ถ้าหากนึกถึงสาวฝาแฝด ที่พกพาความน่ารักสุดฟิน (ฟิน ศัพท์วัยรุ่นแปลว่า สุดยอด มีที่มาจากคำว่า Finale ซึ่งถูกนำมาใช้ในความหมาย เริ่ด อลังการ บ้างก็บอกมาจากคำว่า Finish ประมาณว่าเป็นอารมณ์สุดยอดหลังเสร็จกิจร่วมรัก) ในตอนนี้ต้องยกให้ “โบว์-เบลล์” สองแฝดสาวใน ภ.วงจรปิด ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนหนึ่งเรียบร้อย อ่อนหวาน อีกคนหนึ่งเปรี้ยว ซู่ซ่า น่าหยิก แต่ไม่ว่าจะมาสไตล์ไหน เชื่อเลยว่าทำให้หนุ่มๆ หัวใจเต้นแรงได้ทั้งนั้น เพราะทั้งคู่ดูสดใส น่ารักในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้เธอ ก็อาจตกหลุมรักแบบไม่รู้ตัว
วินาทีแรกเมื่อเจอแฝดสาวทั้งสอง อาจจะมองไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทั้งรูปร่าง หน้าตา ท่าทาง น้ำเสียง ที่ใกล้เคียงจนไม่เห็นถึงความแตกต่าง ทำให้สับสนว่าคนไหนคือ โบว์-ณัฐธยาน์ (แฝดพี่) และคนไหนคือ เบลล์-ณัฎฐา (แฝดน้อง) และพอได้คุยกันสักพักหนึ่งก็จะรู้ว่า เธอมีความชอบไม่เหมือนกัน แต่งตัวคนละสไตล์ นิสัยคนละแบบ แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือ ความสดใส ขี้อ้อน จริงใจ ซึ่งวันนี้จะมาเปิดใจคุยทุกเรื่องราวน่ารัก สุดฮา ให้ทุกคนได้หัวเราะและยิ้มตามไปด้วยกันกับเธอ
มีโอกาสเข้ามาแสดงหนังเรื่องแรกได้อย่างไร
โบว์ : พี่ที่แคสติ้งกำลังหานักแสดงฝาแฝด เขาเสิร์ชไปเจอรูปโบว์กับเบลล์ในเว็บไซต์ทั่วไป ที่เขาจะเอารูปเราไปโพสต์ไว้ แล้วพี่เขาก็โทร.ไปที่โมเดลลิ่งว่ามีที่ไหนมีเบอร์โทร.ฝาแฝดคู่นี้บ้าง เขาก็ไปเจอโมเดลลิ่งหนึ่งที่เราเคยติดต่อไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ชั้น ม.2 ซึ่งเป็นโฆษณาของศรีไทยซุปเปอร์แวร์
เบลล์ : แต่เราไม่ได้ติดต่อโมเดลลิ่งเดิมนั้นมา 6 ปีแล้วค่ะ จนเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 4 พอพี่เขาโทร.ไปที่ออฟฟิศคุณแม่ ก็เลยได้มาแคสต์เป็นนักแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “วงจรปิด”
โบว์ : พอได้แสดงภาพยนตร์ครั้งแรก รู้สึกดีใจมากค่ะ เหมือนฝันไป เคยคิดไว้ว่าอยากเล่นภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ที่ได้เห็นเราแสดงในจอใหญ่ๆ ก็รู้สึกดีใจมาก ดีใจมากๆ เราก็ไม่ได้หวังว่าจะได้เล่นค่ะ ผ่านไปเกือบ 1 เดือนกว่าจะรู้ผล
เบลล์ : คิดว่าเราสองคนเป็นคนธรรมดา ไม่ได้พิเศษอะไร เขาคงเห็นว่าเราเป็นฝาแฝด และเขาอยากได้คาแรกเตอร์ที่เป็นฝาแฝด เขาถึงเลือกเราค่ะ ถ้าเราไม่ได้เป็นฝาแฝดจะมีจุดเด่นอะไรเนี่ย (หัวเราะ)
บทบาทที่ได้รับใกล้เคียงกับเราไหม ชอบหรือเปล่า
โบว์ : ได้เล่นเป็น “จ้าว” (แฝดน้องในบท) บุคลิกใกล้เคียงเราค่ะ พออ่านบทจริงๆ กลายเป็นว่าโบว์เป็นน้อง ส่วนเบลล์เป็นพี่ มันสลับกัน เพราะชีวิตจริงโบว์เป็นพี่ แต่เบลล์เป็นน้อง ในบทมันตรงกับบุคลิกเลย เรามองหน้ากัน ไม่ต้องบอกเลยว่า โบว์เป็นคนนี้นะ เดี๋ยวเบลล์เป็นคนนี้ ผู้กำกับเขาก็บอกว่า จะเป็นคนไหน ลองอ่านบทดู อ่านไปอ่านมา ตัวละครนี้ตรงกับเรานี่นา
เบลล์ : ชอบบทบาทนี้นะคะ ตอนแรกรู้สึกกดดัน แต่ก็ได้ไปเวิร์กชอปก่อน วันที่ถ่ายจริงเลยไม่กดดันเท่าไหร่ค่ะ สบายๆ ไปกดดันตรงซีนอารมณ์มากกว่า กลัวแสดงออกมาไม่ได้อย่างที่ผู้กำกับต้องการ ตอนร้องไห้นี่ยากมาก เพราะเบลล์เป็นคนร้องไห้แล้วไม่อยากให้ใครเห็น ตอนที่แคสต์ เบลล์เป็นคนที่ร้องไห้ได้เยอะมาก แต่พอไปถ่ายจริงแล้วน้ำตาไม่ไหลเลย เบลล์เครียดมาก เราแสดงเป็น “จันทร์” เวลาจันทร์ร้องไห้หน้าจะต้องนิ่งค่ะ แล้วน้ำตาก็ไหล แต่ของเบลล์มันคลออยู่ มันไม่ไหลออกมา
