xs
xsm
sm
md
lg

ศิลปะบันเทิง : ‘เซ็กซี่ แอนด์ ไลฟ์สไตล์’ ปรากฏการณ์ทีวีนี้เพื่อ 'คุณผู้ชาย'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กำลังมาแรงแซงแหกโค้งจริงๆ สำหรับโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เพราะเพียงเวลาไม่กี่ปี ตอนนี้มีทีวีแบบนี้ผุดขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 100 สถานี พร้อมกับเนื้อหารายการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะข่าวสารบ้านเมือง ดนตรี กีฬา การศึกษา ศาสนา รวมไปถึงการ์ตูนสำหรับคุณหนูๆ

แต่เนื้อหาแบบหนึ่งที่เรียกว่า กำลังมาและมียักษ์เล็กยักษ์ใหญ่จำนวนไม่น้อยต่อคิวกันลงสนาม จนนิ้วบนมือแทบจะนับไม่พอแล้ว เห็นจะไม่พ้นสถานีโทรทัศน์ที่มีเนื้อหามุ่งไปที่ 'คุณผู้ชาย' โดยเฉพาะ

ที่เห็นๆ สู้กันก็มีตั้งแต่ Zaa Network จากค่าย Mono Group, Dude TV จากค่าย Live TV, Party Channel จาก IPM, Maxxi TV ที่ถูกส่งตรงจากค่ายยักษ์ใหญ่ GMM Grammy, Love Channel ซึ่งดำเนินงานโดยผู้กำกับฯ ชื่อดัง ทรนง ศรีเชื้อ, Man TV, BKK TV ฯลฯ

ซึ่งแต่ละรายก็งัดเอากลเม็ดวิธีการเรียกแขกและดึงดูดหนุ่มๆ ให้มาหันมาชมรายการอย่างสุดฤทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอไลฟ์สไตล์ของคุณหนุ่มๆ ตั้งกีฬา ความบันเทิง กิจกรรมยามว่าง สถานที่ท่องเที่ยว แต่ที่น่าจะได้ผลมากที่สุด เห็นจะไม่มีอะไรเกินหน้าบรรดาสาวน้อยและสาวสวยที่มาในรูปลักษณ์เรียกน้ำลายและเลือดกำเดาของบรรดาหนุ่มที่อยู่หน้าจอได้ชะงัก บางรายถึงกับนุ่งน้อยห่มน้อยอวดลวดลายการโพสท่ากระตุกใจจนสยิวกาย ขณะที่บางช่องก็เอาสาวๆ มานั่งสนทนาปัญหาเรื่องเพศกับหนุ่มๆ ก็ยังมี

จากปรากฏการณ์ที่เริ่มฮิตและเป็นกระแสอยู่เช่นนี้เอง ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วทำไมเมืองไทยถึงมีโทรทัศน์ที่นำเสนอเรื่องเพศ รวมไปถึงนางแบบเซ็กซี่เยอะแยะเต็มไปหมด และมันมีที่ไปที่มาอย่างไรกันแน่

เมื่อทีวีไม่ได้มีแค่ 6 ช่อง

แน่นอนเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สถานีแบบนี้เกิดขึ้นเยอะแยะไปหมด เรื่องแรก ก็คงหนีไม่พ้นความจำกัดจำเขี่ยของฟรีทีวี ที่มักจะไม่เปิดโอกาสให้พูดคุยเรื่องเพศ หรือนำภาพผู้หญิงมานุ่งน้อยห่มน้อยขึ้นหน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งเรื่องแบบนี้ ยังมีให้เห็นในปัจจุบัน ตัวอย่างง่ายๆ เช่น ดาราหญิงหรือพิธีกรหญิงที่ใส่ชุดคว้านลึกเผยให้เห็นเนินอก บางช่องก็ยังต้องเซ็นเซอร์ สร้างความหงุดหงิดให้ผู้ชมเกินคณานับ

