xs
xsm
sm
md
lg

“กิ๊ก – มรกต พูลผล” แมนยูฯ ซู่ซ่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
“Values Beyond Beauty คุณค่าที่เหนือกว่าความงาม” วลีเด็ดตบท้ายที่ “กิ๊ก - มรกต พูลผล” ใช้ตอบคำถามคณะกรรมการฯ บนเวทีประกวดธิดาแรงงานปี 2555 ซึ่งเฟ้นหาสาวงามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสวยและมันสมอง ทำให้เธอคว้าตำแหน่งมาครอบครองได้อย่างน่าชื่นชม ด้วยบุคลิกภาพที่ทรงสง่า ท่าทางการตอบที่ฉะฉาน ผิวขาวเนียนสวยงามตามแบบฉบับสาวไทยในอุดมคติ จึงไม่มีข้อแม้ใดที่ตำแหน่งนี้จะไม่คู่ควรกับเธอ และที่สำคัญใครจะรู้ว่าเธอเป็นสาวพีอาร์ แมนยูฯ และแฟนบอลขนานแท้

“กิ๊ก - มรกต พูลผล” สาวประชาสัมพันธ์ บริษัท แมนยูฯ เธอทำให้แฟนบอลต่างกระชุ่มกระชวยทุกครั้งที่แมตช์สำคัญลงสนาม เพราะวันนั้นเธอจะมานั่งคอยลุ้น คอยเชียร์อยู่ข้างๆ คอบอลในร้านแมนยูฯ สถานที่ที่เธอนัดลูกค้าเป็นประจำในฐานะประชาสัมพันธ์ของบริษัท ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเคยสมัครเข้าประกวดสาวงามระดับประเทศมาแล้วหลายเวที และเป็นแรงผลักดันให้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ตามลำพังเพื่อหาประสบการณ์จากเวทีประกวดต่างๆ แม้ว่าทางบ้านจะไม่มีใครเห็นด้วยเลยก็ตาม

คุณค่าที่เหนือกว่าความงาม
เมื่อมีโอกาสจึงไม่พลาดที่จะลองเข้าประกวด เวทีธิดาแรงงานจึงเป็นอีกหนึ่งเวทีที่เธอพร้อมจะลงสมัครแข่งขันกับบรรดาเหล่าสาวงามทั่วประเทศที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถและหลากหลายสาขาอาชีพ ก่อนที่จะคว้าตำแหน่งนั้นมาครอง ตามแนวคิดที่ว่า “คุณค่าที่เหนือกว่าความงาม”

“เวทีนี้กรรมการเขาบอกว่าตัดสินยาก เขาจะเน้นการตอบคำถามใช้ในการตัดสินมากกว่า คิดว่าอย่างนั้นนะคะ” แล้วมีคำตอบไหนที่เรามั่นใจว่าโดนใจคณะกรรมการ? “เขาถามว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับคำว่า “ธิดาแรงงาน” เราก็ตอบไปว่า รู้สึกว่าผู้หญิงไทยไม่จำเป็นจะต้องมีแค่ความสวยความงามเพียงอย่างเดียว เราจะต้องมีความสามารถที่ไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน และก็พูดสโลแกน Values Beyond Beauty คุณค่าที่เหนือกว่าความงาม”

นอกจากนี้เธอยังได้รับรางวัลธิดาผิวเนียน และธิดาบุคลิกภาพดี ถ้าใครเคยเห็นเธอคงไม่ต้องบรรยายถึงรางวัลเหล่านี้ว่าได้มาอย่างไร เพราะเบื้องหน้าที่เห็น คือ ผิวขาวเนียนอมชมพู การวางตัวดีมีเสน่ห์ รวมถึงท่วงท่าการเดินที่สง่างาม มันช่างดูดีเสียเหลือเกิน อาจเป็นเพราะหุ่นที่สูง 174 ซม. จึงดูสูงโปร่ง โดดเด่นกว่าใครๆ
 
เรื่องความสูงอาจศัลยกรรมได้ยาก แต่เรื่องผิวพรรณนี่ซิ อาจเปลี่ยนแปลงกันได้ จึงอยากรู้ว่าเธอมีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ผิวสวยเนียนได้อย่างนี้ “ไม่มีเคล็ดลับอะไรเกี่ยวกับผิวเลยนะคะ ก็มีไปขัดผิวบ้าง 2 อาทิตย์ครั้งหนึ่งก็มีบ้าง แต่ไม่มาก ปกติก็เป็นคนดูแลตัวเองตามประสาผู้หญิง แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายขนาดนั้น”
 
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ทำให้คณะกรรมการฯ พร้อมใจกันยกตำแหน่งนี้ให้แก่เธอ แต่ก่อนหน้านั้นอยากรู้ไหมว่าเธอตัดสินใจสมัครเข้าประกวดมาได้อย่างไร “ตอนไปประกวด เราส่งตัวเองเข้าไป เราเห็นจากในโทรทัศน์ มันเป็นเวทีสำหรับคนวัยทำงานนะ เปิดกว้างให้คนที่มีอายุ 18-30 ปี เราก็เลยสมัครไปทางเว็บไซต์ ซึ่งต้องบอกบริษัทที่ทำงานของเราก่อน เพื่อขอใบรับรองว่าเราทำงานที่นี่จริงๆ”
 
“เริ่มแรกมีการคัดเลือกก่อนที่เอสพลานาด รัชดาฯ จากประมาณ 50 กว่าคน เหลือ 20 คน และเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ติดรอบคัดเลือก จากนั้นใน 20 คนนี้ได้ไปเก็บตัวเพื่อทำกิจกรรม อบรม แต่งหน้า ซ้อมเต้น ซ้อมเดิน ตามสถานที่ต่างๆ และพักอยู่ที่ตึกใบหยกสกายอยู่ 2 คืน ตอนเก็บตัวทำให้ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ มีรุ่นพี่ รุ่นน้อง ได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ได้เรียนรู้อะไรมากมาย สนุกนะคะ”
 
“ตอนประกาศผลแล้วเราได้ที่หนึ่ง ตกใจก่อนเลย เฮ้ย!...เราได้แล้วเหรอ? แล้วค่อยมาดีใจทีหลัง” นั่นเป็นความรู้สึกแวบแรกหลังพิธีกรประกาศผลรางวัล ซึ่งเธอไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นตัวเอง “เราคิดแค่หวังว่าจะได้เท่านั้น ตอนอยู่กับเพื่อนๆ คิดอยู่ตลอดว่าจะได้หรือไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ จะได้ก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ดีที่สุด เราก็ได้เพื่อนจากเวทีนี้”
 
“การมีเพื่อนใหม่ทำให้เรียนรู้ประสบการณ์ในสายอาชีพที่แตกต่างกัน เพราะเราพูดคุยแลกเปลี่ยนกันตลอดเวลา ได้สร้างความสนิทสนม รู้จักคุ้นเคยกัน จึงทำให้เราได้รู้จักคนมากขึ้น นอกจากเพื่อนรุ่นเดียวกันแล้วยังมีเด็กอายุ 18 ที่เขาทำงานแล้วด้วย เหมือนกับว่าเขามีธุรกิจส่วนตัว และอายุ 30 ก็มีนะที่มาประกวด แต่หน้าตาเขาดูอยู่วัยเดียวกันกับเราเลย หน้าเด็กมาก เราจะสนิทกับรูมเมตเบอร์ 11 มากที่สุด เพราะกินนอนด้วยกัน ทำนู่นทำนี่ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด”

ผ่านมาแล้วหลายเวที
กิ๊กมีความฝันที่จะได้ครอบครองมงกุฏในเวทีประกวดสาวงามระดับประเทศ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เธอเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อเดินสายประกวดตามเวทีต่างๆ โดยเฉพาะ แม้ว่าจะพลาดหวังมามากจนกว่าจะประสบความสำเร็จได้เช่นนี้ แต่ทุกเวทีก็ถือเป็นประสบการณ์สำคัญที่ทำให้เธอก้าวต่อไปบนเส้นทางนางงามด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ
 
“ก่อนเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ กิ๊กว่างงานอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนนั้นเรามุ่งแต่ไปประกวดเวทีต่างๆ ก่อนเลย เวทีแรกคือมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปีที่ประกวด เป็นปีเดียวกับปุ๊กลุก แต่ตอนนั้นเราอ้วนมาก มาช่วงนี้ผอมลงเยอะเลย จาก 58 กิโล มาเป็น 53 กิโล มันรู้สึกได้ว่าต้องลดความอ้วนแล้ว เพราะตอนนั้นเสื้อผ้าใส่ไม่ได้เลย และมันก็ลดลงมาเองนะคะ เราไม่ได้จริงจังที่จะลดหุ่นอะไรขนาดนั้น ตอนนี้มันก็เหมือนคงที่แล้ว พอมาประกวดธิดาแรงงานหุ่นเลยพอดี”

เคยขึ้นช่วงชิงมงกุฎเวทีใหญ่มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สมาเท่านั้นยังไม่พอ เธอบอกอีกว่าเคยประกวดเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์มาแล้วเหมือนกัน “เคยประกวดตอนปี 2553 ปีเดียวกับ หนูสิ เราเข้ารอบได้แค่ 30 คน ไม่ลึกน่ะค่ะ ได้แค่เก็บตัวอะไรประมาณนี้ เราไม่ใช่ 1 ใน 5 แต่เราชอบเวทีธิดาแรงงานนี้มากกว่านะ มันเหมือนเป็นกันเองมากกว่า อาจเพราะว่ามิสไทยแลนด์เวิลด์มีคนเยอะ ต่างคนต่างมาจากที่ไหนก็ไม่รู้แล้วมาเจอกัน มันเลยดูวุ่นวาย แต่จริงๆ ก็รักกันหมด และทำให้เราได้เพื่อนที่ทำงานอยู่ในวงการ มีเป็นนางแบบบ้าง เพื่อนก็เลยชวนไปเดินแบบแฟชั่นโชว์อยู่ช่วงหนึ่ง แนะนำกันไป”

“ตอนแรกๆ อาไม่เห็นด้วยนะที่มาประกวด อาจะบอกว่าประกวดทำไม ทำงานเถอะ แกกลัวเสียเวลา แต่พอเรามีงานทำอะไรแล้ว แกก็โอเคอยู่ แต่ก็อยากให้ทำงานราชการมากกว่า เพราะแกเป็นครู เราก็อยากทำ แต่เราขี้เกียจจะไปสอบ อาจะคอยให้ไปสอบๆๆ เราก็คิดว่าเงินเดือนแค่ 8,000-9,000บาทจะพอเหรอ จะอยู่ได้ยังไงเนี่ย อาก็เลยปล่อยจะทำอะไรก็ทำ แต่พอราชการมีให้สอบ แกก็จะมาล่ะ สอบไหมๆ มาแนะนำอยู่ตลอด”

แล้วคิดอย่างไรกับงานราชการ? “รับราชการก็ดีนะคะ คิดว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง แก่ตัวไปจะรักษาหาหมอก็ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย จนถึงทุกวันนี้อาก็ยังคอยพูด คอยแนะนำเราตลอด ส่วนเรื่องเงินเดือนราชการต้องอยู่ต่างจังหวัดเท่านั้นนะคะ ถ้าอยู่กรุงเทพฯ คงไม่พอใช้จ่าย ตอนนี้ยังเฉยๆ อยู่ อยากทำงานทั่วไปที่เราอยากทำมากกว่า”

พีอาร์แมนยูฯ
การเข้ามาเป็นพนักงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้น เริ่มต้นจากการแนะนำของพี่คนหนึ่งที่รู้จักกับเธอ และดูเหมือนว่างานนี้ช่างเหมาะสมกับสาวกิ๊กเสียเหลือเกิน เพราะเธอนี่แหละคือแฟนแมนยูฯ ตัวจริง

“หน้าที่ของเรา คือ คอยติดต่อลูกค้าเวลามีแมตช์แข่งเกี่ยวกับแมนยูฯ ชิล ไม่เครียด ประจำอยู่ที่ออฟฟิศ แถวอโศก และวันไหนมีแมตช์ใหญ่ก็จะมาที่ร้านแมนยูฯ อยู่สุขุมวิท ซอย 11 ซึ่งที่นี่จะเป็นที่รวมกลุ่มของลูกค้าที่เป็นแฟนๆ แมนยูฯ หรือลูกค้าที่ชอบเรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลก็จะนัดกันมาที่ร้านแมนยูฯ นี้

อย่างเมื่อ (13 พ.ค. 55) แมนยูฯ พลาดแชมป์ เป็นอะไรที่ เฮ้ย!...แมนซิตีฯ ทำได้ยังไง คงเป็นที่ดวงแล้วแหละ คือดวงเราจะไม่ได้ ซึ่งเราคาดหวังไว้อยู่แล้วว่าต้องได้ แต่พอแมนซิตีฯ ยิงได้สองลูกหลังนี่ งงเลย ลูกค้าในร้านก็แบบว่า โอ๊ย!... เราอยู่เชียร์จนจบก็กลับบ้าน”

“กิ๊กทำงานที่แมนยูฯ มาได้เกือบปีแล้ว ที่นี่ไม่ค่อยเครียดนะ ทำงานแบบสบายๆ ได้พูดคุยกับลูกค้า ได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆ สนุกนะคะ” เจอคนมากมายอย่างนี้ต้องมีคนมาจีบบ้างล่ะ? “ไม่ค่อยนะคะ กิ๊กเป็นคนไม่ค่อยเข้าหาใครอยู่แล้ว ก็เฉยๆ ตามนิสัยของเราไป การเป็นพีอาร์นอกจากหน้าตาต้องสวยแล้ว ต้องมีใจรักในการบริการด้วยนะคะ เพื่อให้ลูกค้าชื่นชอบ ถ้าเราไม่มีใจรัก เราก็ขี้เกียจไปคุยใช่ไหมค่ะ มันก็ไม่ใช่อาชีพของเรา เราเห็นลูกค้าเขามีความสุขมันก็น่าจะดีกว่า”

ก่อนหน้านี้เธอเล่าให้ฟังว่าเคยทำงานดีแทค ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำหน้าที่เหมือนกับเป็นเอทีเอ็มซิม อยู่ตามธนาคารกสิกร คล้ายๆ Sale ที่คอยแนะนำการใช้งาน โอนเงิน สอบถามยอดเงินผ่านมือถือ เหมือนเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างแบงก์กสิกรกับเครือข่ายดีแทค ก่อนที่เธอจะตัดสินใจมาอยู่กรุงเทพฯ เป็นการถาวร

ตอนนี้นอกจากงานประจำ คือ การเป็นพนักงานประชาสัมพันธ์ของแมนยูฯ แล้ว เธอยังรับงานเดินแบบนอกเวลางานอีกด้วย “งานเดินแบบส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์เสื้อผ้าหน้าผม ถ้าว่างก็รับงานอยู่เรื่อยๆ ไปเดือนละประมาณ 3-4 ครั้ง ถามว่าชอบเดินแบบไหมก็ชอบนะคะ ไม่ต้องยิ้ม (หัวเราะ) มันเหมือนเป็นงานง่ายๆ เดินเสร็จก็จบ และก็สนุกดี มีเพื่อนด้วย เพราะเพื่อนเขาเดินแบบกันเป็นอาชีพอยู่แล้ว บางครั้งเพื่อนมีแคสต์เพื่อเป็นนางแบบในเวทีใหญ่ๆ อย่างแฟชั่นวีค แต่กิ๊กไม่เคยไปนะ ส่วนใหญ่จะเดินเวทีเล็กๆ ทั่วไป”

ได้ยินแว่วๆ มาว่ามีคนสนใจจะทาบทามเธอเข้าวงการฯ แล้วเจ้าตัวล่ะสนใจบ้างรึเปล่า “จริงๆ แล้วถ้ามีโอกาสก็สนใจนะคะ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าให้เลือกระหว่างงานเดินแบบกับงานแสดง ชอบเดินแบบมากกว่านะ เพราะเคยผ่านมาแล้ว และดูง่ายกว่าการแสดงละคร ดูมันยากที่ต้องมีแอ็กติ้ง ในความคิดกิ๊กนะคะ แต่ไม่ว่ายังไงถ้ามีโอกาสเข้ามาก็ต้องลองดูกัน ถ้าได้ลองแล้ว พอทำแล้ว แต่มันไม่ถึงจริงๆ ก็ไม่เป็นไร”

มรสุมชีวิตวัยเด็ก
อาจดูสับสนสักหน่อย กับเรื่องราวของชีวิตเด็กน้อยคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะไม่ได้วุ่นวายเหมือนเช่นกรุงเทพฯ แต่เส้นทางชีวิตของสาวน้อยคนนี้ในวัยเยาว์ดูช่างผกผัน เพราะต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาได้สร้างตัวตนให้เธอกลายเป็นคนเข้มแข็งจนมาถึงทุกวันนี้

“กิ๊กเป็นเด็กต่างจังหวัด อยู่สุราษฎร์ธานี มีน้องชายคนเดียว ชื่อ “ก๊อก” เราห่างกัน 2 ปี ตอนนี้น้องก็ยังอยู่สุราษฎร์ฯ เขาทำงานอยู่ที่นั่น ทำเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในร้านของญาติ

ถ้าจะให้เล่าย้อนไปมากกว่านี้ จะรู้ว่าชีวิตตอนเด็กดูวุ่นวายมาก เดินทางบ่อยมาก ย้ายไปย้ายมาไม่เคยอยู่กับที่เลย กิ๊กเกิดที่นครศรีธรรมราช แล้วย้ายมาเรียนที่สุราษฎร์ฯ ตอนอนุบาล 1 และก็ย้ายมาอยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์อีก เพราะพ่อทำงานหลายที่ไงค่ะ เขาเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับบริษัทรถ ตอนนั้นก็อยู่กับพ่อกับแม่ใช่ไหมค่ะ แล้วต่อมาแม่ก็มาเสียตอนเราอายุ 4 ขวบ จึงอยู่กับพ่อมาตลอด แล้วพ่อเพิ่งให้มาอยู่กับอาที่สุราษฎร์ตอน ป.6 มาอยู่ได้สักพักพ่อก็เสียด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ตอนเราอยู่ชั้น ม.4 และน้องชายก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน จากนั้นเราสองคนก็อยู่กับอาเรื่อยมา”

“ตอนเด็กจึงสนิทกับอามากที่สุด อาเลี้ยงเราเหมือนลูกคนหนึ่งเลย ส่งเรียนตลอดเลย แต่อาก็มีลูกนะคะ มี 3 คน แต่เขาเรียนจบหมดแล้ว เขาโตกว่าเราเยอะมาก กิ๊กตอนเด็กจะผอมๆ ผมยาวๆ หน้าตาก็เหมือนตอนนี้แหละ แค่ย่อส่วน (พูดง่ายมาก) เป็นเด็กชอบร้องไห้ ร้องตลอดเวลา กิ๊กก็สนิทกับน้องชายเหมือนกัน เพราะมีกันอยู่ 2 คน ด้วยความที่เราอายุห่างกันไม่มาก เจอกันก็คุยกันปกติ แต่ไม่ได้สนิทถึงขนาดที่ว่ามีอะไรโทร.ปรึกษากันตลอด”

เคยฝันอยากเป็นอะไรในตอนเด็กไหม? “เคยคิดอยากเป็นหมอ เพราะหมออยู่โรงพยาบาล ได้รักษาผู้คน รู้สึกเหมือนเป็นอาชีพที่สูงสุดสำหรับเราตอนเด็ก เป็นอาชีพยอดฮิตของเด็กๆ ว่างั้น พอโตขึ้นมาก็ยังอยากเป็นหมอนะคะ แต่คะแนนเราไม่ได้สูงขนาดนั้น”

นักกีฬาบาสฯ ของโรงเรียน
ด้วยความสูงเป็นเหตุ คุณอาจึงสนับสนุนให้เล่นกีฬาบาสเกตบอล แม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่ชอบเอาเสียเลย แต่พอเล่นไปเล่นมาก็เริ่มสนุก จึงได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียนแบบไม่รู้ตัว

“ตอนแรกเข้าไปตอน ม.1 เหมือนกับว่าอาเขารู้จักกับครูที่สอนบาสฯ จึงอยากให้เรียน แต่เราไม่อยากเรียน ร้องไห้เลยตอนแรกๆ แต่พอเล่นเรื่อยๆ ก็สนุกดี จนได้เป็นนักกีฬาบาสฯ ของโรงเรียน แต่เล่นไม่ได้เก่งอะไรมากนะคะ ฝีมือปกติทั่วไป”

“ตอนมัธยมเรียนอยู่โรงเรียนกาญจนดิษฐ์วิทยาคม เราชอบวาดรูป ชอบเข้าห้องศิลป์เป็นประจำ แต่เรียนสายวิทย์-คณิตนะคะ มีอยู่ช่วงหนึ่งเคยคิดจะสอบเข้าสถาปนิก แต่มันก็เหมือนกับว่าที่บ้านเขาก็เลือกให้ อยากให้เรียนนั่น เรียนนี่นะ เขาอยากให้เป็นพยาบาล แต่เราไม่ชอบพยาบาล เพราะว่าต้องคอยรับคำสั่งหมอ เราก็เลือกให้นะคะ แต่เป็นอันดับ 2 และ 3 ไป สุดท้ายเราได้อยู่คณะบริหารธุรกิจ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้บ้านหน่อย และเราก็ชอบเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จะมีการออกแบบเว็บไซต์บ้าง แต่ไม่ได้มากเท่ากับวิศวะ คอมพ์”

“สมัยเรียนไม่ค่อยมีวีรกรรมอะไรเลย เพราะเราเป็นคนติดบ้าน ชอบอยู่บ้าน นานๆ ครั้งจะออกไป ถ้าเพื่อนมาหาที่บ้านจะได้ แต่ให้ไปข้างนอกนี่ไม่ชอบไป เราชินกับการอยู่บ้าน ไม่ชอบเฮฮาปาร์ตี้อะไรมากมาย จนเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังชอบอยู่ติดห้องเหมือนเดิม ส่วนเพื่อนเขาไปสังสรรค์ข้างนอกกัน แต่เรานานๆ ไปที”

แก๊งส้มตำ
เหล่าบรรดาเพื่อนๆ ของเธอ ส่วนใหญ่จะมาจากเวทีประกวดต่างๆ ที่เธอเคยไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์มา เพื่อนคนไหนในกองประกวดที่มีบุคลิกเข้ากันได้ก็จะสนิทสนมกันในระยะยาว ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่เธอมักบอกกับเราเสมอว่า สิ่งที่มีค่าที่ได้จากการประกวด คือ การได้รู้จักเพื่อนเยอะแยะมากมาย และทำให้ได้พบกับเรื่องราวดีๆ ในชีวิต

“เพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯ เราไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด จะมีกัน 4 คนในแก๊ง แล้วยังมีเพื่อนสาวอีกคนหนึ่งรวมเป็น 5 คน เราชอบนัดกินส้มตำ และชอปปิ้งกัน อย่างถ้าวันไหนมีนัดกัน เริ่มแรกเลยที่ร้านส้มตำ แถวตึกช้าง ซึ่งเป็นที่ประจำ ต่อด้วยเดินชอปปิ้งที่เมเจอร์รัชโยธิน แล้วแยกย้ายกันกลับ แต่ส่วนใหญ่เพื่อนไม่ค่อยว่างทั้งวัน จะว่างก็แค่ช่วงเย็นๆ แค่นั้น ส่วนตัวกิ๊กเองก็ไม่ใช่คนเที่ยวกลางคืน ก็เลยไม่มีเพื่อนเที่ยวกลางคืนเลย และเพื่อนที่คบส่วนใหญ่ก็เหมือนเรา จะมีบุคลิกคล้ายๆ กัน”

“กิ๊กเป็นคนง่ายๆ ค่ะ สามารถอยู่นิ่งๆ ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องทำอะไร (หัวเราะ) ชอบนั่งเฉยๆ เพราะเป็นคนเฉยๆ นิสัยเราหลักๆ แล้วเราจะง่ายๆ นิ่งๆ บางครั้งก็ออกไปกับเพื่อน ไปปาร์ตี้ส้มตำกัน มีอะไรก็ปรึกษาเพื่อน เราเป็นคนเปิดเผยและจริงใจกับเพื่อนมาก ถ้าเวลาไหนรู้สึกเหงาๆ ก็จะโทร.หาเพื่อนล่ะ จะนัดกินส้มตำกันทันที ทั้งเพื่อนและเราจะชอบมาก กิ๊กชอบสั่งส้มตำปู ส่วนเพื่อนสั่งปลาร้าเลยล่ะ เวลาอยู่บ้านกิ๊กก็แต่งตัวง่ายๆ ใส่เสื้อ กางเกงตัวเดียว กิ๊กชอบดูหนัง ถ้าอยู่ห้องจะเช่าหนังมาดู แนวที่ชอบส่วนใหญ่จะเป็นพวกแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทรานฟอร์เมอร์ และ อวตาร แนวจินตนาการที่มันไม่มีจริง (ยิ้ม) นั่นแหละจะชอบมาก”

เคยคลั่งวง “ดีทูบี”
เมื่อถามถึงไอดอล เธอไม่ลังเลที่จะตอบว่า “บิ๊ก - ดีทูบี” ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ที่ดังมากสมัยเธอยังเด็ก ถ้ายังจำกันได้วงนี้เคยมีชื่อเสียงโด่งดังถล่มทลายไปทั้งประเทศ และเธอก็ชอบวงนี้มากด้วยถึงขนาดใช้คำว่า “คลั่ง” ได้เลยทีเดียว ในขณะที่กำลังมีชื่อเสียง บิ๊กได้ประสบอุบัติเหตุ จากนั้นความโด่งดังก็เริ่มซาลงเรื่อยๆ แต่สำหรับแฟนคลับที่ชื่นชอบเขาก็ยังคงระลึกถึงอยู่เสมอ

“สมัยเด็กกิ๊กชอบวงดีทูบีมาก (เสียงสูง) ชอบบิ๊ก - ดีทูบี เราซื้อหนังสือทุกเล่ม ซื้อเทปทุกอัน สะสมไว้เต็มบ้านเลย ตอนนั้นเป็นช่วงมัธยม เรารู้สึกว่าเขาเป็นไอดอล ต้องมานั่งดูทีวีที่เขามาทุกรายการนะ พลาดไม่ได้เลย เด็กข้างบ้านก็ชอบเหมือนกัน ตอนเย็นก็บอกกัน แต่พอบิ๊กเสียชีวิตปุ๊บก็จบเลย และไม่เคยชอบวงไหนเท่าดีทูบีอีกเลย”

“ถ้าเป็นดารานะคะ กิ๊กชอบชมพู่ - อารยา ชอบเพราะว่าเขาแฟชั่นเยอะดี ชอบดูเขาเวลาแต่งตัว ใส่คาดผมกล้วย ส้ม แชมพู่ มะละกอ อะไรก็มาอยู่บนหัวหมด เราเลยติดตามเขา ไม่ว่าเขาจะแสดงละครเรื่องไหนก็จะคอยดูเขาแสดง แสดงเก่งด้วย ดูแล้วสนุก แต่กิ๊กไม่เอาผลไม้มาอยู่บนหัวนะ ไม่เอานะ ขอดูเฉยๆ สวยดี ถ้าเราตามเขา มันคงไม่ได้ (หัวเราะ) เราต้องเอาความมั่นใจของพี่เขามาแล้วล่ะ

ปกติกิ๊กเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจ ขี้อายเยอะเลยแหละ ยิ่งเวลาที่ต้องขึ้นไปอยู่บนเวทีแล้วต้องพูด กิ๊กก็อาย แต่พอมีขึ้นเวทีประกวดมันต้องฝึกมากขึ้น ก็เริ่มชิน ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง อย่างเวลาต้องตอบคำถามบนเวที กิ๊กต้องตั้งสมาธิ และเตรียมตัวมาให้พร้อม อ่านข้อมูลให้มากก่อนขึ้นเวที เวทีนี้ต้องการอะไร คอนเซ็ปต์แบบไหน ประกวดเพราะอะไร เคยมีตั้งคำถามเองแล้วก็ตอบเองนะ อย่างคำถามธิดาแรงงานนั้นก็คิดไว้นะ พอกรรมการถาม เราก็เฮ้ย!...ใช่เลย เหมือนที่เราคิดไว้เลย กิ๊กเป็นคนใช้คำพูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ คำเพราะๆ ดีๆ กิ๊กก็ต้องเตรียมมา คือทำการบ้านเยอะ เมื่อเรามาทั้งทีแล้วก็ทำให้มันเต็มที่ไปเลย”

ชีวิตออกแบบได้เอง
ชีวิตที่ไม่วุ่นวาย นั่นแหละคือความสุขของเธอ...
“ยามว่างส่วนใหญ่จะดูหนัง ฟังเพลง นัดเจอเพื่อนอาทิตย์ละครั้ง ชอบเล่นอินเทอร์เน็ตนะ ท่องเว็บไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ติดเฟซบุ๊กนะ แบบว่ากินข้าวกับอะไรไปที่ไหน ทำอะไร เข้าห้องน้ำก่อนนะ อย่างนี้ไม่ได้โพสต์ ถ้าโพสต์ก็จะเป็นรูปบ้าง คิดอะไรอยู่ ท้อแท้ใจก็โพสต์ลงไปนิดนึง แต่ไม่ได้คอยโพสต์ตลอด ส่วนใครอยากจะโพสต์อะไรก็โพสต์ไป เฟซบุ๊กเขา เราไม่ค่อยสนใจอะไรมาก อย่างที่บอกชอบอยู่เฉยๆ กิ๊กเลยเป็นคนไม่ค่อยไปเที่ยวที่ไหน นานๆ สักครั้งหนึ่ง อาจเพราะเราไม่ชอบเดินทางด้วยแหละมั้ง ไม่ชอบนั่งรถนานๆ”

“กิ๊กเคยคิดว่าในอนาคตอยากมีธุรกิจส่วนตัวที่สามารถเลี้ยงเราไปได้ตลอด ที่คิดไว้หลายอย่างเลยนะคะ อยากเปิดร้านดอกไม้ อยากมีร้านอาหาร หรือร้านขนมอะไรอย่างนี้ อาจเป็นร้านเล็กๆ ไม่ต้องใหญ่มาก เอาแค่ชิล สนุกสนาน ให้เป็นที่พบปะสังสรรค์ระหว่างเพื่อน”

“คติประจำใจของกิ๊กนะ ไม่ต้องมีอะไรมากเลย แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้ว กิ๊กจะเป็นคนคาดหวังกับความสำเร็จในบางเรื่อง เหมือนอย่างการประกวด ไม่ใช่ว่าจุดมุ่งหมายสูงสุดของเราต้องได้ตำแหน่งใช่ไหมค่ะ แต่จริงๆ แล้วถ้ามันไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก ก็เฉยๆ เราก็ดำเนินชีวิตต่อไป เราก็มีเพื่อนและอยู่กับเพื่อนได้เหมือนเดิม เพราะส่วนหนึ่งกิ๊กเป็นคนไม่ชอบคิดเยอะ ไม่ชอบชีวิตที่ดูวุ่นวาย เราขอชีวิตชิล ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องกำหนดอะไรมากจะดีกว่า

แต่จุดเด่นของกิ๊ก คือ เป็นคนตรงต่อเวลานะ ด้วยงานของเราการเป็นพีอาร์มันต้องตรงต่อเวลากับลูกค้า อย่างเวลาเราไปงานแล้วเจอคนมาสาย เฮ้อ!...ทำไมเขาทำไม่ได้ กิ๊กก็เลยซีเรียสเรื่องเวลานิดนึง เรามาตรงเวลา แต่ทำไมเขาทำไม่ได้นะ มันจึงเป็นความขัดแย้งในใจที่เรารู้สึกได้ถึงการรอคอย เราจึงไม่อยากให้ใครมานั่งรอเราเหมือนกัน”

รักคนจริงใจ
ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเธอ มักมองในมุมสบายๆ ไปเสียหมด รวมถึงเรื่องความรักด้วยเช่นกัน ที่เธอมักมองความรักในแบบที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากนัก ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องซีเรียส เพียงแค่อยู่บนหลักความจริงใจก็เพียงพอ

“ถ้าถามมุมความรักสำหรับกิ๊ก มันก็ง่ายๆ อีกแหละ (หัวเราะ) เราอย่ากดดันอะไรกันมาก คือเหมือนกับว่าคบกันแบบชิล ง่ายๆ อะไรก็ได้จะดีกว่า แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนหลักความจริงใจนะคะ ถ้าเรารักกัน ต้องมีความจริงใจให้กัน ถ้าวันใดไม่มีความจริงใจให้กัน สำหรับกิ๊กนี่คงไม่ได้เลย”

ตอนนี้ล่ะคนจริงใจที่คบอยู่เป็นใคร? “จะบอกว่ามีก็ไม่ได้ใช่ไหมค่ะ (หัวเราะ) มันเหมือนกับว่าก็มีคนคุยด้วย แต่กิ๊กยังไม่มองจุดนี้มากนะ ตอนนี้คิดแค่เรื่องงาน เวลาว่างก็อยู่กับเพื่อน สงสัยว่าเราคงยังไม่เจอมั้งค่ะ คนที่เราเห็นแล้ว เอ้ย!...คนที่คลิกกับเราจริงๆ ยังไม่มี กิ๊กเป็นคนชอบคนเฮฮา ขำๆ เพราะกิ๊กเป็นคนเส้นตื้น ขำนิดหน่อยไม่ได้เลย จะนั่งขำอยู่นั่นแหละ กิ๊กเลยไม่ชอบคนเครียด โอ้ย!...เครียดไม่ไหวมาเครียดกับเรา ปวดหัวค่ะ กิ๊กเป็นคนไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้วไง ถ้าต้องมานั่งคิดมาก ไม่ไหวค่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นเราอยู่เงียบๆ ของเราดีกว่า

แต่ตอนนี้อยากอยู่กับเพื่อนมากกว่า อยู่แล้วสบายใจดี ถ้ามีแฟน มันเหมือนกับว่าเราต้องจำจดอยู่ตรงนั้น เครียดนะบางที อยากพบ อยากเจอ อยากคุย ก็ไม่ได้ เราไม่อยากมีความรู้สึกอย่างนั้น แต่ถ้ามีใครเข้ามาในชีวิตตอนนี้ก็พร้อมนะคะ ก็ต้องดูกันไปว่าเป็นยังไง เข้ากันได้ไหม ขอคนสูงเท่าเราหรือสูงกว่าเรา ดูดีนิดนึง และที่แน่ๆ นี่ต้องจริงใจมาก่อนเลย”

ก่อนจะปิดการสนทนา จึงขออัพเดตเรื่องหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในตำแหน่งธิดาแรงงานหน่อยว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง “ตอนนี้จุดประสงค์หลักของธิดาแรงงาน คือการออกไปทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม ก็จะมีไปงานตามสถานที่ต่างๆ อย่างล่าสุดที่ไปมา เป็นการมอบรางวัลเกียรติยศให้แก่นักกีฬา ของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมเพื่อสังคมทั้งนั้นเลย”

และในฐานะธิดาแรงงาน คิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องรายได้ของผู้ใช้แรงงานที่สวนทางกับรายจ่ายในตอนนี้? “ตอนแรกรู้สึกดีใจนะคะ ที่รายได้ของผู้ใช้แรงงานขั้นต่ำจะเลื่อนขึ้นมาเป็น 300 บาท แต่พอขึ้น 300 บาทจริงๆ ปุ๊บ! ข้าวของกลับขึ้นราคา เลยเหมือนกับว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นมา มันจะมีประโยชน์อะไรเมื่อข้าวของยังราคาแพงอยู่ เขาอยากให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ผู้แรงงานก็ต้องกินต้องใช้ มันเลยเหมือนกลับสู่จุดเดิม และบางทีค่าใช้จ่ายอาจจะเพิ่มกว่าเดิมด้วยซ้ำ เราเลยอยากให้ข้าวของมันอยู่ในราคาที่คนรับได้ ไม่ลำบากเกินไปที่จะใช้ ถ้าคนอยู่ต่างจังหวัดยังลำบาก คนอยู่ในกรุงเทพฯ ยิ่งลำบากกว่า เพราะค่าใช้จ่ายมันมากกว่า”




ประวัติส่วนตัว
ชื่อจริง : มรกต พูลผล ชื่อเล่น กิ๊ก
วันเกิด : 26 สิงหาคม 2530 (อายุ 25 ปี)
ถิ่นกำเนิด : จังหวัดสุราษฎร์ธานี
น้ำหนัก - ส่วนสูง : 53 กก./ 174 ซม.
การศึกษา : ระดับมัธยม - โรงเรียนกาญจนดิษฐ์วิทยาคม สายวิทย์-คณิต, ระดับปริญญาตรี - สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ผลงานที่ผ่านมา : ธิดาแรงงานปี 2555 พร้อมควบ 2 รางวัล คือ ธิดาบุคลิกภาพดี และ ธิดาผิวเนียน
การทำงาน : พนักงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เอฟแอนด์บี กรุงเทพ จำกัด
งานอดิเรก : บาสเกตบอล และแบดมินตัน
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
 
 
 
 
 
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์










กิ๊กและครอบครัว
กิ๊กและก๊อก (น้องชาย)

กำลังโหลดความคิดเห็น