xs
xsm
sm
md
lg

‘สมาร์ทโปลิศ’ ตำรวจไทย..ขายฝัน?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พูดได้เต็มปากเลยว่าภาพลักษณ์ของ 'ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์' ยังคงติดลบในสายตาคนไทยกว่าค่อนประเทศ แต่! ใช่ว่าหน่วยงานในสังกัดและผู้ที่เกี่ยวข้องจะนิ่งนอนใจ
 
เพราะเท่าที่เห็นมีการ คลอดนโยบายปรับภาพลักษณ์ใหม่แก่ตำรวจ เร็วๆ นี้ก็มีโครงการ 'SMART POLICE (สมาร์ทโปลิศ)' ของ กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 (บก. น. 4)

เร่ขายฝัน.. ตำรวจต้องสมาร์ทบุคลิกภาพสง่างาม, สื่อสารกับชาวต่างชาติได้คล่อง, ใช้โซเชียลมีเดียล เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, ไลน์ ติดต่อดูแลประชาชน เฝ้าระวังปัญหาอาชญากรรมแบบเรียลไทม์ ฯลฯ

เร่เข้ามา.. เร่เข้ามา..
ที่ผ่านมาการปฏิบัติงานของตำรวจนั้น ยังสร้างความขุ่นเคืองใจแก่ประชาชนซ้ำไปซ้ำมา ทั้งเรื่องพฤติกรรมฉ้อโกง, ประพฤติไม่เหมาะสม, เพิกเฉยต่อความเดือดของประชาชน ฯลฯ ก็มีให้ได้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน บางคนอดร้นทนไม่ไหวถึงกับสถดออกมา 'ตำรวจดีๆ ตายไปหมดแล้วหรือ?'

แต่บางทีแนวคิดของ 'โครงการ สมาร์ทโปลิศ' อาจสร้างทัศนคติใหม่แก่ประชาชนก็เป็นได้ ภายใต้สโลแกน 'สมาร์ทโปลิศ โซเชียลเน็ตเวิร์ก เปิดสู่อาเซียน' ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง บก. น. 4 นำโดย พล.ต.ต นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก. น. 4 และ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

หัวเรือใหญ่ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ได้แจงรายละเอียดโครงการสมาร์ทโปลิศ เริ่มแรกจะบังคับใช้กับ 8 หน่วยงานในสังกัดก่อน ส่วนจุดประสงค์หลักๆ นั้น มีอยู่ 3 ข้อด้วยกัน

ได้แก่ 1.ตำรวจต้องมีบุคลิกภาพสง่างาม ตามแบบฉบับที่ว่า ตำรวจต้องแต่งกายดี ผมสั้น รองเท้ามัน ฟันขาว ฯ 2.ตำตรวจต้องมีทักษะสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อตอนรับประชาคมอาเซียนที่ใกล้เข้ามา 3. ตำรวจต้องใช้เทคโนโลยีโซเซียลมีเดีย อย่างเช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อีเมล์ ไลน์ เป็นการสื่อสารสาธารณะเพื่อรับแจ้งเตือนอาชญากรรมและให้ความรู้ในเรื่องป้องกันอาชญกรรมแก่ประชาชน นอกจากนี้ยังมีแนวคิดควบคุมอาชญากรรม เฝ้าระวังปัญหาอาชญากรรมแบบเรียลไทม์ ผ่านกล้องวงจรปิด CCTV กล้อง IP CAM อีกด้วย

เบื้องต้นก็ได้ทางศูนย์วิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ฯ ช่วยสนับสนุนในเรื่องการเพิ่มทักษะแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เริ่มต้นด้วยเปิดอบรมภาษาอังกฤษ, อบรบการใช้งานเฟสบุ๊กขั้นพื้นฐาน ฯลฯ ท้ายที่สุดแล้วโครงการนี้จะประสบผลสำเร็จหรือไม่คงต้องจับตาดูกันต่อไป ประชาชนรอตำรวจที่มีศักยภาพอยู่ มิใช่เหลวแหลกบั่นทอนศรัทธาในเกียรติของคนในเครื่องแบบอย่างทุกวันนี้

