xs
xsm
sm
md
lg

'ออม – สริตา' โง่ได้ใจ..ใครๆ ก็รัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถึงไม่ดังเป็นพลุแตก แต่ก็เป็นเปรี้ยงที่โดนใจคอละครไม่เบา! 'ออม - สริตา เอี่ยมวสันต์' นักแสดงหน้าใหม่จากค่าย โพลีพลัสฯ แม้ไม่ใช่นางเอกแต่ก็ออร่าแรงเข้าตาในบทบาท 'พิมพรรณ(พิม)' จากละครเรื่องตะวันทอแสง บุคลิกสาวสวยแสนซื่อ เรียนสูงแต่กลับโง่บรมเพราะหลงเหลี่ยมคนชั่ว ชีวิตพังยับสุดท้ายก็พิพากษาตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย ที่เพิ่งลาจอ 7 สี ไปเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน..

ใครมีโอกาสได้ชมฝีไม้ลายมือคงต้องลงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไม..เธอโง่ได้ขนาดนี้? สิ่งที่สะท้อนจากตัวละครที่เธอสวมบทบาทอาจเป็นชีวิตจริงของใครก็อาจเป็นได้ แต่สาวร่างอรชรประกาศกร้าวเสียงแข็งว่า จริงๆ แล้วเธอเป็นคนสู้คนไม่ยอมถูกใครหน้าไหนเอารัดเอาเปรียบทั้งนั้น

แม้ในละครเธอจะจบชีวิตลงอย่างน่าเวทนา แต่ในความเป็นจริงเธอกำลังก้าวเป็นดาวดวงใหม่ที่กำลังจะเจิดจรัสในวงการบันเทิง งานนี้คงเลี่ยงเสียไม่ได้ ทีมงาน M-Lite ขอเชื้อเชิญท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับสาวน้อยตากลมโตคนนี้หน่อยแล้วกัน

เพราะว่ารัก แต่ไม่ได้หลงวงการมายา
หญิงสาวเจ้าของตากลมสีดำขลับ เล่าถึงก้าวแรกที่จับพลัดจับผลูเข้ามาทำงานในแวดวงมายาให้ฟังว่า เกิดจากเพื่อนที่ดันส่งรูปภาพที่ถ่ายคู่กันไปสมัครแคสต์ละครของค่าย โพลีพลัสฯ และผู้ใหญ่ก็ดันมาสนใจในตัว ออม ทั้งๆ ที่คนสมัครนั้นเป็นเพื่อน

“เริ่มต้นจากเป็นนักแสดงรับเชิญของละครเรื่องกลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ ของโพลีพลัสคะ ตั้งแต่ประมาณ ม.3 คือตอนนั้นเหมือนมีรับสมัครนักแสดงเรื่องนี้ แล้วทีนี้เพื่อนก็เอารูปที่ถ่ายคู่กับเราไปแคสต์ เราไม่ได้แคสต์เองนะ คราวนี้ทางผู้ใหญ่ก็สนใจก็เลยได้เข้ามาเล่น แล้วหลังจากนั้นก็ถ่ายโฆษณามาเรื่อยๆ อยู่จน ม. 6 ก็หยุดไปเอ็นทรานซ์”

พอทุกอย่างเริ่มลงตัว ออม ก็สมัครเข้าประกวดโครงชิงดาว ของโพลีพลัส โครงการค้นหานักแสดงหน้าใหม่ผู้มีความสามารถในการแสดงมารับบท เหมย ในละครเรื่องระบำดวงดาว งานนี้สาวสวยเจ้าบทบาทมีหรือจะพลาด ครองตำแหน่งชนะเลิศพร้อมเงินรางวัลร่วมแสนบาท

“จนมาได้ประกวดโครงการ ชิงดาว ของโพลีพลัส ตอนนั้นมีละครเรื่องระบำดวงดาว ได้ที่ 1 ก็เซ็นสัญญากับที่นี่ เกือบสองปีที่ได้แล้วคะ”

ออม เล่าต่อว่า ตอนเด็กๆ เคยลงเรียนการแสดงด้วย แต่ในตอนนั้นเรียนเพื่อสร้างนิสัยกล้าแสดงเสียมากกว่า งานนี้เธอเป็นคนขอคุณแม่เรียนเอง เพราะเห็นลูกของเพื่อนคุณแม่ทำงานในแวดวงโฆษณาแล้วมีความรู้สึกว่าอยากลองทำในจุดนั้นบ้าง ท่านก็เลยลองส่งไปเรียนการแสดงก่อน