จึงต้องมานั่งคุยกันว่าอยากเล่าอะไรให้พี่ทีมงานฟังที่คิดว่าจะร้องไห้ออกมา เรามองหน้ากันแล้วก็ร้องเลย ร้องเยอะมาก แล้วก็ค่อยๆ เล่าให้ฟังว่าคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่เราเป็นเด็ก คุณพ่อมีเชื้อสายจีน คุณแม่เป็นคนเชียงราย เรานึกถึงพ่อ คิดถึงเขา ตอนนี้เราอยู่กับคุณแม่คนเดียว ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 3 คนในกรุงเทพฯ มาตลอด
เล่นหนังผี แล้วไม่กลัวผีเหรอ
โบว์ : กลัวค่ะ โบว์กลัวมากกว่าเบลล์ และในบทหนังมีฉากเจ็บตัวด้วย คือเป็นฉากหนีผี แล้วเราต้องเดินลงบันไดไป แต่หัวไหล่ถูกับกำแพงแบบไถๆ ไป เราก็อยากให้มันสมจริงเลยทำเต็มที่ พอมาดูอีกทีเป็นแผลถลอก ตอนนี้ก็เป็นแผลเป็นเลย แต่นิดหน่อยค่ะ ไม่เป็นไร
เบลล์ : โบว์เขากลัวทุกอย่างค่ะ สับปะหลาด จิ้กจก แมลงสาบ แต่เบลล์จะกลัวอย่างเดียว คือความสูง ถ้าไปดรีมเวิลด์ เครื่องเล่นอะไรสูงมากๆ เบลล์จะไม่เล่นเลย อย่างอื่นเบลล์ไม่กลัวอะไรเลยนะ ความเร็วนี่ยิ่งชอบค่ะ ชอบมาก แต่เรื่องความสูง มันทำใจไม่ได้เลย
เคยคิดไหมว่าความเป็นฝาแฝด คือจุดขาย
โบว์ : พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มมีงานเข้ามาเรื่อยๆ ได้ถ่ายโฆษณาเยอะ ได้งานเดี่ยวมากขึ้น ของโบว์อย่างล่าสุดไปถ่ายซีรีย์จุดนัดพบของช่อง 3 แต่ถ้างานไหนเขาต้องการแฝดเราก็จะได้คู่กันเลย อย่างหนังดังสุดสัปดาห์ ช่อง 3 เราก็ได้เล่นด้วยกัน เป็นจุดเริ่มต้นที่เขาเรียกกันว่า “ฝาแฝดนรก” เพราะบทละครในเรื่องเล่นได้ร้ายมาก นิสัยไม่ดีเลย แต่ถ้าบางงานเขาต้องการคนเดียว เบลล์จะได้มากกว่า
เบลล์ : แต่ก็มีหลายเรื่องที่เราไม่เหมือนกันเลยอย่าง การแต่งตัว นิสัย หน้าตาด้วย (หัวเราะ) ถ้าจะให้ดูแตกต่างอย่างชัดเจนเลย มันน่าจะเป็นเรื่องการแต่งตัวมากกว่าค่ะ ทำอะไรต้องมั่นใจ อยากได้อะไรต้องได้ ถ้าให้โบว์ทำผมสีแดงอย่างเบลล์ เขาจะไม่กล้าค่ะ โบว์ชอบกลัวว่ามันจะไม่เข้ากับตัวเอง
แต่ก็ยังมีคนทักผิดตลอด บ่อยมากค่ะ อาจารย์ เพื่อน แม่ยังเคยมี ปกติเวลาเพื่อนไม่สนิททักผิดคน เราก็จะเนียนๆ ไป อย่างเขาคุยกับเบลล์อยู่ แต่เขาทัก “โบว์ทำอะไร” เราก็ตอบ “อ่อ ไม่ทำอะไร” แต่ก็จะไม่บอกเขาว่านี่เบลล์นะ เพราะสงสารเขา กลัวเขาหน้าแตก (หัวเราะ) พอเขาไปเจอโบว์ เขาก็จะรู้ว่าทักผิดคน
นิสัยของแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง
เบลล์ : คือจริงๆ โบว์กับเบลล์ เราทำอะไรไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่งตัว แต่งหน้า ทำผม ไม่เหมือนกันเลย ถ้าเวลามีงานที่เขาต้องการฝาแฝดจริงๆ เราก็จะแต่งตัวไปให้มันคล้ายๆ กัน ให้เหมือนกันมากที่สุดค่ะ บางงานพอมีงานฝาแฝดปุ๊บ! อ้าว!...ใส่เสื้อผ้าอะไรดีล่ะ เพราะเรามีไม่เหมือนกัน ก็ต้องไปหาซื้อชุดใหม่ เราสองคนนี่คนละแนวกันเลย
โบว์เขาเป็นคนแต่งตัวไม่ค่อยเป็น ไม่ค่อยแต่งตัว มีความเป็นพี่ คือมีนิสัยเป็นพี่มากกว่าเป็นน้อง คงเหมือนโบว์ที่คิดว่าเราเป็นน้องมาตั้งแต่เกิด เหมือนเรายังไม่โต เขาก็จะเป็นห่วงทุกเรื่อง เพราะว่าเบลล์ติดโบว์ เวลาไม่มีโบว์ เบลล์จะทำอะไรไม่ค่อยมั่นใจ เหมือนแค่ซื้อของซื้อน้ำก็ให้โบว์ซื้อให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องแต่งตัว หรือเรื่องแฟชั่น เบลล์จะกล้าทำมากกว่า แต่โบว์เขาจะเป็นคนขี้น้อยใจนิดนึง ชอบน้อยใจเบลล์กับแม่ คือภายนอกเขาดูโต แต่ลึกๆ แล้วเขามีนิสัยเด็กมาก
