xs
xsm
sm
md
lg

ฉัตร ปริยฉัตร รัก (เธอ) ทำนองนี้...

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากบทบาทนางเอก “ใต้ฟ้าตะวันเดียว” ละครเรื่องแรกของ “ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร ” นางเอกที่ใครหลายคนบอกว่าเธอเล่นไม่สมบทบาท แข็งเป็นท่อนไม้ วันนี้“ฉัตร-ปริยฉัตร” เธอมาพร้อมกับผลงานใหม่และพัฒนาการทางด้านการแสดงให้หลายคนได้เห็นมากขึ้น ทั้งงานโฆษณา ละคร และล่าสุดกับภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าเรื่อง “The Melody รักทำนองนี้” ที่จะมาพิสูจน์ฝีมือการแสดงของเธอว่าจะพัฒนาดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่...มารู้จักกับเธอคนนี้ในหลายๆ มุม แล้วคุณจะตกหลุมรัก หัวใจคุณจะเต้นเป็นท่วงทำนอง...

เข้าวงการบันเทิงกลัวถูกหลอก

การเริ่มต้นเข้าวงการของฉัตร อาจจะคล้ายกับวัยรุ่นทั่วไปที่ก้าวเข้าสู่วงการเพราะถูกชักชวนจากแมวมอง และได้เข้ามาอยู่ในโมเดลลิ่งหนึ่งก่อนที่จะมีผลงานทางโฆษณาให้ทุกคนได้เห็นผลงานต่างๆ ตามมา

ฉัตรเริ่มงานในวงการบันเทิงชิ้นแรกด้วยงานถ่ายภาพนิ่งให้กับโฆษณาชิ้นหนึ่ง แต่กว่าจะได้งานนั้นเธอต้องผ่านการแคสต์ติ้งที่มีผู้เข้าร่วมงานแคสติ้งจำนวนมากถึง 40 งาน สาวร่างเล็กอย่างเธอต้องเดินสายแคสต์งานมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้รับโอกาสที่ดีจากผู้ใหญ่ที่มองเห็นถึงความน่ารัก ความสวยและความสามารถของเธอคนนี้

“ แต่ก่อนฉัตรเคยอยู่โมเดลลิ่งมาก่อน แล้วก็ได้ถ่ายงานโฆษณาก็ได้เจอผู้ใหญ่หลายๆ คนค่ะ เหมือนช่วงนั้นก็มีโอกาส ถือเป็นความบังเอิญได้มาเจอพี่ๆ ผู้ใหญ่ก็เลยได้เข้ามาในวงการบันเทิงค่ะ งานโฆษณาตัวแรก กว่าจะได้ก็แคสต์ 40 ตัวได้กว่าจะได้ งานแรกของเราเป็นภาพนิ่ง ตอนนั้นก็ดีใจ ตอนแรกที่เข้ามาเหมือนเราไม่ได้ตั้งใจเข้าวงการบันเทิงค่ะ เราไปเรียนพิเศษที่สยาม แล้วก็เรียนเสร็จก็ไปเดินเล่น แล้วพี่เค้าก็เจอเรา ก็เลยลองถ่ายหนังสือดูมั้ย เราก็ไม่ค่อยไว้ใจเพราะกลัวจะโดนพี่เค้าหลอกเหมือนค่ะ เพราะตอนนั้นข่าวโดนหลอกเยอะมาก แล้วพอเราตัดสินใจไปถ่ายก็ได้ไปเจอพี่โมเดลลิ่ง ชวนเรามาทำงาน เมื่อก่อนเราเองก็ยังไม่คล่องเท่าไหร่กว่าจะได้งานชิ้นแรกก็นานมากค่ะ“

