ดังเปรี้ยงปร้างจนเกิดเป็นกระแสแรงเงา ฟีเวอร์ ละครรีเมคเรื่องดังที่เนื้อหาสะท้อนปัญหาสังคม ครอบครัวแตกแยก เรื่องชู้สาว การใช้ความรุนแรง ความอาฆาตพยาบาท จนถูกออกโรงโจมตีว่าให้ไปฉายหลังสี่ทุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเอาอย่าง เลยน่าขบคิดว่าการสะท้อนเรื่องจริงในสังคมไทยเป็นเรื่องต้องห้ามไปแล้วหรือ? เพราะคนไทยใช่ว่าจะคิดไม่เป็น
แรงเงา แรงจริงๆ
หลังฉายไปได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ ละครน้ำเน่าแห่งปี “แรงเงา” ก็ได้เสียงตอบรับจากผู้ชมอย่างล้นหลามทั้งดีและไม่ดี ในแง่ของนักแสดงและบทละครเอง โดยที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ แรงเงา ฟีเวอร์ เพราะไม่ว่าจะเป็นโซเชียล ออนไลน์ทั้งหลาย ไปจนถึงเว็บไซต์ชุมชนสังคมบันเทิงชื่อดังอย่างห้องเฉลิมไทย พันทิป ก็มีการพูดถึงละครเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง
แง่ดีจากละครเรื่องนี้คือการสะท้อนปัญหาสังคมออกมาให้เห็นอย่างแท้จริงเป็นรูปธรรม แต่ก็มีหลายความคิดเห็นที่ว่าเนื้อหานั้นเกินจริง และรุนแรงเกินไป อีกทั้งทำให้เกิดกระแสเชิดชูเมียน้อยหลังถูกเมียหลวง ด่าทอจนหน้าชา ตบตีกันสนั่นอย่างรุนแรงจนสร้อยมุกราคาหลายบาทกระจายเกลื่อนกระทรวง เลยทำให้แฟนๆ เชียร์เมียน้อยอย่างมุตตาหรือมุนินทร์แบบออกนอกหน้า ด้วยหวังแค้นนี้ต้องชำระสั่งสอนเสียบ้าง เพราะคนอื่นก็มีมือตบได้เหมือนกัน
เหตุผลในการดูละครจะมีอะไรมากมายไปเสียกว่าเพื่อความบันเทิง แต่กับบางกลุ่มคนไม่ได้คิดแบบนั้น จากการปรากฏเนื้อหาที่รุนแรงนี้เอง จึงถูกมองว่าละครเรื่องนี้กำลังทำให้เด็กและเยาวชนไทยซึมซับค่านิยมผู้หญิงแบบผิดๆ และจวกว่าละครเรื่องนี้อาจทำให้ภาพลักษณ์หญิงไทยเสื่อม พร้อมแนะให้กระทรวงวัฒนธรรมเปลี่ยนเวลาฉายเป็นหลัง 4 ทุ่ม รวมถึงควรจับมือกับกบว.ช่อง คุมเนื้อหา และภาพก่อนออกอากาศ
จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงไทยก้าวไกล ผู้ออกมาแสดงจุดยืนว่าไม่สนับสนุนละครเรื่องแรงเงา กล่าวว่าผลกระทบที่ชัดเจนจากละครเรื่องนี้คือเนื้อหาของละคร ตอกย้ำค่านิยมเดิมๆ เกี่ยวกับผู้ชายเป็นใหญ่ในครอบครัว และมีภรรยาได้หลายคน ขณะเดียวกัน ยังตอกย้ำเรื่องการแก้ปัญหา โดยโยนให้ฝ่ายผู้หญิงเป็นคนหาทางออกเอง เช่น ภรรยาไปตามล่ากิ๊กสามี อีกฝ่ายน้องสาวเสียชีวิต พี่สาวตามมาล้างแค้น ซึ่งไม่ใช่ทางออกที่สร้างสรรค์ ขณะที่ปัจจุบันละครลักษณะนี้ มีหลายช่อง วนเวียนอยู่แต่กับการใช้ความรุนแรง ใช้ภาพตบตีอย่างชัดเจน ซึ่งความเป็นจริงของสังคมไม่ได้มากขนาดนั้น มีไม่กี่กรณี แต่ดูเหมือนสังคมไทยเป็นแบบนี้
