xs
xsm
sm
md
lg

'ฌอห์ณ จินดาโชติ' ร่างกายฟิต สุขภาพจิตเฟิร์ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การดูแลตัวเองถือเป็นเรื่องที่ควรความสำคัญไว้ในอันดับต้นๆ อย่างหนุ่มหล่อมาดเข้ม 'ฌอห์ณ จินดาโชติ' นักแสดงและพิธีกรรายการWake Club สังกัด Gmm TV ก็ถือเป็นผู้ชายเจเนอเรชั่นใหม่ที่ใสใจในเรื่องสุขภาพให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็กๆ แม้จะยุ่งกับการทำงานในวงการบันเทิงมากแค่ไหน ก็ดูเหมือนว่าหนุ่มผู้นี้ก็ต้องจัดสรรค์เวลาเพื่อบริหารสุขภาพกายและจิตใจจนได้

จัดตารางเวลาในการออกกำลังกาย
ในเวลาหนึ่งอาทิตย์ฌอห์ณจะจัดตารางเวลาในการออกกำลังกายอย่างเป็นระบบ ตั้งเป้าเอาไว้เลยว่าต้องออกกำลังกาย 3-4 วัน อาจจจะเข้าฟิตเนส 2 วัน แล้ววันถัดมาก็เป็นการว่ายน้ำกับชกมวย หลายๆ คนอาจคิดว่าแค่ฟิตเนสอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วแต่ตรงนี้มันเป็นเหมือนการสร้างกล้ามเนื้อ ขณะเดียวกันการออกกำลังกายอย่างอื่นร่วมด้วยก็เหมือนเราได้บริหารในส่วนอื่นๆ ได้บริหารร่างกายในส่วนที่ไม่ได้ใช้

“เล่นฟิตเนสเข้าปีที่ 3 แล้วครับ แต่ว่ายน้ำว่ายมาตั้งนานแล้ว คือมาจัดตารางออกกำลังกายจริงๆ จังๆ เมื่อต้นปีเพราะว่าปีนี้รู้สึกว่าทำงานเยอะ นอกจากงานพิธีกร ก็จะมีงานหนังด้วย และหนังมันใช้พลังงานเยอะก็เลยต้องออกกำลังกายมากขึ้น

“ส่วนชกมวยผมเป็นคนชอบกีฬาประเภทนี้อยู่แล้ว คือตอนท้ายของฟิตเนสจะมีการวิ่งเบิร์น แต่ผมรู้สึกว่าวิ่งมันซ้ำซากจำเจเพราะเราวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง ผมก็จะบอกเทรนเนอร์ว่าชกมวยกันดีกว่า หลังจากนั้นเราก็รู้แล้วว่าเราชอบชกมวย มันเป็นการออกกำลังกายในเวลาเดียวกัน แต่มันเบิร์นเร็วกว่าด้วย ก็เลยไปเรียนมวยไทยแบบจริงจังเลย อีกอย่างคือมวยไทยมันต่างจากมวยสากล ที่มีการใช้แข้งใช้ขา และตอนเด็กๆ ผมเรียนเทควันโดด้วยได้ใช้ขาเยอะรู้สึกว่าสนุก ชอบครับ”

'วอร์ม' เป็นประจำทุกวัน
ก่อนการออกกำลังกายสิ่งที่ต้องทำคือการวอร์มร่างกาย สำหรับฌอห์ณไม่ว่าวันนั้นจะต้องออกกำลังกายหรือไม่ก็ตามเขาจะมีการวอร์มร่างกายทำการยืดเส้นเป็นประจำ