เธอบอกว่า แคสต์งานมาเยอะ มีได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรได้ก็ต้องยอมรับว่า ช่วงแรกมีท้อ เหนื่อย ซึ่งเป็นช่วงที่ตนเองยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในเมื่อเข้ามาในวงการแล้ว ก็ต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆ แต่เมื่อได้แคสต์งานมากขึ้นก็ยิ่งรู้สึกสนุกกับงานที่ได้ทำ
“แรกๆ อาจจะทำอะไรไม่เป็นหรอกค่ะ พี่ๆ เขาเรียกให้ไปแคสต์งาน เขาให้เริ่มแนะนำตัวก็แนะนำตัวไป เค้าสั่งให้ทำอะไรเราก็ทำ เขาสั่งให้พูดยังไงเราก็พูด แต่พอได้ทำเยอะก็รู้สึกสนุกนะค่ะ ได้ทำไปเรื่อยๆ มันก็รู้สึกว่าเออ ไม่ได้งานก็ไม่เป็นไร ยังไงเราก็ได้มาแคสต์งานใหม่ๆ ได้ทำอะไรใหม่ๆ ก็สนุกดีค่ะ”

งานยาก ละครเรื่องแรก

ด้วยความพยายามจึงทำให้ฉัตรได้งานโฆษณาเป็นพรีเซนเตอร์มามากพอสมควร จนกระทั่งมีผู้จัดการดารา อย่าง เอ-ศุภชัย เห็นแววในความสวย จึงชักชวนให้ฉัตรได้เข้ามาร่วมงานชิมลางละครเรื่องแรก กับละครเรื่อง “ใต้ฟ้าตะวันเดียว” ประกบคู่กับหนุ่มมาริโอ้ เมาเร่อ เป็นครั้งแรกอีกด้วย

“กว่าจะได้งานละครมา มีพี่เอค่ะที่ชักชวนให้มาเล่น ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เล่น เพราะว่าไม่เคยเล่นอะไรมาก่อน แล้วละครมันก็ยากมากค่ะ แล้วก็เป็นช่วงที่เราเองกำลังจะเรียนต่อปี 1 ด้วยค่ะ มันเลยทำให้อะไรยุ่งๆ เข้ามาในชีวิตมากขึ้น แต่พอได้โอกาสมาเราก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อน”
ละครเรื่องแรกต้องบินไปถ่ายทำที่เกาหลี และการทำงานในต่างประเทศ เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับมือใหม่อย่างเธอ จึงทำให้กดดัน และต้องปรับตัวอย่างมาก

“เราอาจจะเคยไปเที่ยวเกาหลีบ้างแต่ความรู้สึกระหว่างไปเที่ยวกับไปทำงานมันแตกต่างกันมาก ๆ เพราะว่าไปเล่นละครไม่มีเวลาเที่ยวเลย แต่ครั้งนี้เราไปทำแต่งาน มีบ้างที่นานที เขาจะพักให้ทำงานถ่ายเช้ายันค่ำทุกวัน บางทีก็ถ่ายเช้าไปจนถึงเช้าอีกวันหนึ่ง ถ่ายติดต่อกัน เราชอบอารมณ์หนาว ๆ แต่เวลาที่เราไปถ่ายเรื่องนี้เราไม่ได้แต่งตัวหนาๆ เหมือนไปเที่ยว เรื่องนี้แต่งสบาย ๆ บางทีก็บางเกิน หนาวทนไม่ไหว บางทีก็ยืนแข็งเล่นไม่ได้ก็มีบ้าง”

ฉัตรเล่าถึงละครเรื่องแรกของตัวเองให้ฟังว่า ละครเรื่องใต้ฟ้าตะวันเดียว เป็นเรื่องแรกที่ฉัตรเล่น เพราะมีพี่เอ-ศุภชัย ผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองได้ส่งไปแคสต์ เป็นโปรเจ็กต์ที่ไปถ่ายประเทศเกาหลี ซึ่งกดดันตัวเองมาก ไม่รู้มุมกล้อง ต้องทำการบ้านเยอะ อุปสรรคในการถ่ายละครครั้งแรกเยอะมาก ทั้งเรื่อง เวลา ที่มีเวลาจำกัดในการถ่ายทำที่ต่างประเทศ ภาษาในการสื่อสาร เนื่องจากละครเรื่องแรกต้องเล่นกับคนเกาหลี อีกทั้งยังมีสภาพอากาศที่หนาวมาก