“จริงๆ ออมเรียนการแสดงตั้งแต่เด็กๆ แล้วเหมือนกันนะคะ ตอนประมาณ ป.5 - ป.6 และหลังจากนั้นก็ไม่ได้เรียนอีกเลย แต่ว่าตอนนั้นมันจะเน้นไปที่ในเรื่องการสอนให้เป็นเด็กกล้าแสดงออกมากกว่า แล้วก็หยุดไปจนได้มาเล่นละครเรื่องแรก”

ว่ากันว่า ตอนเด็กๆ ขี้เหร่โตมาจะน่ารัก ทีมงานเลยหยอกถามสาวหน้าหวานถึงครั้งเธอยังเด็ก

“ตอนเด็กๆ ก็ตาโตๆ แบบนี้นะคะ ก็ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่ (หัวเราะ)”

'พิมพรรณ' ยัยโง่! แห่งตะวันทอแสง
แม้ละครเรื่อง ตะวันทอแสง จะลาจอ 7 สี ไปแล้ว แสดงร่วมกับพระนาง อย่าง โดม- ปกรณ์ ลัม และ ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ บทบาทที่ออมได้รับเลือกให้แสดงออมในเรื่องนี้เป็นหญิงสาวผู้อ่อนต่อโลก พิมพรรณ หรือ พิม ซึ่งเชื่อว่าใครได้ดูการแสดงของเธอจะต้องรู้สึกอึดอัดไปกับตัวละครตัวนี้เป็นแน่

ถึงไม่ใช่นางเอก แต่ก็เป็นตัวละครสำคัญที่เพิ่มมิติและสร้างอรรถรสได้อย่างดี พิม เติบโตขึ้นพร้อมๆ นางเอกจากครอบครัวแสนอบอุ่นในต่างจังหวัด ความอ่อนโยนกับการเลี้ยงดูดุจไข่ในหินทำให้เธอมองโลกในแง่ดีไปเสียหมด บุคลิกเรียบร้อย ไม่ทันคน จนถูกเขาหลอกและดับชีวิตตัวเองลงในท้ายที่สุด

“โอ้ย..ทำไมโง่อย่างนี้อ่ะ!(หัวเราะ)” ออม กล่าวขึ้นพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม นี่คือคำพูดที่คนรอบข้างสะท้อนมาถึงเธอหลังจากรับชมบทบาท พิม ในละครเรื่อง ตะวันทอแสง

“โง่ กับน่าสงสารจัง เจอบ่อยๆ อยู่สองคำ ถามว่าโกรธมั้ย.. ไม่คะ เพราะรู้สึกว่าเราทำให้เขารู้สึกว่าเราโง่ได้ออมภูมิใจมาก(หัวเราะ)”

เรียวแขนที่ประสานอยู่บนหน้าตักของหญิงสาว ปรับเปลี่ยนอิริยาบถกอดอกเท้าคาง หญิงสาว ค่อยๆ นึกถึงความเหมือนและความต่างของตัวละครที่เธอแสดงกับชีวิตจริง

“มันมีทั้งส่วนต่างและส่วนคล้ายนะคะ ออม อาจไม่เรียบร้อยเท่าพิม แต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายกันบ้าง อืม..ครอบครัวพิมพ์อบอุ่น สนิทกันเฮฮากันพ่อแม่ลูก แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือเรื่องความอ่อนต่อโลก ความยอมคน ความสู้คน”

ถึงจะผ่านงานละครมาบ้าง อย่าง เซน สื่อรักสื่อวิญญาณ, ศีล 5 กล้าท้าอธรรม ฯลฯ แต่เธอก็ยอมรับว่ายังรู้สึกตื่นเต้นกับการแสดงในเรื่อง ตะวันทอแสง ออมเผยความรู้สึกเมื่อครั้งเข้าฉากวันแรก

“เกร็งมาก ทุกคนรู้ว่าออมเกร็ง เป็นฉากนั่งคุยกับนางเอก ใหม่(ดาวิกา) นั่งคุยกันธรรมดา แต่แบบพูดด้วยความเกร็งมากเลย จนใหม่ต้องเดินมากอด แล้วออมไม่ได้เวิร์คช้อปด้วย ไม่ได้คุ้นเคยกับคนอื่น ไปถึงวันนั้นไม่รู้จักใครเลย เดินก็แข็ง พูดก็แข็ง โมโนโทน หลากเทค”

