กว่า 8 ปี ที่เธออยู่ในวงการบันเทิง จากดาราหน้าใหม่วัยขบเผาะ กระทั่งแตกเนื้อสาวหอมกรุ่น ทำเอาผู้จัดละคร ผู้สร้างหนัง ต้องควานหาตัวเธอกันให้จ้าละหวั่นเพื่อมอบบทนางเอกแก่สาวสวย 'จิ๊บ - ปกฉัตร เทียมชัย' แต่ดูเหมือนฟีตแบกเรื่องงาน ยังไม่ฮอตแอนด์สไปซี่เท่าข่าวฉาวที่ยังกรุ่นในทุกขณะ ไม่ว่าจะความรั่วที่แสดงออกต่อสาธารณะ หรือล่าสุดกับกรณียุติรักทอมดี้ ฯลฯ
ยิ่งลุคที่เธอแสดงออกผ่านผลงานท่างหน้าจอโทรทัศน์ เห็นชัดๆ ก็งานพิธีกรที่ดูจะทำให้คนดูนิยามเธอว่า
'สวย ใส ไร้สมอง' แท้จริงแล้วตัวตนของเธอเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ทีมงาน M-Lite จึงขอคิวหญิงสาวผู้ถูกกล่าวหามาเคลียร์เรื่องฉาว เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้ผู้อ่านได้คลายสงสัย
ดูท่าเข็มวินาที จะเร่งรีบจนล่วงเวลานัดหมายมาราวครึ่งชั่วโมง แต่อีกอึดใจเดียวขณะลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศสาดปะทะกระจกใสจนละอองไอน้ำเกาะตัว นักแสดงสาวดีกรีนางเอก ผู้ผันตนไปทำงานด้านพิธีกร ฯลฯ ก็ปรากฏตัวขึ้น พรางขยับริมฝีปากซีดกล่าวคำขอโทษอย่างนุ่มนวลราวสำนึกผิดที่มาสาย
หญิงสาว ทิ้งตัวบนโซฟาสีเนื้อ ที่ดูจะกลืนกับใบหน้าไร้การปรุงแต่ง ไม่นานก็รูดกระเป๋าเครื่องสำอางค์ใบย่อมแต้มรองพื้น แต่งเติมสีสันจนผิวเนียนลืมความจืดชืด ชั่วพริบตาบทสนทนาเริ่มต้นขึ้นในทันที..เริ่มขึ้นพร้อมๆ กับการประทินความงาม..
ผู้หญิงอีกหลายคนก็เป็นแบบนี้
“ตอนนี้จิ๊บสนุกกับงานในวงการทุกอย่างเลย” จิ๊บ ค่อยๆ เปรยขึ้น ถ้าถามว่านิสัยของเธอจริงๆ นั้นเป็นอย่างที่คนดูเห็นผ่านทีวี แล้วจินตนาการไปต่างๆ นานาหรือเปล่า เจ้าตัวรีบตอบทันควัน
“พื้นฐานจิ๊บเป็นคนสนุก ไม่คิดอะไรมาก จิ๊บเป็นคนประมาณนั้น ไม่ค่อยคิดอะไรมาก โอเคกับทุกอย่าง เฉยๆ นะ เป็นคนตรงๆ ก็อย่างนี้ บางคนเขาจินตนาการภาพไปไกล แต่เราก็เป็นอย่างนี้ก็เป็นคนปกติคนนึง เป็นคนสนุกสนานไม่ได้คิดอะไร”
เป็นที่ทราบกันดีของคนที่เข้ามาทำงานบันเทิง มีคนชอบ ก็ต้องมีคนเกลียด ยิ่งถ้าดารานักแสดงคนไหนเคยทำผิดพลาด ประพฤติไม่เหมาะสม แม้ตัวดาราจะออกมายอมรับในความผิดพลาด ยังมีที่ยื่นในวงการฯ แต่การจิกกัดด่าทอก็เป็นวัฏจักรที่ผู้ทำงานในสายนี้ต้องเผชิญ
จิ๊บ เองก็เปิดเผยว่าไม่ได้รู้สึกโกรธที่ต้องมาโดนคนไม่รู้จักด่า ส่วนหนึ่งเพราะเข้าใจในเรื่องความแตกต่างของคน
“ไม่โกรธนะ เราไปห้ามความคิดเห็นคนไม่ได้ กับเพื่อนเราเรื่องบางเรื่องความคิดเห็นยังไม่ตรงกันเลย แล้วคนพวกนั้นคือใครเราไม่รู้จัก คือถ้าคุณมีความคิดเห็นไม่ตรงก็ไม่เป็นไรมันก็เป็นสิทธิที่คุณสามารถคิดได้อะไรแบบนี้