“ฟีดแบกละครเรื่องแรกก็ถือว่าโดยรวมโอเคนะค่ะ แต่สำหรับฉัตรแล้ว ฉัตรว่าตัวเองยังใหม่ เลยเล่นแข็งมากอย่างที่หลายๆ คนที่ดูวิจารณ์กัน ต้องยอมรับและเอามาปรับปรุงแก้ไข ทั้งเรื่องแอกติ้ง การออกเสียง เพราะเราเล่นมันจะเรียบเกินไป เราคิดว่าเล่นในระดับที่เรารู้สึกนะ แต่พอไปเล่นจริงๆ หลายเทกมากค่ะ ก็ทำการบ้านมากขึ้นกว่าเดิม ”

จากละครเรื่องแรกก็ได้มีโอกาสเล่นละครเรื่อง เสือสั่งฟ้า ซึ่งเรื่องนี้เป็นละครพีเรียด ที่จะต้องเปลี่ยนลุคของตัวเองและต่างจากเรื่องแรกอย่างมาก การเล่นละครเรื่องเสือสั่งฟ้าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เธอได้รับเป็นสาวที่มีบุคลิก แต่งตัวจัดจ้าน สีสันฉูดฉาด การแสดงพลิกจากสาวเรียบร้อยต่างจากเรื่องนี้ ทำให้ต้องทำการบ้านและปรับบุคลิก จนติดนิสัยแสดงเป็นสาวเปรี้ยวออกมากับอีกกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง “The Melody รักทำนองนี้” ด้วย

“ช่วงที่ถ่ายละครเรื่องเสือสั่งฟ้า ก็ถ่ายThe Melodyพร้อมกัน พอเราไปเล่นอีกบุคลิกที่เป็นสาวเรียบร้อยก็จะติดลุคสาวเปรี้ยว เล่นเยอะไปกองนั้นด้วย ผู้กำกับก็ต้องคอยเตือนตลอดเวลาค่ะ พี่เค้าจะแซวๆ ว่านี่ไปติดเล่นละครมาใช่มั้ย เพราะตอนนั้นเราต้องเร่งถ่ายละครให้ทันออนแอร์ไปด้วย เลยงงๆ สับสนหน่อยค่ะ”

เล่นภาพยนตร์พัฒนามากขึ้น

หลังจากละครเรื่องแรกจบลง ฉัตรก็ได้มีโอกาสชิมลางงานละครตามมาอีกมากมาย ทั้งเรื่อง เสือสั่งฟ้า และที่กำลังถ่ายทำและจะออนแอร์เร็วๆ นี้กับละครเรื่อง ลูกผู้ชายไม้ตะพด แต่สำหรับใครที่รอชมผลงานไม่ไหว กับล่าสุดภาพยนตร์เรื่องแรกของฉัตร “The Melody รักทำนองนี้” “หมอก” ครูสอนเปียโน ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เธอได้เป็นนางเอก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ในแนวโรแมนติกดราม่า ซึ่งฉัตรเองต้องทำการบ้านหนักมาก ทั้งเรื่องของการเล่นเปียโน การศึกษาตัวละคร และการเข้าร่วมงานครั้งแรกกับพระเอก “แดน วรเวช ดานุวงศ์” ซึ่งเรื่องนี้ถือพระเอก นางเอก ถือเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่อง และใช้อารมณ์ในการสื่อสารจากตัวละครมากที่สุด และยากในระดับนึงสำหรับนนางเอกของเรื่อง

“หนังเรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำนานมากค่ะ เพราะเราต้องขึ้นเขาไปถ่ายกันที่แม่ฮ่องสอน แล้วในเรื่องเรารับบทเป็น หมอก ซึ่งเป็นครูสอนเปียโนเด็ก เล่นเปียโนไม่ได้ยากสำหรับเราเท่าไหร่ค่ะ เพราะฉัตรเคยเรียนเปียโนมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว แต่ก็หยุดไปช่วงที่เรายุ่งกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งมันก็ห่างมาไม่นานมาก ก็ไปเรียนรู้เพิ่มอีกนิดนึง ที่เรียนเพิ่มก็เรียนเล่นเพลงที่ใช้ประกอบในภาพยนตร์ เพราะเป็นเพลงใหม่