วันแรกก็กดดันเสียแล้ว เดิมเป็นคนที่คิดมากเจอเข้าแบบนี้เธอก็ยิ่งคิดมากเข้าไปใหญ่ “สุดๆ เลย ออมก็กลับมาเครียด โอ๊ย..ทำไง กลัวทำออกมาได้ไม่ดี กลัวทำเขาเสียเวลาด้วย กลัวทุกอย่างเลย แรกๆ วันที่สองก็ยังมีปัญหา พอสักเกือบๆ อาทิตย์ก็เริ่มดีขึ้นๆ พอสนิท พอเข้ากันได้แล้วก็โอเค”

เรียกว่าบทบาทในเรื่องนั้นดราม่าน้ำตาล้นจออยู่ตลอด ถามว่ารู้สึกหนักใจหรือเปล่า ออม ค่อยๆ เล่าขึ้น

“คุณนิด อรรพรรณ เลือกเรามา ตอนแรกที่ได้รับบทก็โอเคไม่ได้อะไรมาก รู้แค่ว่าเป็นคนเรียบร้อย มองโลกในแง่ดีนะ ฟังพี่ผู้กำกับบอกก็โอเค ปรากฎพออ่านบทเข้าจริงๆ ฉากนี้ร้องไห้..ฉากนี้ร้องไห้ ออมแบบเครียดมาก เป็นช่วงที่เครียดมากกลัวทำออกมาได้ไม่ดี และออมเป็นคนร้องไห้ยาก พอมีฉากร้องไห้ก็จะเริ่มกังวล อย่างจะถ่ายพรุ่งนี้มีฉากร้องไห้คืนนั้นจะคิดไปว่าทำได้มั้ย

“ตอนแรกๆ ความกังวลเป็นอุปสรรคของเรามากเลย พอเรากังวลปุ๊บเราจะไม่ฟังทุกคนเลยในฉาก จะไปโฟกัสอยู่ที่ว่าเดี๋ยวออมต้องร้องไห้นะ จนมาปรึกษาพี่แอ็กติ้งโค้ชที่นี่ เขาบอกว่าลองตัดความกังวลออกไปแล้วอยู่กับสถานการณ์ เหมือนเราฟังจริงๆ เข้าไปอยู่จริงๆ มันก็มาเอง

งานนี้ทำการบ้านหนักเลย เลิกกองปุ๊บก็ไปปรึกษา พี่ปลา-พีรพล ผู้กำกับฯ ว่าออมต้องปรับตรงไหนบ้าง พยามเข้าถึงตัวตนของตัวละครพิมพรรณให้มากที่สุด

“ช่วงแรกตาออมจะดูสู้คนมาก ออมจะไม่ยอม สมมุติออมต้องเขินเขา แต่ออมก็จะแบบทำไมอ่ะ ออมไม่เขิน ก็สู้ตาเขา จ้องตาเขากลับ ออมจะโดนปรับตรงนี้เยอะ แล้วก็แบบเหมือนตาฉลาดไป ถ่ายมาแล้วรอบนึงต้องกลับมาถ่ายใหม่เพราะตามันดูไปรู้ทันเขาเกินไป ต้องไม่รู้อะไรเลย ใส ซื่อ

เข้าใจง่ายๆ ก็คือก็ทำตัวโง่ๆ “ใช่ๆ (หัวเราะ)” ออม ตอบสั้นๆ

คุณพ่อ คุณแม่ ..กำลังใจสำคัญ
เสียงใสดังขึ้นอีกครั้ง ออม เล่าว่าตัวเองเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวเอี่ยมวสันต์ แน่นอนเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณพ่อคุณแม่จะห่วงลูกสาวคนสวยเป็นพิเศษ

“ตอนเด็กๆ ช่วงอนุบาล-ป.3สนิทกับคุณพ่อมาก จะมีช่วงที่คุณพ่อทำงานเป็นโฮมออฟฟิคช่วงนั้นก็สนิทกับคุณพ่อ พอคุณพ่อเริ่มจะต้องไปทำงานภูเก็ต ไปชลบุรี ก็เริ่มจะสนิทกับคุณแม่ ช่วงประมาณ ป.4 - ป.6 เขาเลี้ยงเราเป็นเพื่อนคะ บางเรื่องเขาก็ฟิกซ์นะค่ะ เขาจะเข็มงวดบางเรื่องปล่อยบางเรื่อง เขาจะเน้นให้เรามีอะไรก็คุยกับเขา มีอะไรเล่าให้เขาฟัง ปรึกษากัน เขาอยากจะรู้ว่าคิดอย่างไร”

ถามว่าเข้มงวดเรื่องอะไรบ้าง ออม ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องออกจากบ้านไปไหนก็ตาม เขาจะเป็นห่วงมาก ความที่เราเป็นลูกผู้หญิง แล้วพอมาทำงานตรงนี้ด้วย เขาก็ยิ่งเป็นห่วงไม่อยากให้ออกไปไหนบ่อยๆ ช่วงนึงออมก็เลยกลายเป็ยคนติดบ้านไปโดยปริยาย

