอาเซียนที่กำลังจะมาถึงด้วย" เธอเผย
ถูกมองว่าเหมือนกะเทย!
เป็นถึงนางงาม แต่ก็ไม่วายที่จะถูกมองว่าเป็นกะเทย เพราะสวยเกินผู้หญิง เรื่องนี้เธอเล่าด้วยความรู้สึกเสียความมั่นใจว่า
"มีหลายคนแล้วนะ ที่บอกว่าหนูเหมือนกะเทย แต่พี่ขา (ลากเสียงยาว) ไม่เว้นแม้แต่พี่คนขับแท็กซี่ก็คิดเช่นนั้น คือพี่เขามองหนูผ่านกระจกมองหลังอยู่นานมาก หนูก็เลยถามพี่เขาว่า พี่มีอะไรหรือเปล่าค่ะ เขาก็ขำ ๆ ไม่กล้าพูด หนูก็บอกพี่พูดเถอะค่ะ เขาก็ถามแบบกลัวเราโกรธว่า พี่ถามจริง ๆ นะ น้องเป็นกะเทยหรือเปล่า หนูก็บอกว่า พี่ไม่ใช่คนแรกที่ทักหนู ว่าแต่หนูเหมือนกะเทยขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ เขาก็บอกว่า ก็น้องสวยเกินผู้หญิง ผู้หญิงไม่น่าจะสวยขนาดนี้ เอ่อ เอิ่ม นี่ชม หรืออะไรค่ะพี่" พูดเสร็จเธอก็ระเบิดหัวเราะออกมา
ความตั้งใจ 3 อย่างที่ต้องทำให้ได้
ถึงวันนี้ ความตั้งใจที่จะเป็นนางงามของเธอ สำเร็จไปแล้ว 1 ก้าว ส่วนความตั้งใจที่เหลือ มีอยู่อีก 3 อย่างที่จะต้องทำให้ได้
"สิ่งแรกคือ หนูอยากเป็นนางแบบระดับโลก เป็นแอร์โฮสเตส (พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน) และสิ่งสุดท้ายคือ เลี้ยงพ่อแม่ให้อยู่อย่างสุขสบาย ซื้อบ้าน ซื้อรถให้ท่านค่ะ"
แต่การเป็นนางแบบก็ใช่ว่าจะเป็นอาชีพที่มั่นคง เพราะหากอายุเพิ่มขึ้น การจ้างงานก็ลดลงตามไปด้วย ตรงนี้เธอให้มุมมองว่า
"หนูตั้งใจจะเป็นนางแบบให้ถึงจุด ๆ หนึ่งก่อนค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอาชีพอะไรสำรองไว้เลย แอร์โฮสเตสคืออาชีพที่หนูอยากทำต่อจากการเป็นนางแบบเพราะ 1 คือ ได้เดินทางทั่วโลก 2 คือ ได้ซื้อของจากประเทศนั้น ประเทศนี้มาขาย (หัวเราะ) ซึ่งสอดรับความตั้งใจส่วนตัวที่อยากจะเปิดร้านขายของกระจุกกระจิกอยู่แล้ว"
"หนูไม่คิดเลยว่า จะพาตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ ตกใจตัวเองเหมือนกัน เพราะก้าวขึ้นมาในระดับโลกได้ไวมาก ซึ่งใช้เวลาน้อยมาก บางคนนานกว่าเราอีก วันนี้หนูภูมิใจในตัวเองมาก ๆ ขอบคุณตัวเอง ครอบครัว ครู และเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้หนูค่ะ" แนนเผยความรู้สึก
เธอคือนางงามติดดิน
หากสิ่งที่เรียกว่า "ชื่อเสียง" และ "การมีบทบาททางสังคม" พัดผ่านเข้ามาในชีวิต แน่นอนว่า สิ่งเหล่านั้นอาจทำให้อีโก้ รวมไปถึงระดับความหยิ่งของใครหลายคนเพิ่มสูงขึ้น แต่สำหรับแนน เธอยืนยันว่า ไม่ใช่คนประเภทนั้น และนี่คือคำอธิบายของเธอ
"ถึงหนูจะเป็นนางงาม แต่หนูก็ยังเป็นแนนของพ่อแม่ เพื่อน ๆ และพี่ ๆ ทุกคน หรือคนคนนั้นจะเป็นป้าภารโรงหนูก็ไม่เคยลืม สมัยเรียนหนูสนิทกับป้าคนนี้มาก หนูเคยแอบไปนั่งกินขนมกับเพื่อน ๆ ข้างห้องน้ำ เพราะโรงเรียนไม่ให้นำขนมขึ้นไปกินบนตึก ป้าก็คอยช่วยหนูตลอด ถึงวันนี้หนูก็ยังจำป้าคนนี้ได้ หนูจะเรียกเธอว่าป้าแดง พอหนูได้ตำแหน่ง และกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่า หลาย ๆ คนอาจคิดว่าหนูหยิ่ง แต่หนูไม่ใช่คนแบบนั้น พอหนูเห็นป้าแดง หนูก็เรียกป้าแดง และเข้าไปสวมกอด ป้าร้องไห้เลย ถามว่าป้าจำหนูได้ไหม ป้าบอกจำได้ แต่ป้าไม่กล้าเข้ามาทัก เพราะกลัวหนูจะไม่คุยกับป้า"
