xs
xsm
sm
md
lg

เด็กเอ๋ย...เด็กดี ซุป'ตาร์ตัวเล็ก เก่งเกินวัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
วันเด็กปีนี้ หากจะมองหาตัวแทนเด็กดี มีความสามารถ คงไม่พ้นดาราเด็กสองสาวหน้าใส “น้องเกล - น้องใยไหม” และอีกหนึ่งหนุ่มน้อยน่ารักขี้อ้อน “น้องภู” ที่มักคอยขโมยซีนดารารุ่นใหญ่อยู่ตลอดเวลา ทั้ง 3 คนนี้ ถือว่าเป็นตัวแทนเด็กดี เด็กเก่ง ที่น่ารักของคุณพ่อคุณแม่ ทั้งยังเป็นขวัญใจมหาชนที่น้องๆ ควรเอาแบบอย่าง

“น้องเกล-โสพิชา” สาวน้อยอูคูเลเล่ รองแชมป์ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ เธอมาพร้อมกับน้ำเสียงใสๆ ที่ใครได้ยินก็ต้องหลงรัก ส่วน “น้องภู-อินทัช” หนุ่มน้อยเจ้าประจำที่ฝากแก้มแดงๆ ผ่านหน้าจอทีวี จนมีแฟนคลับล้นทะลัก และ “น้องใยไหม-ชินารดี” เด็กน้อยในวันวาน จากงานโฆษณาครีมอาบน้ำเด็กจนต่อมาโด่งดังเป็นพลุแตก รอยยิ้มหวานๆ ของเธอทำให้หลายคนอดยิ้มตามไม่ได้

“น้องเกล อูคูเลเล่” ดนตรีคือชีวิต
พรสวรรค์และพรแสวงสร้างตัว น้องเกล-โสพิชา อังคะไวมงคล ได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากมองย้อนไปในวันที่หนูน้อยขึ้นเวทีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ครั้งแรกนั้น จากเสียงร้องเพลงน่ารักๆ พร้อมกับโชว์การดีดอูคูเลเล่คู่ใจในวันนั้น ทำเอาคนดูอึ้งกับความสามารถของเด็กวัย 6 ขวบ และตอนนี้กลายเป็นขวัญใจของคนทั้งไทยประเทศ พร้อมชื่อใหม่ที่เรียกกันติดหูว่า “น้องเกล อูคูเลเล่”

เพลงเปลี่ยนชีวิต
เพียงไม่นานนัก หลังจากคว้ารองแชมป์ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ น้องเกลได้ออกซิงเกิลเพลงแรกในชีวิต “อาย เลิฟ ยู” ภายใต้ต้นสังกัดโซนี่มิวสิค คู่กับสาวหวานสดใส “พิกเล็ต ชูการ์อาย” จนกลายเป็นคู่หูดูโอที่น่ารักน่าหยิกในช่วงเวลานี้
กระแสตอบรับเพลง “อาย เลิฟ ยู” เป็นอย่างไรบ้าง?
น้องเกล : เพลง อาย เลิฟ ยู มีคนชอบเยอะมากค่ะ เป็นเพลงสนุกๆ ได้ร้องกับพี่พิกเล็ตด้วยค่ะ
แม่เอื้อย : หลังจากที่เพลงออกมามีกระแสตอบรับดีมากค่ะ เห็นพี่ที่ต้นสังกัดบอก ตอนนี้กำลังรอทำ MV อยู่ค่ะ
ตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมากไหม?
แม่เอื้อย : เปลี่ยนแปลงมากค่ะ ไปไหนก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปบ้าง มีงานแสดง หรืองานโชว์ตัวมากขึ้น แต่ก็พยายามไม่ให้เสียการเรียน ยังไงการเรียนก็ต้องเป็นหลักไว้ก่อนค่ะ
คุณแม่ได้บอกหรือสอนน้องอย่างไรบ้างในการปรับตัว?
แม่เอื้อย : แรกๆ ก็มีร้องไห้บ้าง งอแงบ้าง แต่พยายามสอนเขาตลอดว่า ให้รู้จักความรับผิดชอบ ให้รู้จักมารยาทในการพบเจอกับผู้คน ต่างๆ ซึ่งตอนนี้ น้องเขาปฏิบัติ และปรับตัวได้ดีกว่าเดิมเยอะมากค่ะ
เวลามีงานเยอะแล้วน้องเกลเหนื่อย เคยคิดไม่อยากเล่นอูคูเลเล่อีกแล้วไหม?
น้องเกล : ไม่เคยค่ะ น้องเกลชอบดนตรีอยู่แล้ว เวลาร้องเพลง เล่นอูคูเลเล่ น้องเกลมีความสุขมากค่ะ
แม่เอื้อย : ส่วนใหญ่ที่จะเหนื่อย จะเป็นเหนื่อยกับการเดินทางมากกว่าค่ะ
มีแฟนคลับเยอะอย่างนี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง?
แม่เอื้อย : ดีใจและประทับใจมากๆ ค่ะ แฟนคลับน้องเกล น่ารักมาก เวลาน้องเกล ไปแสดงที่ไหน พี่ๆ แฟนคลับก็จะมีของขวัญ หรือขนมต่างๆ มาให้น้องอย่างเสมอๆ ยิ่งในFanpageแล้ว เห็นพี่ๆ เขียนข้อความให้กำลังใจ น้องเกลอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ

จุดเริ่มต้นที่มาพร้อมกับพรสวรรค์
ด้วยความชอบส่วนตัว และสนใจเกี่ยวกับเรื่องของดนตรีมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จนกระทั่งมาเริ่มฝึกเล่นอูคูเลเล่ อย่างจริงจัง โดยมีครอบครัวสนับสนุนอยู่ข้างหลัง และทุกครั้งที่น้องเกลทำการแสดงเสร็จสิ้น จะต้องมีคำว่า “ขอบคุณค่ะ” ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ทุกคนอมยิ้มทุกครั้ง
ความสามารถของการเล่นอูคูเลเล่ เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นคนสอน?
น้องเกล : น้องเกลเริ่มเล่นอูคูเลเล่ กับครูต้น เมธี (อดีตสมาชิกวง Acappella 7) ตั้งแต่ปลายปี 2554 ค่ะ
น้องเกลมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า?
แม่เอื้อย : ไม่รู้ว่าใช่พรสวรรค์หรือเปล่า แต่น้องเกลชอบดนตรีตั้งแต่เล็กๆ เรียนเปียโนตั้งแต่ 3ขวบ คุณครูเคยชมว่า น้องเกลมีหูที่ดีมากๆ สามารถฟังตัวโน้ตต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ
คุณแม่ มีเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกอย่างไรบ้าง?
แม่เอื้อย : จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก พยายามให้เขาคิดเอง ทำเอง แล้วคอยสังเกตว่า เขาชอบอะไร อย่างไหน แล้วก็ส่งเสริมให้เขาตามสิ่งที่เขาชอบ
มีลูกทั้งหมด3คน ก็เลี้ยงเหมือนๆ กันทุกคนค่ะ เลี้ยงแบบให้เขาช่วยเหลือตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ก็อยู่ในสายตาเราตลอด ถ้าสิ่งไหน เขาทำผิด ก็จะอธิบายให้เขารู้ถึงเหตุผลว่าทำไมถึงผิด ถ้าสิ่งไหนทำถูกก็ชมเชยค่ะ
คุณแม่คิดว่าดนตรีมีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการลูกอย่างไร ช่วยในเรื่องการเรียนด้วยหรือไม่?
แม่เอื้อย : ดนตรีมีส่วนช่วยเรื่องการเรียนอย่างมาก น้องเกลหลังจากที่เรียนดนตรีแล้ว รู้เลยว่าเขาจะมีสมาธิขึ้น การเรียนดีขึ้น น่าจะเป็นผลมาจากการเล่นดนตรี
น้องเกลซนไหม?
แม่เอื้อย : ถ้าอยู่กับเพื่อนที่สนิท หรือกับพี่ก็จะซนมากๆ วิ่งเล่น ตีลังกากระโดด เหมือนเด็กทั่วๆ ไป แต่ส่วนใหญ่น้องเกลเป็นเด็กไม่ดื้อ เลี้ยงง่าย