“ก่อนหน้านี้จะติดบ้าน ติดมาก นานๆ จะออกไปเที่ยวกับเพื่อน แต่เหมือนช่วงนี้โตขึ้น ขับรถเองก็เริ่มออกบ่อยขึ้น เขาก็จะเริ่ม เห้ย..(หัวเราะ)”

ครอบครัวที่มีลูกคนเดียวส่วนมากจะเลี้ยงแบบตามใจ แต่ไม่ใช่กับครอบครัวนี้เสียทีเดียว ออม เล่าต่อ

“คือเขาตามใจ แต่มันมีกระบวนการนะ เช่น กว่าจะได้อะไรซักอย่างนึงไม่ใช่ร้องขอแล้วจะได้ โอเค..สุดท้ายเราอาจจะได้แต่ว่าก่อนหน้าเขาอาจจะให้เราเก็บตังค์เองก่อน หรือถามเหตุผลจะมีไปทำไม แต่สุดท้ายเวลามันผ่านไปนานเขาก็ให้ ออมมีความรู้สึกกว่าจะได้อะไรมายาก จะไม่ใช่แบบได้ทันที”

พวกท่านเลี้ยงดูอย่างเข้าใจ พูดคุยแบบเพื่อนแต่ก็สอนออมไปในตัว ที่สำคัญท่านคือกำลังใจที่ดีที่สุดของเธอเลยทีเดียว อย่างงานแสดงออมกังวลแล้วทำออกมายังไม่ดีพอคุณแม่ก็ค่อยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจ

“อย่างคุณแม่เขาจะไปดูเราตลอดอยู่แล้ว เขาก็จะคอยให้กำลังใจนะคะ ตอนแรกจะกังวลฉากร้องไห้ แต่หลังๆ โอเคแล้ว ร้องได้แล้วไม่ต้องกังวล ส่วนชมเขาไม่ค่อยได้ชม คุณพ่อกับคุณแม่ออมจะไม่ค่อยชมให้ออมฟัง เขาก็จะแค่ อืม..ฟีดแบ็กดีเหมือนกันนะ”

ยิ่งคุณแม่ถือเป็นแฟนคลับเบอร์หนึ่งของออมเลย ลูกไปไหนคุณแม่ไปกัน หรืออย่างฉากไหนที่ลูกสาวต้องเสียน้ำตา คุณแม่ก็จะร้องไห้โฮ่ก่อนด้วยความสงสาร

“เวลาออมเข้าฉาก แค่ออมนอนในฉากที่พิมตาย แล้วต้องนอนเอาผ้าคลุมร่าง แค่นั้นคุณแม่ก็ร้องแล้ว ร้องก่อนทุกฉากเลย พอเห็นน้ำตาออมแล้วเขาก็ร้อง ร้องทั้งตอนถ่าย ตอนออนแอร์ก็ร้องด้วยอีก(หัวเราะ)”

ส่วนคุณพ่อทำงานอยู่ในต่างจังหวัด ก็เลยไม่ค่อยมีโอกาสไปดูลูกสาวที่กองถ่ายละคร แต่กำลังใจก็ส่งตรงถึงออมไม่เคยขาดเช่นกัน

จะว่าไป ไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะหวงลูกสาวสวยหรือเปล่า ออม ตอบขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มๆ

“มาก(ลากเสียงยาว).. คุณแม่เขาก็หวงแต่เขาจะเปิดใจมากกว่าคุณพ่อ แต่เดี๋ยวนี้คุณพ่อเริ่มรับฟังแล้วคะ เมื่อก่อนนี้จะไม่.. โอเคเขาก็รู้แหละวัยรุ่นมันต้องมีมาบ้าง แต่เขาจะแบบไม่อยากรู้ให้แม่ดูแล้วกัน แล้วคุณแม่ก็จะรู้ตลอด ใครจีบ อะไร อย่างไร รู้ทุกอย่าง”

ความบ้าบอในความเรียบร้อย
เห็นเธอหน้าหวานๆ กิริยาท่าทางดูเรียบร้อย แต่ออมบอกว่าจริงแล้วถ้าได้รู้จักสนิทสนมเธอจะบ้าบอเอาเสียมากๆ