“ทุกคน..ความคิดของคนทุกคนบนโลกใบนี้ทุกอย่างไม่มีอะไรถูกไม่มีอะไรผิด ทุกอย่างคือเป็นกลาง มันขึ้นอยู่อยู่กับว่าอะไรเหมาะ ความคิดไหนที่เหมาะกับสถานการณ์นั้นมากที่สุด แล้วก็ฟังแล้วดูดีที่สุด..แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นมันไม่ผิดที่คุณจะคิดอะไรก็ตาม”
จะว่าไปแล้ว เธอเป็นคนที่เชื่อมั่นในความตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งจนไม่รับฟังคนอื่น ยิ่งถ้าเป็นครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก เธอจะแคร์ รับฟังและหากมีข้อติติงที่ไม่เหมาะสมเธอก็พร้อมจะปรับปรุงตัว
“จิ๊บแคร์เฉพาะคนที่จิ๊บรู้จัก เพราะว่าคนที่จิ๊บไม่รู้จัก เอ่อ..ถ้าเขาคิดในแง่บวกก็ขอบคุณ แต่ถ้าเขาคิดในแง่ลบเราไม่สามารถไปคุยกับเขาได้ ไม่สามารถไปอธิบายกับเขาได้ ยิ่งคิดไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะว่าเราไม่สามารถไปอธิบายให้เขาฟังได้ ไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิดเขาได้ เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่จิ๊บแคร์คือ พ่อแม่ น้อง เพื่อน คนที่จิ๊บรู้จักเท่านั้น ถ้าเกิดเขาพูดมาอย่างนี้ก็จะฟัง”
ประสบการณ์สอนเราในทุกวัน
ถ้าใครได้พูดคุยกับสาวนางนี้ก็คงรู้สึกแน่นอนว่าเธอเป็นคนสนุก อารมณ์ดี แต่เห็นอย่างนี้เธอไม่ได้มองโลกแง่ดีเสมอนะ
“ดีไหม..ก็ดีในบางเรื่อง บางเรื่องก็ไม่ดีนะ ไม่มีใครมองโลกสวยงามแบบชีวิตวันเดอร์แลนด์หรอก..ไม่มี ทุกคนมองโลกในแง่ดี แต่ก็จะมีมุมบางมุมที่แอบดาร์ก มันก็ต้องมีบาง อย่างเช่นบางมุมชีวิตรักอย่างมันหดหู่ มันอ้างว้างมันก็มี ทุกอย่างโลกสดใสหมดเลยแต่รักฉันดาร์กมาก มุมมองมันแล้วแต่จังหวะช่วงชีวิตคน”
เมื่อก่อนเป็นคนเซนซิทีฟมาก แต่ด้วยอะไรหลายๆ ก็ปรับมุมมอง ปรับทัศนคติ ปรับนิสัยของเรา
“ คือเมื่อก่อนจิ๊บ เป็นคนร้องไห้ง่ายมาก ถ้ามากระทบถึงใจเลย โหย..หนัก เป็นผู้หญิงขี้แงคนหนึ่งเลยแหละ พอโตขึ้นปุ๊บ ช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา จิ๊บเป็นคนร้องไห้ยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าเริ่มสตาร์ทขึ้นแล้วลากยาวนะ บางทีจิ๊บเครียดก็ร้องไห้ กดดันมากๆ ก็ร้อง แล้วแต่สถานการณ์ที่เราเจอ ถ้าเรื่องความรักตัวเสียน้ำตาเลย”
ถามว่าอะไรทำให่จิ๊บเปลี่ยนไป เธอรีบตอบขึ้น “เหมือนกับเราแกร่งขึ้นมั้ง เราเจอเรื่องอะไรมาเยอะ จิ๊บว่าประสบการณ์เนี่ย สอนเราในทุกๆ วัน คนเรามีประสบการณ์คอยสอนทุกวัน มันตกตะกอนอยู่มันก็เลยทำให้เราโตขึ้นในทุกๆ วันที่เราใช้ชีวิต กลายเป็นคนกร้านโลก(หัวเราะ)
“ดีใจ ก็น้ำตาไหล ปลื้มไง หรือว่าเพื่อนเล่าเรื่องเศร้าน้ำตาก็เปราะแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแล้ว กระทบมา..ไม่เจ็บ กระทบมา ยัง..ยังได้อีก เราโตขึ้นเราเรียนรู้ เราโตขึ้นในทุกๆ วันนะ เหมือนกับว่าคนเราอยู่ในทุกวันนี้เรามีประสบการณ์ในทุกๆ วัน พอวันนี้เราเจอเรื่องนี้จนเซ็นเซอร์ทีฟใช่หรือเปล่า โอเคครั้งหน้าที่เราเจอเรื่องเดิมอีกเราเรียนรู้แล้วไงว่าเราต้องเข้มแข็งอย่างไร”