โซเชียลมีเดีย ตีแสกหน้าตำรวจไทย
ถ้ามองกันถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจำนวนหนึ่งในปัจจุบัน อาจเป็นตลกร้ายที่ทำเอาหน้าชา

ข้อสำคัญหนึ่งของโครงการ สมาร์ทโปลิศ ก็คือนำโซเซียลมีเดียมาใช้ในรูปแบบการสื่อสารสองทางระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับประชาชน เพื่อช่วยเหลือดูแลในเรื่องงานอาชญกรรม ก็ยังเป็นข้อสงสัยอยู่ไม่น้อยเพราะศักยภาพของตำรวจแต่ละนายก็ไม่เท่ากัน การเรียนรู้ต่างกัน ความรับผิดชอบก็ต่างกันไป

ในโซเซียลมีเดียสุดฮิต เฟสบุ๊ค ก็มีการก่อตั้งแฟนเพจโดยใช้ชื่อว่า 'เกลียดตำรวจของไทย' เป็นดังศูนย์กลางการประจารและร่วมแชร์พฤติกรรมของตำรวจนอกรีด ได้รับความสนใจจากคนทั่วไปเข้ามากดไลค์กว่า 48,000 ไลค์ ก็ไม่รู้ว่าทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องรู้ร้อนรู้หนาวบ้างหรือเปล่า

ปรากฏภาพยืนยันชัดเจน พร้อมข้อความเรียงร้อยด้วยความอัดอั้นต่อพฤติกรรมสุดทน แต่ก็ดูเหมือนว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นเพียงที่ระบายและแชร์ประสบการณ์แย่ๆ ที่ได้พบเจอจากคนในเครื่องแบบ เพราะเอาเข้าจริงประชาชนอย่างเราคงไม่อยากไปต่อกรกับท่านเหล่านี้

อีกข้อสังเกตหนึ่ง การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประชาชนได้พบเจอกันในทุกวันนี้ดูจะดำเนินไปอย่างเอื่อยเฉื่อย แต่ถ้าคดีไหนเรียกร้องความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนเมื่อไหร่ภาพข่าวที่เผยแพร่ออกไปราวจะเป็นเครื่องกระตุ้นให้ท่านออกมารับหน้า และค่อยๆ คลี่คลายคดีได้ในที่สุด

ยกตัวอย่าง กรณีแห่ศพชายผู้หนึ่ง มายังหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขอความเป็นธรรมกับ ผบ.ตร. หลังคดีผู้ตายถูกฆ่าปาดคอ ผ่านมากว่า 1 สัปดาห์ คดีก็ไม่มีความคืบหน้า แต่พอเป็นข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เฮละโล่เข้ามาคลี่คลาย

หรือกรณีตอกย้ำความเสื่อมของคนในเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจแห่งหนึ่งรับจ้างขนยาบ้ามูลค่า กว่า 400 ล้านบาท

ยังเป็นฟิล์มม้วนเก่าที่ตีแผ่ภาพลบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ถามว่าโครงการสมาร์ทโปลิศ ที่เพิ่งลืมตาดูโลก ของ บก. น. 4 จะช่วยปรับทัศนคติการทำงานของตำรวจไทยหรือไม่ แน่นอนว่ายากจะเชื่อเสียเหลือเกิน เพราะไล่ดูทีละข้อแล้ว ไม่ว่าจะบุคลิกสง่างาม สื่อสารภาษาอังกฤษได้ ใช้เทคโนโลยีสื่อสารผ่านโซเซียลมีเดียสื่อสารอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ก็ห่างไกลจากความเป็นจริงที่เราได้เห็นกันอยู่

ล้มล้างวัฒนธรรมตำรวจเสียที
นโยบายต่างๆ ของหน่วยงานยุติธรรม แล้วแต่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลเป็นหลักการบริหารปกครองโดยชอบธรรมที่พึ่งปฏิบัติ และปรับรูปแบบให้เท่าทันการเติบโตในยุคโลกาภิวัฒน์ รศ. ยุทธพร อิสรชัย คณบดีคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ถึงปัญหาของเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

