xs
xsm
sm
md
lg

โลกพิสดารตำนานพิศวง : ‘สัมผัสที่ 6’ เส้นบางๆ ที่ซ้อนทับ ‘สัมผัสโกหก’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรื่องลี้ลับของผู้คนที่มีญาณวิเศษ สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งที่มองไม่เห็นได้ ร่างทรงที่สามารถติดต่อสื่อสารกับวิญญาณ ปัดเป่าขับไล่ภูตผีปีศาจ หมอดูที่สามารถหยั่งรู้มองเห็นอนาคต เรื่องลี้ลับเหล่านี้มีอยู่ในสังคมไทยมาอย่างยาวนานแล้ว

เมื่อกระแสของเรื่องราวลี้ลับแนวจิตสัมผัส เริ่มที่เป็นสนใจของสังคมมากขึ้น มากขนาดที่ว่า ผังรายการทีวีหลายช่องต้องเว้นหลีกเวลาช่วงค่ำคืนให้ และยังมากถึงขั้นมีช่องเคเบิลทีวีนำเสนอเรื่องราวลี้ลับตลอด 24 ชั่วโมง

ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้สังคมเริ่มได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของกลุ่มคนที่มีสัมผัสพิเศษ ไม่ว่าจะจากทางรายการทีวี จากทางหนังสือที่มีออกมามากมาย และกรณีล่าสุดคือข่าวของ ญาณวรุตม์ สุทธวาส หรือ ซันนี่ ยูโฟร์ อดีตนักร้องบอยแบนด์หักมุมชีวิตมาเป็นสาวประเภทสอง ซึ่งเธอได้ออกมาแสดงตัวว่า มีสัมผัสที่ 6!!!

ในแรกเริ่มหลายคนอาจจะไม่เชื่อ และรู้สึกขำกับกรณีนี้ หากแต่ในแวบต่อมา ไม่มากก็น้อยที่หลายคนจะเริ่มสงสัยว่า สัมผัสที่ 6 ความสามารถอันเร้นลับของมนุษย์ คืออะไรกันแน่!?

ความสามารถในระดับจิต

แท้จริงแล้วมนุษย์นั้นมี ‘สัมผัสทั้ง 6’ อยู่แล้ว ซึ่งประกอบด้วย หู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ
สัมผัสทางจิตใจนี่เองที่เรียกกันว่า สัมผัสที่ 6 ซึ่งโดยทั่วไปของระบบประสาทนั้น มนุษย์เราก็มีประสิทธิภาพในการรับรู้ที่แตกต่างกันอยู่แล้ว แม้แต่ในคนธรรมดา ผู้ชายกับผู้หญิง ประสาทสัมผัสด้านการมองเห็นสีของผู้หญิงก็มีมากกว่าผู้ชาย ดังนั้นจึงอาจไม่ใช่เรื่องแปลก หากว่าบางคนจะมีสัมผัสทางใจ หรือสัมผัสที่ 6 ที่ดีกว่าคนอื่น

ซึ่งสัมผัสที่ 6 ที่หลายคนอาจเคยได้สัมผัสมาก็คือ ‘ลางสังหรณ์’ ที่อาจจะรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดในอนาคตได้ หรือจะเป็นปรากฏการณ์ ‘เดจาวู’ (Déjà vu) ที่มองเห็นภาพคุ้นตาว่าเคยเห็นมาก่อนแล้ว ก็มีส่วนของการมองเห็นอนาคตซ้อนอยู่

ดังนั้นคำถามคือหากว่าทุกคนมีสัมผัสที่ 6 แล้วเหตุใด บางคนจึงมีความสามารถมากกว่าคนอื่น ศ.ดร.นพ.เทพพนม เมืองแมน นายกสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย เล่าถึงการมีสัมผัสที่ 6 ว่า สามารถมีขึ้นได้จากหลายกรณี

“ตามหลักวิชาการมันมีหลายอย่าง อย่างทางพระ สัมผัสที่ 6 ของพระคือการนั่งสมาธิ แต่บางคนไม่ต้องฝึกมาก ก็เพราะมีการสั่งสมบารมีในอดีตชาติ ซึ่งความสามารถนี้ต้องอาศัยการฝึกที่ยาวนานเป็นปี”