แต่ความยากไม่ได้มีแค่นั้น เพราะเราต้องไปเรียนรู้อารมณ์ของตัวละคร ไปเรียนรู้ ศึกษาอาการของคนเป็นโรคลูคีเมีย ซึ่งมันต้องใช้เวลามากกว่าที่เราจะรู้ว่าคนที่เป็นโรคแบบนี้มีอาการยังไง แต่ด้วยเวลาที่น้อยนิด เราก็ได้แค่ศึกษาตามอินเตอร์ ให้คนที่เคยมีประสบการณ์เคยเห็นคนไข้มาเล่าให้ฟัง ต้องใช้เวลามากค่ะ เราก็ได้พี่โอ๊ก ซึ่งเป็นผู้กำกับที่พี่เขาเคยเห็นคนไข้มา คอยเล่าให้เราฟังว่าคนเป็นลูคีเมียมีอาการเป็นยังไงบ้าง เราก็ต้องเล่นออกมาให้ได้”

การร่วมงานภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องแรกของฉัตร ซึ่งต้องเล่นคู่กับพระเอกอย่าง “แดน วรเวช ดานุวงศ์” ฉัตรบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกกับการร่วมงานกับพระเอกที่มากความสามารถ จึงทำให้เกิดความกดดันตัวเองในช่วงแรก

“ครั้งแรกที่ร่วมงานกับพี่แดน พี่เขาดูเป็นมืออาชีพมาก อาจจะเจอหน้ากันครั้งแรกไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่ เพราะฉัตรเองก็ไม่กล้าเขาไปคุยกับพี่แดนมากนัก แรกๆ เข้าฉากกันก็ต่างคนต่างเล่นบทตัวเอง แต่พอได้ยินเสียงคัตจากผู้กำกับ เสร็จงานก็ต่างคนต่างไป เดินไปคนละทาง แต่พอนานๆ ไปต้องเข้าฉากกับพี่แดนบ่อยก็เริ่มคุยกันมากขึ้นค่ะ เป็นกันเองมากขึ้น”

ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ประสบการณ์ในการทำงานวงการบันเทิงของฉัตรเริ่มมีพัฒนาการมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเมื่อเทียบกับละครเรื่องแรกแล้ว เธอบอกว่าเรื่องนี้ถือว่าทำให้เธอได้เข้าใจและทำให้เชื่อในตัวละครกับการเข้าถึงบทบาทการแสดงมากขึ้น

“เราก็พยายามปรับและก็ศึกษาบทให้มากขึ้นค่ะ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ฉัตรได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น เล่นแข็งน้อยลง เข้าถึงและเชื่อในตัวละครมากขึ้นกว่าเดิม”

รับผิดชอบตนเอง


ย้อนกลับไปในวัยเด็กของสาวหมวย หน้าใส เธอเล่าให้ฟังว่า ตอนเด็กๆ เธอเกิดที่จังหวัดเชียงรายแต่มาโตที่กรุงเทพฯ เพราะคุณแม่เป็นคนจังหวัดเชียงราย และต้องตามคุณพ่อมาทำงานที่กรุงเทพฯ การมาทำงานในวงการบันเทิงในช่วงแรกๆ ก็อาจจะทำให้คุณพ่อและคุณแม่เป็นห่วง

“แรกๆ ท่านจะห่วงค่ะ เพราะว่ากลัวเราโดนหลอกด้วย เข้ามาในวงการ ทำงานแบบนี้อาจจะไม่มีเวลาเรียน ท่านจะห่วงเรื่องเรียนมาก อยากให้เราเรียนหนังสืออย่างเดียว แต่ถ้าเราได้มีโอกาสเข้ามาทำงานแล้วก็ต้องคว้าโอกาสที่ดีเอาไว้ก่อน แล้วก็ต้องตั้งใจทำงานและเรียนหนังสือ รับผิดชอบหน้าที่ของตนเองให้ได้ดีที่สุด ไม่ทำให้ท่านเป็นห่วงค่ะ”