ด้วยเหตุนี้เอง รายการพวกนี้จึงถูกผลักไปที่สถานีโทรทัศน์แบบจ่ายเงินบ้าง หรือช่วงเวลาที่ดึกๆ มาก หลังเที่ยงคืนไปแล้ว อาทิ รายการ X-Room ซึ่งเคยฉายทางช่อง UBC Inside เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งมีรูปแบบรายการมุ่งไปที่ผู้ชายโดยเฉพาะ เช่น คำถามกวนๆ เกี่ยวกับเรื่องความรัก เซ็กซ์ เทคนิคการจีบสาว ก่อนที่จะปิดถ่ายด้วยการนำคลิปเบื้องหลังการถ่ายแบบของนางแบบสุดเซ็กซี่จากนิตยสารต่างๆ เช่น Cute หรือไม่ก็จะเป็นลักษณะเฉพาะทางไปเลย เช่น Fashion TV ซึ่งแม้จะไม่ได้เจาะกลุ่มคุณผู้ชายสักเท่าใดนัก แต่ก็เชื่อว่ามีไม่น้อยที่เป็นแฟนคลับตัวจริงของสถานีแบบนี้

แต่เมื่อตลาดดาวเทียมเติบโตขึ้น รูปแบบการนำเสนอรายการจึงแคบลง มีการนำเสนอร่างกายตามความสนใจเฉพาะกลุ่ม หรือ Niche Market หรือ การทำตลาดแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น สถานีโทรทัศน์ที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ชายจึงเติบโตได้ไม่ยาก

โดยประเภทแรกๆ ที่เห็นก็คือการขายของแบบเดียว โดยอาจจะมีคลิปสาวเซ็กซี่ในอิริยาบถต่างๆ แล้วก็มีหมายเลขโทรศัพท์ให้ผู้สนใจได้ดาวน์โหลด ซึ่งในกลุ่มนี้ถือว่า ไม่มีเนื้อหาอะไรที่น่าสนใจมากนัก หรืออาจจะเรียกง่ายๆ ว่า เอาผู้หญิงมาให้ผู้ชายดูนั่นเอง

แต่ประเด็นที่น่าสนใจกว่า ก็คือช่องที่มีขอบเขตเนื้อหาเยอะกว่านั้น มีทั้งผังรายการ การถ่ายทำ การติดต่อกับผู้ชม รวมไปถึงเว็บไซต์ให้ติดตามความเคลื่อนไหน เพราะคนที่ผลิตส่วนใหญ่จะมีต้นทุนทางสังคมระดับหนึ่ง โดยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่ม 2 กลุ่มใหญ่ๆ ก็คือ

กลุ่มแรกคือ กลุ่มที่ต่อยอดธุรกิจของตัวเอง เช่นเดิมอาจจะทำนิตยสาร หรือรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของผู้ชายอยู่แล้ว พอถึงจุดหนึ่งก็เข้ามาขยายงานมาสู่สถานีโทรทัศน์ เพื่อเติมต่อช่องทางการนำเสนอของตัวเอง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ช่อง Maxxi TV จากเครือ GMM Grammy เพราะเพียงชื่อก็บอกแล้วว่า มีที่มาจากนิตยสาร Maxim และเมื่อดูชื่อผู้บริหาร ก็จะพบว่าคนที่มานั่งผู้อำนวยการสถานีก็คือ ลายคราม เลิศวิทยาประสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งนิตยสาร Maxim, Her World หรือแม้แต่ in Magazine นั่นเอง ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เนื้อหาและรูปแบบของรายการจะมีการนำทรัพยากรจากการทำนิตยสารในเครือมาใช้ โดยเฉพาะเบื้องหลังการถ่ายแบบของบรรดานางแบบชื่อดังมาใช้เต็มหมด หรือแม้แต่ช่อง Zaa Network ของ Mono Group ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บ Mthai หากไปดูภายในเว็บฯ จะมีเซ็กซี่ที่นำเสนอนางแบบหน้าใหม่อยู่ถึง 2 ส่วนคือ เซ็กชั่น Allure และ Pretty Mthai เพราะฉะนั้นพอบริษัทขยายงานมาสู่การทำสถานีโทรทัศน์ ก็นำส่วนดีของเว็บฯ มาขยายเป็นรายการโทรทัศน์อย่าง Allure Zaa