เธอเล่าว่าเมื่อใดที่มีปัญหามารุมเร้า ก็จะเลือกปรึกษาครอบครัว ปรึกษาเพื่อน มากกว่าที่จะคิดแก้ไขเพียงลำพัง
“ถ้ามีปัญหา อย่างแรกเลยคือจริงๆ ไม่ได้เป็นคนแก้ปัญหาอะไรเก่งนะ ก็ต้องมีที่ปรึกษามีเพื่อนมีครอบครัวด้วย ถ้าเป็นตัวเองจะคิดก่อน เรื่องนี้เกิดเพราะอะไร แล้วทำไมมันถึงเกิดเรื่องนี้ คิดๆๆ เราทำอะไร เราพลาดตรงไหน ทำไม ยังไง แล้ว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แล้วเราโอเคกับผลที่จะเกิดขึ้นต่อไปไหม ถ้าเราจะแก้จะทำอย่างนี้ มันไม่มีวิธีคิดตายตัวหรอก บางปัญหาพอเจอปุ๊บก็ต้องรีบแก้เลย จิ๊บจะคุยกับเพื่อน แล้วก็ค่อยๆ แก้กันไป”
หญิงสาว พูดขึ้นด้วยความศรัทธาว่ามนุษย์เราไม่สามารถอยู่เพียงลำพังได้บนโลกใบนี้
“จิ๊บเชื่ออย่างหนึ่งเลยนะ ชีวิตคนเราไม่มีใครอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ได้หรอก และความคิดของเราบางที เราก็ไม่มั่นใจหรอกว่ามันดีที่สุดหรือเปล่า จิ๊บก็มีเพื่อนไว้คอยรับฟัง ก็จะมีหลากหลายความคิดเห็นจากเพื่อนด้วย ก็มาลองประมวลผลแก้กันมันเวิร์คที่สุดแล้วนะ”
คนนอกอาจจะมองว่าบุคคลิกอย่างจิ๊บอาจเป็นเพลย์เกิร์ล มีเพื่อนเยอะแยะ เธอรีบปฎิเสธ
“ไม่เยอะ จิ๊บมีเพื่อนไม่เยอะเลย ใครว่าจิ๊บเพื่อนเยอะมาก ไม่..ไม่เลย แต่เพื่อนที่จิ๊บมีคือเพื่อนที่ดีทั้งนั้นเลย”
กดดันจากงานแต่ยังไหวอยู่
“มันก็มีช่วงท้อบ้างเนอะ แต่ไม่เคยคิดอยากเลิก จิ๊บไม่ใช่คนหนีปัญหา ยิ่งเจอ จิ๊บยิ่งวิ่งเข้าสู้ ยังไงฉันก็ต้องสู้ เคยเจอเรื่องหนึ่งนานแล้ว เป็นข่าวหน้าหนึ่งอย่างที่เราไม่ตั้งใจมันก็มี คนเรามันต้องมูฟออน คนเราต้องรู้จักเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและก้าวต่อไป จิ๊บเชื่อว่า เป็นเรื่องดีที่เขาสอนให้เราล้ม เขาสอนให้เราเจ็บ แต่มันก็ทำให้เราโตขึ้น เขาก็ทำให้เรารู้ขึ้นว่าการใช้ชีวิตมันเป็นยังไง” เธอเปิดใจถึงความกดดันในเรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะกับงานในวงการที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
คนเราย่อมมีเป้าหมายในชีวิต เธอเองกก็มีเป้าหมายที่อาจดูไม่ยิ่งใหญ่มาก แต่ดูเป็นความสุขที่สัมผัสได้
“จิ๊บจะมีเป้าหมายอย่างเดียว เป้าหมายรวมว่า จิ๊บจะทำทุกวันให้ดีที่สุด”
ถึงจะโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้วแต่ทางครอบครัวก็ยังเป็นห่วงคอยดูแลเธออยู่ไม่ไกล
“คุณพ่อคุณแม่เขาจะสอนให้เราโตด้วยตัวเอง เขาจะดูอยู่ห่างๆ ตลอดแหละ ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เหมาะสมหรือเปล่า แม่จิ๊บคือแฟนคลับนัมเบอร์วันของจิ๊บนะ คุณพ่อเนี่ยเป็นคนพูดเก่ง เป็นคนคุยสนุก จิ๊บว่าสามารถเป็นพิธีกรได้ก็เพราะคุณพ่อนี่แหละ เขาก็สอนนู้นสอนนี่”
เธอเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัมเทียมชัย ในเรื่องความสนิทสนมนั้นจิ๊บเปิดเผยว่าทุกคนมีความสนิทกันในระดับหนึ่งแต่อยู่ในปริมาณที่พอดี
“สนิทค่ะ ก็คือคุยกัน แต่ไม่อยากจะบอกว่าสนิทมาก คือมันก็มีสเปดบ้าง เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่เขาก็สอนว่า ฉันมีมีสเปดนะเพราะฉันคือผู้ปกครอง มีอำนาจนิดๆ ในการปกครอง”
ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ตัวเองจัดเป็นเด็กดื้อ แสบซ่ามากๆ “โตมาได้ป่านนี้พ่อแม่เก่งมาก จิ๊บเป็นเด็กที่ไม่ได้เรื่องเลย ตอนเด็กๆ เราคิดว่า แก่น เสี้ยว น่ารัก (หัวเราะ)”
ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยสร้างวีรกรรมทำลายล้างไว้เมื่อครั้งยังเด็ก จนรู้สึกผิดมาถึงปัจจุบันเพราะทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจ เสียเงินเสียทองอย่างไม่ควร
“จิ๊บไปเที่ยวห้าง และด้วยความที่ว่าเล่นกับน้องวิ่งทั่วห้างเลย แกล้งน้องไง เราเป็นปีศาจวิ่งไล่หลอก แบร่ๆ แล้วแผนกนั้นคือ แก้ว แล้วจิ๊บไปคว่ำแผงเขา ตกหมดเลย คุณพ่อก็ตีกันคนละหนึ่งที หลังจากนั้นเป็นโรคจิตเลยจิ๊บรู้สึกทำพ่อเสียใจ จิ๊บทำแม่เสียใจ เพราะว่าแผนกแก้ว จิ๊บทำให้เขาเสียเงินเยอะ ซื้อเป็นหมื่น หลายหมื่น เห้ย..พ่อกับแม่ต้องมาเสียเงินกับเราเรื่องแบบนี้ ก็รู้สึกผิดไปเอง ก็เลยเหมือนกับว่ากลัวแผนกแก้วไปเลย”
ถึงครอบครัวนี้จะมีแต่ลูกสาว 2 คน แต่จิ๊บก็เปิดเผยว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้หวง เพียงแต่จะดูแลอยู่ในสายตา
ฉันหลงใหลแฟชั่น
“จิ๊บชอบแฟชั่นคะ หลงใหลในเรื่องเสื้อผ้า” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เจือยิ้มมุมปาก
“ชอบแต่งตัวนะ จิ๊บเป็นคนที่สนุกกับการแต่งตัว ล่าสุดจิ๊บก็กำลังจะเปิดไลน์เสื้อผ้า คือมีแบรนด์นี้อยู่แล้ว จะไปร่วมกับเขา คือ heidi's secret by จิ๊บ ปกฉัตร”
เธอแอบกระซิบว่า ในเดือนหน้าจะได้เห็นผลงานออกแบบเสื้อผ้าสไตล์เธอกัน ส่วนสิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอชอบในเรื่องแฟชั่นก็ไม่พ้นเรื่องแรกเลยคือการทำงานในวงการบังเทิง
“จริงๆ แล้วเป็นคนที่ทำงานในวงการนี้มันต้องรักสวยรักงามด้วยใช่ไหมคะ และบังเอินว่าจิ๊บก็โชคดี เจอเพื่อนดีๆ เมื่อก่อนก็แต่งตัวไม่เป็นหรอก มาแต่งตัวเป็นได้ก็เพราะเพื่อนๆ เขาช่วยเรา เพื่อนเป็นคนแต่งตัวจะสอนให้เรารู้จักนู้นนี่นั่น แล้วเราก็เลย เออ..ก็ลองดู แล้วพอลองเราก็ชอบสนุกกับมัน แฮปปี้กับมัน จิ๊บชอบให้ตัวเองดูดีค่ะ..ผู้หญิงทุกคนแหละ