“ไม่ว่าวันนี้จะทำอะไร จะออกกำลังกายหรือไม่ก็ตาม ผมจะต้องยืดเส้นก่อน เพราะว่าเพิ่มเรียนรู้เกี่ยวกับเส้นประสาทมา คนเราหลายๆ คนใช้ร่างกายเยอะแต่ไม่มีการวอร์ม สุดท้ายเส้นประสาทเสื่อม บางทีก็เส้นพลิก เป็นอัมพาตได้ ช่วงเช้าเป็นช่วงที่เส้นกำลังยืดตัวได้ดีที่สุด ผมก็ตื่นมาจับข้อเท้า กระโดดสปริงตัวสิบกว่าครั้ง ให้ร่างกายเกินการเผาผลาญ ตื่นตัว มันจะทำให้ร่างกายเฟรซขึ้น กินพวกอาหารเสริมตอนเช้า”

การออกกำลังกายของฌอร์ณไม่ได้มุ่งเน้นที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้มีขนาดใหญ่ แต่เป็นการสร้างความสมส่วนแก่ร่างกาย แต่ก็มีส่วนที่ต้องบริหารเป็นพิเศษอยู่เหมือนกัน

“ผมเป็นคนที่ต้องบริหารช่วงไหล่ พออวบปุ๊บแขนจะใหญ่แล้ว ต้องพยามเล่นท่าให้ถูก หรืออย่างหน้าท้องเองก็สำคัญ นอกจากเข้าฟิตเนสแล้วเวลาอยู่บ้านก็จะมีท่าออกกำลังกาย นอนราบยกเท้าให้สูงเซ็ตละ 15 วินาที 45 ครั้ง ส่วนอื่นก็ไม่ได้เน้นอะไรมาก เพราะเราไม่ได้เล่นเพื่อเน้นความใหญ่ของมัน เราเน้นความสมส่วน คือความต้องการสูงสุดของผมในการออกกำลังกายคือความต้องการเสียเหงื่อ ดีกว่านั่งเฉยๆ”

'มวยไทย' ฟีเวอร์
หลังจากได้รับการแนะนำกีฬาชกมวย ฌอห์ณก็เริ่มเข้าสู่งสังเวียนค่ายเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง เรียกว่าเป็นค่ามวยที่รวมเอาดาราแสดงหนุ่มกล้ามโตจากหลายๆ ค่ายเลยทีเดียว พอได้ลิ้มลองกีฬามวยไทยก็ดูเหมือนว่าจะติดใจกับการเผาผลาญพลังงานด้วยวิธีนี้จนต้องแบ่งเวลาให้เป็นพิเศษ

“อาทิตย์หนึ่งผมจะมีวันหยุดหนึ่งวัน ถ้าหยุดมากกว่านั้นก็จะไปชกมวย เช่นหยุดวันพฤหัสฯ กับวันอาทิตย์ แต่วันอาทิตย์ผมจะสแตนบายขอหยุดเพราะเป็นวันครอบครัว สมมุติหยุดวันพฤหัสฯ ก็จะไปชกมวยเพราะคนไม่เยอะ จะไปช่วง 9 โมงถึงเที่ยง แล้วกลับมาบ้านก็จะรีแลกซ์ตัวเอง อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ คลุกคลีอยู่ที่บ้าน”

แต่ใครจะรู้ว่าเห็นรูปร่างสูงยาวเข่าดีแบบนี้ ครั้งหนึ่งหนุ่มฌอห์ณก็เคยเป็นเด็กอ้วนน่ารักน่าชังกับเขาเหมือนกัน ซึ่งสิ่งที่ช่วยปรับเปลี่ยนรูปร่างของเขาก็คือกีฬาชนิดต่างๆ ที่เขาหลงไหลนั้นเอง

อดีตเด็กอวบอ้วนบ้าพลัง
อย่างก็ตามบาสเก็ตบอลก็ยังถือเป็นกีฬาสุดโปรดที่ผูกพันธ์กันหนุ่มฌอห์ณเล่นมาตั้งแต่สมัยเด็กที่ยังเล่นมาจนถึงปัจจุบัน ฌอห์ณ เล่าว่าเมื่อก่อนเป็นเด็กที่มีรูปร่างอวบอ้วนเพราะว่าเป็นคนกินเยอะ หลังจากนั้นก็เริ่มหันมาสนใจกีฬาเพราะรู้สึกว่าการออกกำลังกายจะเป็นการปรับร่างกายเข้าสู่สภาวะสมดุล