“เนื้อหาควรปรับ เพราะปัจจุบันสถานภาพผู้หญิงเปลี่ยนแปลงไปแล้ว จะเห็นบทบาทการเป็นผู้บริหาร ทำไมไม่สื่อออกมาบ้าง แต่สวนทางกัน ควรมีละครที่ผู้หญิงมีศักยภาพเปลี่ยนแปลงสังคม กระตุ้นให้ผู้หญิงออกมาจากภาพที่วันๆ จะไปทะเลาะกับภรรยาน้อย ตามล่ากิ๊ก ควรดึงผู้หญิงออกมาได้แล้ว สื่อแบบนี้จะวนเวียน คนก็ตั้งคำถามสังคมไทยก็มีบทบาทดีๆ ของผู้หญิง แต่ละครหรือโฆษณากลับตอกย้ำภาพพจน์แค่สวย หุ่นดี วนเวียนกับเรื่องเหล่านี้ ดังนั้น กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ที่ดูแลด้านเรตติ้งของสื่อ ต้องดูแลให้มากกว่านี้ ควรเข้าไปมีส่วนร่วมกับ กบว.ช่อง ไม่ปล่อยให้พิจารณากันเอง”
นอกจากนั้น ยังแสดงความคิดเห็นเรื่องของทางออกของปัญหานี้โดยแนะว่าต้องตรวจสอบมาตรการเรื่องเรตติ้งเพราะคนดูยังเป็นเยาวชน และละครควรออกอากาศหลังเวลา 22.00 น.ขึ้นไปที่เด็กเข้านอนแล้ว ส่วนทางแก้ปัญหาระยะยาว เรื่องกฎหมายต้องมีมาตรการปฏิรูปสื่อ ซึ่งขยายจากประเด็นละครไปถึงสื่อโฆษณาที่ไม่สร้างสรรค์
ละครสีเทา
ใครๆ ต่างก็พูดกันว่า แรงเงา แรงจริงๆ ถึงขนาดต้องเรียกร้องให้ไปฉายหลังสี่ทุ่ม แต่เชื่อว่าถ้าเกิดขึ้นจริงสาวกละครน้ำเน่าไทยก็ไม่พลาดติดตามกันแน่นอนกับละครมันครบรส ตบกระจายเรื่องนี้ ซึ่งถ้าหากยังจำกันได้ เหตุการณ์การถูกแบนละครจากคนหัวไม่ค่อยทันสมัย และรับไม่ได้กับปัญหาสังคมในทุกวันนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับละครดอกส้มสีทองที่เนื้อหาก็มีการปะทะของเมียหลวง เมียน้อย ในทำนองเดียวกัน
ในครั้งนั้นนักแสดงนำอย่าง ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต ก็ยังเอ่ยปากว่า “ชมเชื่อว่าคนดูส่วนใหญ่มีวิจารณญาณ คนดูเดี๋ยวนี้ เขาพัฒนาไปไกลแล้ว ส่วนเรื่องที่จะเลียนแบบพฤติกรรมชมว่าต้องเป็นเด็กที่มีวุฒิภาวะน้อยจริงๆ ซึ่งก็คงต้องมีผู้ปกครองดูแล”
มาถึงละครเรื่องแรงเงา ปี 2012 จุดเด่นของละครเรื่องนี้อาจจะมองแค่ว่าเป็นละครน้ำเน่า เรื่องผัวๆ เมียๆ เนื้อเรื่องดูง่าย สนุก สะใจ ครบทุกอรรถรส ยิ่งฉากไหนด่ากันลั่นทุ่ง หรือจิกหัวตบฉาด กระชากสร้อย ถีบตกบันได ยิ่งมีความรุนแรงมากเท่าไหร่ยิ่งดี คนดูยิ่งสนุก แต่สาระจริงๆ ในแก่นของเรื่องนั้นถามว่ามีคนสนใจ หรือเข้าใจอย่างถ่องแท้หรือไม่ อาจตอบได้ว่าน้อยมาก
ในเว็บไซต์พันทิปเองมีผู้ดูละครหลายท่านที่เข้ามาวิเคราะห์ละครเรื่องนี้ โดยให้เข้าใจว่าละครเรื่องนี้ไม่มีนางเอก พระเอกที่แท้จริง ไม่มีใครดีไปเสียทุกอย่าง ไม่ขาวจัด ดำจัด แต่เป็นสีเทาที่ผสมกลมกลืนและตรงตามความเป็นจริงของมนุษย์มากที่สุด มีรัก โลภ โกรธ หลง มีผิด มีถูก ปะปนกันไป
อย่างกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปโดยแป้งทอดที่ได้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำห้องเฉลิมไทยก็กล่าวว่า “เราคิดว่าละครเรื่องนี้นำเสนอปัญหาครอบครัวและตีแผ่ความเป็นมนุษย์ออกมาได้ดีและลึกมากๆ และมีการนำเสนอที่ลึกซึ้งหลายอย่าง ยิ่งดูยิ่งเห็นประเด็นที่น่าสนใจ”
