ความสุขของคนเราอย่างหนึ่งในชีวิตคงไม่พ้นเรื่องอาหารการกิน ที่คงจะดีไม่น้อยหากได้ใช้เวลาละเลียดความสุขไปกับอาหารอร่อย รสชาติดี แล้วเสริมความละมุนลิ้นด้วยเครื่องดื่มดีๆสักแก้ว โดยเฉพาะกับอาหารชั้นดีที่มีร้านรวงเปิดขึ้นมาเรียงรายตามถนนสายใหญ่ในเมืองให้เลือกดื่มกินอย่างมากมาย คงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนไทยถึงเลือกที่จะออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านในวันหยุดพักผ่อน หรือแม้กระทั่งหลังเลิกงาน
ด้วยความต้องการที่หลากหลายของผู้คนในยุคปัจจุบัน เราจึงเห็นร้านอาหารหลากสไตล์หลายรูปแบบทั้งอาหารไทย อาหารอิตาเลียน อาหารฝรั่งเศส ซึ่งนอกจากความอร่อยของอาหารอย่างเดียวมันอาจไม่ทำให้เติมเต็มความสุขให้สมบูรณ์แบบได้ วัฒนธรรมการดื่มไวน์จึงค่อยๆซึมซาบเข้ามามากขึ้น แต่ก่อนอาจหาได้ตามโรงแรมระดับสี่-ห้าดาว พอมาถึงปัจจุบันก็ลงมาปรากฏตามร้านอาหารมากขึ้นเพื่อเพิ่มรสชาติความสุขในการรับประทานอาหารนั่นเอง
ร้าน Wine We Well ที่ CDC เลียบทางด่วนรามอินทรา-เอกมัย ก็เป็นร้านอาหารอีกร้านหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่นำ ไวน์ มาเป็นจุดขายของร้านให้กับผู้รักการดื่มไวน์ ซึ่งที่นี่มีคอนเซ็ปต์ของร้านคือเป็น Wine Library & Fusion French Restaurant ร้านอาหารที่เมื่อคุณแวะเวียนมาจะได้ทั้งความอิ่ม อร่อย ความสุข จากมื้ออาหาร และอีกหนึ่งประการที่สำคัญคือ “คุณจะได้ความรู้กลับออกไป” สิ่งที่ คุณผึ้ง - ศุภมาส อิศรภักดี เน้นย้ำว่า การที่เราได้รับประทานอาหารดีๆ และได้ดื่มด่ำกับรสชาติของไวน์ เพื่อความคุ้มค่า คุ้มราคา คุณจึงน่าจะได้รับความรู้เรื่องไวน์พกติดตัวกลับบ้านไปด้วย
จากความตั้งใจนี้เองจึงทำให้เกิดตำแหน่ง ไวน์ แอมบาสซาเดอร์ (Wine Ambassador) ประจำร้านWine We Well ขึ้น โดยที่นี่มีสาวสวย หนุ่มหล่อ ประจำตำแหน่งทั้งหมด 14 คน ที่จะคอยดูแล แนะนำความรู้เรื่องไวน์ ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
"ไวน์ แอมบาสซาเดอร์ คือคนที่จะแนะนำเรื่องของไวน์ เพราะไวน์จะเป็นเครื่องดื่มที่มีขั้นตอน บางคนเพิ่งเริ่มดื่ม อาจจะไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง ต้องดื่มขวดไหน ใช้แก้วทรงอะไร เราจึงต้องมีคนที่คอยช่วยอธิบายเรื่องนี้ เพราะไวน์มันเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากนะ มันมีพัฒนาการในตัวของมันเอง แล้วไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีราคา พี่เลยคิดว่าคนดื่มก็ควรจะได้อะไรกลับมาไม่ใช่ดื่มเอาอร่อยอย่างเดียว” คุณผึ้ง กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องมีไวน์ แอมซาบาสเดอร์