“จิ๊บไม่ได้เป็นคนตามเทรนด์นะ จิ๊บแค่จะใส่อะไรให้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด แค่นั้นเอง”
ถามถึงสไตล์การแต่งตัวเป็นอย่างไรเธอก็ตอบว่าเป็น แนว จิ๊บ ปกฉัตร นี่แหละ คือความเป็นตัวเองมากที่สุด
“จิ๊บจะใส่ที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด โอเคโลกเรามีกระแส เทรนด์แฟชั่นมาทุกปี มีการอัปเดตเทรนด์ตลอด แต่อันไหนที่มันเป็นตัวเราละ เราก็ต้องเลือกที่มันเป็นตัวเราด้วย
“อยากจะบอกสาวๆ ทุกคน ตามแฟชั่นมากมันไม่ดีนะ บางทีเราสนุกกับการแต่งตัวได้ จิ๊บเป็นคนสนุกกับการแต่งตัวแต่จิ๊บไม่ได้เป็นคนตามแฟชั่น เพราะว่าแฟชั่นมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนโลกมันหมุนไปเรื่อยๆ แต่ตรงไหนคือจุดยืนของเรา อันไหนคือที่ๆ เราอยู่แล้วพร้อมหมุนไปกับโลก อันนั้นแหละคือตัวเรา”
ส่วนใหญ่จิ๊บจะชอบอะไรที่ย้อนยุคนิดนึง เช่นแบบมีกลิ่นอาย ดีไซน์ยุคเก่า แฟชั่นย้อนๆ หน่อย
“จิ๊บเป็นคนไม่ฟิกซ์ว่าต้องใส่แบรนด์เนม จิ๊บใส่หมดนะทุกอย่าง จิ๊บสามารถซื้อได้ตั้งแต่เสื้อผ้าตัวละเป็นหมื่นถึงตัวละ 199 ซื้อใส่ได้หมดเลย ฟิกซ์แค่มันต้องเป็นเรา ราคามันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกแตกต่าง มันขึ้นอยู่กับความชอบในชุดๆ นั้น ว่าซื้อมาแล้วเราชอบมันแค่ไหน”
กลุ่มเพื่อนที่จิ๊บคบ เขาเป็นคนทำให้จิ๊บรู้จักการแต่งตัว และทำให้จิ๊บชอบและหลงใหลมัน แต่ก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งยังคงมองว่าแฟชั่นเป็นเรื่องฟุ่มเฟื่อย เธอรีบตอบทันควัน
“ไม่เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ คือมันแล้วแต่คนด้วย เสื้อผ้าถ้ามีอยู่ชิ้นหนึ่ง อย่างเสื้อกับกระโปรงตัวนี้มันแมตช์กันสุดแล้ว แต่ถ้าคุณไม่รู้จักหยิบมันไปใส่กับตัวอื่นหรือว่าเปลี่ยน มันก็ฟุ่มเฟือยแน่นอน คือต้องรู้จักมิกซ์แอนด์แมตช์ด้วยจะได้ประหยัดตังค์
“จิ๊บถึงบอกว่าให้ซื้ออะไรที่เป็นตัวเรา เพราะมันจะมีพวกโลภ ตะกละซื้อ เห้ย..เจออะไรสวยซื้อหมด นึกออกไหม บางทีก็ไม่ได้เป็นตัวเขาเองทั้งหมดเสียทีเดียว จิ๊บเคยเป็นนะพวกบ้าซื้อ เห้ย..ฉันชอบแบรนด์นี้มาก ต้องซื้อทั้งคอลเลกชั่น สมมุติซื้อทั้งคอลเลคชั่นโอเคมันสวยจริงแต่ไม่ได้หมายความว่ามันเข้ากับเราทุกตัว มันไม่ได้หมายความว่าเราจะใส่ได้ทุกชิ้นของเขาถึงแม้ว่ามันจะสวย คือเราก็ต้องเลือกอะไรที่เป็นตัวเอง ใส่แล้วสวยที่สุด เราต้องเลือกพวกนั้นมาแมตช์กัน สมมุติเรามีเสื้อ 5 ตัว กางเกง 5 ตัว ถ้าเรารู้จักแมตช์กันมันก็จะเป็นทวีคูณ แล้วคุณจะสนุกกับการแต่งตัว คือสนุกกับตู้เสื้อผ้าคุณนั้นแหละ ไม่ต้องไปซื้ออะไรมาเยอะหรอก”
แต่ถึงจะมีสไตล์มาดมั่นในการแต่งเนื้อแต่งตัว แต่ถ้าวันไหนเพื่อนฝูงทักว่าชุดไม่โอเคก็ทำเอาเสียเสียเซลฟ์ไปทั้งวัน