โบว์ : คือเบลล์เป็นน้องด้วยแหละ แม่เขาก็จะตามใจมากกว่า (เปิดศึกพี่น้องฝาแฝดกันแล้ว)
เบลล์ : เบลล์มีวิธีของเบลล์ไงค่ะว่าต้องทำยังไง แม่จะตามใจเรา แต่โบว์เป็นคนขี้กังวล กลัวทุกอย่าง เวลาจะทำอะไร ต้องบอกให้เบลล์ขอแม่ให้หน่อยซิ กลัวแม่ กลัวน้อง กลัวทุกสิ่ง (หัวเราะ)
โบว์ : เบลล์เป็นคนยังไงเหรอ ก็เป็นคนอย่างนี้แหละ (มองหน้ากันแล้วหัวเราะ พูดเหมือนกลัวน้องตัวเอง) เขาเป็นคนมั่นใจในตัวเอง แต่งตัวเก่ง จิกโบว์ จิกแม่ อย่างตอนนั้นมีครั้งหนึ่ง โบว์ไปถ่ายรายการที่ต่างประเทศ เบลล์เขาไม่ได้ไป ตอนแรกเขาก็จะไม่ให้โบว์ไปเลยนะค่ะ เบลล์บอกว่า “ถ้าเบลล์ไม่ได้ไป โบว์ก็ต้องไม่ได้ไป” โบว์ก็เริ่มหนักใจล่ะ แล้วทำยังไงดี เอาเป็นว่าเดี๋ยวซื้อของมาฝากแล้วกันนะ อยากได้อะไร เขาอยากได้นาฬิกา ก็เลยซื้อมาฝาก อันนี้เลยที่ใส่อยู่ เขาก็ต้องยอมเพราะมันเป็นงาน เราไปประมาณ 4-5 วัน พอไปถึงที่นั่นเลยซื้อซิมโทรศัพท์ โทร.หาเบลล์ เขาก็พูดเป็นชุดเลย เป็นยังไงบ้าง ทำอะไรอยู่ เมื่อไหร่จะกลับ
ส่วนใหญ่จะพูดคุย หรือปรึกษากันเรื่องอะไร
เบลล์ : ทุกเรื่องค่ะ เรื่องเรียน เรื่องแต่งตัว เรื่องที่บ้าน จะมีวางแผนเลย พรุ่งนี้จะทำอะไร เราจะเตรียมไว้ ซึ่งจะเป็นเบลล์ทำ แต่ถ้าเตรียมของใช้ทุกอย่างจะเป็นโบว์ อย่างพรุ่งนี้จะใส่ชุดอะไร โบว์จะเป็นคนเลือก แล้วมาถามเบลล์ว่าชุดนี้โอเคไหม หรือจะไปเที่ยว ไปต่างจังหวัดจะให้โบว์เตรียมกระเป๋า และเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเลย
โบว์ : เราจะรู้ว่าเขาใส่ชุดประมาณไหน กางเกงขาสั้น แบบตามแฟชั่นเลยค่ะ ถ้าอยู่บ้านก็ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้นธรรมดา ส่วนโบว์ชอบใส่ชุดเดรสเป็นกระโปรง ชอบมากค่ะ
เบลล์ : บางทีเขาก็อยากแอบเปรี้ยวนะค่ะ เคยขโมยชุดของเบลล์ใส่ แต่พอลองแล้วมันไม่ได้ หน้ามันไม่ไป แต่เบลล์ไม่ได้เปรี้ยวอย่างเดียวนะ เท่ก็ได้ เป็นได้หลายอย่าง แต่ไม่มีหวานเลย เวลามีคนเอารูปไปลงในเว็บ dek-d ก็จะบอกเลยว่า “เบลล์สาวเปรี้ยว โบว์สาวหวาน”
เคยคิดไหมว่าถ้าไม่มีกันจะเป็นอย่างไร
โบว์ : ตอนที่เล่นหนัง โบว์ก็คิดนะ เพราะต้องทำซีนอารมณ์ไงค่ะ เราก็คิดในใจว่าถ้าเราไม่มีเบลล์ เราจะเป็นยังไง พอคิดว่าเบลล์ไม่มี เราก็จะร้องไห้ออกมา คือวันนั้นต้องร้องไห้ทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันเลิกกองเลยค่ะ
ที่เคยห่างกันนานสุด เป็นวันที่โบว์ไปต่างประเทศ 4 วัน เราสนุกสนาน เดินชอปปิ้งซื้อของให้แม่ให้น้อง แต่ลืมซื้อของให้ตัวเอง พอกลับมาเบลล์ดีใจ ดูซิมีอะไรบ้างน่ะ ที่เคยโกรธกันอยู่ก็หายโกรธทันที
เบลล์ : ไม่เคยคิดเลยค่ะว่าถ้าไม่มีโบว์จะเป็นยังไง เพราะไม่คิดว่าโบว์จะไปไหน อย่างตอนที่โบว์ไปต่างประเทศ จากกันครั้งนั้นเรารู้สึกว่านานมาก จริงๆ ไปแค่ 2 วันเราก็รู้สึกว่านานแล้วนะ ปกติเราไปไหนด้วยกันตลอด เราไม่ค่อยแยกกัน ถ้าแยกไปกับเพื่อนอีกคนหนึ่งก็ต้องมาเจอกันตอนเย็น แต่เราต้องโทร.หากันตลอด ตอนนี้อยู่ไหน ทำอะไร กินข้าวรึยัง เราไม่เคยขาดการติดต่อกันเลย
เคยรับงานมาแล้วหลายอย่าง คิดว่าชอบงานแบบไหนมากกว่ากัน