สวยได้ ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ
ทุกวันนี้ การทำศัลยกรรมกับคนดัง ดูจะเป็นของคู่กันไปแล้ว ซึ่งแต่ละคนพยายามทุกวิถีทางที่จะคงความสวยงามหล่อเหลาเอาไว้ไม่ให้หายไปไหน แต่สำหรับนางงามท่านนี้ เธอไม่อยากให้เสพติดมากจนเกินไป เพราะเชื่อว่า ความสวยจากข้างในสำคัญกว่า
"การทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องผิด มันคือ การตกแต่งที่ทำให้คนเรารู้สึกมีความสุขกับตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่าเสพติดมากจนเกินไปเหมือนอย่างที่เห็นตามข่าว เพราะความสวยตัดสินได้หลายอย่าง หน้าตาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ข้างในสำคัญกว่า ถ้าเรายอมรับในจุด ๆ นั้นได้ ก็โอเคค่ะ ส่วนตัวคิดว่า หน้าคนไทยแท้ ๆ สวยนะคะ แต่กำลังถูกบล็อกหน้าศัลยกรรมทำให้หน้าคนไทยผิดเพี้ยนไป ทีนี้ก็จะหาหน้าไทยแท้ได้ยากขึ้น"
เมื่อถามถึงตัวเธอ เธอบอกว่า ไม่ได้ทำศัลยกรรมอะไรเลย มีแค่ขัดผิวอย่างเดียว ซึ่งเมื่อก่อนดำมาก เนื่องจากไม่ค่อยได้ดูแลผิวเท่าที่ควร
สำหรับเคล็ดลับความสวยแบบฉบับนางงาม เธอมีแนวทางง่าย ๆ มาฝากกันด้วย
"เริ่มจากนอนไว ๆ ค่ะ ปกติหนูจะนอน 3 ทุ่ม แต่ตอนนี้อาจจะดึกหน่อย นอกจากนั้น แนนจะดื่มน้ำเยอะมาก ดื่มบ่อย ๆ แล้วสุขภาพผิวเราจะดี ส่วนเรื่องอาหารก็เลือกรับประทานที่ไม่มันมาก และจะเลือกรับประทานผัก ผลไม้ควบคู่ไปด้วย ซึ่งปกติไม่ค่อยทานเลย แต่เพื่อสุขภาพ หลัง ๆ ก็เลือกรับประทานมากขึ้น และที่จะขาดเสียไม่ได้คือ ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้ง แค่นั้นเองค่ะ"
"อีกสิ่งที่สำคัญ คือ ต้องมีสุขภาพใจที่แข็งแรงด้วย พยายามหาช่วงเวลาผ่อนคลายความเครียดให้กับตัวเองด้วย ยิ้มกับตัวเอง และคนอื่น ๆ อยู่บ่อย ๆ เพราะความสวยต้องออกมาจากข้างในด้วยค่ะ"
นิยามความรักฉบับ "นางงาม"
เปลี่ยนมาพูดเรื่องรัก ๆ ของเธอคนนี้กันบ้าง ถามว่าตอนนี้โสดหรือไม่ เธอตอบแบบเขินอายว่า "โสดค่ะ โสดจริง ๆ ค่ะพี่"
"นิยามความรักของหนู ไม่จำเป็นต้องเป็นความรักแค่หนุ่มสาว แต่เป็นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะกับคนที่อายุน้อยกว่า หรือมากกว่าก็สามารถมีความรักกับเขาได้ ยกตัวอย่างญาติพี่น้อง หรือแม้กระทั่งคนที่ทำงานด้วยกัน ซึ่งเราไม่ควรมองข้ามพวกเขา ถึงเราจะไม่รู้จักกันมาก่อน แต่การแสดงความรักด้วยการไหว้ การเข้าไปคุย หรือเข้าไปเล่น นี่แหละค่ะคือความรักของแนนที่มีให้กับทุกคน" แนนเผยนิยามความรัก
ปัจจุบันเธอเริ่มมีงานเข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะเดินแบบ ถ่ายแบบ และในเร็ว ๆ นี้คงจะได้ติดตามผลงานละครของเธอกัน