ส่วนอีกกลุ่มก็คือ สถานีที่เกิดจากความต้องการของตลาด โดยบางคนอาจะถนัดเกี่ยวกับงานประเภทนี้ เพราะฉะนั้นพอคิดจะสร้างสถานีโทรทัศน์ขึ้น จึงเริ่มจากส่วนนี้ก่อน เช่น Love Channel ของทรนง ศรีเชื้อ ที่เคยผลิตภาพยนตร์แนวอีโรติกมาก่อน หรือบางกลุ่มก็ไม่ได้มีพื้นฐานตรงนี้ แต่เห็นว่ากลุ่มตลาดตรงนี้ยังขาดอยู่ จึงผลิตรายการเสริมเข้ามา เช่น Dude TV ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ช่องล่าสุดของ Live TV ซึ่งกลุ่มรายการทั้งเพลง กีฬา เรื่องแปลก สาระความรู้อยู่แล้ว

"ต้องยอมรับว่าสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมนั้น มันไม่เหมือนกับทีวีทั่วไป ถ้าเราไปเลียนแบบช่อง 3 5 7 9 มันไม่เวิร์กหรอก ซึ่งพอเราคิดว่า หากจะทำสถานีโทรทัศน์แบบที่มีความอีโรติกดีกว่า เพราะคนน่าจะดูกันเยอะ แถมที่ผ่านมาเรื่องเพศ เมืองไทยก็ยังปิดกันเยอะ ดังนั้นมันก็จะได้ทั้งสาระ เพราะเราจะทำเรื่องในลักษณะการตีแผ่ เช่น เรื่องทำแท้ง เบื้องหน้าเบื้องหลังธุรกิจหนังเอ็กซ์ แล้วก็ได้ความสวยความงามของพิธีกรไปพร้อมๆ กัน" ธนากร ทับทิมทอง ผู้บริหารบริษัททิพย์อัครพล จำกัด ผู้ผลิตช่อง Love Channel อธิบาย

'ไลฟ์สไตล์' คือนิยาม

โดยรูปแบบของแต่ละช่องนั้น หลักๆ จะเน้นไปที่การตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ชายเป็นหลัก สังเกตได้จากสโลแกนที่แต่ละช่องเลือกมา เช่น Maxxi TV ก็ใช้ว่า ช่องวาไรตี้ เต็มที่ทุกไลฟ์สไตล์ Man TV ใช้คำว่า Lifestyle Creativities หรือ dude TV วาไรตี้ความสุขสำหรับหนุ่มๆ สนุกตลอด 24 ชั่วโมง ฯลฯ

โดยอาจจะมีรูปแบบและอัตราส่วนของการนำเสนอที่แตกต่างกันออกไป อย่างบางช่องก็เน้นให้ความสำคัญของเรื่องราวที่หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะเน้นเนื้อหาไปที่ความหลากหลายมากที่สุด ตามองค์ประกอบอย่างเช่นรูปแบบการนำเสนอ เนื้อหา และพิธีกร รวมไปถึงการแต่งกาย

พอล อุชชิน กรรมการผู้จัดการบริษัทแมนทีวี จำกัด ในฐานะผู้ผลิตช่อง Man TV อธิบายว่า การที่แต่ละช่องจะอยู่ได้นั้น จะต้องหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอก่อน อย่างช่องที่เขาทำก็ไม่เน้นเรื่องความเซ็กซี่มาก เพราะสถานีอื่นๆ ก็เล่นเรื่องนี้กันไปหมดแล้ว แต่เน้นหลักที่ความหลากหลายของเนื้อหา โดยพิจารณาจากกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งกรณีนี้คือผู้ชายว่าน่าจะสนใจอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นภายในสถานีก็จะมีรายการตั้งแต่เรื่องกีฬาผาดโผน พระเครื่อง ปืน ฯลฯ

"เราพยายามคิดรายการที่แตกต่างไป อย่างรายการรถ ก็จะเป็นรายการสด โดยเราก็จะเอารถเข้ามาโชว์ในสตูดิโอแบบสดๆ ซึ่งรถพวกนี้จะอยู่ในคลับคาร์ ถือเป็นความแตกต่างที่ไม่เคยมีก่อน เพราะส่วนมากจะนำวิทยากรมานั่งแล้วตอบปัญหา แต่ของผมเขาสามารถเปิดกระโปรง ยกใต้ท้องรถ คนดูก็สามารถโทร.เข้ามาแล้วเห็นภาพจริงๆ ของรถคันนี้ หรือรายการที่เกี่ยวกับวาไรตี้ เราก็มีรายการที่ดังมากๆ คือ Sexy Q (เป็นวาไรตี้เกมโชว์ที่เชิญสาวสวยมาร่วมพูดคุย) ที่มีเพชรจ้ากับอิกคิวเป็นพิธีกร หลายคนก็วิจารณ์ว่ารายการแรงเกินไป เพราะเล่นทะเล้นกับแขกรับเชิญ แต่พอเราลดดีกรีความแรงลง เฟซบุ๊กเราโดนถล่มว่า เขาไม่ดูหรอกเพราะดูช่องไหนก็ได้"

โดยทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ทัศนะมุมมอง รวมไปถึงความสัมพันธ์ (Connection) ของผู้ผลิตมากกว่าว่าเป็นเช่นใด และมีกระบวนการเลือกและจัดลำดับรูปแบบของช่องอย่างไร เช่น ในช่อง Maxxi TV ซึ่งมีภาพลักษณ์ติดมาจากนิตยสาร Maxim แต่เมื่อพัฒนามาเป็นสถานีโทรทัศน์แล้ว ก็ใช้จุดแข็งของความหลากหลายในนิตยสารอยู่แล้ว มาขยายเป็นเนื้อหาร่างกาย ในนิตยสารจะมีแฟชั่นสำหรับคุณผู้ชาย เพราะต้องยอมรับว่า นิตยสารในเครือนี้ค่อนข้างเน้นเรื่องแฟชั่นมาก

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะมีการผลิตรายการ Men's Trend ซึ่งเป็นรายการแนะนำแฟชั่นออกมา หรือแม้แต่รายการ in on TV ที่ถูกต่อยอดมาจากนิตยสาร in Magazine โดยนำจุดเด่นในเรื่องวงการบันเทิงที่ตัวนิตยสารมีมาขยายเป็นรูปแบบรายการ หรือแม้แต่ Zaa Network ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตเนื้องานป้อนกลุ่มวัยรุ่น พอมาผลิตรายการก็จะเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก สังเกตเลือกพิธีกร ชื่อรายการ หรือแม้แต่สไตล์การแต่งตัวที่เน้นการตอบโจทย์วัยรุ่นเป็นหลัก

Love Channel ก็เช่นกัน หากดูตัวผู้ผลิตอย่างทรนง ศรีเชื้อนั้น ก็จะมีภาพลักษณ์ของความเป็นผู้กำกับฯ หนังอีโรติก หนังบู๊แอกชัน เพราะฉะนั้นภาพลักษณ์รายการที่ออกมา จึงอาจจะดูดุดันสักหน่อย เมื่อเทียบกับช่องที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน เช่น อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์หนังรุ่นเก่า หรืออาจจะมีการสร้างสถานการณ์ให้เหมาะสมกับรายการ เช่น รายการอนุรักษ์ธรรมชาติ ก็อาจจะนำเสนอด้วยการให้คู่รักคู่หนึ่งเดินทางไปเที่ยวป่า แต่ระหว่างนั้นก็อาจจะมีฉากความสัมพันธ์ อย่างการทะเลาะ ฉากพูดคุย ฉากวาบหวิว เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ชีวิตคนเราก็แบบนี้เอง