โบว์ : ชอบงานภาพยนตร์ค่ะ โบว์ไม่ค่อยชอบโฆษณาเท่าไหร่ เพราะไม่ชอบการแสดงที่มันโอเวอร์แอ็กติ้งมากเกินค่ะ อย่างเวลาไปแคสต์เราก็ทำโอเวอร์แบบเต็มที่แล้ว พอถ่ายจริงเขาก็ไม่ค่อยพอใจบอกว่าทำไมถึงแสดงเยอะไป และเวลาแคสต์ทีหนึ่ง คนเยอะไงค่ะ เราก็ไม่รู้เลยว่าเราจะได้รึเปล่า และพวกมีเส้นมีสายก็เยอะ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งแคสต์ได้แล้ว ตัดชุดเรียบร้อย เขาก็โทร.มายกเลิกงานเรากลางคัน เราก็โอเค ไม่เป็นไร มันยังไม่ถึงเวลาของเรา
เบลล์ : เบลล์ชอบงานทุกอย่างนะ เบลล์เป็นคนที่ชอบอะไรหลากหลาย ชอบความแตกต่าง และชอบอะไรใหม่ๆ อย่างโฆษณาบางตัวก็ไม่เหมือนกัน เราจะได้เปลี่ยนบุคลิก เปลี่ยนคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน รวมถึงละคร และการแสดงหนังด้วย แต่ละอย่างก็มีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกันเลย
วางเป้าหมายในวงการบันเทิงไว้อย่างไร
โบว์ : ไม่เคยวางเป้าหมายในวงการเลยค่ะ เพราะว่ามันไม่แน่นอน ก็เลยไม่อยากคิดตรงนั้น คิดแค่ถ้ามีงานให้ทำ ก็ทำ แล้วเก็บเงินให้แม่มากกว่า อยากให้ที่บ้านสบาย คือเราทำงานมาก็ให้แม่อยู่แล้ว เพราะว่าตอนแรกอยู่ด้วยกัน3คนก็ไม่มีรถ นั่งรถเมล์กัน แต่พองานเริ่มเยอะขึ้น แม่เลยตัดสินใจซื้อรถให้เรา แม่ก็ต้องเป็นหนี้แล้ว พอเราทำงานเดือนหนึ่งได้ 2 งานก็จะเอาไปให้แม่ เพื่อเอาไปเป็นค่าใช้จ่าย ค่าผ่อนรถอะไรแบบนี้ ตอนนี้ก็ไม่ขอค่าขนมแม่แล้ว ตั้งแต่ทำงานได้ แต่ถ้าช่วงไหนไม่มีงานจริงๆ แม่เขาก็จะให้
เบลล์ : ก็เหมือนกับโบว์ค่ะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องดังระดับไหน ตอนนี้มีงานก็ต้องทำให้เต็มที่ค่ะ
ถ้าสมมติว่าวันหนึ่งไม่มีงานเข้ามา เคยคิดไหมว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป
เบลล์ : ตอนแรกเรียนจบมาสักพักก็ยังไม่ได้ทำงานนะคะ เราก็ไปสมัครงานประจำเกี่ยวกับที่เรียนมา ด้านลอจิสติกส์ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาเอง แต่งานวงการเข้ามาก่อนเลยยังไม่ได้ทำ แต่ช่วงที่ว่างอยู่เราสองคนก็ขายเสื้อผ้ากันนะค่ะ ขายตามเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม เอาเสื้อผ้าที่เราซื้อมา แต่ไม่ได้ใส่ หรือมือสองที่เราใส่แค่ครั้งเดียว เดี๋ยวนี้มันก็ขายกันง่าย ก็มีคนซื้อด้วย แล้วเราก็ส่งทางไปรษณีย์ให้ลูกค้า ขายดีนะคะ แต่ช่วงนี้ไม่ได้ทำแล้ว เพราะไม่มีเวลาไปทำ
โบว์ : เสื้อผ้าเบลล์เยอะ มันต้องโละออกบ้าง ของเบลล์ทั้งนั้นเลย แม่กับเบลล์จะเป็นคนที่ซื้อเสื้อผ้าเยอะมาก เบลล์จะมีนิสัยชอบช้อปเหมือนแม่
ตอนที่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงคุณแม่สนับสนุนไหม
เบลล์ : แม่เขาชอบด้านนี้ค่ะ แม่สนับสนุนการทำงานทุกๆ อย่าง เก็บทุกอย่าง มีรูปในมือถือ ล้างออกมาเก็บไว้ แต่แม่เขาหวงค่ะ เขาเป็นห่วงเวลาเราไปทำงานที่ไหนไกลๆ แม่จะบอกให้ดูแลตัวเองดีๆ นะ เวลาที่ไม่ได้ไปด้วย แต่ถ้าเขาว่างก็จะรีบไปด้วยกันเลย อย่างตอนถ่ายหนัง ถ่ายวันธรรมดา คุณแม่เขาก็ไปทำงาน พอเลิกกองเขาก็มาหาทุกวัน บางครั้งมาหลับรอ เพราะเราอยู่กันสามคน ถ้าเรากลับดึก คุณแม่เขาจะอยู่คนเดียวไงคะ
แบ่งเวลาเรียนและเวลางานอย่างไรบ้าง