นอกจากสิ่งแรกที่ประทับสายตาด้วยความสวย หล่อ น่ารักสดใส บวกกับบุคลิกโดดเด่นของน้องๆ ไวน์ แอมบาสซาเดอร์แล้ว อีกสิ่งที่เป็นเสน่ห์คือ กึ๋น ของแต่ละคน ที่มีดีมากกว่าหน้าตาแน่นอน เพราะไวน์ แอมบาสซาเดอร์ที่นี่ทุกคนต้องมีความรู้เรื่องไวน์ จากการอบรมเคี่ยวกรำมากว่า 3 เดือน จึงทำให้แต่ละคนมีความรู้เรื่องไวน์เป็นอย่างดี โดย แอนนี่ - ภัคชุดา ตรุยานนท์ หัวหน้าไวน์ แอมบาสซาเดอร์ พี่ใหญ่ใจดีของน้องๆ บอกว่า
“ช่วงที่เทรน แอนจะคัดน้องที่มีความสามารถพิเศษจริงๆ ไม่ใช่แค่หน้าตา ไม่ใช่แค่คุณพร้อมจะทำงานกับเรามั้ย แต่เราดูที่ความสามารถในการพูด ในการขาย และเค้าต้องมีความสนใจที่จะรู้จักกับคำว่าไวน์มากขึ้น ไม่ใช่สักแต่ทำงาน จะรับแค่เงิน แอนจะดูลักษณะน้องที่เค้าสนใจในไวน์จริงๆ ก็ตอนแรกมีน้องทั้งหมด 50 คน ตอนนี้เหลือน้องทำงานจริงๆ 14 คน
ในการเทรนเราต้องเทรนตั้งแต่อาหารว่าขายอะไรบ้าง น้องต้องรู้จักอะไรบ้าง แนะนำอาหารอะไรบ้าง การจัดโต๊ะอาหาร มีแก้ว มีไวน์ กี่อย่าง น้องของเราต้องรู้ทุกคน โดยเราจะมีอาจารย์ไพรัช ที่จะมาสอนแบบเจาะลึกเรื่องไวน์ ตั้งแต่ปลูกที่ประเทศไหน ไวน์แบบนี้ทานคู่กับอาหารแบบไหน ต้องจับคู่อาหารกับไวน์ให้แมตช์กัน
พอทำงานจริงๆ บางคนทำไม่ได้ ทำไม่ไหวก็ขอลาออก ซึ่งแอนก็จะพอดูออกว่าคนไหนทำได้ ทำไม่ได้ แต่ละคนมีจุดอ่อน จุดบกพร่องยังไง บางคนทุ่มให้แล้ว รับไม่ไหวก็ไม่เป็นไรเรายินดีให้เขาได้ความรู้ ที่สอนไปอยากให้เขามีความรู้มากๆ เป็นคนเก่ง ไปเปิดร้านของตัวเองได้”
คุณสมบัติในเรื่องความสนใจในเรื่องไวน์ ก็เป็นเพียงหัวใจสำคัญหนึ่งข้อของการทำงานเป็นไวน์ แอมบาสซาเดอร์ที่นี่ แต่องค์ประกอบหลักอื่นก็สำคัญไม่แพ้กัน ในเรื่องของการบริการ และความรู้ที่จะต้องส่งไม้ต่อให้กับลูกค้าที่ร้าน
“งาน ไวน์ แอมบาสซาเดอร์ ไม่ใช่งานที่ง่าย ทุกคนต้องเรียนรู้ตั้งแต่วิธีการเสิร์ฟอาหาร การวางอาหาร การบริการลูกค้า ไปจนถึงช่วยเซตโต๊ะ เก็บโต๊ะ หน้าที่เหมือนแอร์ โฮสเตสคือดูแลลูกค้าทุกอย่าง แล้วเรามีลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องเทรนน้องในการดูแลแขกเป็นพิเศษ”
โดยกว่าจะมาเป็นพี่สาวหัวหน้าคนเก่งของน้องๆไวน์ แอมบาสซาเดอร์ แอนนี่ก็เป็นคนที่สนใจในเรื่องไวน์ และมีความรู้พอตัวในเรื่องนี้อยู่แล้ว
“ก่อนจะมาที่นี่ แอนก็ทำงานมาหลายที่ จบ Admin Management Secretary จากมหาวิทยาลัยบอสตัน ก็เคยทำงานเป็นเลขาฯให้ท่านประธานกรรมการผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่งอยู่ 2 ปี แล้วก็มาช่วยที่บ้านเปิดคลินิกเสริมความงามซึ่งมีพี่ผึ้งหุ้นอยู่ จากนั้นพอพี่ผึ้งมาเปิดร้านไวน์ ก็เลยดึงตัวแอนมาร่วมงานค่ะ
ส่วนตัวแอนเป็นคนชอบดื่มไวน์อยู่แล้ว พอมีความรู้เรื่องไวน์บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกซึ้งขนาดนั้น เคยศึกษาเรื่องไวน์จากอาจารย์ไพรัชอยู่แล้ว ก็มีลงคอร์สเรียนครั้งหนึ่ง พอมาที่นี่ต้องมีการเทรนก่อนทำงานก็เจออาจารย์ไพรัชอีก แอนก็ยิ่งได้ความรู้เรื่องไวน์มากขึ้น”
แอนบอกว่าการทำงานเป็นไวน์ แอมบาสซาเดอร์ นอกจากจะมีความสุข สนุกในการพบปะผู้คนที่หลากหลายแล้วยังเป็นการเพิ่มพูน แลกเปลี่ยนความรู้กับลูกค้าอีกด้วย ซึ่งในความคิดของเธอมองว่า ไวน์ แอมบาสซาเดอร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตุ๊กตาสวยๆที่ยืนอยู่หน้าร้านเท่านั้น
“เสน่ห์ของไวน์ แอมบาสซาเดอร์ คือเป็นผู้หญิงสวย ฉลาด มีความรู้ ไม่ใช่แค่มายืนสวัสดีแขก หน้าร้าน เรียกแขกให้เข้าร้าน นั่นไม่ใช่ไวน์ แอมบาสซาเดอร์ของแอน เราต้องรู้ทุกอย่างในร้านเหมือนเป็นเจ้าของร้านเอง ต้องดูแลร้านได้ รักในการบริการ ดูแลลูกค้าให้เขาประทับใจ และกลับมาหาเราได้ใหม่ นั่นคือไวน์ แอมบาสซาเดอร์ของร้านเรา
แล้วแอนคิดว่า อาชีพนี้ให้อะไรหลายๆอย่างกับแอน ทำให้แอนคิดได้ว่า หากไม่มีปัญหาก็ไม่เกิดปัญญา อีกอย่างคือแอนต้องดูแลน้อง แอนต้องคุมคนให้เป็น ดูคนให้อยู่ ดูแลให้ลูกค้ากลับมาร้านเรา ทำให้ร้านเรามีชื่อติดตลาด ซึ่งแอนรักงานนี้ สนุกที่ได้พบปะผู้คน เจอคนที่แตกต่างกันไป เจอสังคมอีกระดับหนึ่ง ได้เรียนรู้ผู้คนหลายๆแบบ และได้ความรู้เรื่องไวน์ เรื่องการเสิร์ฟอาหาร ได้เพื่อนร่วมงาน ได้เรียนรู้ระบบงานร้านอาหาร การขายไวน์”
เมื่อเปิดใจพี่ใหญ่อย่างแอนนี่ ก็หันมาถามความรู้สึกของน้องๆ ไวน์ แอมบาสซาเดอร์บ้าง กับคนแรกชายหนุ่มมาดเข้ม เอิร์ธ - ภูษิต ดาวเรือง ที่มีมาดกวนๆแบบหนุ่มอารมณ์ดีที่หันมาเอาดีในอาชีพ ไวน์ แอมบาสซาเดอร์
“มีโอกาสมารู้จักงานด้านนี้จากเพื่อน ตอนแรกก็มาแคสก่อน ซึ่งแต่ก่อนก็ไม่ชอบดื่มไวน์ แต่พอมาศึกษา เรารู้สึกว่าไวน์มีเสน่ห์ที่แตกต่างจากเหล้าจากเบียร์ แล้วการทำงานที่นี่ทำให้เราได้เจอลูกค้าหลากหลายประเภท ได้คุยแลกเปลี่ยนกัน ก็สนุกดี บางทีเจอลูกค้ามาลองภูมิบ้าง บางคนก็มาหาความรู้เรื่องไวน์”
ต่อมาเป็นสาวบริหารคนสวย นัยน์ตาหวาน ตาล - วรรณิดา วิมลเกียรติศักดิ์
ที่บอกว่าตอนแรกที่ทานไวน์ ไม่รู้ว่าความอร่อยนั้นมันเป็นยังไง