ประเด็นหลักๆ ที่น่าสนใจจากละครเรื่องนี้เช่น เรื่องของครอบครัว การเลี้ยงดูลูกเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมนิสัยใจคอลูก และถ้าเลี้ยงแบบผิดๆ ก็จะเป็นการสร้างแผลในใจลูกโดยไม่รู้ตัว ทั้งครอบครัวของมุตตาและมุนินทร์ หรือครอบครัวของนพนภาเองที่ทำให้ตัวละครทุกตัวที่เป็นลูกต่างมีปมในใจจนกลายเป็นปัญหา เรื่องของสามี-ภรรยา ที่ภรรยาก็เอาแต่ใช้ความได้เปรียบจากการงานมาข่มสามี สามีก็เจ้าชู้ประตูดินจนสุดท้ายเกียรติที่ตัวเองมียังไม่เหลือ และภรรยาน้อยที่เพ้อฝันกับลมปากของผู้ชายใจสกปรก
แม้กระทั่งตัวละครอย่างรัชนก ตัวร้ายแอ๊บใสก็สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงของคนที่ไม่มีความจริงใจ ตีหน้าซื่อหลอกคนอื่นไปทั่ว การไม่เห็นหัวคนอื่น เพราะสนใจแต่ประโยชน์ของตนเอง หรือกลุ่มตัวร้ายที่วันๆ เอาแต่สุมหัวนินทาเพื่อนร่วมงาน ว่างเป็นต้องจิกกัด ขี้อิจฉา แต่สุดท้ายแล้วบทสรุปของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรก็ต้องตามลุ้นเอาเอง ที่แน่ๆ ก็เห็นกันไปแล้วว่าสาดโคลนใส่คนอื่นแล้วโดนสาดกลับบ้างมันเป็นอย่างไร
ทุกตัวละครเรื่อง “แรงเงา” อาจเปรียบได้ว่าเป็นภาพสะท้อนของคนในสังคมเราทุกวันนี้ ต่างมีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นต่างสัมพันธ์เชื่อมโยงกันทั้งหมด หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าแล้วทำไมต้องรุนแรง? ทำไมต้องทำอย่างนั้น? ชีวิตจริงมีแบบนี้ด้วยหรือ? คำถามนี้หากดูละครเอาแต่สนุก แต่ไม่รู้จักวิเคราะห์ แยกแยะ คงไม่มีทางหาคำตอบดีๆ ให้กับตัวเองได้ เพราะฉะนั้นแล้ว อย่างที่มีคนเคยกล่าวไว้ "ดูละครแล้วจงย้อนดูตัว"
** ล้อมกรอบ **
ละครเรื่องแรงเงาบทประพันธ์ของ นันทนา วีระชน นั้นเคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และละครทั้งสิ้น 4 ครั้ง ครั้งแรกถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2529 ใช้ชื่อเรื่องว่า "แรงหึง" นำแสดงโดย จินตหรา สุขพัฒน์, อำพล ลำพูน, ญาณี จงวิสุทธิ์, เกรียงไกร อุณหนันท์
ต่อมาเป็นละครโทรทัศน์โดยช่อง 3 ปี พ.ศ.2531 ใช้ชื่อ "แรงหึง" เช่นกัน นำแสดงโดย จริยา สรณคมน์, ตฤณ เศรษฐโชค, มยุรา ธนะบุตร, นพพล โกมารชุน
จากนั้นช่อง 3 ก็สร้างอีกครั้งปีในปี พ.ศ.2544 ใช้ชื่อ "แรงเงา" นำแสดงโดย แอน ทองประสม, ธีรเดช วงศ์พัวพัน, สาวิตรี สามิภักดิ์, ยุทธพิชัย ชาญเลขา
และล่าสุดปี พ.ศ. 2555 ทางช่อง 3 เช่นเดิม ใช้ชื่อ "แรงเงา" นำแสดงโดย เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ, ภูภูมิ พงศ์ภาณุ, ธัญญาเรศ เองตระกูล, รวิชญ์ เทิดวงส์
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต