xs
xsm
sm
md
lg

ป๊อก-ทวิษย์ชญะ ขบถวงการเพลง “เพลงไทยมันมีแต่ต่ำลง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
ป๊อก-ทวิษย์ชญะ ตั้งสหะรังษี เจ้าของค่าย Classy Records เขาคือนักแต่งเพลงที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของค่ายเพลงได้ไม่นานนัก หลังจากคลุกคลีอยู่ในวงการเพลงไทยมานาน และยอมรับว่าวงการเพลงไทยทุกวันนี้ตกต่ำลงไปทุกที คุณค่าของงานถูกครอบงำโดยเจ้าของธุรกิจค่ายเพลงใหญ่ ผลงานทั้งหมดตกเป็นของนายทุนอย่างไม่ยุติธรรม เพราะส่วนใหญ่คนไทยมีจิตสำนึกไม่ค่อยดี โดยเฉพาะคนแต่งเพลงที่ชอบก๊อบปี้งานเพลงของคนอื่นมาเป็นของตน

วงการเพลงไทยเสื่อม!
ป๊อก-ทวิษย์ชญะ ผู้แต่งเพลง อันดากับฟ้าใส รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ซึ่งเคยโด่งดังเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ทุกวันนี้เขาไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดจากงานเพลงที่แต่งขึ้นได้ เพราะลิขสิทธิ์ตกเป็นของค่ายเพลง จึงทำให้เขามีความเห็นที่แตกต่างนับตั้งแต่วินาทีนั้นมา
 

“ผมแต่งเพลงให้ศิลปินในเมืองไทยมาเยอะมาก แต่งให้เกือบครบคนดังทั้งหมดแล้ว แต่เราไม่ชอบกติกาของค่ายใหญ่ที่เขียนแล้วจะเป็นสมบัติของเจ้าของค่าย ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง ผมเป็นคนเขียนนะ แต่ไม่สามารถเอาเพลงนั้นมาได้ ผมจึงเป็นขบถตั้งแต่วินาทีนั้น ประเทศนี้ไม่แฟร์เลย และยังไม่มีใครลุกขึ้นมาทำอะไรอีก คนแต่งเพลงออกมาจากค่ายใหญ่ๆ แต่ไม่มีสมบัติติดตัว”
 

น้าแอ๊ด-คาราบาว ออกมาพูดกับผม เมื่อปี 2541 เขาบอกว่าผมไปด่าทำไมคนลอกเพลง ถ้าไม่เป็นพวกเขาก็ต้องออกไป ไม่มีที่ยืนหรอก แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น ผมนี่แหละจะเป็นช้อยส์ที่ 3 คือจะด่าคนไม่ดีด้วย และจะไม่ออกไปด้วย และไม่เป็นพวกเขาด้วย สำหรับคนที่ใจไม่ถึงก็ไม่กล้าเป็นเพื่อนเรา หลังจากอันดากับฟ้าใส ผมมาเปิดค่ายเพลงเองแรกๆ ก็เจ๊ง ล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ แต่ผมคิดว่าอะไรที่มีตัวตนชัดๆ มันจะค่อยๆ โตเรื่อยๆ มันจะแกร่ง ต่อไปจะเอาอะไรมาโค่นก็ไม่ล้ม แล้วเราจะตอบได้ทุกคำถามหมดด้วยความมั่นใจ ทุกขั้นตอนของการทำเพลง เราจะไม่ถอยอีกแล้ว”
 

ค่ายเพลงเล็กๆ อย่าง Classy จึงเกิดขึ้น ที่ต้องการเรียกจิตสำนึกและความถูกต้องกลับคืนมา ทั้งคนสร้างงานและคนฟังไปพร้อมๆ กัน เหมือนอย่างที่ป๊อกพูดไว้ว่า “Classy ไม่ได้เปิดมาเพียงแค่ขายของ แต่เรากำลังเปิดบ้านเล็กๆ หลังหนึ่ง ที่อบอวลไปด้วยทุกหัวใจที่รักเพลงและรักพ่อ” ซึ่งจะมาสร้างการเปลี่ยนแปลงวงการเพลงไทย
 

“วงการเพลงไทยมันมีแต่ต่ำลง เมื่อไปถึงที่สุดแล้ว มันจะหยุดนิ่ง สถานการณ์ที่เลวร้าย มันจะช่วยกรองสิ่งที่ไม่ดีให้หลุดล่อนไป และที่สุดมันจะเหลือแต่สิ่งที่แข็งแรง” เหมือน Classy ตอนนี้ ที่มีจำนวนแฟนเพลงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหล่าสาวกได้ติดตามผลงานจากศิลปินฝีมืออันดับต้นๆ ของประเทศไทยที่ Classy คัดสรรมา และการันตีแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทกันมาไม่ได้เสียเวลาเปล่า
 

“ผมคิดใหม่ว่าการทำงานในวงการเพลง ต้องสร้างมูลค่าในตัวเราก่อน ค่ายของเราทำเป็นออดิโอไฟล์ ฟังกับเครื่องเสียงราคาคู่ละแสนหรือล้าน เพราะผมมองว่าคนไทยเก่ง แต่ส่วนใหญ่คนไทยมีจิตสำนึกไม่ค่อยดี ทั้งคนฟังและคนสร้าง คนสร้างงานก็จะก๊อบทำนองต่างชาติมา แล้วไม่บอกที่มา นั่นคือการก๊อบปี้ อันไหนดังก็ขโมยมา คนฟังก็ใช้เหตุผลนี้ในการอ้างว่าก็เราไม่จำเป็นต้องซื้อ ก็ก๊อบต่อละกัน ซึ่งเราก็เกลียดเรื่องแบบนี้มาตลอดชีวิตการทำงานของตัวเอง เลยคิดว่าถ้าเปิดค่าย Classy ขึ้นมาแล้วจะเปลี่ยนใหม่หมด”
 

“บ้านเราแย่ เสื่อมลงทุกวัน ไม่ใช่แค่วงการเพลง เสื่อมแม้กระทั่งผู้นำประเทศ รัฐบาล เราต้องมีความกระตือรือร้นในการลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง ทุกอาชีพทำได้หมด ผมก็ทำในหน้าที่ของคนแต่งเพลง ถ้าเราเปลี่ยนไม่ได้ คนรุ่นต่อไปจะลำบาก ภูมิต้านทานก็น้อย”

กลยุทธ์ค่ายเพลงยุคใหม่
หลังจากต่อสู้มานาน ค่ายเพลง Classy ก็ประสบความสำเร็จด้วยหัวใจของทุกคนที่เป็นขบถ ไม่เพียงขบถแค่ค่ายเพลง แต่ขบถไปถึงวิธีการจัดจำหน่าย เขาจึงรวบรวมเพื่อนพ้องน้องพี่ช่วยกันก่อตั้งบริษัทจัดจำหน่ายขึ้นมาชื่อว่า “อาหารหู” เครื่องมือชิ้นหนึ่งที่ช่วยในการทำตลาดคือ การนำกลยุทธ์จองก่อน ผลิตทีหลังมาใช้ โดยจองผ่านในโซเชียลเน็ตเวิร์ก อย่าง “เฟซบุ๊ก” พื้นที่รวมกลุ่มของสาวกแฟนเพลง เครื่องมือการตลาดง่ายๆ ที่ไม่ต้องลงทุนด้วยเงิน ลงแรงและสมองก็เกินคุ้ม
 

“ตอนนี้ Classy มีศิลปิน 10 กว่าคน และเราจะอยู่ให้ได้จากการขายซีดี ส่วนยอดริงโทนเราเฉยๆ แต่ยอดดีนะ ผมรู้สึกว่ามันไม่ท้าทาย ถ้าจะเจ๊งก็เจ๊งให้คนจำไปเลย เราทุ่มทุนทั้งหมดเฉียดๆ ล้าน แต่ละอัลบั้มไม่ต่ำกว่า 6 แสน เราไม่ได้รวย เราเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ถ้าหมดเป็นหมด ขอแค่ให้งานออกมาดี แล้วมันจะส่งผลกลับมาหาเราในภายหลัง เราต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่เราทำก่อน
 

ประสบการณ์มันสอนเราแล้วว่าที่ไหนเหมาะจะขายงานลักษณะนี้ ช่วงแรกต้องทำเองหมด และต้องศึกษาให้หมด และผมก็ตั้งไว้ว่างานของ Classy จะขายหมดภายใน 6 เดือน - 1 ปี จนกลายเป็นของหายาก แล้วต่อไปค่อยผลิตธรรมดาออกมา มันเป็นโมเดลใหม่ที่เราจะเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ตอนนี้งานของเราดังสะเทือนไปถึงค่ายใหญ่ๆ แล้วว่ามันยังขายได้ยังไงว่ะ ซีดี”
 

“ผลิตเป็น limited numbered edition พร้อมรันนิ่งนัมเบอร์ที่หน้าปก” นี่ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของ Classy อย่างหนึ่ง ทำให้สาวกแฟนคลับ นอกจากจะแย่งกันจองแผ่นแล้ว ยังแย่งเลขสวยเลขมงคลไปครอบครองกันอีกด้วย
 

“ผมเป็นโมเดลใหม่ ผมจะเปิดจอง ถึง 5,000 เมื่อไหร่ ผมค่อยหยุด นั่นหมายถึงในโซเชียลเน็ตเวิร์กจะไม่มีเพลงใดหลุดรอดไป 4 share เลย อัลบั้มผมแต่ละชุดวางโมเดลไม่เหมือนกัน อย่างอัลบั้ม Classicnova ผมปล่อยเพลงเดียวแล้วเปิดจอง เมื่อได้เงินมาสักนิดหนึ่ง เราพร้อมที่จะเอาเพลงลงสู่สาธารณะแล้ว จากนั้นเราก็ปล่อย แต่เราได้เงินมาก้อนหนึ่งแล้ว ดีกว่าไปปล่อย 4-5 เพลง ยังไม่ได้เปิดจอง มันก็ 4 share กันทั่วบ้านทั่วเมือง พอวางแล้วก็กลายเป็นของไม่มีค่า และมันกรองไม่ได้ เราเป็นค่ายเล็กจริง แต่เรามีแฟน 400-500 คนที่ซื้อของเราแน่ๆ
 

ผมคิดเป็นตรรกะ เป็นโมเดลอย่างนี้ และทุกคนก็จะจองเลขกัน ชุดนี้ฉันเลขนี้แล้ว ชุดหน้าฉันเลขนี้อีก มันเป็นความแอบๆ เจ้าเล่ห์เล็กๆ ที่เป็นจุดขายว่าทุกคนชอบซื้อเลข แต่ในขณะเดียวกันเราทำงานดีจริงๆ หลังจากที่ทุกคนได้สัมผัส คนที่ซื้อไปแล้วก็ยังกลับมาซื้ออีก เก็บ limited อย่างทะนุถนอม”
 

“ผมมีเพื่อนรักชื่อ โก้-แซกแมน ถ้าเพลงไหนที่ผมโปรดิวซ์ โก้เขาจะเป่าให้ โดยไม่คิดเงิน เราต่างคนต่างทิ้งซึ่งกันและกันไม่ได้ เราก็เปิดบริษัท อาหารหู ฉะนั้นเพลงของ Classy เพลงของเพื่อนที่รักๆ กัน เราจะมาจัดในอาหารหูกัน ซึ่งจะไม่ถูกโกง เป็นนิมิตหมายใหม่ที่ 1 - 100 ขายได้ตัดคืนเงิน จะไม่ล็อกอยู่อย่างนั้น ก็เลยยอมที่จะเป็นหัวหอกในการเหนื่อยครั้งนี้ และทุกคนก็เชียร์ว่าถึงเวลาแล้ว”

ดังไป 7 ประเทศทั่วเอเชีย
ก่อนหน้านี้ Classy ประสบความสำเร็จอย่างสูง จากอัลบั้ม ความรัก ปากกา กีต้าร์โปร่ง ทำให้ผู้คน 7 ประเทศทั่วเอเชีย ได้รู้จัก “นิว-ปทิตตา” ในเพลง “ถามสักคำ” ซึ่งมียอดวิวในยูทูบถึงล้านคลิกในเวลาไม่ถึงเดือน ทุกเพลงแต่งจากปลายปากกาและโปรดิวซ์โดย “ป๊อก” เจ้าของนามปากกา “แจ๊ค รัสเซล” ด้วยเนื้อเพลงภาษาไทยทั้งหมด และผลิตเพียง 5,000 ก๊อบปี้เท่านั้น นอกจากนี้ยังได้คัดศิลปินเสียงคุณภาพร่วมอัลบั้ม อาทิ ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ, สุเมธ องอาจ, ชีพชนก ศรียามาตย์, บี๋-คณาคำ เป็นต้น
 

“จริงๆ ผมแต่งเพลงมา 15 ปีแล้ว ทำค่ายมาเยอะ แต่ว่าเพิ่งจะมาเปิดค่าย Classy เมื่อปีที่แล้ว ในอัลบั้ม ความรัก ปากกา กีต้าร์โปร่ง ซึ่งเป็นเพลงที่ผมแต่งทั้งหมดในชุดนั้น เริ่มแรกก็ทำสำเร็จ ปล่อยจองเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2553 เอาฤกษ์วันมหามงคล มียอดจองจาก 7 ประเทศทั่วเอเชียเข้ามาหลายร้อยชุด”
 

“เราคิดว่าคนไทยบ้าเกาหลีทั้งที่ฟังก็ไม่ออก เป็นไปได้ไหม ถ้าเราจะเขียนเพลงไทย แล้วเอาเงินจากเขาบ้าง ด้วยวิธีการของเรา คือลุยเฟซบุ๊ก ตอนแรกปรากฏว่าทำสำเร็จ คนญี่ปุ่นมาขอซื้อเพลง ถามสักคำ เพื่อไปใส่ทำนองให้นักแต่งเพลงชื่อดังชาวญี่ปุ่นเขียนเป็นเนื้อภาษาญี่ปุ่นด้วย
 

ญี่ปุ่นเขาบอกว่า คนที่ประเทศเขาคิดท่วงทำนองแบบนี้กันไม่ได้ มันมีความเป็นไทยที่ผสมสากลอยู่ ผมไม่รู้ตัวโน้ตสักตัว ผมแต่งเพราะเอาหัวใจแต่ง เมื่อต่างชาติมาซื้อผมก็ขายขาดไป และคุณก็มีสิทธิ์ขายแค่ในประเทศคุณเท่านั้น ผมมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ในประเทศผมและทุกประเทศ แต่ยกเว้นญี่ปุ่น ผมจะดีลแบบนักเลงเลย ไม่ยอมให้เขามาข่มเหงเรา เขาก็จะเคารพเราด้วย”
 

หลังจากนั้น Classy ได้ผลิตผลงานเพลงลำดับที่ 2 อัลบั้ม Classicnova ประกอบด้วย 7 เพลงบรรเลง และ 6เพลงร้องเนื้อไทย เล็งกลุ่มนักฟังเพลงระดับออดิโอไฟล์ (Audiophile) เหมือนอัลบั้มชุดที่ผ่านมา ผลิตเป็น limited numbered edition เพียง 3,000 ก๊อบปี้เท่านั้น และไม่ผลิตซ้ำในแพกเกจเดิม
 

“เราก็ทำ Classicnova เพิ่งวางไปไม่นาน เอาเพลงคลาสสิกจากทั่วโลกเลยมาตีความใหม่เป็นบอสซา เพลงบรรเลงไม่เคยขายได้ในเมืองไทย แต่เราก็ยังบ้าทำ และผลตอบรับกลับดีมาก”

แต่งเพลงจากคำสอนของ “พ่อ”
หลังจากทั้ง 2 อัลบั้มแรกประสบความสำเร็จ ได้กระแสตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดี Classy จึงคลอดอัลบั้ม ๙ ผลงานเพลงในลำดับที่สาม ประกอบด้วย ๙ เพลงจาก ๙ ศิลปิน ร้องเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “พ่อ” ซึ่งล้วนมาจากคำสอนของในหลวง ทันทีที่เปิดจองเพียงไม่นาน ยอดจองก็ถล่มทลาย และยังคงผลิตเป็น limited edition เพียง 3,000 ก๊อบปี้เช่นเดิม 
 

“โปรเจกต์ในฝันก็คืออัลบั้ม ๙ ครั้งนี้เหมือนทุบหม้อข้าวทั้งหมดที่มีอยู่ คือได้เงินมหาศาลจากอัลบั้มชุดก่อน มีความฝันส่วนตัวว่าในหลวงท่านพูดเรื่องแก้มลิง จึงเป็นที่มาของเพลงกระพุ้งแก้ม พี่ปั่น-ไพบูลย์เกียรติร้อง ตอนนี้ปล่อย MV ลงยูทูบไปแล้ว และยังมีพระราชกรณียกิจสารพัดเลย แต่ทำไมไม่มีใครรับลูกต่อ เราเอามาทำบทเพลงดีกว่าไหม ทุกเพลงจากอัลบั้ม ๙ เลยมาจากแรงบันดาลใจจากคำสอนของพ่อ จึงเชิญคนรักๆ มาร้องเพลงให้หน่อย”
 

“อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มแรกทันทีที่เปิดจองในเมืองไทย เมื่อ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เอาฤกษ์มหามงคล มียอดจองเข้ามาในเฟซบุ๊กแทบจะแตก เลยรู้สึกว่าเราไม่ได้ฟลุกแล้ว เจตนาที่เราทำมา 1 ปี เรายืนได้ด้วยอุดมคติของเราที่จะทำเพลงมีคุณภาพ และมันพิสูจน์แล้วว่าคนฟังอุดหนุน ถ้าเราทำงานดีๆ และมีความชัดเจนในตัวตน ซึ่งงานชุดนี้เราจะขายเฉพาะคนไทยเท่านั้น แล้วขายแพงด้วย หน้าปก 599 บาท ราคาปกติสมาชิกก็ 300 ปลายๆ ถ้าเป็น limited เราจะขายไม่ต่ำกว่า 350 บาท วางจำหน่ายกลางเดือนมีนาคมนี้แล้ว”
 

และที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบทเพลงของ Classy ทุกชุด จะบังคับ 1 เพลงต้องเป็นเพลงเกี่ยวกับในหลวง “เรารักในหลวงมาก ใครก็ตามที่ทำให้ท่านไม่สบายใจ จะเป็นเพื่อนกันแค่ไหนก็ตาม ถ้าเห็นดีเห็นงามเกี่ยวกับการทำลายบ้านเมือง เราจะไม่เอามาทำงาน อยากให้ทุกอย่างมันคลีน มันก็จะเกิดพลังในการผลักดันผลงานของเราออกไป”

ไม่เอาศิลปินล้มเจ้า
Classy ทำเพลงอย่างมีจุดยืน ตั้งแต่นาทีแรกที่สร้างค่ายเพลงเพื่อพัฒนาวงการเพลงไทยในบ้านเราให้เชิดหน้าชูตาสู่สากลได้อย่างไม่อายใคร และที่สำคัญที่สุดคือค่ายเพลงนี้ไม่ต้อนรับศิลปินล้มเจ้า!
 

นักดนตรีทุกคน ผมจะต้องถามก่อนว่าคิดเห็นยังไงกับในหลวง และคิดยังไงกับทักษิณ ที่แน่นอนพวกล้มเจ้าผมไม่เอาเลย ผมไม่มีสี แต่ผมมีความรู้สึกว่ารักในหลวง ท่านประเสริฐ ในหลวงทำอะไรเยอะแยะมากมาย ผมอ่านโครงการและแนวพระราชดำริต่างๆ โห! เยอะมาก ผมเป็นหนึ่งคนที่ไปบอมบ์เว็บล้มเจ้า เราต้องนัดเวลาบอมบ์พร้อมกัน รอครับ ทุ่มหนึ่งผมก็รอ ผมเป็นส่วนหนึ่งที่เกลียดเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นผมแต่งเพลงพวกนี้ไม่ได้เลย 
 

ผมรักในหลวง เพราะผมรู้สึกว่าในหลวงดีที่สุดแล้ว แต่สังคมมันเสื่อมเพราะคนอ่อนแอ เราปล่อยให้ทุกอย่างมันผิดปกตินานเกินไป โดยไม่ทำอะไรเลย กลัวนั้น กังวลนี่เกินไป คนชั่วมันยังเยอะมาก คนเผาบ้านเผาเมืองยังเป็นรัฐมนตรีได้ แล้วมีคนกราบไหว้ มันแย่แล้วแหละ”
 

“โปรเจกต์อนาคต ผมมีโครงการที่จะทำเพลงฝรั่งด้วยนักร้องคนไทย เพื่อไปยุโรป ไปอเมริกา แต่ตอนนี้เราบุ๊กไว้ก่อน เรารู้สึกว่าถ้าตลาดที่นี่เราไม่สามารถจะทำทุกอย่างกลับไปให้มันเหมือนเดิมได้ทั้งหมด เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งมันอยู่ตัวแล้ว ผมจะไปข้างนอกแล้วเอาข้างนอกกลับมา ต้องใช้วิธีตีป่าล้อมเมือง รอบโลก ไม่ใช่ต่างจังหวัดอีกแล้ว เชื่อว่าเราทำได้ ต้องมองไปข้างหน้าให้ไกลๆ”

 
 
 
 
 

 
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน




อัลบั้มแรก Love In The Light Lines (ความรัก ปากกา กีต้าร์โปร่ง)
ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว ร้องเพลง กระพุ้งแก้ม
ชีพชนก ศรียามาตย์
บี๋ คณาคำ อภิรดี ร้องเพลง ข้าวของพ่อ
แนน สาธิดา พรหมพิริยะ ร้องเพลง ทะยานสุดปีกฝัน
มลนัธ จันทรพลพัฒน์ duet with เอสันติ สุวรรณวลัยกร ร้องเพลง คิดถึงพ่อ..ทุกวัน
แฟรี่ ศุภัคญาฎาร์ อัครวัฒนะอังกูร ร้องเพลง แผ่นดินของป่า
วง 32 October Band ร้องเพลง สายฝนแห่งน้ำใจ
ซ้ง ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม ร้องเพลง ตราบที่โลกยังหมุน
Classicnova ร้องเพลง บทเพลงของพ่อ (กีตาร์ เวอร์ชั่น)
กำลังโหลดความคิดเห็น