“ตอนแรกเฉยๆ พอมาเรียนรู้ก็เริ่มชอบ ทานไวน์ตอนแรกก็ไม่อร่อย แต่ตอนนี้อร่อยแล้ว ซึ่งสังคมคนที่คุยกันเรื่องไวน์ มันจะเป็นอีกแบบหนึ่งจะไม่มึนเมาเหมือนพวกเหล้า ซึ่งเราต้องรู้ในเชิงลึก สามารถแนะนำลูกค้าว่าไวน์เหมาะกับอาหารแบบไหน ไวน์ความเข้ม รสชาติแบบไหนที่เหมาะตามความชอบของแต่ละคน ซึ่งตาลโชคดีที่มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องไวน์ เพราะมันไม่ได้หาเรียนกันง่ายๆ”
คนสุดท้ายเป็น กระต่าย - ทัตติยา ฉัตรไชยเดช สาวไวน์ แอมบาสซาเดอร์คนสวยอีกคนที่มีดีกรีเป็นสาวนักแข่งรถด้วย
“กระต่ายว่างานไวน์ แอมบาสซาเดอร์นี้ เป็นอะไรที่เขากำลังอินเทรนด์ในเรื่องของการดื่มไวน์ แล้ววัยรุ่นปกติดื่มเหล้ามันก็เบสิกทั่วไป แต่ดื่มไวน์ มันเหมือนอัปเกรดมาอีกระดับหนึ่ง งานที่นี่เราก็ต้องเอนเตอร์เทน ดูแล บริการลูกค้า ต้องตอบคำถามได้ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าซึ่งมีทุกวัน ก็ต้องพูดให้เขาคล้อยตาม ซึ่งที่นี่สอนอะไรกระต่ายมาก ทั้งความรู้เรื่องไวน์ การเข้าสังคม เป็นเปิดโอกาสให้ได้รู้อีกมุมหนึ่งของการดื่มไวน์”
จากทุกถ้อยคำพูดของเหล่า ไวน์ แอมบาสซาเดอร์ที่นี่ ก็คงแสดงออกถึงความรู้ ความฉลาด ความมีไหวพริบ ได้ไม่น้อย และจากเวลา 3 เดือนที่เหล่าไวน์ แอมบาสซาเดอร์ ต้องเรียนรู้ตั้งแต่เรื่องงานบริการ และเรื่องไวน์ อาชีพนี้จึงอาจเป็นสีสันหนึ่งที่จะช่วยชูรสให้กับมื้ออาหารแสนอร่อยและไวน์ดีๆสักขวดให้คุณได้เป็นอย่างดี
*** “Wine Ambassador” คิดว่าตัวเองคือไวน์ขวดไหน ?? ***
เอิร์ธ - ภูษิต ดาวเรือง
อายุ 22 ปี ปริญญาตรี นิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
Chocolate Block จาก South Africa
“รสชาติแน่น เข้ม เต็มปากเต็มคำ แต่กลิ่นซับซ้อน น่าค้นหา”
บุ้ง - วัชระ เจียรไพฑูรย์
อายุ 30 ปี ปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
Brunello จากอิตาลี
“ไวน์ของคาวบอย แบบม้าพันธุ์ดุ”
แอนนี่ - ภัคชุดา ตรุยานนท์
อายุ 31 ปี ปริญญาโท WWA มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
Wine From Chile
“เข้มข้น ร้อนแรง แบบฉบับผู้หญิงเก่ง มีความฮอต รสชาติแรงแบบฟูลบอดี้”
กระต่าย - ทัตติยา ฉัตรไชยเดช
อายุ 24 ปี ปริญญาตรี บริหารโฆษณาประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
Champagne
“เรียบ หรูหรา ดูมีค่า มีราคา”
ตาล - วรรณิดา วิมลเกียรติศักดิ์
อายุ 22 ปี ปริญญาตรี บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
Champagne
“ภายนอกดูนิ่ง แต่ภายในไม่ใช่”
เบสท์ - จุฑารัตน์ เขียวกอ
อายุ 23 ปี ปริญญาตรี ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
Prosecco
“ไวน์เรียกน้ำย่อย มีกลิ่นผลไม้ เสมือนเป็นความประทับใจแรก”