โบว์ : ตอนนั้นที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์มีสอบพอดีเลย ก็เอาหนังสือไปอ่านตอนเวลาพักกอง ถ้าติดงานก็ไปลาอาจารย์ก่อน แล้วโทร.บอกเพื่อนว่าถ้ามีงานช่วยเก็บไว้ให้ด้วยนะ พอใกล้สอบตอนไหนที่เราว่างก็ให้เพื่อนช่วยติวให้หน่อย ตอนนั้นไม่มีเวลาเลย ติวก่อนเข้าห้องสอบก็ยังดี
ปกติชีวิตประจำวันเราก็ไม่ได้ไปไหน ส่วนใหญ่โบว์กับเบลล์จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พอเรียนเสร็จก็อยู่กับเพื่อนแป๊บนึงแล้วกลับบ้าน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ก็มีไปเดินเล่นกับแม่บ้าง
เบลล์ : การทำงานในวงการบันเทิงทำให้รู้สึกว่าโตขึ้นค่ะ แบ่งเวลาเป็น ได้ฝึกความอดทน ฝึกการเข้าสังคม รู้สึกว่าโชคดีมากที่ได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง ถ้ามีงานชิ้นใหม่เสนอเข้ามา ยินดีค่ะ ทำได้ทุกอย่าง
ทำไมถึงเลือกเรียนบริหารธุรกิจ ลอจิสติกส์
โบว์ : ตอนแรกที่มาสมัครไม่ได้ตั้งใจจะเรียนบริหารค่ะ โบว์จะเรียนนิเทศฯ โฆษณา เราชอบเลยอยากเรียนทางด้านนี้ ส่วนเบลล์ชอบศิลปกรรม พวกออกแบบภายใน ติสท์ๆ อาร์ตๆ ออกแบบวาดรูป แต่พอมาดูปุ๊บ! ค่าใช้จ่ายเรื่องเรียนมันสูงมาก ทั้งโฆษณาและสถาปนิก โดยเฉพาะพวกออกแบบจะยิ่งแพง แล้วเราเรียน ม.รังสิต ยิ่งไปกันใหญ่ พอดีมีพี่คนหนึ่งเขาแนะนำแม่ว่ามีคณะบริหาร สาขาการจัดการลอจิสติกส์กำลังเปิดใหม่ คุณแม่ลองศึกษาดูไหมค่ะ ตอนนั้นก็รู้สึกอย่างเดียวว่าอยากเรียน แต่ทำไมแม่ไม่ให้เรียน ตอนหลังเราก็เข้าใจแม่ว่า เขาคนเดียวคงไม่ไหวแน่ๆ ก็เลยโอเค เรียนอันนี้ก็ได้
เบลล์ : ตอนนั้นลอจิสติกส์กำลังเข้ามาในไทย เป็นที่น่าสนใจมาก พอมาเรียนจริงๆ ก็เลยสนุก มันโอเคเลยล่ะ ดีมากๆ ค่ะ มีอะไรใหม่ๆ เพราะลอจิสติกส์จะเปลี่ยนไปทุกด้าน ไม่เหมือนกันเลย ไปดูเครื่องบิน ไปดูท่าเรือ การคลังสินค้า โลจิสติกส์มันมีหลายอย่าง อย่างตอนฝึกงานได้ไปฝึกที่สนามบินสุวรรณภูมิ เบลล์จะอยู่ในคาร์โก ส่วนโบว์อยู่ในออฟฟิศ เบลล์ได้เข้าไปดูหอบังคับวิทยุการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิเลย เวลาเครื่องไหนจะลง เครื่องไหนจะขึ้น ก็สนุกดีค่ะ ตื่นเต้นมาก
ตอนนี้ก็เพิ่งเรียนจบปริญญาตรี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเอง เราเรียนด้วยกัน แต่มีรหัสนักศึกษาไม่ติดกันนะคะ เพราะมีเพื่อนสองคนแทรกอยู่ เวลานั่งสอบก็จะอยู่ติดกัน อาจารย์ที่คุมสอบก็จะมอง อ้าว! เป็นแฝดกันเหรอ ตลกดีก็แอบหัวเราะ
ชีวิตวัยเด็กในรั้วโรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
โบว์ : เราเป็นเด็กกิจกรรม เรียนรำไทยมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เพราะจะทำกิจกรรมของโรงเรียนตลอด ทุกกิจกรรมเราจะทำด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ดรัมเมเยอร์ เต้น
เบลล์ : มันมีอยู่งานหนึ่ง ตอนป.1 ค่ะ โบว์ได้เต้น ส่วนเบลล์ได้ถือป้าย โบว์ก็งอแงว่าทำไมเบลล์ไม่ได้เต้น เขามีความสุขที่เขาได้เต้น แต่เราถือป้าย
โบว์ : แต่ก่อนตอนอยู่ชั้นประถมฯ และมัธยมฯ โดนบังคับให้ว่ายน้ำ แต่ต่อมาเราก็ชอบทั้งคู่ ชอบตีแบตด้วย ในห้องจะมี 3 คนที่อาจารย์เขาจะให้ว่ายน้ำจากที่ลึกไปที่ตื้น เพราะเราสอบผ่าน ส่วนคนอื่นๆ จะให้ว่ายเฉพาะที่ตื้นๆ พอโตแล้ว เบลล์จะไม่ค่อยชอบไปที่ลึก กลัวจม กลัวความสูง แต่โบว์ชอบกระโดดสปริงบอร์ด อาจเพราะเราชอบเล่นน้ำกันอยู่แล้ว ที่บ้านชอบไปเที่ยวทะเล ไปดำน้ำกัน