"ตอนแรก หนูอยากเดินแบบ ถ่ายแบบภายในประเทศ แต่ตอนนี้เริ่มมีงานจากต่างประเทศเข้ามา กลางปีอาจจะได้ไปเป็นนางแบบในงานอีเวนต์ของผู้สนับสนุนที่เป็นเครื่องสำอางที่มาเลเซีย ส่วนงานอื่น ๆ กำลังดูบทละครอยู่ค่ะ คุณแดงก็ช่วยดู เพราะด้วยความสูง ถ้าเป็นนางเอกก็คงจะยากมาก (ลากเสียงยาว) ต้องไปทางบทบู๊ ๆ หน่อยค่ะ ซึ่งก็คงจะได้ติดตามกันเร็ว ๆ นี้ค่ะ"
แต่ถ้าให้เลือกระหว่างงานละคร และงานเดินแบบ เธออยากเป็นนางแบบมากกว่า เนื่องจากเป็นความชอบ และความถนัดส่วนตัว
อย่าลืมความเป็นตัวเราในเฟซบุ๊ก
ทั้งนี้ แนน ในฐานะคนรุ่นใหม่ ให้ความเห็นทิ้งท้ายในประเด็นกระแสโซเซียลเน็ตเวิร์กยอดฮิตอย่าง "เฟซบุ๊ก" ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นพื้นที่ที่ใครหลายคนไว้ใช้เขียน และแสดงความเป็นตัวตนกันมากขึ้น โดยแนนให้ทัศนะว่า
"ใครก็อยากดูดีในสายตาคนอื่น ๆ แต่ก็ต้องไม่ทิ้งความเป็นตัวเอง หรือแต่งรูปจนกลายเป็นการหลอกลวงมากเกินไป บางคนโชว์ภาพในเฟซบุ๊กซะสวยงาม แต่เจอตัวจริงปรากฎว่า คุณหลอกดาว ซึ่งตัวแนนเอง ถ้าให้เลือกระหว่างแต่งรูปกับไม่แต่งรูป หนูเลือกที่จะแต่งรูป เพราะรูปของเรา เราก็อยากให้รูปดูสวย แต่อย่างที่บอกค่ะ แต่งได้ แต่ต้องไม่ดูหลอกลวงเกินไป" เธอให้ความเห็น
ดังนั้น การเป็นตัวเองให้ธรรมชาติที่สุดคือสิ่งสำคัญ เพราะตอนนี้ ความเป็นตัวเองของใครหลาย ๆ คนกำลังถูกแทนที่ด้วยเครื่องมือแต่งภาพต่าง ๆ มากขึ้น
หากจะบอกว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นไม่มีสมาธิแล้ว คงจะบอกได้คล้าย ๆ กันว่า ที่ใดมี "แนน" ที่นั่นก็อาจไม่มีสมาธิได้ เพราะด้วยความขี้เล่น เป็นกันเอง ตลอดจนดวงตาที่หวานชวนหลงใหล อาจทำให้ใครหลายคนหวั่นไหวไปกับเธอได้ทุกเมื่อ เช่นเดียวกับทีมงานที่ตกหลุมรักเธอเข้าให้แล้ว
////////////////
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : สุพัตรา จูเจริญ ชื่อเล่น : แนน
อายุ : 20 ปี
สัดส่วน : 33-25-36
น้ำหนัก-ส่วนสูง : 54 กก. สูง 176 ซม.
การศึกษา : กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ เอกวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
รางวัลที่ได้รับ :
- Miss South East Asia 2012
- Miss Thailand Tourism International 2012
- รองอันดับสอง Miss Universe Thailand 2012
- Miss Popular Vote ในการประกวดดาว-เดือนของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
- ดาวจากสาขาวิชานิเทศศาสตร์
- นางสาวถิ่นไทยงาม 2555
มิวสิกวิดีโอ : เป็นนางเอกเอ็มวีให้กับหนู มิเตอร์ ในเพลงสัญญาก่อนนอน ส่วนอีกเพลงเป็นของแคท-รัตติกาล
ความสามารถพิเศษ : รำมวยไทย เดินแบบ ถ่ายแบบ
ถามเล่น ๆ กับแนน สุพัตรา จูเจริญ
แนน สุพัตรา จูเจริญ รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2555
นางเอกเอ็มวีในเพลงสัญญาก่อนนอน
ข่าวโดย : ASTV ผู้จัดการ Lite ภาพโดย : สันติ เต๊ะเปีย และภาพบางส่วนจากแฟนเพจของแนน สุพัตรา จูเจริญ www.facebook.com/inananz