ฉัตรบอกว่ากว่าพ่อและแม่จะไว้ใจและเชื่อใจนั้น ก็จะต้องทำให้ท่านทั้งสองเห็นว่าตนสามารถดูแลและรับผิดชอบทั้งเรื่องเรียนและงานได้ ซึ่งเมื่อการเรียนไปได้ท่านก็จะไม่เป็นห่วงเรื่องอื่น เพราะว่าตนเองเป็นคนจัดสรรเรื่องเวลาของตัวเองได้ดี แม้ว่ามาทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย ผลการเรียนอาจจะตกลงบ้าง แต่ก็ไม่ได้เสียมากมายนัก

“เพราะเราเป็นคนค่อนข้างจัดการตัวเองได้ดีค่ะ จะมีพี่ที่คอยจัดสรรเวลาให้และก็เรื่องเรียนเราก็มาจัดเวลาเอง หนึ่งอาทิตย์ เราจะลงเรียนให้แน่นเลยในหนึ่งวันถ้าเราทำได้นะค่ะ แล้วจะได้มีเวลาให้กับงาน ซึ่งงานแต่ละงานเราก็จะสามารถให้คิวได้ เรื่องเรียนก็จะไม่เสีย แต่มันก็จะยุ่งๆ หน่อยเมื่อตอนเวลาสอบ ทุกวิชาก็จะมีงานมากองรวมกันทีเดียว ทั้งใกล้สอบงานก็ต้องส่ง ก็จะต้องยุ่งหน่อย”

ตอนนี้ฉัตรกำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาบัญชี ซึ่งแตกต่างจากความฝันของเธอตั้งแต่เด็ก เนื่องจากตอนเด็ก ความฝันของฉัตรคือการได้เป็นแอร์โฮสเตส ถือเป็นความฝันของสาวสวยหลายๆ คน

“ตอนเด็กอยากเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ เพราะเราว่าอาชีพนี้ดูสวยแล้วก็ได้เที่ยว ได้ทำงานไป แต่พอโตขึ้นก็เปลี่ยนความคิดมาเรื่อยๆ อยากเป็นทันตแพทย์บ้าง พอรู้ว่าตัวเองเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ไม่เก่งก็เลยต้องเปลี่ยนมาเรียนคณิตศาสตร์แทน จนกลายมาเรียนบัญชีแทน”

ซนจนปากแตก


หลายคนมองภายนอกอาจจะมองว่าฉัตรเป็นสาวบุคลิก หวาน เรียบร้อย นิ่งๆ แต่เมื่อให้เธอพูดถึงบุคลิกตัวตนจริงๆของเธอ เธอกลับบอกว่าเธอเป็นคนที่ซนมาก ห้าวนิดๆ โก๊ะ ซุ่มซ่าม เมื่อตอนเด็กซนจนได้แผลเป็นริมฝีปาก ถ้าใครสังเกตจะเห็นรอยแผลที่เกิดเหตุการณ์ตกโต๊ะจนปากแตก

“ฉัตรจะมีน้องชายหนึ่งคนค่ะ ด้วยอายุที่ก็ไม่ได้ห่างกันมาก แค่ปีเดียว มันเลยเหมือนกลายเป็นเพื่อนเล่นกันไปด้วยเลย เราก็เล่นเป็นเพื่อนน้อง เล่นเหมือนเด็กผู้ชาย ปีนต้นไม้ ปีนโต๊ะ แกล้งน้องชายจนได้เรื่องบ้าง อย่างตอนเด็กเราสองคนพี่น้องก็ซนกันจนคุณแม่ตี ก็กำลังยืนเรียงแถวให้แม่ตี แต่น้องอยู่ใกล้แม่ที่สุด แม่ก็ตีโดนน้องก่อน เราก็วิ่งหนีไปขังตัวเองในห้องน้ำ ตัวเองก็เลยรอดไป และมีครั้งหนึ่ง ขึ้นไปอยู่บนโต๊ะแล้วกระโดดลงมา ตกโต๊ะปากแตก สังเกตดีดีจะเห็นรอบแผลเป็นอยู่ (พูดพร้อมชี้ให้เห็นรอยแผล)”