“หูย.. เสียเซลฟ์เลยจริงๆ ไม่มั่นใจคะ ถ้าเพื่อนบอกไม่ผ่านมันต้องคิดแล้วเพราะเพื่อนเขาก็เป็นเหมือนจิ๊บ ถ้าบอกว่าไม่ปุ๊บ..ต้องคิดแล้วว่าพลาดตรงไหน(หัวเราะ) พลาดตรงนี้แก้ตรงนี้ได้ไหม แก้อย่างไรดี ไม่อยากพลาด แต่ถ้าคนอื่นคนนอกบอกไม่ผ่านไม่เป็นไร แต่ถ้าเพื่อนพีคเลย”
เป็นนักเปียโนคลาสสิค
ดนตรีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จิ๊บและเพื่อนสนใจ จึงร่วมกันฟอร์มวงtom and strawberry ขึ้นมา 2 - 3 ปีแล้ว มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ซึ่งจิ๊บรับหน้าที่เป็นมือคีบอร์ด ตั้งใจจะเล่นกันสนุกๆ กับเดอะแก๊งเท่านั้นไม่คิดจริงจังถึงกับออกอัลบั้ม
“เรายังเล่นแบบสนุกๆ ขำๆ อยู่ เราไม่ได้เล่นแบบกะมีอัลบั้ม พื้นฐานอาชีพของสมาชิกวง จิ๊บ-เพชร-พลอย ก็คือนักแสดง คือต้องบอกเลยว่าทุกคน ฝึกหัดกันด้วยตัวเอง อย่าง เพชร-พลอย-ปุ้ม เขาไม่ได้มีพื้นฐานทางด้านดนตรีมาก่อน แต่ด้วยความที่เราอยากทำกิจกรรมเป็นแก๊งก็เลยฝึกหัดเล่นดนตรีกัน เพราะมันก็เป็นอีกหนึ่งความสนุกที่ชอบกับ เราชอบเสียงเพลง ก็เลยฝึกหัดเล่นดนตรีกัน ถ้าพูดถึงศิลปินที่ออกอัลบั้มแต่ละคนความสามารถด้านดนตรีเขาต้องแน่นมาก แต่เราเล่นกันเองป๊อกแป๊กๆ ฟังกันเองเราก็รู้สึกว่าเพราะ แต่เราก็ยังไม่พร้อมที่จะออกเป็นอัลบั้ม เราชอบเราสนุกกับมันก็จริงแต่ฝีมือเรายังไม่ถึงขั้นเทียบเท่ากับศิลปินวงอื่น”
ถามว่าทำไมถึงสนใจจับคีบอร์ด สาวจิ๊บก็ท้าวความกลับไปตอนเด็กครั้งคุณแม่ส่งให้เรียนเปียโน
“เพราะว่าจิ๊บเรียนเปียโน มาตั้งแต่เด็กแล้ว คือคุณแม่จับเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นความสามารถพิเศษของจิ๊บก็คือเล่นเปียโน การที่จะเปลี่ยนเปียโนมาเป็นคีบอร์ดมันก็มีพื้นอยู่ ก็เลยโอเคสุด
“จิ๊บเรียนตั้งแต่ 6 ขวบ จนถึงประมาณ 14 ปี เสร็จปุ๊บก็พอโตขึ้นมาหน่อย งานเยอะขึ้น เกเรมากขึ้น ประมาณว่าขี้เกียจเรียนแล้วอะแม่จะเอาเวลาไปเดินสยามกับเพื่อน(แอ๊บเสียงเล็กเสียงน้อย..หัวเราะ) ก็เลยเลิกเรียนเปียโนไป”
ไม่เคยถามเหตุผลคุณแม่นะว่าทำไมถึงให้ไปเรียนเปียโน แต่ตอนนี้รู้สึกขอบคุณท่านมากๆ เลย
“ตอนนี้ขอบคุณแม่มากที่ให้เรียนเปียโนตั้งแต่เด็ก มันทำให้จิ๊บสนุกกับเสียงดนตรี เหมือนเปิดกว้างกับเรื่องดนตรีของเราเลยนะ จิ๊บเล่นดนตรีได้เป็นคลาสสิเคิล ไม่ใช่กิ๊กก๊องนะ ความสามารถจิ๊บจริงๆ เป็นครูสอนเปียโนได้นะ”
ไปถึงขั้นที่ว่า ตอนแรกก็คิดถ้าเอนฯ ไม่ติดจะไปเรียนดนตรี เรียนเปียโนนี่แหละ แต่บังเอิญว่าติด คณะศิลปกรรมฯ เอกการแสดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
จิ๊บ อธิบายถึงความแตกต่างของเปียนโนและคีบอร์ดให้ฟังคราวๆ ว่า พื้นมันรูปร่างของแป้นที่ออกโน้ตมามันเหมือนกัน แต่ลักษณะการเล่นมันต่างกันนะ