'เซ็กซี่' คือจุดขาย

อย่างไรก็ดี แม้แต่ละช่องจะบ่งบอกว่า ตัวเองให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์มากเพียงใด แต่ตัวชูโรงที่สำคัญที่สุด ก็คือเรื่องเพศและความงามของสตรีอยู่ดี

เพราะอย่างที่พอลอธิบายว่า เรื่องเพศนั้นเป็นเรื่องไลฟ์สไตล์และความของผู้ชายทั่วไป เพราะฉะนั้นจึงต้องมีรายการแบบนี้อยู่ในผัง แม้ว่าทางช่องจะให้ความสำคัญเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม และเพื่อให้เข้ากับรูปแบบของช่อง รายการพวกนี้ก็จะถูกผลักไปออกไปนำเสนอหลัง 22 นาฬิกาเป็นต้นไป ขณะที่บางช่องอาจจะเน้นหนักไปเลย เช่น ช่อง Love Channel หรือ Maxxi TV ที่เน้นพิธีกรที่เน้นความเซ็กซี่ และรายการเกือบทั้งหมดขึ้นเรต ฉ 20+ บางรายการก็พูดคุยเรื่องเพศกันอย่างจริงจัง โดยมีพิธีกรสาวสวยเป็นคนดำเนินรายการ บางรายแม้จะใช้พิธีกรชายแต่จะเลือกแขกรับเชิญเป็นผู้หญิงมาพูดคุย โดยให้แต่งกายด้วยชุดที่เซ็กซี่

โดยหากจัดสรรรูปแบบเด่นๆ ที่เห็นชัดก็จะพบว่า ส่วนมากมีลักษณะไม่แตกต่างกันนัก อย่างน้อยๆ ก็ต้องมี

1. พิธีกรหรือแขกรับเชิญสาวสวยสุดเซ็กซี่ ซึ่งขึ้นอยู่ว่าแต่ละช่องเป้าหมายอย่างไร บางช่องก็ใช้พริตตี้ นางแบบ ดารานักแสดง โดยพิธีกรเหล่านี้ สามารถดำเนินรายการทั่วไป และรายการที่กับเรื่องลับเฉพาะ และการแต่งตัวก็จะมีทั้งแบบมิดชิด และวาบหวิวขึ้นกับทำรายการอะไร ตัวอย่างเช่น ในช่อง Maxxi TV ที่มีรายการ Poolside Story ซึ่งเป็นรายการที่มีพิธีกร 3 สาวใส่ชุดทูพีชมานั่งคุยอยู่ริมสระ หรือ Cutie Diary ที่มีพิธีกรสาวอีก 3 คนเช่นกัน แต่จะแต่งชุดแบบไปรเวท พาออกเดินทางท่องเที่ยวแบบง่ายๆ สนุกสนานเป็นกันเอง หรืออย่างช่อง Zaa Network ก็จะมีการใช้สาวๆ จากกลุ่ม Allure ซึ่งเป็นทรัพยากรส่วนหนึ่งของบริษัทมาเป็นพิธีกร โดยรูปแบบของรายการก็จะมีตั้งแต่นั่งพูดคุยเรื่องเพศ ไล่มาถึงการให้หนุ่มๆ มาประชันความสามารถเพื่อเอาชนะใจสาวสวย