ชอบบรรยากาศของทะเล สวยดี ล่าสุดไปเกาะช้างกับที่บ้านของทางพ่อมาค่ะ ตอนแรกจะเป็นคลองน้ำกร่อยก่อน พอพายเรือออกไปจะเป็นทะเล โบว์ชอบมากเลย ไปพายเรือแคนนูกับที่บ้าน แต่เบลล์เขาจะไม่กล้าพายเรือ
วีรกรรมแสบๆ สมัยเด็ก
โบว์ : ตอนอนุบาลมีทะเลาะกัน แม่มาเห็นอีกที ตัวมีแต่รอยฟันแล้ว เบลล์กัดโบว์ มีแต่รอยฟันเต็มแขนเลยค่ะ เหมือนแย่งกินอะไรกันไม่รู้
เบลล์ : มีอีกทีตอนประมาณ ป.1 บอกกับโบว์ว่า “ไม่มีอะไรทำ เรามาตัดผมเล่นกันเถอะ” เลยดึงผมโบว์มาแล้วเบลล์ก็ตัดเลย พอถ่ายรูปมา ผมโบว์ก็ชี้ (หัวเราะ) พอโตขึ้นมาเห็นรูป โบว์ถามแม่ว่าทำไมผมถึงเป็นอย่างนี้ เหมือนมีรังนกอยู่บนหัว แม่เลยเล่าให้ฟังว่า “เบลล์เขาตัดผมให้” เราสองคนไม่รู้เรื่องเลยว่าเคยทำอะไรไว้
ตอนเด็กๆ เบลล์ดื้อ โบว์จะเรียบร้อย แม่บอกว่าเวลาพาไปฉีดยา โบว์ก็จะไม่ร้องเลย แต่ของเบลล์นี่ หมอฉีดปุ๊บ! สะบัดเลย หมอก็ต้องจิ้มใหม่ซ้ำ ต้องเจ็บตัวสองรอบ อย่างเวลาไปทำฟัน หมอต้องมัดตัวติดไว้ที่เตียงเลยค่ะ ซนมาก
เบลล์เป็นคนไม่อยู่นิ่งเลย โตมาตอนอยู่ชั้นมัธยมก็ชอบแกล้งเพื่อน ชอบหลอกเพื่อนสนิท เคยหลอกว่าเพื่อนติดเงิน เลยถามเขาไปว่าติดเงินเรา จำไม่ได้เหรอ เท่าไหร่ก็ว่าไป เขาก็ค่อยๆ นึกว่าติดเราตอนไหน ใช่รึเปล่า และกำลังจะหยิบเงินมาคืน เราก็เลยบอกไปว่า เฮ้ย! ล้อเล่น ไม่ได้แกล้งคนเดียวนะค่ะ แกล้งหลายคนด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่งเพื่อนไปซื้อขนมมา เราก็แกล้งว่าฝากซื้อไปเมื่อกี้ แล้วทำไมไม่ซื้อมาให้ เพื่อนก็บอก อ้าว! เหรอ ขอโทษ (หัวเราะ) หลังจากนั้นเบลล์พูดอะไรเขาจะไม่ค่อยเชื่อ ต้องมาถามโบว์ว่าจริงรึเปล่า
โบว์ : มีอยู่ครั้งหนึ่งเล่นว่ายน้ำในสระน้ำกันกับเพื่อนๆ เบลล์ก็แกล้งทำเป็นจมน้ำ พอเขามาช่วยกัน เบลล์ก็หัวเราะ พอทีนี้ว่ายๆ อยู่ เป็นตะคริวขึ้นมาจริง ร้องให้คนช่วย แต่ไม่มีใครช่วยเลย เพราะเขาคิดว่าหลอกไงค่ะ จนดูท่าว่ามันไม่น่าจะแกล้งแล้วล่ะ ก็เลยเข้าไปช่วยกัน ไม่งั้นก็คงจมน้ำไปแล้ว
เคยทะเลาะกันรุนแรงไหม
โบว์ : ไม่เคยค่ะ มีแต่เถียงๆ กัน แต่ขั้นลงมือลงไม้กันนี่ไม่เคยมีเลยค่ะ เวลาทะเลาะกัน ถ้าเป็นเรื่องที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดก็จะเป็นคนคุยก่อน อย่างตอนโตมา พอมีเรื่องทะเลาะกัน โบว์ก็จะเงียบเลย เบลล์ก็จะรู้ตัวว่าเขาผิด มีครั้งหนึ่ง เขา WhatsAppมาหาโบว์ถามว่า “โกรธเหรอ” โบว์ก็ตอบว่า “เปล่า” เขาก็บอกว่า “นึกว่าโกรธ” (หัวเราะ)
เบลล์ : เวลาถ้าโบว์พูดจะเยอะ หรือบ่นอะไร ดุว่าอะไร เบลล์จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ฟังค่ะ ทำเป็นเดินไปเรื่อยๆ โบว์ก็จะเงียบ เดี๋ยวก็คงหยุดเอง
เคยแข่งกันสวยหรือเปล่า
เธอพูดประสานเสียงพร้อมกันเลยว่า “ไม่เคยค่ะ”
โบว์ : โบว์ชอบมองว่าเบลล์แต่งตัวสวยนะ เขาแต่งหน้าเป็น แต่งตัวเป็น ส่วนโบว์ทำไม่เป็น แต่ก่อนกรีดอายไลเนอร์ยังกรีดไม่เป็นเลย ต้องให้เบลล์กรีดให้ จนเรียนปีอะไรล่ะ โบว์ถึงกรีดตาได้เอง ประมาณ ปี 3 เลย
เบลล์ : ต้องกรีดอายไลเนอร์ให้โบว์ทุกวัน ก็บอกให้เขาฝึกซิ แต่ก็ทำไม่ได้สักที เขียนแล้วมันเละ โบว์ต้องตื่นเช้าก่อน พอโบว์แต่งตัวเสร็จ เบลล์ก็จะมาแต่งหน้าให้ พอไปมหาวิทยาลัยสาย เบลล์ก็จะว่าเพราะโบว์นั่นแหละ (หัวเราะ)
โบว์ : บางทีเราก็คิดว่าไม่แต่งหน้าไปเรียนก็ได้ ให้คุณเธอสวยไปคนเดียว
ชอบอวัยวะส่วนไหนของตัวเองมากที่สุด