รักอูคูเลเล่เหมือนตุ๊กตา
ทุกครั้งที่เจอน้องเกลตามงานอีเวนต์ หรืองานโชว์ตัวตามสถานที่ต่างๆ เรามักเห็นอูคูเลเล่ตัวเล็กๆ คู่ใจติดตัวมาด้วยตลอดเสมอ ซึ่งเห็นแล้วน่ารักทั้งคน ทั้งอูคูเลเล่
รักอูคูเลเล่มากแค่ไหน?
น้องเกล : รักอูคูเลเล่มากเลยค่ะ รักเหมือนกับตุ๊กตาที่นอนกอดทุกวันค่ะ
ทำไมถึงชอบอูคูเลเล่?
น้องเกล : เพราะอูคูเลเล่ตัวเล็กเหมือนน้องเกลค่ะ
รู้สึกอย่างไรบ้างที่พี่ๆ เรียกน้องเกลว่า “น้องเกล อูคูเลเล่”?
น้องเกล : ดีใจมากค่ะ
แม่เอื้อย : รู้สึกดีที่รู้ว่าน้องเกลเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจ ให้เด็กๆ หลายๆ คนอยากที่จะมาเรียนอูคูเลเล่กัน
อยู่บ้านเล่นอูคูเลเล่ทุกวันไหม ในวันหนึ่งๆ ทำอะไรบ้าง?
น้องเกล : เล่นทุกวันค่ะ
แม่เอื้อย : ต้องซ้อมทุกวัน วันละประมาณ 15-30 นาที เพื่อไม่ให้ลืม ในวันหนึ่งๆ ก็กลับมาจากโรงเรียนแล้ว ก็ต้องทำการบ้านก่อน เสร็จแล้วเรียนพิเศษ หลังจากนั้นถึงจะได้เวลาซ้อมดนตรีค่ะ เราต้องดูเรื่องแบ่งเวลาให้ดี
นอกจากอูคูเลเล่ ชอบเล่นเครื่องดนตรีอะไรอีกบ้าง?
น้องเกล : ชอบเปียโนค่ะ เพราะเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่น้องเกลเรียน
แม่เอื้อย : ตอนนี้ให้ลูกเรียนพิเศษ เล่นเปียโน,ไวโอลิน,บัลเลต์ เราพยายามจะให้เขาเรียนตลอด แล้วให้เขาเลือกที่ชอบที่สุด อะไรที่เขาไม่ชอบก็ตัดไป

เดินสายร้องเพลงในวันเด็ก
เด็กย่อมมีความคิด ความฝัน อยากทำในสิ่งที่เขาคิด เช่นเดียวกับน้องเกล เด็กน้อยที่น่าเอ็นดู แม้วันเด็กปีนี้สาวน้อยอูคูเลเล่ต้องเดินสายทำงาน เพื่อร้องเพลงโชว์ตัว แต่ก็เป็นงานในวันเด็กที่น้องเกลคิดแง่บวกว่า ถึงอย่างไรก็ได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆ เหมือนกัน
วันเด็กปีนี้คิดจะทำอะไรบ้าง?
น้องเกล : วันเด็กปีนี้อยู่ที่งานวันเด็กที่ช่อง 3 ค่ะ ไปร้องเพลง และเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ด้วย
อยากได้อะไรในวันเด็ก?
น้องเกล : อยากได้ของเล่น และอยากไปเที่ยวในที่ต่างๆ ในวันเด็กค่ะ
ความฝันของน้องเกลคืออะไร?
น้องเกล : อยากเล่นดนตรีให้เก่งๆ แล้วก็เป็นเด็กดีของพ่อแม่ และทุกๆ คนค่ะ
โตขึ้นอยากเป็นอะไร?
น้องเกล : ไม่รู้ค่ะ อยากเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ ก่อน อย่างเป็นเหมือนพี่นท เดอะสตาร์ค่ะ น้องเกลชอบพี่เขาค่ะ
คำว่า “เด็กดี” และ “เด็กฉลาด” ในความหมายของน้องเกล หมายความว่าอย่างไร?
น้องเกล : เด็กดี คือ เด็กที่ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ไม่ดื้อ ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ ส่วนเด็กฉลาด คือ เด็กที่คิดเอง ทำอะไรด้วยตัวเองได้
ถ้าให้เลือกระหว่างเด็กดีกับเด็กฉลาดจะเลือกเป็นแบบไหน?
น้องเกล : ขอเลือกเป็นทั้งสองแบบเลยค่ะ อยากเป็นทั้งสองอย่าง

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : ด.ญ.โสพิชา อังคะไวมงคล
ชื่อเล่น : เกล
เกิด : วันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 (7 ขวบ)
น้ำหนัก-ส่วนสูง : 19 กก. / 108 ซม.
การศึกษา : ชั้นประถมศึกษา 1โรงเรียนคริสเตียน อินเตอร์เนชั่นแนล สคูล
ความสามารถพิเศษ : เล่นดนตรี เปียโน, อูคูเลเล่ และ ไวโอลิน
ผลงานในวงการบันเทิง : ซิงเกิ้ลเพลง อาย เลิฟ ยู
ยามว่าง : ดูการ์ตูน
อาหารโปรด : ไอติม และเฟรนช์ฟรายด์
สถานที่ที่ชอบไป : สวนสนุก