“ฉัตรว่าโตมาความซนก็ยังมีอยู่นะค่ะ แต่อาจจะลดลงบ้าง มีความโก๊ะๆ กังๆ เข้ามาแทน เป็นคนร่าเริง เข้ากับคนอื่นได้ง่ายด้วยค่ะ แต่ข้อเสียของฉัตรจะเป็นคนขี้ลืม เหมือนว่าเราหยิบของออกมาแล้ว แต่ลืมที่วาง ก็กลับไปหยิบใหม่คิดว่ามันหายก็จะโวยวาย แต่พอนึกขึ้นได้ อ้าว! เราเอาออกมาแล้วนิ ก็แก้ไม่ได้สักทีค่ะ”

ฉัตรบอกว่านิสัยส่วนตัวที่เธอรู้สึกว่า ไม่ดีต่อตัวเองคือ การที่เธอเป็นคนใจร้อน มักจะชอบทำอะไรรวดเร็ว ซึ่งได้นิสัยส่วนนี้มาจากคุณพ่อ เพราะคุณพ่อชอบทำ หรือตัดสินใจอะไรเร็วๆ แล้วเธอก็คิดว่าในวงการบันเทิงได้ทำให้ความใจร้อน อาการเหวี่ยง เอาแต่ใจของเธอลดน้อยลงได้

“เมื่อก่อนฉัตรเป็นคนใจร้อนมาก รออะไรไม่ได้ อย่างไปแคสต์งานก็คิดว่าทำไมแคสต์เยอะจัง เมื่อไหร่จะถึงเราสักที อยู่ไม่ติดกับที่ รนมาก ใจร้อน ตัดสินใจเร็ว แต่พอไปแคสต์งานหลายๆ งาน ก็ทำให้เรารู้ว่า ต้องหัดรู้จักรอบ้าง ใช้ชีวิตลมหายใจที่ช้าลงบ้าง รอแล้วอาจจะได้อะไรดีดีกับตัวเองก็ได้นะ ก็คิดแบบนี้ ใจร้อนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ต้องหัดรอคนอื่นให้เป็น ค่ะ

ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนใจเย็นทำอะไรช้าๆ ลงบ้าง เมื่อไหร่ที่รู้สึกใจร้อนก็จะเข้าวัดไปธรรมบุญ ก็จะทำให้รู้สึกว่าตัวเองใจเย็นมากขึ้น ตอนนี้ถึงไม่ใจร้อนเราก็เข้าวัด จิตใจสงบมากขึ้น มีสติกับตัวเองมากขึ้นค่ะ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่วงการบันเทิงสอนให้หนูรู้ว่าเราควรทำอะไรช้าๆ ลงบ้าง”

เซ็งข่าว “มือที่สาม”


ถามถึงเรื่องราวความรักของฉัตรกันบ้าง เธอกลับตอบว่าเธอยังไม่มีใครที่สนิท แต่อาจจะมีพูดคุยกันบ้าง ซึ่งตอนนี้ทุ่มเทให้กับเรื่องเรียนและเรื่องงานซะส่วนใหญ่ ทว่าเธอกลับเล้าถึงเรื่องราวความรักครั้งแรกให้ฟังว่า เป็นความบังเอิญที่จะเรียกว่ารักก็ไม่เชิง เพราะว่าเพื่อนๆ ตอนเด็กมักชอบแซวเธอกับเพื่อนชายที่พยายามเข้ามาพูดคุยกับเธออยู่บ่อยๆ

“ตอนนั้นเด็กมากเลยค่ะ เพื่อนๆ เขาแซวกันเล่นๆ หรืออะไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะว่าเพื่อนผู้ชายคนนั้นเค้าก็เหมือนว่าเพิ่งย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกัน แล้วเค้าก็จะเข้ามาคุยกับเราบ่อยๆ เพื่อนก็เลยจับคู่แซวๆกันมากกว่าค่ะ พอเรียนมัธยมฯ ก็ต่างคนก็ต่างแยกย้ายค่ะ ไม่ได้มีอะไร”

เรื่องความรักในวงการอาจจะยังไม่มีให้เห็นและเป็นข่าว แต่ก็ยังมีข่าวเรื่องความรักของคู่รักอื่นๆ ที่ทำให้เธอตกเป็นข่าวฉาวว่าเธอเป็น “มือที่สาม” ไม่ว่าจะหว่างสาวน้ำชากับหนุ่มก้อง และระหว่าง มิ้นท์-หมาก ซึ่งถือว่าเป็นข่าวในวงการบันเทิงที่ทำให้เธอเสียความรู้สึก และรู้สึกแย่กับข่าวอย่างมาก

“ก็รู้สึกไม่ค่อยดีนะค่ะ เป็นข่าวที่หนักมากตั้งแต่อยู่ในวงการบันเทิงค่ะ ใช้ชีวิตแบบหนูก้ทำงานทุกวัน ไม่ได้ออกไปไหนกับใครค่ะ แต่ไม่รู้เขาไปเขียนข่าวได้ยังไงเหมือนกัน ก็ไม่อยากจะเจอข่าวแบบนี้กับตัวเองนะค่ะ อาจจะเพราะเขาเห็นว่าเราร่วมงานกันมั้งก็เลยเอามาเขียนให้มันมีประเด็นขึ้นมา”

เธอบอกว่ากับข่าวหรือทุกๆ เรื่องที่เข้ามา ไม่ได้ทำให้เครียด เพราะไม่ใช่เรื่องจริง แต่เมื่อไหร่ที่มีผลกระทบกับตัวเองมา ก็จะต้องคอยบอกคุณพ่อ คุณแม่และคนรอบข้างให้รู้ว่าเหตุผลจริงแล้วเป็นอย่างไร

“บอกกับที่บ้านตลอดค่ะว่า ก่อนหน้านั้นทำงานด้วยกัน ยังเจอพี่ๆ เขาอยู่เลย เป็นข่าวสะแล้ว ก็เริ่มชินไปค่ะ พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเราเพราะท่านรู้ว่าตัวเราเป็นยังไงค่ะ”
สุดท้ายเธอได้ฝากถึงผลงานกับภาพยนตร์ เรื่อง “The Melody รักทำนองนี้” และ “ลูกผู้ชายไม้ตะพด” ซึ่งละครเรื่องนี้ถือเป็นการปรับบทบาทให้เธอเป็นสาวบู๊มากขึ้น ที่กำลังจะออนแอร์เร็วๆ นี้ด้วย

ประวัติส่วนตัว

ชื่อเกิดปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร
ชื่อเล่นฉัตร
เกิด11 เมษายน 2534
การศึกษา สาขาบัญชี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผลงาน
โฆษณา : วัตสัน , M&M , เป็บซี่,ดีแทค,สแปลช,พรีเซนเตอร์ ร้านกูซ เกซ โมบาย, levi's ประกบ เซี่ยะถิงฟงครีมอาบน้ำโชกุบุสซึ สูตร Orange Peel Oil,โลชั่นบำรุงผิว Citra สูตรซิตร้า เพิร์ลลี่ ไวท์ ยูวี โลชั่น , โลชั่นบำรุงผิว Citra สูตร ซิตร้า นูริชด์ เรเดียนซ์ โลชั่น
ละคร : .ใต้ฟ้าตะวันเดียว ทางโมเดิร์น ไนน์ ทีวี , เสือสั่งฟ้า และลูกผู้ชายไม้ตะพด ทางช่อง 7
ภาพยนตร์ : The Melody



ข่าวโดย Manager-Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย  พงษ์ศักดิ์  ขวัญเนตร





ลีลาการเล่นเปียโน
บรรยากาศกองถ่าย The Melody รักทำนองนี้

คู่กับพระเอก แดน วรเวช
ละคร ลูกผู้ชายไม้ตะพด คู่กับพอร์ช ศรันย์
จากละครเรื่อง ใต้ฟ้าตะวันเดียว กับพระเอกเกาหลี
เมื่อครั้งมีข่าวมือที่สาม
ภาพยนตร์เรื่อง The Melody รักทำนองนี้ เข้าฉาย 14 กุมภาพันธ์ 2555
กำลังโหลดความคิดเห็น