"พิธีกรสาวๆ สวยๆ เป็นความจำเป็น เพราะเป็นความต้องการของมนุษย์ แต่มันก็อยู่ในขอบเขตด้วย ไม่เกินเลยไปถึงขั้นอนาจาร คือเราไม่ได้ขายความเซ็กซี่แบบบางช่อง ที่ทำเหมือนขายตัว แต่เราทำแบบอีโรติก ให้ชีวิตมีรสชาติ เน้นเรื่องความสวยงาม สดใส ดูแล้วสดชื่น ดูแล้วไม่เครียด อย่างพิธีกรผมต้องเซ็กซี่ด้วย ฉลาดด้วย และทำอะไรเหมาะสม อย่างใส่บิกินี่ได้ แต่ไม่เอาชุดแบบนี้ไปใส่เดินห้างสรรพสินค้า แต่ถ้าเป็นชายหาดแบบนี้โอเค เราทำเพราะดูแล้วสวยงาม” ผู้บริหารจากช่อง Love Channel ซึ่งเน้นพิธีกรที่เป็นสาวสวยเซ็กซี่กล่าว

2. พูดคุยเรื่องเพศศึกษา ซึ่งตรงนี้การนำจุดเด่นที่ทีวีดาวเทียมสามารถนำมาใช้ เพราะฟรีทีวีไม่สามารถทำได้ โดยบางรายการก็ใช้พิธีกรชายเป็นตัวเชื่อมในการสัมภาษณ์ผู้หญิงสุดเซ็กซี่ หรือบางรายการก็อาจจะใช้พริตตี้นางแบบมาเป็นพิธีกรเลย เช่น รายการ Allure Zaa ในช่อง Zaa Network ที่ให้พิธีกรสาวก็ใส่ชุดนอนนั่งบนเตียงหรือโซฟา แล้วคุยเรื่องเพศ แล้วเปิดสายให้ทางบ้านโทรเข้ามาพูดคุย หรือช่อง Dude TV ที่แนะนำเทคนิคเกี่ยวกับกับเรื่องเพศ เช่น วิธีใช้ถุงยางอนามัยให้แก่ผู้ชาย โดยให้พิธีกรสาวเซ็กซี่คนหนึ่ง ถือกล้วยและถุงยางอนามัยมา จากนั้นก็เริ่มบทเรียนแบบละเอียด อย่างถุงยางมีกี่ประเภท ใส่แบบไหน รสชาติอย่างไร

3. คลิปเซ็กซี่และเบื้องหลังการถ่ายแบบ ตรงนี้ถือเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ เพราะบางสถานีนอกจากทำรายการโทรทัศน์แล้ว ก็อาจจะทำนิตยสารด้วย เช่น Maxxi TV ที่มีนิตยสาร Maxim, in Magazine หรือช่อง Zaa Network ที่มีนิตยสาร Allure มาฉายซ้ำแล้วอาจจะโปรโมทต่อเพื่อเพิ่มยอดการขาย แต่ถ้าไม่มี ก็หาจะใช้วิธีการใช้นิตยสารที่มีอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีช่องออกอากาศ เช่น นิตยสาร ing+ ก็ถูกนำมาฉายผ่านช่อง dude TV หรือไม่ก็เป็นการถ่ายทอดงานประกวดสาวงามจากเวทีต่างๆ เช่นสาว FHM หรือสาว Maxim

4. การต่อยอด ตรงนี้ถือเป็นเรื่องปกติ โดยบางรายการใช้ช่องทางการออกอากาศเพื่อขยายผลไปสู่ธุรกิจประเภทอื่นๆ ด้วย เช่น การขายหนังสือ การปล่อยให้ดาวน์โหลดคลิปของสาวสวยที่อยู่ในสังกัด หรือบางช่องอาจจะจัดงานประกวดสาวงาม เช่น BKK TV ที่จัดประกวดสุดยอดนางแบบชุดชั้นใน แล้วให้คนเข้าโหวต

อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตว่า ขายเซ็กซี่อย่างเดียว ห้ามอนาจารเด็ดขาด เพราะถ้าไปถึงขั้นนั้น นอกจากจะสุ่มเสี่ยงต่อกฎหมายแล้ว ยังสะท้อนตัวตนของผู้ผลิตรายการอีกต่างหากว่ามีพฤติกรรมเช่นใด

เปิดไม่หมด แต่ได้ใจกว่า

อีกจุดหนึ่งที่อธิบายตรงนี้ได้ชัดเจนไม่แพ้กันก็คือ แท้จริงแล้ว รายการในลักษณะแบบนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นปกติทั่วโลก โดยตัวอย่างที่ได้ชัดๆ ก็คือ ในประเทศญี่ปุ่นที่มีรายการประเภทนี้เยอะมาก แม้แต่รายการ Onegai! Muscat ซึ่งรวบรวมนางแบบ AV หลายสิบชีวิตก็ถือว่าใช่ (แม้ตัวพิธีกรอาจจะถึงว่าเกินเลยไปแล้ว) ซึ่งรูปแบบรายการพวกนี้ก็คือ จะให้พิธีกรหรือแขกรับเชิญหญิงใส่ชุดว่ายน้ำ (1 หรือ 2 ชิ้นก็แล้วความต้องการของผู้ผลิตรายการ) แล้วมีกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เช่น เล่นเกม พูดคุย ฯลฯ

โดยสาวๆ ที่เข้าร่วมรายการนั้น จะเน้นการขายความเซ็กซี่และน่ารักเพียงอย่างเดียว และไม่ได้เล่นอะไรที่อนาจารโดยเด็ดขาด ซึ่งเราเรียกนางแบบประเภทนี้ว่า Gravure Idol ซึ่งข้อดีการทำรายการประเภทนี้ก็คือ สามารถอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ปกติได้เลย แม้จะอยู่ในเวลาที่ต้องควบคุม คือดึกๆ ก็ตาม

และสามารถเจาะตลาดได้มากกว่า และคนที่เป็นนางแบบก็จะมีภาพลักษณ์ดีกว่าคนที่ไปเล่นภาพยนตร์ผู้ใหญ่ หรือ AV Idol ซึ่งมีฉากร่วมเพศอย่างโจ่งครึ๋ม พูดง่ายๆ ก็คือเหมือนกับพริตตี้สาวที่ขายความเซ็กซี่ กับดาวยั่วหรือดาวโป๊ ซึ่งกลุ่มแรกจะมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่า ดูน่าเข้าถึงมากกว่ากลุ่มหลังเยอะ และไม่แน่วันหนึ่งก็อาจจะสามารถก้าวสู่วงการบันเทิงในฐานะดาราวัยรุ่นก็ได้

ขณะที่กลุ่มหลังก็มักจะถูกสังคมส่วนหนึ่งตีตราไปแล้วว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี และโอกาสจะลบล้างภาพลักษณ์นั้นก็ทำได้ยากกว่ามาก เพราะฉะนั้น จึงอาจจะสรุปได้ว่า ช่องเหล่านี้จะออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการผู้ชายแล้ว นี่อาจจะเป็นช่องทางสำหรับดาราสาวๆ หน้าใหม่ที่คิดจะก้าวเข้าสู่วงการนั่นเอง

มาตรฐานที่ต้องควบคุม

อย่างไรก็ดี แม้เรื่องนี้จะเป็นกระแสโลกไปแล้ว แต่เมื่อย้อนกลับมาดูเมืองไทย ก็ต้องยอมรับว่า เรื่องนี้ยังเป็นสิ่งที่น่าวิตกอยู่มาก โดยเฉพาะในเรื่องเด็กและเยาวชน เพราะต้องยอมรับว่า แม้ช่องพวกนี้จะไม่ได้อยู่ในกระแสหลักหรือสถานีโทรทัศน์ปกติก็ตาม แต่ตามใดที่รีโมทยังอยู่ในมือ การจะเปลี่ยนไปดูก็เป็นง่ายนิดเดียว