ซึ่งความสามารถของสัมผัสที่ 6 นั้นก็มีหลายระดับขั้น โดยอาจจำแนกได้เป็นความสามารถแรกเริ่มในระดับของการรับรู้ หรือการสื่อสารกับวิญญาณ การมองเห็นอนาคตเป็นภาพ การโทรจิตสื่อสาร โดยนายกสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทยเล่าว่า ในต่างประเทศนั้นมีการค้นคว้ากันอย่างจริงจังในเชิงวิชาการ

“ในต่างประเทศ อเมริกามีการฝึกสัมผัสที่ 6 เพื่อใช้ในการทหาร โดยมีการนั่งสมาธิแล้วสำรวจพบเรือดำน้ำของรัสเซียด้วย ซึ่งตามประเทศที่พัฒนาแล้วเหล่านี้ เขาจะมีการเปิดสอนอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยมีศาสตร์ของการติดต่อกับวิญญาณ หรือการถ่ายภาพผีจับผีก็มี ไม่เหมือนบ้านเราที่ยังมองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของไสยศาสตร์อยู่”

วิถีทางของผู้มีสัมผัสที่ 6

ผู้มีความสามารถทางจิต โดยมากแล้วจากคำบอกเล่าของคนเหล่านั้น ผ่านทางรายการทีวี หรือจากหนังสือ มักจะมีสัมผัสที่ 6 มาตั้งแต่เด็กๆ และผ่านช่วงชีวิตของการช่วยเหลือผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำนายทายทัก หรือจะเป็นการแก้กรรม พร้อมกันกับการบำเพ็ญตบะ นั่งสมาธิสวดมนต์ สร้างบุญกุศล

หลายคนก็อาจจะคิดว่าเป็นความเชื่อที่งมงายไปบ้าง หากแต่เรื่องราวเหล่านี้ก็แขวนตัวอยู่บนเส้นบางเบาระหว่าง ‘งมงาย’ กับ ‘สิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้’

และเหล่านี้ยังเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ชัดเจนนัก แต่ลักษณะร่วมที่เกิดขึ้นกับผู้มีสัมผัสที่ 6 ก็มีจุดร่วมที่น่าสนใจ

ซันนี่ ยูโฟร์ ก็เป็นคนหนึ่งที่มีลักษณะร่วมของผู้มีสัมผัสเหล่านั้น

“มีสัมผัสและเห็นวิญญาณมาตั้งแต่เด็กแล้ว เห็นจนเป็นเรื่องปกติ ตอนเด็กๆ เราก็ไม่รู้ด้วยว่าเป็นวิญญาณ เราก็ทักเหมือนเป็นคนปกติ ลุงคนนั้นมายืนทำอะไร ซึ่งคนก็ตกใจกัน เพราะลุงคนนั้นตายไปแล้ว”

จากนั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ซันนี่ก็พบกับเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า ‘องค์ลง’ หรือวิญญาณเข้ามาอาศัยร่างเธออยู่บ่อยครั้ง บางครั้งก็กลายเป็นใครไม่รู้ บางครั้งไม่รู้สึกอะไรไปครึ่งตัว ครึ่งหนึ่งเป็นเธอ อีกครึ่งไม่รู้เป็นใคร นั่นเองที่นำพาเธอให้ไปพบกับหลวงพ่ออนันท์ ซึ่งเป็นคนให้คำแนะนำเธอในการฝึกสมาธิเพื่อให้สามารถสื่อสารติดต่อกับวิญญาณได้อย่างเป็นปกติ

“คือถ้าจิตของเราสะอาด เป็นกุศล เราจะเห็นวิญญาณในลักษณะปกติ คือวิญญาณเขาเป็นเสมือนภาพสะท้อนจิตใจของเราด้วย หลังจากฝึกนั่งสมาธิจนไม่มีอาการองค์ลงแล้ว ก็ไม่ได้ฝึกอะไรจริงจังต่อ ก็สวดมนต์ ไม่ทานเนื้อสัตว์ นั่งสมาธิมาเรื่อยๆ ไม่ได้ฝึกจริงจังอะไร เพราะตอนนั้นซันนี่ก็สนใจการร้องเพลง งานในวงการบันเทิงมากกว่า”

มาถึงตรงนี้ หากพิจาณากันในระดับความสามารถของสัมผัสที่ 6 แล้ว ซันนี่ ยูโฟร์ยอมรับว่า ตัวเองยังอยู่ในระดับของการมองเห็นอนาคตได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ หรือการมองเห็นวิญญาณเธอก็ไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน โดยเธอจะมองเห็นแต่เฉพาะวิญญาณที่อยากสื่อสารกับเธอเท่านั้น

ที่อยู่ของผู้มีฌาน

หากจะพิจารณากันแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ดูเหมือนกระแสผีจะมาแรงกว่าปกติ แม้เรื่องเร้นลับเหล่านี้จะอยู่ในสังคมไทยมาช้านาน แต่ก็ไม่เคยปรากฏกระแสที่มากมายขนาดนี้มาก่อน โดยในความเห็นของเทพพนมนั้นเห็นว่า

“ในประเทศไทยควรศึกษาเรื่องนี้อย่างเป็นหลักวิชาการมากขึ้น และสังคมควรให้การยอมรับมากกว่านี้”

ขณะที่ซันนี่ ยูโฟร์ เห็นว่า ในสังคมไทย ความงมงายกับศาสนามีเส้นแบ่งที่บางมาก และกระแสที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงการมีคนนำขึ้นมาเท่านั้น แท้จริงแล้วคนไทยนั้นเชื่อในเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

“คิดว่ามันอยู่ในสังคมไทยอยู่แล้ว แต่ละคนก็มีความเชื่อมากน้อยในแบบของตัวเอง ซึ่งทุกคนก็มีความคิดความเชื่อของตัวเอง แต่การที่มาเชื่อในเรื่องนี้ จริงๆ แล้วก็ต้องมีความเชื่ออยู่ก่อน ไม่คิดว่าการมาเชื่อเกิดจากกระแส สังคมไทยก็ควรจะมีสติและปัญญาไว้ ให้มีสติก่อนจะเชื่อเรื่องอะไร”

ในส่วนของคนดูทั่วไปอย่าง คมสัน เพ่งพิศ ที่ติดตามเรื่องราวแนวลี้ลับมาตลาด ตั้งแต่ในรูปแบบของรายการวิทยุ จนมาถึงรายการที่ทีวียอดนิยมในปัจจุบัน เขารู้สึกเฉยๆ กับกระแสความเชื่อแบบนี้ เพราะเป็นสิ่งที่มีอยู่ในสังคมอยู่ก่อนแล้ว โดยมองว่าเป็นความบันเทิงเสียมากกว่า

“โดยส่วนตัวแล้วจากประสบการณ์ตัวเอง ผมก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่ ซึ่งเราไม่ควรไปงมงายมากนัก และมองมันเป็นความบันเทิงเพื่อผ่อนคลายมากกว่า เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว กระแสที่เกิดขึ้นก็มาในรูปแบบของความบันเทิงเท่านั้น”

ในบางส่วนของสังคม จากข่าวที่ออกมาหลายครั้งก็บอกสภาพการณ์ความเป็นไปในสังคมไทยได้ว่า ยังมีหลายพื้นที่ในสังคมที่ความงมงายงอกงามอยู่บนความศรัทธาและให้ผลเป็นตัวเงิน ที่ทางอันชัดเจนของความเชื่อส่วนบุคคล คงยากหากจะมานั่งตีเส้นกรอบเกณฑ์

เพราะอย่างไรก็ตาม เรื่องราวเหล่านี้ก็ยังคงเป็นปริศนาเร้นลับ และความเร้นลับนี่เองที่ดึงดูดความสนใจให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี อยู่แต่เพียงว่าทุกคนเลือกที่เชื่อหรือปล่อยผ่านเลยไปต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้

>>>>>>>>>>

……….

เรื่อง : อธิเจต มงคลโสฬศ



กำลังโหลดความคิดเห็น