“เปียโน คือจิ๊บเรียนเปียโนคลาสสิกไง จิ๊บไม่ได้เรียนเป็นโซล เป็นแจ๊ส แต่คีบอร์คมันต้องไปไกลกว่านั้น คือไม่ใช่คลาสสิค ต้องไปเป็นร็อก ไปเป็นดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ คอนทราสต์กันมากกับคลาสสิคมากโดยตลอด ก็คือเหมือนกับว่าต้องเมาเรียนรู้เองใหม่”
จิ๊บ พูดขึ้นขำๆ ว่าได้ความเป็นศิลปินจากการเล่นดนตรี พร้อมค่อยๆ แจงถึงความรู้สึกที่มีกับการเล่นดนตรี
“ได้ระบายค่ะ เวลาหงุดหงิดหรือเวลาเครียดเปียโนช่วยจิ๊บได้ดีมากเลยนะสำหรับตัวจิ๊บเอง มันกลายเป็นอุปกรณ์ช่วยคิด เวลาเครียดๆ คิดอะไรไม่ออก ถ้าจิ๊บเล่นเปียโนทุกอย่างจะจบเลยนะ หรือโมโหปี๊ดมากๆ อยากจะกรี๊ดเล่นเปียโนจิ๊บนิ่งเลยนะ เย็นเลย”
เรื่องรัก ไม่ปกปิดแม้ถูกมองผิดปกติ
มีคนบอกว่าความรักเป็นเหมือนอากาศช่วยหล่อเลี้ยงก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจของคู่รักให้รู้สึกอิ่มเอมไปกับห้องอารมณ์หวั่นไหว แล้วนิยามรักของจิ๊บเป็นอย่างไร
“รักคือทุกสิ่ง(หัวเราะเสียงดัง) ความรักคือทุกสิ่งจริงๆ เมื่อก่อนรักคือทุกสิ่ง แต่ตอนนี้รักนำทาง จริงๆ คนเราโตมาด้วยความรักนะ พ่อกับแม่ต้องรักเราแล้วเราถึงจะโตมาเป็นคนที่ดีได้ถูกไหม เราต้องมีเพื่อนที่ดีเราถึงจะฟันฟ่าอุปสรรคต่างๆ ได้ ด้วยความรักของเพื่อนเราที่ช่วยเหลือเราจริงๆ แล้วก็ คนเราโตมาด้วยความรัก รักนำทางจริงๆ ถ้าเจอรักที่ดีก็ดีรักไม่ดีชีวิตก็พัง”
ตลอดเวลาที่อยู่ในวงการบันเทิง นางเอกสาวคนนี้เปิดเผยถึงความรักในรูปแบบของเธอมาตลอด ความรักระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงที่คนบางกลุ่มยังมองด้วยสายตาแปลกแยก แน่นอนน้อยคนนักโดยเฉพาะในกลุ่มดารานักแสดงที่จะเปิดเผยความรักในรูปแบบนี้
“ถามว่ากลัวผลกระทบหรือเปล่า..ไม่ค่ะ เพราะว่าจิ๊บเชื่อว่านี่คือตัวจิ๊บ และนี่ก็คือมุมมองหนึ่งที่สะท้อนสังคมเหมือนกัน เพราะว่าทุกวันนี้ก็เห็นเยอะแยะไปหมดถูกไหม มันเป็นเรื่องชีวิตปกติของสังคมจะทำตัวปิดหูปิดตาไม่รับรู้ก็ไม่ได้ และบางทีจิ๊บก็รู้สึกว่าเนี้ยคือคนที่จิ๊บรัก จิ๊บต้องให้เกียรติเขา เขาคือคนที่จิ๊บรักให้เกียรติเขา แค่นั้นเอง”
แม้ความรักที่ใช้เวลาร่วมกันมากกว่า 6 ปี จะปิดฉากลง แต่จิ๊บก็ไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์เสียทีเดียว
“เป็นเพื่อนกัน ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ มันมีเรื่องบางอย่างที่คนเราคบกันมีเรื่องบางอย่างที่ทนกันได้หรือทนกันไม่ได้ แล้วบางทีเรื่องบางเรื่องเล็กมากแต่กลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะเราอยู่กันมานานแล้ว บางทีก็ทะเลาะกันหนัก บางทีก็หยุด..เป็นแค่เพื่อนกันดีกว่า”
บางคนอาจเย้ยหยันว่าความรักในรูปแบบผู้หญิงกับผู้หญิง หรือผู้ชายกับผู้ชาย ไปกันไม่รอด ยิ่งข่าวคราวเลิกราของจิ๊บก็ดูจะเป็นอีกข้อพิสูจน์ที่ถูกพูดถึง แต่จิ๊บกลับยืนยันเสียงแข็ง