“ถามว่าออมเรียบร้อยมั้ย..ใช่ ถ้าคนอื่นมองจะบอกว่าออมเรียบร้อย แต่เหมือนเป็นบางเวลามั้งคะ ถ้าไม่คุ้นไม่สนิทออมก็จะนิ่งๆ เรียบร้อย แต่ถ้าออมอยู่กับเพื่อน หรือว่าคนที่สนิทก็จะเป็นคนทั่วไป ตลกๆ ทำอะไรบ้าๆ บอๆ”

ออม ยังเปิดเผยว่าตัวเองเป็นคนที่ระวังตัวมาก เพราะหลายๆ ครั้งที่เจอเหตุการณ์เหมือนโรคจิตตาม

“ออมค่อนข้างระวังตัว เพราะออมจะเจอนู้นเจอนี่บ่อย อย่างไปสยามสแควร์คนเดียวก็ชอบเจอคนเดินตาม หรือขึ้น btsมันจะรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนั้นเขาเหมือนจ้องๆ แล้วเราเริ่มรู้แล้วว่ามันแปลกๆ ก็เลยลองย้ายประตูดูว่าเขาจะยังไง พอย้ายประตูเสร็จ เขาก็ตามมาอีก ก็เริ่มโอเคแล้วไม่ดีแน่ๆ

ออมก็จะพยายามอยู่กับคนเยอะ คุณแม่ก็จะบอกถ้าออมเจออย่างนี้ให้ไปอยู่กับพวกพี่พนักงงานออฟฟิคท่าทางใจดีหน่อย ถ้าสถานการณ์ไม่ดีมากๆ ก็กระซิบบอกเขาเลยว่า พี่คะ..มีคนตาม ให้เขาช่วย ไม่ใช่ครั้งเดียว มีทุกรูปแบบ มีวัยรุ่น มีคนแก่ มีฝรั่ง (หัวเราะ)

สาวงาม กับ ธรรมะ
หญิงสาว เปิดใจว่าในตอนแรกก็รู้สึกกังวลกับการเข้ามาทำงานในวงการ ไม่ว่าจะงานโฆษณาหรืองานแสดง ฯลฯ ก็รู้ไม่ต่างกัน

“ตอนแรกๆ ก็แบบเหมือนรู้สึกกังวล พอเราเริ่มมาอยู่ในที่สว่างจากที่เห็นรุ่นพี่โดนข่าวมันก็มีกลัวบ้าง เพราะออมก็เป็นคนคิดมาก กลัวแบบมาอยู่ตรงนี้แล้วจะโดนอะไรมั้ย ในอีกมุมนึงมันก็สนุกยิ่งทำยิ่งรู้สึกรัก เหนื่อย แต่ว่าชอบ รักที่จะทำ”

ความที่เป็นเป็นคนคิดมาก ออมก็มีทางออกด้วยการนำหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนามาปรับใช้ นอกจากช่วยให้จิตจสงบไม่คิดฟุ้งซ่านยังเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหาต่างๆ จนกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย

“ออม จะอ่านหนังสือธรรมะ นำข้อคิดจากธรรมะนำเอามาปรับใช้ในชีวิต ทุกอย่างมันนานาจิตตัง อย่างที่บอกออมเป็นคนคิดมากทั้งเรื่องเรียนเรื่องอะไร เอามาปนกันหมด ก็ใช้ธรรมะช่วยเอามาเป็นข้อคิดปรับใช้กับทุกอย่าง”

เติบโตมากับครอบครัวที่ปลูกฝังในเรื่องพุทธศาสนา เป็นประจำทุกวันพระครอบครัวของออมจะเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา อาทิ ทำบุญตัดบาตร, เวียนเทียน, ฟังเทศน์ ฯลฯ

เธอยอมรับในตอนนี้มองเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาเปลี่ยนไป จากเดิมเมื่อครั้งยังเป็นเด็กก็ปฏิบัติเพียงเพราะครอบครัวครัวปลูกฝัง แต่ในวันนี้แก่นของศาสนาได้ให้คุณค่าบางอย่างกับเธอ

“ต่างนะคะ อย่างตอนนี้เพื่อนๆ ก็เริ่มมีชวนกันเอง อย่างเวลาที่เพื่อนเริ่มมีทุกข์ก็ชวนไปวัดกันมั้ย หลักคำสอนทำให้เราจะมองอะไรเปลี่ยนไป แต่ก่อนจะคิดมากวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น แต่เดี๋ยวนี้ออมก็จะมองหลายๆ มุม กับคุณแม่บางทีมีปัญหาที่แก้ไม่ตกก็แชร์ความคิดกัน ธรรมะทำให้เรามีแนวคิดดีๆ มาปรับใช้ในชีวิตนะคะ”