“น้องภู” หนุ่มน้อยขี้อาย สุดท้ายเอาดีด้านบันเทิง
น้องภู-อินทัช เสริมสุขเจริญชัย ดาราเด็กวัย 8 ขวบ ที่เข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ เท่านั้น หลายคนอาจจดจำน้องภูได้ในบทบาทของ “น้องพี” ละครเรื่อง “กู้ภัยหัวใจแหวว” เด็กตัวอ้วนกลมที่มาขโมยซีนดารารุ่นพี่ ตอนนี้ไม่ว่าน้องภูจะไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมาขอเชะรูปคู่ตลอดเวลา จนน้องภูบอกว่า “ยิ้มจนเหนื่อย”

โอกาสมาโดยบังเอิญ
กว่าจะดังเปรี้ยงปร้างขนาดนี้ งานเยอะ แฟนคลับแยะ คงไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะสมัยนี้ก็มีดาราเด็กหลายคนที่เข้าวงการบันเทิง และอยากมีโอกาสแบบนี้บ้าง แต่เรื่องของน้องภู เหมือนเป็นความบังเอิญที่มาพร้อมกับโชค ที่ทำให้เด็กธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกขี้อาย ได้มีโอกาสแสดงความสามารถ
เข้ามาในวงการบันเทิงได้อย่างไร?
แม่หมู : จริงๆ แล้วน้องภูเข้ามาในวงการด้วยความบังเอิญ ส่วนเรื่องการแสดงคิดว่าเขาค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ เป็นเอง ถ้าถามถึงงานชิ้นแรก ตอนนั้นรู้สึกว่าเขาจะเล่นเอ็มวีเล็กๆ แต่ที่ได้แสดงความสามารถจริงๆ น่าจะเป็นรายการของพี่ซุป ซุปเปอร์จิ๋ว มากกว่าค่ะ
แสดงว่ามีแววเป็นดารามาตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า?
แม่หมู : ก่อนเข้ามาทำงานในวงการ เรายังไม่เห็นแววเขาเลยนะว่าจะมาเอาดีด้านนี้ เพราะภูเป็นคนขี้อายมาก แต่เผอิญว่ามีโอกาสเข้ามา พอเขาเข้าไปทำแล้วมันสนุก ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนร้องเพลงเก่ง เห็นเวทีแล้วกล้าแสดงออก ภูไม่ใช่เป็นเด็กแบบนั้น เขาขี้อายมาก แต่ช่วงนี้กล้าแสดงออกมากขึ้นแล้ว ถ้าสิ่งนี้เขาสนุกกับมันได้ เขาจะทำมันมากกว่า
แม่หมู : งานตอนนี้หลักๆ จะเป็นงานด้านพิธีกร ส่วนใหญ่เป็นรายการเด็กๆ อย่างวิตามินข่าว ของพี่ซุป ซุปเปอร์จิ๋ว เป็นพิธีกรในรายการเคเบิ้ลทีวี เขาไม่มีสังกัดเลยจะเห็นว่าเขาไปได้ทุกช่องเลย และอาจจะมีหนังใหญ่เร็วๆ นี้
งานเดินแบบ ถ่ายละคร พิธีกร ภาพยนตร์ ชอบงานอะไรมากกว่ากัน?
น้องภู : พิธีกรครับ เพราะได้เที่ยวด้วย
แม่หมู : โดยส่วนตัวก็ชอบงานพิธีกรเหมือนกัน เพราะได้ประสบการณ์ ฝึกทักษะ ฝึกอะไรหลายๆ อย่าง บางที่เขาพาไปเกาะที่มีเต่า ถ้าเป็นเรา เราคงไม่สามารถพาเขาขึ้นเกาะนี้ได้ แต่เขาไปได้หมด
แบ่งคิวงานอย่างไรบ้าง?
แม่หมู : งานละคร จะมีคิวให้อาทิตย์ละวันสองวัน นอกนั้นก็เป็นรายการบ้าง ถ้าเป็นงานอีเวนต์จะรับหลังบ่ายๆ ไปแล้วค่ะ
น้องภูเคยบ่นไหมว่าเหนื่อยจัง ไม่อยากทำงานในงานวงการแล้ว?
แม่หมู : ถ้าพูดว่าไม่ไหว ยังไม่เคยเจอ แต่อาจจะมีบ่นบ้างว่าวันนี้เหนื่อย หรือร้อนอย่างนี้มากกว่าค่ะ หรือบางทีมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปเขาเยอะๆ ก็จะมีบ่นบ้างว่าเหนื่อย
ตอนนี้มีแฟนคลับมากมาย รู้สึกอย่างไรบ้าง?
แม่หมู : แฟนคลับน้องไม่รู้เลยนะว่าเยอะขนาดไหน เพราะไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กเองเลยจึงไม่แน่ใจ ซึ่งมีแฟนคลับเขาทำให้น้อง 2 แสนไลค์ที่เห็นก็เป็นแฟนคลับทำ ถ้าเฟซบุ๊กส่วนตัวจะมีเป็นของคุณพ่อที่อัปรูปลูกลงไปบ้าง
มีคนรักลูกเราเยอะก็ดีนะคะ มีคนรัก ดีกว่ามีคนเกลียด เราก็ดีใจที่น้องภูมีคนรัก แต่ด้านชื่อเสียง ดาราเด็กก็ไม่ได้เหมือนดาราผู้ใหญ่ ทุกวันของน้องคือประสบการณ์ เราก็ให้ลูกทำเท่าที่มีโอกาส ทั้งการเรียน และงานในวงการ ถ้าโอกาสยังมีก็ต้องรักษามันไว้ทั้งสองอย่าง ถ้ามันไม่มาเบียดบังกันและกันเยอะ เราสลับกันให้ได้ บางทีน้องหนักหลายวันแล้ว เราก็ต้องแคนเซิลงานบ้าง ไม่อย่างนั้นโทรมเลยค่ะ น้องไม่ไหว เพราะน้องยังเด็กอยู่เลย
มีเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกชายคนเดียวคนนี้อย่างไรบ้าง?
แม่หมู : สบายๆ เลยค่ะ เลี้ยงตามธรรมชาติ อยากจะไปเที่ยวไหน อยากจะทำอะไร เราก็ให้ความรักเขาเต็มที่ แต่สิ่งที่ตอบกลับมา คือต้องเป็นเด็กดี ไม่ว่าจะไปทำงานในกองถ่าย หรืออะไรก็ตาม อย่าให้มีเสียงพูดมาถึงแม่ได้ว่าภูเป็นเด็กเกเร นอกจากนั้นเราก็ให้เขาทำเต็มที่ทุกอย่างเลย
เราจะบอกเขาตลอดว่า ภูไม่ใช่ดารา ภูเป็นดาราเฉพาะตอนเข้ากองถ่าย หรือตอนขึ้นเวทีทำงานเท่านั้น เวลาอยู่โรงเรียนก็คือเป็นนักเรียนของคุณครูเท่านั้น พูดตั้งแต่วันแรกแล้ว วันนี้ก็ยังพูดเหมือนเดิม เพราะถ้าวันหนึ่งเขาไม่ใช่ดาราแล้ว เขาจะอยู่ลำบาก