“มันเป็นความสนุกมากกว่าครับ ในหมู่บ้านเก่าจะมีกลุ่มคนชอบเล่นกีฬาบาสเก็ตบอล เราก็มีแป้นบาสฯ ของตัวเอง เพื่อนก็เริ่มมาเข้ามาร่วมตัวกัน แบ่งทีมเล่นจริงจังมากขึ้น ตอนนั้นผมก็เลยขอคุณพอไปเรียนบาสเก็ตบอลพื้นฐานด้วย พอเรียนปุ๊บก็ต่อยอดเข้าทีมโรงเรียน”

ฌอร์ณ ค่อนๆ เล่าขึ้นว่าขณะที่เล่นกีฬาบาสเก็ตบอล ก็เริ่มสนใจในกีฬาเทควันโดและเล่นอย่างจริงจังจนเกือบติดทีมชาติเยาวชนถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน

“ตอนนั้นผมไปโฟกัสกับกีฬาเทวันโด ตอนป. 5 - ป.6 ได้ร่วมทีมโรงเรียน แล้วอาจารย์เขาก็ส่งไปแข่งทัวร์นาเม้นเริ่มแข่งจริงจัง จะติดทีมชาติเยาวชนแล้วนะแต่มาเกิดอุบัติติเหตุตรงหัวเข่า ก็เลยต้องพักยาวเพราะว่ากีฬาพวกนี้ถ้ามีปัญหาเรื่องหัวเข่าหรือขาก็จะเล่นไม่ได้”

พอช่วงม.ต้น ฌอห์ณ ก็เข้าร่วมเล่นบาสกับทีมโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน แต่พอขึ้นม.ปลายก็หยุดไปเพราะว่าเตรียมตัวเอ็นทรานซ์ พอสอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฌอห์ณ ก็เริ่มมีเวลาให้กับกีฬาอีกครั้งและเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้ถึงกีฬาชนิต่างๆ ซึ่งตอนนี้ก็ยังร่วมเล่นบาสกับสโมสรบาสเก็ตบอลของหมู่บ้านอยู่เลย

“เข้ามหาวิทยาลัยฯ ศูนย์รังสิต สนามบอลเยอะ เราก็เริ่มแตกแขนงไปเล่นบอลสนามใหญ่ มีเพื่อนชวนไปตีกอล์ฟก็ไปหมด คือผมเป็นคนที่เปิดรับกับกีฬาทุกประเภทแล้วเราก็ค่อนไปตัดสินใจเองว่าเราชอบอะไร ก็จะจับจริงจังไปทีละอย่าง”

อิทธิพลจากพี่สาว 'สปอร์ตเกิร์ล'
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพี่สาวคนสวย 'พลอย จินดาโชติ' ที่ชื่นชอบในการเล่นกีฬาเป็นนักกีฬาโรงเรียน ก็เลยส่งผลมาถึงน้องชายหน้าคมให้สนใจในกีฬามากยิ่งขึ้น

“พี่สาว(พลอย จินดาโชติ)ก็เป็นนักกีฬา เล่นบาสฯ กับผมมาตั้งแต่เด็ก ตีกอล์ฟด้วยกันมา พี่พลอยเล่นเป็นแนวเอ็กซ์เกมเวคบอร์ด ผมก็จะอีกทางหนึ่งเทวันโด ชกมวย เรารู้สึกว่าเด็กทุกคนต้องมีกีฬาประจำตัวหนึ่งอย่าง อย่าใช้ชีวิตเล่นกับงานอดิเรกไปทั้งหมด จริงอยู่ที่ทำอะไรควรโฟกัสไปอย่างหนึ่งแต่ถ้าการมีตัวเลือก มันจะไม่เกิดความน่าเบื่อในชีวิต มันจะมีความสุขกับการใช้ชีวิต”

หลายครอบครัวถ้ามีพี่น้องต่างเพศความสนใจในการทำกิจกรรมโดยเฉพาะการเล่นกีฬาก็จะต่างกันไป แต่เป็นความโชคดีที่บุคลิกของพี่สาวของหนุ่มคนนี้ออกจะลุยๆ ก็เลยไปได้ดีกับน้องชาย

“ผมอาจจะโชคดีที่มีพี่สาวที่ค่อนข้างจะลุย และไม่ปิดกั้นกับอะไรใหม่ๆ เขาไม่คิดว่าผู้หญิงที่เล่นบาสต้องเป็นทอมหรืออยากเทห์ เขาคิดว่าก็ฉันอยากกระโดด เพราะเบื่อการกระโดดยาง อยากเล่นกีฬาที่มีการแข่งขันแล้วน้องชายก็เล่นอยู่แล้วก็เล่นด้วยกัน เขาชอบแข่งรถโกคาร์ทเข้าก็ชวนผมไป บ้านเราสอนให้เป็นคนเปิดรับกับอะไรใหม่ๆ เป็นคนมีทัศนคติที่ดีต่อการใช้ชีวิต”

ผลลัพธ์ของการเล่นกีฬา
กีฬานั้นมีมากมายหลายประเภท แต่ละคนก็คนชื่นชอบกันต่างกันออกไปตามไลฟสไตล์ของตัวเอง ฌอห์ณเองก็ชื่นชอบในกีฬาประเภทอินดอร์มากกว่าเอาท์ดอร์ ส่วนเหตุผลนั้นก็คงต้องให้เจ้าตัวเป็นผู้ตอบ

“อย่างบาสเก็ตบอลก็อินดอร์ ผมว่ากีฬาอินดอร์มันเล่นง่าย ชกมวยใครบอกที่ต้องไปเล่นที่ยิมอย่างเดียวไม่จริง แค่เอากระสอบทรายตั้งที่บ้านก็เล่นได้แล้ว หรืออย่างฟิตเนสเดี๋ยวนี้ก็หาง่าย อีกอย่างรู้สึกว่ากีฬาอินดอร์ผลประมาณของการเสียเหงื่อหรือว่าผลลัพธ์ของมันก็เท่ากับกลางแจ้ง และผมเป็นคนที่ผิวคล้ำง่าย ยิ่งทำงานตรงนี้ก็เลยหลีกเลี่ยงดีกว่า”

ยกตัวอย่างกีฬาเอาท์ดอร์อย่างกอล์ฟ เป็นกีฬาที่คุณพ่ออย่างให้เล่น ผมก็เล่นได้แต่ไม่ได้ชอบมากเพราะรู้สึกว่าเป็นกีฬาที่ใช้ความคิดเยอะและเป็นกีฬาสร้างความสังคมเอาไว้ติดต่อลูกค้ามากกว่า

“การเล่นกีฬาคือการเสริมสร้างสุขภาพ ข้อดีของการออกกำลังกายคือการเสียเหงื่อ มันเป็นการหลั่งสารเอนโดฟินมาอย่างหนึ่ง มันเป็นการเสริมสร้างความสุขโดยไม่รู้ตัว มันเป็นการที่เราโฟกัสกับตัวเองเราตัดปัญหาการทำงาน เราโฟกัสการหายใจ และความสนุกในเกมมันทำให้เรามีสมาธิ ผมว่ามันเป็นสิ่งที่นอกจากเราไปออกกำลังกายไปสร้างกล้ามเนื้อเหมือนเราไปสร้างความสุขด้วยอีกอย่างหนึ่ง มันชีวจิตที่ดีด้วย”

น่าแปลกคือเมื่อก่อนไม่รู้ว่าการเสียเหงื่อแล้วมันจะรู้สึกดี พอเราเสียเหงื่อไปถึงขั้นที่เรารู้สึกทรงตัวแล้วมันจะรู้สึกดีที่ได้ออกกำลังกาย และมันก็จะกระตื้อรือล้นให้เราออกกำลังกายต่อ

สร้างเสริมทัศนคติและบุคลิกภาพ
“ผมว่ากีฬามันเป็นเรื่องของทัศนคติที่ดีนะ คนเราทุกวันนี้ใช้ชีวิตในสังคมเมืองมันค่อนข้างที่จะเครียดและการแข่งขันสูง แต่พอหันมาออกกำลังกายมันเป็นเหมือนตำราล่องหนที่สอนให้เรารู้จักคำว่าแบ่งปัน ให้อภัย เรียนรู้ และการดูแลรักษา ทุกอย่างมันรวมเล่มอยู่ในการออกกำลังกายดีๆ สักอย่างหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะเล่นฟิตเนส โยคะ หรืออะไรก็แล้วแต่คุณต้องพยายามต่อสู้กับตัวเอง ชนะความขี้เกียจ ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และการสร้างทัศนคติที่ดีเพื่อจะเล่นต่อไป”

ฌอห์ณ เล่าให้ฟังว่าถ้าไม่ได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงก็คงไม่ได้ดูแลตัวมากเท่าทุกวันนี้

“เรื่องของการดูแลตัวเอง เดือนหนึ่งต้องไปทำทรีเม้นต์เกี่ยวกับผิว ขัดพอกเดือนละ 1-2ครั้ง เพราะผมจะเป็นคนผิวแห้งง่าย ต้องดูแลในเรื่องผิวพรรณตื่นเช้ามาจะต้องทากันแดด บางคนคิดว่าทากันแดดคือทาครั้งเดียวจบแต่ไม่ใช่ ทุกๆ 3-4 ชม. เซลล์ผิวก็จะผลัดออก ฉะนั้นต้องทาครีมกันแดดบ่อยขึ้น ตอนกลางคืนก็ทาโลชั่นให้ผิวชุ่มชื่น และทานน้ำเยอะๆ

“แต่ถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้คงไม่ดูแลมากเท่านี้ จริงๆ เป็นเพราะผมเติบโตมาในครอบครัวที่มีพี่สาวกับคุณแม่ การดูแลตัวเองมันก็จะซึมซับมา ต่อให้คุณหุ่นดี หน้าตาดี แต่ผิวไม่ดีก็ไม่น่าดู ทุกอย่างเราต้องเกื้อหนุนกันไปด้วย ผมว่าในยุคนี้ผู้ชายที่ดูแลตัวเองเป็นเรื่องปกติ เป็นเมโทรเซ็กชวลแต่ตัวเก่งขึ้น เป็นเรื่องที่น่าดู ต่อให้คุณไม่มาทำงานวงการบันเทิงคุณก็จะหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น”

ส่วนบุคลิกภาพที่ดีก็เป็นผลพลอยได้มาจากการออกกำลังกายอยู่แล้ว เมื่อร่างกายแข็งแรงคุณก็จะทำอะไรอย่างคล่องแคล่ว มั่นใจ

“ทุกอย่างมันมีความสมดุลของตัวมันเอง การใช้ชีวิตที่มีความสุขที่เป็นตัวของตัวเองมีร่างกายที่แข็งแรงที่สามารถไปต่อสู้กับปัญหาในแต่ละวันพร้อมกันได้ทุกอย่างก็จะดีไปด้วย”

….......................
จะอยู่ในช่วงวัยโรคภัยไข้เจ็บก็สามารถรุกรานได้ตลอด เชื่อว่าการหันมาใสใจดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการออกกำลังนั้นจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ..อย่ารอช้าเริ่มต้นด้วยการคืนความกระปรี้กระเปร่าแก่ร่างกาย ด้วยการวอร์มอัพร่างกายแบบง่ายๆ กันเลย!

ข่าวโดย : Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์






กำลังโหลดความคิดเห็น