หลักคำสอนที่ออมนำมาใช้นั้นไม่ตายตัว ส่วนใหญ่จะเน้นนำมาปรับวิธีคิด อย่างเรื่องมองโลกในแง่บวก และการยอมรับ เข้าอกเข้าใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน หลักๆ ที่ออมนำมาใช้ก็คือวิธีคิดนั้นเอง

“อย่างถ้าเราโมโหใครซักคน เห้ย!ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ เราก็จะบอกตัวเองว่าเขาอาจจะมีเหตุผลที่เราไม่รู้ เราได้วิธีคิดมามากกว่า ลองคิดว่าเราไม่เป็นเขาเราอาจจะไม่รู้ เหมือนเอาใจเขามาใส่ใจเราเยอะขึ้น หรือมองมุมอื่นๆ ว่าเขาอาจจะมีเหตุผลอื่นๆ นะ เหมือนหามุมมองใหม่ให้ตัวเอง”


เริ่มต้นด้วยสถาปัตย์ จบที่วารสารฯ
อีกบทบาทหนึ่ง ออม คือนักศึกษาสาวเนื้อหอมจากรั้วแม่โดม แรกเริ่มเดิมทีเธอสอบติดและกำลังศึกษาอยู่ คณะสถาปัตยกรรมฯ ม.ธรรมศาสตร์ แต่ด้วยอะไรบ้างอย่างจึงทำให้เธอตัดสินใจยอมเสียเวลา 1 ปี มาเริ่มนับหนึ่งใหม่ที่ คณะวารสารศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยเดียวกัน

“ตอนแรก ออม เอ็นฯ เข้าสถาปัต มธ. แล้วก็ซิ่วมาอยู่วารสารฯ เพราะว่ามันเรียนหนัก แล้วต้องทำงานตรงนี้ด้วย เหมือนแบบเราแยกไม่ได้ งานตรงนี้ก็ต้องทำงานตรงนั้นก็ยังไม่เสร็จ เครียดด้วยคะ อย่างยังถ่ายละครอยู่เลย แล้วเรียนต้องไปส่งแบบพรุ่งนี้อีก พอหลายๆ ครั้งเข้า มันเริ่มไม่มีความสุขแล้ว ก็เลยตัดสินใจ ย้ายดีกว่า”

ในเรื่องเรียน ออม ก็ปรึกษากับทางบ้านเช่นกัน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ให้อิสระในการตัดสินใจกับเธอ แต่ก็แนะข้อคิดดีๆ เอาไว้ด้วย

“เขาก็เห็นแววมาแต่แรกแล้วละค่ะ วันเรียนออกแบบที่เป็นสตูฯ ก็เริ่มไม่ค่อยอยากไป ไม่อยากทำ เริ่มพอจะรู้ เขาจะตามใจนะคะ แต่เขาจะบอกให้คิดดีๆ คุณพ่อจะให้ออมตัดสินใจเอง ยังไงก็ได้แต่ต้องคิดดีๆ ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนไปแล้ว แล้วก็อยากจะขอเปลี่ยนอีกอันนี้ไม่ได้แล้วนะ จะต้องตัดสินใจให้แน่วแน่แล้ว

“ตอนนั้นเราก็อยากเป็นสถาปนิก เราก็รู้ว่ามันเหนื่อยเป็นปกติ แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันไม่ใช่เหนื่อยทำงานอย่างเดียว มันมีแรงกดดันหลายๆ อย่าง งาน ตัวเอง คนอื่น กดดันมาก แล้วออมไม่ชอบสถานการณ์ที่มันเป็นแบบนี้ หลายๆอย่างรวมกันก็เลยไม่ค่อยแฮปปี้ที่อยู่ตรงนี้”

ออม เปิดใจว่าตอนแรกก็ลังเลระหว่าง สถาปัตย์ กับวารสารฯ อยู่แล้ว แต่สุดท้ายออมก็เลือกเรียนสถาปัตย์ จนในที่สุดเมื่อได้ศึกษาแล้วจริงๆ ก็ตัดสินใจเปลี่ยนคณะ เพราะความที่ วารสารฯ นั้นเอื้อกับงานที่เธอกำลังรู้สึกสนุกอยู่ และรู้ขีดความสามารถของตัวเอง

เสียดาย คือจริงๆ ออมก็ยังชอบสถาปัตย์ อยู่นะคะ แต่ว่ามันค่อนข้างหนัก ในช่วงเวลาเราทำงานด้วย ออมไม่ใช่คนที่สามารถทำสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน เราก็ดูความสามารถของเราเอง แต่ออมมีแพลนว่าถ้าเราเรียนจบใน 4 ปีนี้ก็จะไปต่อคอร์สที่เกี่ยวกับการออกแบบเพราะว่ายังชอบอยู่เลย”