ถึงตัวยังเด็ก แต่ความคิดโตเกินวัย
น้องภูเป็นเด็กที่ไม่ชอบดูการ์ตูน ชีวิตวัยเด็กถูกแทนที่ด้วยสารคดี และชีวิตสัตว์โลก มีความคิดความอ่านที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย คงเหมือนอย่างที่มีคนเคยบอกไว้ว่า อายุไม่ได้บอกถึงสติปัญญาเสมอไป ผู้ใหญ่บางคนก็ยังมีความคิดเหมือนเด็กๆ ด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกที่เด็กบางคน อาจมีความคิดเหมือนกับผู้ใหญ่ได้
เห็นว่าไม่ชอบดูละคร การ์ตูน แล้วชอบดูรายการอะไร?
น้องภู : สารคดีล้วนๆ เลยครับ ดูแมลง ดูเครื่องบิน ชอบครับ
แม่หมู : เขามีความคิดเป็นผู้ใหญ่มาก เขาไม่ชอบการ์ตูน เขาไม่ดูเบ็นเท็น เขาจะชอบดูสารคดี ชอบรถ ชอบจักรยานเสือภูเขา
ยามว่างทำอะไรบ้าง?
น้องภู : อยากเรียนอะไรหลายอย่าง เรียนกอล์ฟ เรียนอูคูเลเล่ เรียนเปียโนครับ
แม่หมู : แต่ยังหาอะไรดีไม่ได้เลยซักอย่าง (หัวเราะ) ต้องลองไปเรื่อยๆ ค่ะ อยากจะไปขี่เจ็ตสกี อยากจะไปขับเครื่องบิน เราก็อยากให้เขาลองทุกอย่าง ถ้ามันไม่อันตรายกับเขาก็ทำได้ค่ะ
อยากเป็นนักบิน?
น้องภู : ชอบครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
แม่หมู : คงเป็นความฝันของเขา ถ้าเจอนักบินเขาจะเข้าไปคุยด้วย ถามเรื่องครอสเรียน เขาอยากบินเครื่องบินเล็ก แต่เด็กจะเริ่มเรียนบินได้ต้องอายุ 13-14 ปี แต่ตอนนี้เขาเพิ่ง 8 ขวบเอง
เขาไม่เคยบอกเลยว่า โตไปจะเป็นดารา พูดแต่ว่าอยากเป็นนักบิน ถ้าเขาอยากจะไปทำอะไรในสิ่งที่เขาอยากทำ เราก็ต้องให้เขาค่ะ
มีดาราไอดอลรุ่นพี่ไหม?
น้องภู : ไม่มีเลยครับ ภูไม่ค่อยดูทีวี เพราะไม่ค่อยนอนดึก
ชอบดาราคู่ขวัญอย่างพี่ณเดชน์ และพี่ญาญ่าบ้างไหม?
น้องภู : เคยเจอพี่ญาญ่าครับ ตื่นเต้นมาก เพราะพี่เขาสวย ตอนที่เจอภูอายมาก ส่วนพี่ณเดชน์ก็หล่อมาก หล่อกว่าภูตั้งเยอะ (หัวเราะ)
แม่หมู : เขาอาจตื่นเต้นที่เจอดารารุ่นพี่ ตามกระแสมากกว่า บางคนที่เขาไม่ตื่นเต้นแสดงว่าเขาไม่รู้จัก ส่วนใหญ่จะรู้จักโก๊ะตี๋ ตุ๊กกี้ พี่เต๋อ รู้จักนักแสดงที่เล่นหนังมากกว่าละคร เพราะเขาไม่ค่อยดูทีวีตอนกลางคืน