โบว์ : จมูกค่ะ ชอบมีคนถามว่าไปทำจมูกมารึเปล่า คือพ่อกับแม่ จมูกจะเป็นอย่างนี้ทั้งสองคนเลย จมูกของโบว์เหมือนของพ่อ ส่วนของเบลล์เหมือนของแม่ ต่างกันที่ปลายจมูก ของโบว์จะโค้งลงมานิดนึง มีคนถามเรื่องจมูกเยอะมากค่ะ บางทีก็บอกไปว่า “อ่อ...ไปทำมา 20,000 ไรงี้ (หัวเราะ)”
เบลล์ : แต่เบลล์ชอบตามากกว่า เบลล์ไม่รู้หรอกว่าจมูกตัวเองสวย พอเข้ามหาวิทยาลัยมีคนทักว่าทำไมจมูกสวยจัง ทำมารึเปล่า เราเลยเริ่มส่องกระจกดู ก็เพิ่งสังเกตว่าจมูกสวยตอนเข้ามหาวิทยาลัยนี่แหละค่ะ เพราะเราเห็นหน้าตัวเองอย่างนี้มาตลอดก็เลยไม่ได้สังเกต ก็โอเคนะค่ะ พ่อแม่ให้มา แต่เสียอย่างเดียว เตี้ยไปหน่อย ถ้าสูงแบบพ่อก็จะดี (หัวเราะ)
โบว์ : วัยรุ่นสมัยนี้ทำศัลยกรรมกันเยอะมาก เพื่อนเราก็ทำ ถ้าอยากสวย อยากหล่อก็ทำได้ ถ้าหากมีหมอที่น่าไว้ใจ แล้วคิดว่ามันไม่เกิดอันตราย ไปทำตามโรงพยาบาลดังๆ ดีกว่าไปทำที่คลินิกเถื่อนๆ แต่ถ้าฉีดให้ขาวเนี่ย ไม่แนะนำเลย ไม่สนับสนุน เพราะมันอันตราย เมื่ออยากทำก็ต้องศึกษาดูให้ดีเสียก่อน
เรื่องเม้าท์ฮาๆ ตามประสาพี่น้อง
เบลล์ : โบว์ชอบทักคนผิดค่ะ (หัวเราะ) นึกว่าเป็นเพื่อน ก็ตะโกนเรียก แต่พอหันมาแล้วไม่ใช่ ตลอดเลยค่ะ บ่อยมาก เวลาหน้าแตกก็แตกพร้อมกันเลย อืม!..โบว์น่ะ (ทำหน้าเนือยๆ) โบว์ชอบเสียงดังก่อน คือโบว์เป็นคนสายตาสั้นมากด้วย คอนเทคเลนส์ก็ใส่ แต่ยังมองผิดอีก พอหันมาไม่ใช่นี่ มองไปทางอีกเลย (หัวเราะ) เบลล์ก็เดินออกไปตั้งแต่เขาเรียกผิดแล้ว เบลล์บอกเขาแล้วว่า ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ โบว์ก็ยังบอกว่าใช่อีก
โบว์ : เรื่องฮาๆ ของเบลล์นี่ มีไหมเหรอ ไม่มีนะ ไม่ค่อยเบิ่น (ทำท่าคุ่นคิด)
เบลล์ : ฉายาที่ทุกคนเขาจะเรียกเบลล์ คือ “หมวย” ส่วนโบว์นี่ “ป้า” ก็เพราะว่าเขาขี้บ่น เพื่อนๆ จะรู้กันเลย
โบว์บ่นทุกเรื่อง อาจเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนถามเยอะมากกว่า จะถามอะไรต้องละเอียด เขาก็เลยดูว่าขี้บ่น เขาเป็นห่วงอะไรแบบนี้ บางครั้งเขาบ่นจนเราเหนื่อยแทน
โบว์ : คือเบลล์เขามีอะไรไม่ค่อยพูดค่ะ บางทีแม่ก็จะไม่รู้นะว่าเขาคิดอะไรอยู่
เบลล์ : มันเหมือนว่าเบลล์ไม่ค่อยมีสมาธิ คือเป็นคนสมาธิสั้น จะพูดอะไรก็ลืมเลยไม่ได้พูดสักที เขาเลยคิดว่ามีอะไรแล้วไม่พูด
ไอดอลในใจ คือใคร
โบว์ : แม่ค่ะ เขาเก่ง เขาทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะซ่อมไฟ อะไรก็ตาม แม่เขาทำได้หมดทุกอย่าง มีอยู่อย่างเดียวทำไม่ได้ คือขับรถ (หัวเราะ) เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของโบว์กับเบลล์ค่ะ พอเราสอนแม่ เขาขับได้นะค่ะ แต่พอจะขึ้นถนนใหญ่ ขับไม่ได้ เลยต้องบอกแม่ว่า “ไปเรียนเถอะ” แต่ที่เราขับรถได้ ไม่ได้ไปเรียนนะคะ มีพี่ที่เป็นญาติกันช่วยสอนให้ แค่ครึ่งวันก็ขับได้เลย ขับได้ตั้งแต่ ม.ต้นแล้วค่ะ
เบลล์ : เบลล์ชอบขับรถ จะขับให้โบว์ตลอด โบว์ชอบนั่งเฉยๆ สบายเลย
โบว์ : ทั้งโบว์และเบลล์จะมีความเป็นแม่อยู่คนละครึ่ง เวลาโบว์จะทำอะไรก็จะตั้งใจให้ถึงที่สุด ต้องทำให้สำเร็จและดีที่สุด ซึ่งเป็นนิสัยที่ได้จากแม่
ใครเสน่ห์ร้อนแรงมากกว่ากัน
โบว์ : คนที่มาจีบก็ไม่ใช่คนเดียวกันค่ะ แยกกันจีบ ตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ มีคนมาขอเบอร์ทุกวัน ไม่ได้หลงตัวเองนะคะ แต่มันเยอะจริงๆ