ที่สำคัญ แม้บางช่องจะขึ้นรายการว่าเป็น ฉ+ ก็ตาม แต่ในความจริงก็กลับฉายอยู่ในเวลาปกติ เช่นเวลาเย็น หรือหัวค่ำ ซึ่งมีผู้ชมอยู่ทุกเพศทุกวัยนั่นเอง ซึ่งในมุมของ ศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็แสดงความเห็นว่า เรื่องนี้คงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ เพราะทางหนึ่งก็คือนี่ก็คือเป็นการแข่งขันทางด้านธุรกิจ ซึ่งถือเป็นช่องว่างอยู่ ประกอบกับกฎหมายที่มีอยู่ โดยเฉพาะเรื่องเรตติ้งนั้นยังไม่เข้มแข็งพอ และยังไม่สามารถพัฒนาไปควบคู่กับการต่อยอดของสื่อในยุคปัจจุบันได้ทัน

“ตอนนี้ราคาของสื่อมันถูกลง เพราะฉะนั้นทุกคนก็อยากจะจับจ้องเอาไว้ก่อน แต่การจะมาเริ่มต้น ก็ต้องเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคน ซึ่งเห็นๆ ก็คือเรื่องความขัดแย้ง เซ็กซ์ หรือการค้นพบนวัตกรรมใหม่ๆ ดังนั้นเขาต้องคว้าพวกนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยมาคิดถึงการพัฒนารายการต่อ

“ที่สำคัญต้องยอมรับว่า ทีวีที่ผุดใหม่ก็ไม่ได้มีเรื่องเรตติ้งเข้ามาคุมชัดเจน เพราะขนาดฟรีทีวีได้ขนาดนี้ก็เจ๋งแล้ว ส่วนทาง กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) เองก็ไม่ได้มีการบังคับใช้ออกมาอย่างชัดเจน การกำกับดูแลและตรวจสอบก็ทำได้ยาก เพราะฉะนั้นบางครั้งช่วงนี้เขาอาจจะรู้สึกว่า ใครโกยได้ก็โกยก่อน ส่วนเรื่องศีลธรรมบางคนอาจจะเอาไปไว้ข้างหลังหรือเปล่า”

ด้วยเหตุนี้เอง ทางออกหรือการควบคุมเรื่องนี้ให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสมก็นับเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งคนที่จะบทบาทได้มากที่สุดในช่วงเวลานี้ คงหนีไม่พ้นตัวผู้ชมเองที่จะต้องคอยเฝ้าระวังและถ้าเจอปัญหาก็ต้องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กสทช. ซึ่งมีฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภคอยู่แล้ว เพื่อจะได้หามาตรการควบคุมในภาวะสุญญากาศเช่นนี้

“เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่พูดได้ แต่ต้องมีการควบคุม เพราะสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ การเข้าถึงกลุ่มของเด็กและเยาวชน เพราะรายการพวกนี้มันเจาะเฉพาะกลุ่ม เวลารีรันวันหนึ่งอาจจะ 3-4 ครั้งด้วยซ้ำ เพราะการจัดเรตติ้งมันจะต้องครอบคลุมกว่าเดิม ไม่ใช่เฉพาะฟรีทีวีอีกแล้ว แต่ต้องเข้ามาทั้งเคเบิลทีวี และโทรทัศน์ดาวเทียมด้วย แต่ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต้องอาศัยสมาคมวิชาชีพนั่นแหละที่ควรจะดูแลกันเอง เพราะนั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบเองก็มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้มันอาจจะถูกต่อยอดไปสู่ธุรกิจอบายมุข หรือธุรกิจผิดกฎหมายก็เป็นได้”
>>>>>>>>>>>
………
เรื่อง : หมาเฒ่า


กำลังโหลดความคิดเห็น