อยากปั่นจักรยานวันเด็ก
หนุ่มน้อยช่างจินตนาการ วันเด็กปีนี้น้องภูมีหลายสิ่งหลายอย่างมากมายที่อยากได้ และอยากไป แต่ถ้าให้เลือกคงไม่พ้นแนวแอดเวนเจอร์อย่างที่เขาชอบ ซึ่งตรงกันข้ามกับหุ่นอ้วนกลมของน้องภู
วันเด็กอยากได้อะไร?
น้องภู : อยากได้จักรยานครับ ชอบจักรยานอะลูมิเนียม แบบพับได้ ล้อไม่ใหญ่ เอาไว้ขี่เล่นแถวบ้านครับ
อยากไปเที่ยวที่ไหน?
น้องภู : วันเด็กอยากไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เพราะที่นั่นสวยงาม มองเห็นในรูปถ่าย มีความเป็นระเบียบมากเลย ถ้าในประเทศไทยอยากไปเที่ยวเชียงใหม่ครับ ภูชอบอากาศหนาว
ถ้าให้เลือกอยากเป็นเด็กดี หรือเด็กฉลาด?
น้องภู : อยากเป็นทั้งสองอย่างเลยนะครับ เพราะเด็กดี คือ เด็กที่ไม่ดื้อ ไม่ซน ส่วนเด็กฉลาด คือ เด็กที่ใฝ่รู้
ตามคำขวัญวันเด็ก ปี 2556ที่ว่า “รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน” มีความหมายว่าอย่างไร ตามความเข้าใจของน้องภู?
น้องภู : เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน เพื่อมาช่วยพัฒนาประเทศ ให้ 10 ประเทศในอาเซียน พัฒนาไปด้วยกัน

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : ด.ช.อินทัช เสริมสุขเจริญชัย
ชื่อเล่น : ภู
เกิด : วันที่ 4 เมษายน 2547 (8 ขวบ)
การศึกษา : โรงเรียนสาธิตพัฒนา
อาหารโปรด : สลัดผัก
กิจกรรมยามว่าง : ขี่จักรยาน




“น้องใยไหม” สาวน้อยเสียงใส จับอะไรก็มีแต่รุ่ง
น้องใยไหม-ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ เจ้าของประโยคฮิต “แม่หนูเกลียดผู้ชาย” หลังโฆษณาครีมอาบน้ำเบบี้มายด์ออกอากาศไปได้ไม่นาน ก็ทำให้หลายๆ คนหลงรักเด็กน้อยหน้าใสอย่าง “น้องใยไหม”