เบลล์ : เขาไม่เข้ามาหาเบลล์ เพราะเบลล์จะทำหน้าดุๆ คนภายนอกเขาจะมองว่าดูหยิ่ง ไม่อยากคุยด้วย แต่โบว์ชอบยิ้มเวลาเจอใคร ก็เลยมีคนเข้ามาคุยกับโบว์เยอะ ถ้าถามว่าใครเสน่ห์แรงมากกว่ากันนี่ไม่รู้นะ เบลล์ไม่ค่อยสนใจ เบลล์ไม่ชอบคุย ถ้าเบลล์อยากคุยเดี๋ยวเบลล์คุยเอง
เราไม่เคยหวงกันนะ มีแต่จะคอยช่วยดู เป็นห่วงมากกว่า ต้องให้รู้กันนะว่าเป็นใคร นิสัยดีไหม มาจากไหน แม่ก็จะรู้ด้วย แม่มีเบอร์เพื่อนๆ ทุกคน มีเฟซบุ๊กทุกคนด้วย แม่เป็นห่วงลูกสาวมาก
โบว์ : แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครมีแฟนนะค่ะ เราก็เคยมีเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่ว่าเมื่อคบกันแล้วเข้ากันไม่ได้ก็ขออยู่คนเดียวดีกว่า
เบลล์ : เบลล์ก็ชอบทำอะไรคนเดียว อยากทำงานมากกว่า จึงไม่ได้คิดถึงเรื่องความรักเลย
โบว์ : ถ้าถามเรื่องสเปกนี่ของโบว์มีตั้งไว้นะคะ ตี๋ๆ ขาวๆ สูงๆ ผู้หญิงทั่วไปก็ชอบแบบนี้ ก็ชอบคนตลกเหมือนกันนะ แต่อย่าตลกฝืด อย่าแป้กก็พอแล้ว
เบลล์ : แต่เบลล์ไม่มีค่ะ ไม่เคยตั้งสเปกไว้เลย ถ้าใครคุยกับเบลล์แล้วเบลล์ไม่รำคาญก็โอเคแล้ว (หัวเราะ) ชอบคนกวนๆ เจ้าเล่ห์นิดนึง ถ้าคนเราคิดจะคบกัน จะรักกัน เราต้องเข้าใจกันและกันมากกว่า ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อกัน อย่าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันมากเกินไป
โบว์ : วัยรุ่นสมัยนี้จะหึงหวงแรง บางทีต้องถามก่อนว่าเพื่อนรึเปล่า ไม่ใช่โวยวายไปก่อน ถ้าหึงหวงแรง อารมณ์รุนแรงอย่างนี้ แล้วเกิดเป็นข่าว มันอันตราย เลยอยู่คนเดียวดีกว่า (ยืนยันคำเดิม)
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : ณัฐธยาน์ บังคมเนตร (โบว์)
วันเกิด : 3 ตุลาคม 2533
ส่วนสูง 157 ซม. น้ำหนัก 41 กก.
การศึกษา : มัธยม - สวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต, ปริญญาตรี - สาขาการจัดการลอจิสติกส์ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
ความสามารถพิเศษ : เต้น, รำไทย, ร้องเพลง
ภาพยนตร์ : "วงจรปิด" ค่ายพระนครฟิล์ม
โฆษณา : ศรีไทยซุปเปอร์แวร์, Honda Scoppy-i, Pepsi, แป้งเย็น ตรางู, สาหร่ายโอโนริ, True online hi-speed
มิวสิควิดีโอ : เพลง ฮู้วี้ฮู (The bottom blues), เพลง ถูกกระทำโดยผู้ชำนาญ (TWENTY TOWN)
หนังดังสุดสัปดาห์ - ตอน สาวฮอตยอดนักสืบ "The Begining" ทางช่อง3
อาหารโปรด : ต้องเป็นส้มตำปูปลาร้าเท่านั้น!
--------------------------------------
ชื่อ : ณัฏฐา บังคมเนตร (เบลล์)
วันเกิด : 3 ตุลาคม 2533
ส่วนสูง 156 ซม. น้ำหนัก 40 กก.
การศึกษา : มัธยม - สวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต, ปริญญาตรี - สาขาการจัดการลอจิสติกส์ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
ความสามารถพิเศษ : เต้น, รำไทย, ร้องเพลง
ภาพยนตร์ : "วงจรปิด" ค่ายพระนครฟิล์ม
โฆษณา : ศรีไทยซุปเปอร์แวร์, Honda Scoppy-i, Pepsi, น้ำดื่มเมจิกฟาร์ม, สาหร่ายโอโนริ
มิวสิควิดีโอ : เพลง ฮู้วี้ฮู (The bottom blues), เพลง ถูกกระทำโดยผู้ชำนาญ (TWENTY TOWN), เพลง ยังไม่พร้อมฟัง (น้ำชา)
หนังดังสุดสัปดาห์ ตอน สาวฮอตยอดนักสืบ "The Begining" ทางช่อง3
อาหารโปรด : กินต้มยำกุ้งได้ทั้ง 3 มื้อเลย!
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์