เธอพูดด้วยเสียงฉะฉานว่าอย่างไรก็ไม่ทิ้งการเรียน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดตั้งใจเรียนให้จบภายใน 3 ปี ครึ่งด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่าเสียเวลาไป 1 ปี แล้ว

“ออมไม่ขยันนะ เรียนก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง แต่ก่อนจะสอบจะต้องอ่านหนังสือ เพราะถ้าเราไม่เข้าเรียนเราก็ต้องอ่านให้มากกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นก็ต้องอ่านเองเยอะหน่อย”

ถึงเธอจะชอบงานแสดงในวงการบันเทิง แต่ทางด้านคุณแม่ดูจะไม่ชอบเสียเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ห้ามเพราะเชื่อมั่นในความคิดของลูกสาว

“ตอนแรกคุณแม่ไม่อยากให้ออมทำตรงนี้ เขารู้สึกว่ามันเหนื่อย เหมือนเราต้องทำงานตามใจคนอื่น การแสดงบางทีมันไม่มีผิดไม่มีถูกแต่บางทีเราต้องทำตามใจผู้กำกับ เขารู้สึกว่ามันเหนื่อย ไม่ค่อยอยากให้เราทำเท่าไหร่ จริงๆ เขาแอบเชียร์สถาปัตย์ ด้วยแหละ เขารู้สึกว่าออมเข้าไปเรียนสถาปัตย์ แล้วออมอาจจะรู้สึกกับสถาปัตย์ จนไม่เอาทางนี้แล้ว แต่มันกลายเป็นว่าออมทิ้งสถาปัตย์ แล้วออมมาเลือกทางนี้(หัวเราะ)

เล่นอูคูฯ เล่นกับเจ้าตุบ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าดนตรีพื้นเมืองของชาวฮาวาย อย่าง 'อูคูเลเล่' นั้นเป็นกิจกรรมโปรดของสาวตากลมผู้นี้ด้วย

แต่การเริ่มต้นกับเครื่องดนตรีน่ารักสุดฮิปนี่ไม่ธรรมดา ออม เล่าขึ้น “มันมีสาเหตุมาจากช่วงน้ำท่วมใหญ่ ปี 54 บ้านออมที่ ถนนแจ้งวัฒนะ 14 นี่หนักเลยนะคะ ออมต้องไปอยู่ต่างจังหวัดแล้วมันไม่มีอะไรทำเลย ก็เลยไปซื้ออูคูเลเล่มาหัดเล่นดีกว่า เพราะว่ามันเป็นอะไรที่เราฝึกเองได้ ดูยูทิวบ์อะไรแบบนี้ ก็จนติดใจเล่นมาจนถึงทุกวันนี้”

ประมาณว่าได้มาปุ๊บก็หัดเล่นทั้งวันทั้งคืน ศึกษาด้วยตัวเอง หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ลองผิดลองถูกตามคลิปวีดีโอที่สอน จนในที่สุดความพยายามก็สัมฤทธิผล

“มันยากช่วงแรกๆ นะคะ จับอยู่ประมาณ 2-3 วันก็เป็นเพลง พอได้แล้วมันก็เพลิน สนุกดี ช่วงนั้นออมเล่นทั้งวันแบบทั้งวันจริงๆ เพราะออมไม่มีอะไรทำเลย”

หญิงสาว เปิดเผยว่ากิจกรรมโปรดที่ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องทำอีกอย่าง ก็คือการเล่นกับ 'ไข่ตุ๋น' สุนัขสุดรักที่เลี้ยงมาราวๆ 9 ปีแล้ว ซึ่งกว่าจะได้มานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“ออม อยากเลี้ยงหมามานานมากแล้ว ออมไม่มีพี่น้อง ออมก็เหงา เคยขอคุณแม่แต่ไม่ให้ เพราะเขาต้องทำงาน แล้วออมก็ต้องไปเรียน แล้วจะดูแลยังไงสงสารมัน มาทิ้งมันอยู่บ้านตัวเดียวหรอ ทีนี้ตอนหลังมาเป็นข้อตกลงกันว่า ถ้าออมสอบเข้าโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร ได้ แม่จะซื้อให้ แล้วพอสอบเข้าได้ก็เลยได้มาตามสัญญาก็เลยได้มาเลี้ยง

“แรกๆ คุณแม่ต้องทำงานก็ต้องทิ้งไข่ตุ๋นไว้ สงสารเหมือนกัน พอซื้อมาตอนเช้าออมก็ไปแล้วนะ ตอนเย็นกลับมาก็ได้เล่นกัน แต่ไม่นานเท่าไหร่คุณแม่ก็ลาออกจากงานมาอยู่บ้าน ทีนี้ก็เลยเหมือนอยู่เป็นเพื่อนกัน”