ฉายแววดาราตั้งแต่ 3 ขวบ
ถ้าตอน 1 ขวบ น้องใยไหมเดินได้เก่ง พูดได้คล่อง คงได้เป็นดาราเด็กตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะเรื่องการแสดงออกไม่เป็นสองรองใคร เป็นสิ่งที่น้องใยไหมชอบมาก จนเอ่ยบอกปากแม่แจนว่า “หนูอยากออกทีวี” คุณแม่แสนดีจึงต้องหาหนทาง...ทำยังไงดี ลูกเราจะได้ออกทีวีอย่างเขาบ้าง?
น้องใยไหมเข้าวงการบันเทิงได้อย่างไร ตั้งแต่เมื่อไหร่?
แม่แจน : เขาเข้าวงการตอน 3 ขวบ 3 เดือน เราไปสมัครโมเดลลิ่งที่เขาถ่ายทำพวกโฆษณา น้องเลยได้ทำโฆษณา พอได้ตัวแรก ก็ได้ทำมาเรื่อยๆ จนมาบูมตัวเบบี้มายด์ ที่พูดว่า “แม่หนูเกลียดผู้ชาย” ประโยคนี้เลยเป็นสโลแกนของน้องติดตัวจนถึงปัจจุบันนี้
คุณแม่สนับสนุนลูกให้เข้าวงการฯ?
แม่แจน : เราเห็นแววการแสดงของน้องใยไหม ตั้งแต่เขาเล็กๆ เลยนะคะ เขาจะชอบร้องรำทำเพลง เลยคิดว่าลูกเขาน่าจะทำได้ เขาดูทีวี และทำตามในทีวีได้ และอีกอย่างเขาพูดเองว่า เขาอยากออกทีวีแบบนี้บ้าง ก็เลยหาทางว่าจะทำยังไงดี ลูกเราจะได้ออกทีวีอย่างเขาบ้าง
เป็นลูกสาวคนเดียว เลยถูกตามใจไหม?
แม่แจน : ไม่มีนะคะ แค่ “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” ถ้าดื้อ ซน มีดุบ้าง แต่ถ้าดุแล้วไม่ฟัง ก็ต้องตีกันบ้างค่ะ แต่ส่วนมากคุณพ่อจะเป็นคนใช้เหตุผล แต่แม่จะเป็นคนลงมือค่ะ เป็นนางมารร้ายเสมอ (หัวเราะ) และอีกอย่างหนึ่งต้องชื่นชมใยไหมมากกว่า เขาเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบในตัวเองสูง ตรงนี้ต้องขอบคุณลูกเลยคะ ที่ไม่เคยทำให้แม่เสียใจเลย