“ไม่จริง มันยั่งยืนได้ ทุกเพศค่ะ จิ๊บเคยเจอเพื่อนจิ๊บคนหนึ่งที่เป็นเกย์คบกันมาได้ 15 ปีแล้วนะ คนเดียวไม่เคยมีใครมีคนอื่นเลย ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าเกย์เป็นความรักแบบที่ไม่ยั่งยืน ไม่จริง..มันยั่งยืนได้ มันอยุ่ที่ตัวบุคคล จิ๊บไม่เคยตัดสินเลยว่าคุณคือเพศอะไร คือต่อให้คุณผู้ชายกับผู้หญิงคุณคบกันยืนหรอ..ก็ไม่ยั่งยืนอยู่ดี หรือคุณจะเป็นเลสเบี้ยน ทอมดี้ บางคู่เขาอยู่กันมา 10-20 ปี ก็มีนะ มันเยอะมาก เพียงแต่ว่าอย่าตัดสินเพียงแค่มองภาพองค์รวม เป็นเรื่องของตัวบุคคล”
จิ๊บ เปิดเผยว่าตอนนี้ก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง ยังเปิดโอกาสให้ใครๆ ได้เข้ามาเรียนรู้ “ไม่ได้ปิด แต่ต้องดูต้องศึกษาต้องเรียนรู้ เราขอเป็นคนดี จริงใจ จริงจัง เข้าใจจิ๊บ รู้จักทำมาหากิน มีความเป็นผู้ใหญ่”
ผู้หญิงหลายคน ก็คงมีความฝันในเรื่องการแต่งงาน สำหรับหญิงสาวผู้นี้ก็เช่นกัน แต่มุมมองเรื่องแต่งงานของเธออาจต่างออกไป
“ถามว่าการแต่งงานจำเป็นหรือเปล่า จิ๊บเฉยๆ นะ คำว่าแต่งงานของจิ๊บไม่ได้หมายถึงแต่งกับผู้ชายนะ หมายถึงใครก็ได้ที่ช่วยอยู่กับจิ๊บทั้งชีวิตได้มั้ย เพราะว่าในความรู้สึกจิ๊บคำว่าแต่งงานเหมือนกับว่าชีวิตจิ๊บทั้งชีวิตจะมีแต่เขาคนเดียวแล้ว จะจบไม่ต้องขวนขวาย หาเรื่องความรักใดๆ ทั้งสิ้นอีก ไม่ต้องมาเปล่าเปลี่ยวโดดเดี่ยวเหงาใจอีก เพศอะไรก็ได้ค่ะ ยังไงก็ได้ค่ะ(ยิ้ม)
“อยากหยุดที่ใครสักคนทั้งชีวิตจริงๆ มันเหนื่อยที่จะต้องมาเรียนรู้คนนี้ทีเรียนรู้คนนั้นที อยากแบบคนนี้แหละคนที่เราจะใช้ชีวิตกับเขาทั้งชีวิตจริงๆ”
.......................
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LITE
ขอบคุณสำหรับสถานที่ : ร้านgreyhound cafe สาขา อารีย์
............................................
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล : จิ๊บ - ปกฉัตร เทียมชัย
อายุ : 26 ปี
วัน เดือน ปีเกิด : 14 เมษายน พ.ศ. 2529
การศึกษา : มัธยม - ศึกษาจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์, อุดมศึกษา-ปริญญาตรี ศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ผลงานที่ผ่านมา :
ภาพยนตร์ : เรื่องตั๊ดสู้ฟุด, รักไม่จำกัดนิยาม, คริตกะจ๋า บ้าสุดสุด, สมานฉัน, 555 อย่าท้าก๋อย
ละคร : เรื่องนรสิงห์, ธรรมะติดปีก, ทาสรักทระนง, มหาชนชาวแฟลต, บ้านนอกเข้ากรุง(กำลังจะเข้าฉายทางช่อง 3) ฯลฯ
โฆษณา : ยาสีฟันเดนทิสเต้, กาแฟเขาช่อง, น้ำดื่มเนสเล่ห์
พิธีกร : รายการล้วงลับ upLoad, รายการเที่ยวซ่าท้าดวล, ล่าสุดรายการ สวย เฉียบ เนี๊ยบ และ รายการแฮมเบอร์เกอร์ทีวี ทางเวิร์คพ้อยทีวี