หญิงสาว เล่าถึงเจ้าไข่ตุ๋นว่าเป็นหมาหยิ่ง เลยไม่ค่อยมีวีรกรรมดื้อๆ ซนๆ แต่ครั้งหนึ่งมันหลุดออกไปถนนใหญ่ถึงกับโดนรถชนเฉียดตาย

“ไข่ตุ๋น เคยโดนรถชน คือวันนั้นเอาไปฝากคุณป้าไว้แล้วมันลอดออกมานอกบ้านได้ แล้วดันออกไปถนนใหญ่เลย ก็โดนรถชน พอดีคนแถวนั้นจำได้ว่าหมาตัวนี้อยู่บ้านนี้ก็เลยอุ้มกลับมาให้ ตอนนั้นน่าสงสารมันกระดูกเชิงกร้านหัก พาไป รพ.สัตว์เกษตร ซึ่งหมอเก่งเราอยากให้เขาผ่าตัดเลย แล้วคิวผ่าตัดไม่ว่าง ต้องรอ 3 วัน ซึ่งไม่ได้ทำอะไรเลย พักอยู่อย่างนั้น 3 วันอะ มันฉี่ก็ร้องลั่นบ้าน น่าสงสารมาก แต่ก็ผ่านไปด้วยดี”

นอกจากเจ้าตัวน้อย ครอบครัวเอี่ยมวสันต์ ยังรับเลี้ยงหมาหลงทางไว้ด้วย “อีกตัวหนึ่งเป็นหมาตัวใหญ่พันธ์ทางคะ มันหลงทางมาก็เลยแบบโอเคเลี้ยงไว้ ตอนแรกมีข้างบ้านเขาอยากได้แต่ว่ามันไม่ยอมไป มันเข้าบ้านออมอย่างเดียวเลย คุณพ่อก็เลยเลี้ยงไว้ก็ได้”

ถึงเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง แต่ก็มีหัวใจมีความรู้สึก เมื่อเราขึ้นชื่อว่าเป็นจ้าของแล้วก็ตั้งใจเลี้ยงดูมันให้ดี ไม่ใช่แค่เห่อตอนมันเป็นลูกหมาน่ารักน่าเอ็นดู แล้วพอโตขึ้นมันไม่น่ารักแล้วก็ปล่อยทิ้งๆ ขว้างๆ

…........................................
ณ วันนี้วงการบันเทิงยังคงเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ของสาวตาโต 'ออม - สริตา' ทางเดินข้างหน้าอาจโรยด้วยกลีบกุหลาบ หรืออาจเต็มไปด้วยขวากหนามล้วนเป็นเรื่องไม่แน่นอน ส่วนดาวดวงนี้จะเปล่งแสงสกาวบนฟากฟ้ามายาได้สักแค่ไหนคงต้องร่วมติดตามกันต่อไป..

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LITE
ขอบคุณภาพ instagram @aomsarita

--------------------------
ประวัติส่วนตัว
ชื่อจริง : สริตา เอี่ยมวสันต์ ชื่อเล่น : : ออม
วันเกิด : 29 กุมภาพันธ์ 2535
น้ำหนัก/ส่วนสูง : 42 กก. /165ซม.
การศึกษา : มัธยม - โรงเรียน สาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, ปริญญาตรี - กำลังศึกษาชั้น ปี 2 คณะวารสารศาสตร์ และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผลงานละคร : ละครเรื่องกลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้, ศีล5 คนกล้าท้าอธรรม, เซน สื่อรักสื่อวิญญาณ, ตะวันทอแสง
ผลงานโฆษณา : D-TAC, ทีเบรค, ยาสีฟันคอลเกต, ยาโยอิ ฯลฯ
รางวัลที่ได้รับ : ประกวดชนะเลิศ โครงการชิงดาว ของโพลีพลัสฯ (โครงการค้นหานักแสดงหน้าใหม่)

----------------------------
Aom and Ukulele






ภาพจากละครเรื่อง ตะวันทอแสง
รับบท พิมพรรณ หญิงสาวผู้อ่อนต่อโลก
โดม-ใหม่-ออม


 เด็กหญิง ออม กับคุุณพ่อ
ใครจีบต้องผ่านคุณพ่อก่อน!
 คุณแม่ผู้คอยให้กำลังใจ








ออม กับ ไข่ตุ๋น สุนัขตัวโปรด

กำลังโหลดความคิดเห็น