ทำในสิ่งที่รัก ยังไงก็รุ่ง
ตอนนี้น้องใยไหม อายุ 7 ขวบแล้ว นับว่าเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง เพราะอยากทำทุกๆ อย่าง ทั้งในและนอกวงการ ไม่ว่าจะเป็นงานโฆษณา แสดงหนัง แสดงละคร เดินแบบ เล่นดนตรี นาฏศิลป์ บัลเลต์ ฯลฯ
ด้วยความที่น้องใยไหมเป็นเด็กกล้าแสดงออก และมีใจรักงานบันเทิง ชอบความท้าทาย อะไรที่บอกไม่ เขาทำทุกอย่าง ก็เลยสะดุดโดยใจผู้ใหญ่อย่างเราๆ ที่ไม่ว่าน้องใยไหมจะทำอะไรก็ดูน่ารักไปเสียหมด และไม่ว่าจะจับงานอะไรก็รุ่งทุกอย่าง
มีงานเข้ามามากมาย ใยไหมไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?
ใยไหม : ไม่ค่ะ ใยไหมอยากเล่นละคร ชอบ สนุกค่ะ
แม่แจน : คำว่าไม่อยากทำ ยังไม่ออกมาจากปากเขาเลยค่ะ มีแต่คุณแม่ใยไหมง่วงแล้ว ใยไหมเหนื่อยแล้ว ตามประสาเด็ก ถ้าดึกแล้วก็จะมีบ่นบ้าง ถามว่าเขาสู้ไหม เขาสู้ค่ะ บางทีมีถ่ายถึงเช้า เขาก็ไม่งอแง นอกจากมีถ่ายดึกจริงๆ เขาก็หลับก่อน พอถึงซีนเขาก็ลุกมาถ่ายต่อได้เลย ไม่มีงอแงกับใครเลย
น้องเขาชอบทางด้านนี้จริงๆ ค่ะ ฉะนั้นเวลาที่เขาทำ เขามีความสุข คุณแม่ได้แต่บอกเขาว่า ถ้าน้องใยไหมเลือกที่จะทำตรงนี้แล้ว น้องใยไหมต้องทำในสิ่งที่ชอบให้ดีที่สุด เราก็ให้กำลังใจกันไป ถ้าเกิดลูกโดนดุ ทำผิดพลาดมา แม่จะคอยเป็นกำลังใจให้ เพราะแม่เชื่อว่าลูกของแม่ทำได้
รู้สึกอย่างไรกับแฟนคลับจำนวนมากที่มาชื่นชอบน้องใยไหม?
แม่แจน : ดีใจที่น้องเขามีวันนี้ เราภูมิใจ มีคนรักลูกเรา อยากมาหา มาคุยกับลูกเรา
ดารารุ่นพี่ที่เป็นไอดอลของน้องใยไหมคือใคร?
น้องใยไหม : พี่แอฟ ทักษอร และพี่เอ๋ พรทิพย์ เพราะเล่นเรื่องลิขิตเสน่หาด้วยกันค่ะ
แม่แจน : พี่เอ๋อาจไม่ใช่ไอดอล แต่เขารักผู้หญิงคนนี้
น้องใยไหม : ไม่ใช่ค่ะ พี่เจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณค่ะ (พูดแทรกขึ้น)
แม่แจน : มีอยู่วันหนึ่ง ได้ไปถ่ายปฏิทินปีใหม่จีนของช่อง 3 ลูกเราไม่เคยพูดว่าก่อนเลยว่าชอบพี่เจนนี่ จนวันที่ไปถ่ายปฏิทินไปเจอพี่เจนนี่ ใยไหมรีบกระโดดลุกขึ้นมาเพื่อจะขอไปถ่ายรูปกับพี่เจนนี่ เขาทำหน้าเคลิบเคลิ้ม ปลื้มมากที่ได้เจอพี่เจนนี่ ก็เลยบอก อ้าว! ลูกชอบพี่เจนนี่เขาเหรอ น้องใยไหมตอบว่า “ใยไหมชอบพี่เขาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่ได้บอกคุณแม่”
ชอบอะไรในตัวพี่เจนนี่?
น้องใยไหม : พี่เขาสวย และก็แสดงเก่งค่ะ
น้องใยไหมอยากเป็นนางเอกเหมือนพี่เจนนี่ไหม?
น้องใยไหม : อยากค่ะ (ตอบทันที)
โตขึ้นอยากเป็นอะไร?
น้องใยไหม : อยากเป็นคุณหมอ พอว่างก็เป็นดาราค่ะ เวลาคุณพ่อคุณแม่ไม่สบาย ใยไหมจะได้ไปรักษาคุณพ่อ คุณแม่ค่ะ (ยิ้ม)
วันเด็กปีนี้ทำอะไรดี?
น้องใยไหม : อยากให้คุณพ่อคุณแม่พาไปศูนย์วิทยาศาสตร์ รังสิตค่ะ
แม่แจน : เขาชอบอะไรเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ค่ะ อนาโตมี่ พวกดาวค่ะ
ตามความคิดของน้องใยไหม คำว่า “เด็กดี” มีความหมายว่าอย่างไร?
น้องใยไหม : ทำท่าคุ้นคิด ก่อนจะตอบว่า “หนึ่งนับถือศาสนา สองรักษาธรรมเนียมมั่น...(หัวเราะ)”
แล้วคำว่า “เด็กฉลาด” หมายความว่าอย่างไร?
น้องใยไหม : เด็กที่เรียนเก่งค่ะ น้องใยไหมก็ฉลาดค่ะ ฉลาดที่สุดเลย เป็นเด็กดีด้วย (ยิ้ม)

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : ด.ญ.ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ
ชื่อเล่น : ใยไหม
เกิด : วันที่ 3 กรกฎาคม 2548 (7 ขวบ)
ส่วนสูง-น้ำหนัก : 121 ซม. / 22 กก.
การศึกษา : โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์
ยามว่าง : ขี่จักรยาน, เล่นเกม
สถานที่ที่ชอบไป : ศูนย์วิทยาศาสตร์ รังสิต, ตลาดน้ำ
อาหารโปรด : ข้าวหมูหวาน
ผลงานล่าสุด : กำลังมีภาพยนตร์เรื่อง ละติจูดที่ 6 ฉายประมาณเดือนมีนาคม, ละครเรื่อง ยายบุญกะหมอทึ่ม (ช่อง 3) และเรื่อง เดอะซิกส์เซ็นส์ ภาค 2 (ช่อง 3)
 

ขอบคุณภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก
น้องเกล Thailand's Got Talent, น้องภู อินทัช และน้องใยไหม (Fanclub)


น้องเกล






น้องเกล และพิกเล็ต ชูการ์อายส์
น้องเกล และครอบครัว
น้องภู







น้องภูตอนเด็กน้อย
น้องใยไหม







คุณพ่อ คุณแม่ และน้องใยไหม
กำลังโหลดความคิดเห็น