“องค์กรตำรวจ ก็เป็นองค์กรที่ถูกปรับเปลี่ยนหลายยุคหลายสมัย มีการส่งเสริมบริการประชาชนต่างๆ บ้าง แต่ยังไม่เคยเห็นเป็นรูปธรรม ส่วนนี้เองคือโครงสร้างที่เป็นปัญหาอันแท้จริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่มีการปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะการนำประชาชนเป็นตัวตั้ง เรื่องของตำรวจที่ต้องรับใช้ทำงานเพื่อประชาชน พอตำรวจไม่ได้พูดถึงการเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ปัญหามันก็เลยเกิดขึ้นเรื่องของศักยกภาพ ประสิทธิภาพของตำรวจ รวมถึงภาพลักษณ์การทำงานต่างๆ ด้วย หลายกรณีตำรวจก็เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในการทำความผิดเสียเอง”

อดีตนั้นปัญหาที่หมักหมมในหน่วยงานสีกากีอาจไม่เป็นปัญหาใหญ่มากนัก แต่เมื่อโลกหมุนไปข้างหน้า เราต้องเข้าสู่ความเป็นประชาคนโลก หรือการเข้าสู่ความเป็นอาเซียน ประเด็นปัญหาเหล่านี้ก็ดูจะเหมือนบั่นทอนในเรื่องของศักยภาพ และขีดความสามารถต่างๆ ของประเทศลงไปมาก

จึงมีดำเนินการปรับภาพลักษณ์ตำรวจไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง เขากล่าวว่าโครงการ สมาร์ทโปลิศ ก็ถือเป็นแนวคิดที่ดี เพียงแต่ว่ายังเป็นการปรับที่ปลายเหตุ

“สำนักงานตำรวจฯ ก็พยายามปรับตัวให้มันก้าวทันกับระดับสากล ในเรื่องของความโปร่งใส ธรรมมาภิบาล หลักบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ หรือกระทั่งการปรับตัวสู่ความเป็นอาเซียน การใช้สื่อทันสมัยต่างๆ เช่นโซเซียลมีเดีย เป็นต้น ถามว่าถ้าโครงการเหล่านี้ทำได้และประสบความสำเร็จจริง ถือว่าเป็นโครการที่ดีอันหนึ่งทีเดียว แต่ก่อนอื่นเราต้องกลับมาให้ความสำคัญที่รากฐานด้วย วิธีคิด วัฒนธรรมองค์กร ระบบการเติบโต ความอาวุโส ที่ยังเกาะอยู่กับสำนักงานตำรวจฯ ถึงจะมีโครงการดีๆ อย่างไรก็คงจะลำบาก

รศ. ยุทธพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในภาคประชาสังคมเอง องค์กรตำรวจก็ไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง จึงทำให้องค์กรนี้ยึดติดอยู่กับการใช้อำนาจเก่าๆ เข้าใจว่าตัวเองยังเป็นเจ้านายประชาชน เป็นผู้คุมกฎ มีสิทธิทำความผิดใดก็ได้เพราะถือตนเป็นผู้คุมกฎ มีอำนาจในบ้านเมือง

“วันนี้คงจะต้องมีการปรับรื้อทั้งองค์กร ทั้งวิธีคิดและวิธีทำงาน ให้ยึดหลักความโปร่งใส่ ตรวจสอบได้ ความเติบโตหรือก้าวหน้าในวิชาชีพนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม จริยธรรมด้วย และตรงนี้ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลดในเรื่องของการคอรัปชั่น ทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจนั้นมีทิศทางที่ดีขึ้น”

…..............
หากองค์กรตำรวจไม่มีการปรับแก้ที่ตัวโครงสร้าง ไม่ยอมปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ต่อให้มีโครงการดีๆ เกิดขึ้นมากมาย ความมุ่งหวังที่จะพัฒนาศักยภาพตำรวจ หรือปรับภาพลักษณ์ให้ประชาชนศรัทธาพวกเขาคงเป็นไปได้ยาก หรือท้ายที่สุด 'สมาร์ทโปลิศ' โครงการขายฝันตำรวจดี จะล้มไม่เป็นท่าให้ประชาชนให้เย้ยหยันตำรวจไทยอีกเช่นเคย?

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live


ตบเท้าร่วมก่อ ม๊อบตำรวจ
รถตำรวจเท่ห์ๆ จากภาษีประชาชน?
กำลังโหลดความคิดเห็น