ถ้าพูดถึงความพอเพียงกับวัยรุ่นสมัยนี้คงอึกอักนึกนานกว่าจะได้คำตอบ แต่ถ้าถามเรื่องอะไรใหม่ อะไรอินเทรนด์ คงจะตอบได้อย่างรวดเร็ว เพราะคำว่าพอเพียงสำหรับวัยรุ่นในยุคบูชาเทคโนโลยีดูจะเป็นเรื่องที่ห่างไกลกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมาก แต่สำหรับสาวหน้าใสนัยน์ตาคมคนนี้ 'นุ่น-มนพัทธ์ คงนุ่น' ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ 'คุณพอเพียงอาสาพัฒนาชุมชน' คู่กับ 'ผู้พันเบิร์ด' เธอมีแนวคิดในการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ และอยากบอกต่อวัยรุ่นให้รู้จักค่าของเงิน ซึ่งเธอบอกต้องเริ่มจากใจดังที่เธอเคยพูดไว้ว่า "ความพอเพียงทุกอย่างอยู่ที่ใจ ถ้าตัวเราพอ ใจเราพอ เราก็พอได้"
M-Lite มีโอกาสลงพื้นที่ตามรอยหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบบ้านร่องปลายนา จ.เชียงรายร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน เมื่อได้สัมผัส และเห็นการทำงานของพรีเซ็นเตอร์คนสวยและผู้พันเบิร์ด (พ.ท.วันชนะ สวัสดี) ความเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ไม่เรื่องมาก ยิ้มเก่ง และกระตือรือร้นในการเรียนรู้ตลอดเวลา จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวหน้าคมคนนี้จึงถูกเลือกให้เป็นตัวแทนของวัยรุ่นยุคใหม่หัวใจพอเพียง
“สาวพอเพียง” อาสาพัฒนาชุมชน
ช่วงนี้คงจะได้เห็นสาวหน้าหวานควงคู่กับผู้พันเบิร์ดออกปฏิบัติหน้าที่ "คุณพอเพียงอาสาพัฒนาชุมชน" ตามรอยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลงพื้นที่ในหลายๆ จังหวัด ซึ่งผู้พันเบิร์ด หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว แต่สำหรับสาวนุ่น แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ดาราดัง แต่เธอก็เป็นวัยรุ่นที่ยังต้องเรียน และทำงานไปด้วย ซึ่งจากตัวตนของเธอ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ไม่หวือหวา ฟุ่มเฟือยเหมือนวัยรุ่นทั่วไป เธอจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และน่าจะเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างดี
"ทางบริษัทออร์กาไนซ์ติดต่อมาว่าให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เหมือนเขาเห็นว่านุ่นเป็นคนรุ่นใหม่ที่กำลังเรียนอยู่ด้วย และเพิ่งเริ่มทำงานในวงการฯ แล้วพอเริ่มหาเงินเองได้ นุ่นเป็นคนรู้ค่าของเงิน ไม่ใช้ของแพง และตัวนุ่นเป็นคนที่ไม่ได้หวือหวาอะไร ดูจากภายนอก การใช้ชีวิต การแต่งตัว นุ่นเป็นคนง่ายๆ สบายๆ นุ่นภูมิใจที่ได้ทำตามพระราชดำริของในหลวง รู้สึกดีมาก เป็นโครงการที่ดี ถ้าทุกคนทำได้ก็จะดีมาก"
ในฐานะที่เป็นวัยรุ่น และเป็นตัวแทนในเรื่องของความพอเพียง สาวนุ่นยอมรับว่าก่อนหน้านี้เธอก็ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป ไม่ได้รู้จักหรือเรียนรู้เรื่องความพอเพียงมากนัก เพียงแต่เธอเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบรู้ค่าของเงิน แต่พอได้มาเห็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง เห็นคนที่ใช้ชีวิตตามรอยพระราชดำริจริงๆ เธอถึงกับเอ่ยปากว่า ไม่คิดว่าหมู่บ้านอย่างนี้จะมีอยู่จริง เพราะไม่เคยได้เห็นในเมือง
"ถ้าไม่ได้มาเข้าร่วมโครงการนี้ เรื่องความพอเพียงก็ยังไกลตัวนุ่นอยู่ ถ้าไม่ได้มาเห็นเอง ก็ไม่รู้นะคะ ว่ายังมีหมู่บ้านแบบนี้อยู่จริงๆ นุ่นรู้สึกว่าสมัยนี้อะไรก็เปลี่ยนไปเยอะมาก เทคโนโลยีเข้ามาเยอะ เคยดูสารคดี รายการที่ไปถ่ายตามหมู่บ้านต่างๆ ก็เห็น แต่ยังแอบคิดว่าเขาทำมาเพื่อสร้างภาพหรือเปล่า แต่พอเราได้ลงพื้นที่ไปเห็น ก็รู้ว่าเขาทำกันจริงๆ และทำได้จริงๆ เห็นชาวบ้านก็มีความสุข น้อยคนที่จะได้มาสัมผัสแบบนี้ รู้สึกดีใจค่ะ พราะเป็นอะไรที่นุ่นชอบอยู่แล้ว เป็นประสบการณ์ที่จะได้พัฒนาตัวเองต่อไป ทำให้เราคิดเยอะขึ้น มีหลายมุมมองมากที่เราจะพอเพียงได้
ดูจากที่เห็นแต่ละหมู่บ้าน นุ่นว่าเป็นเพราะความสามัคคีกันเขาถึงอยู่ได้ แต่ถ้าต่างคนต่างอยู่ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้มาอยู่ด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันอย่างนี้ เห็นแล้วอยากให้ทุกที่เป็นอย่างนั้น ดูจากสีหน้าแล้ว มีความสุขแน่นนอน สุขภาพแข็งแรง ไม่เครียด แต่คนกรุงเทพฯ เครียด ปัญหาเรื่องเงิน ปัญหาสุขภาพ ถ้าให้นุ่นใช้ชีวิตอยู่เป็นเดือน นุ่นว่าก็อยู่ได้นะ แค่มีที่นอน มีอาหารกิน อินเทอร์เน็ตนุ่นก็ไม่ติดเท่าไหร่" สาวนุ่นตอบยิ้มๆ
“ตัวอย่างความพอเพียงที่นุ่นนึกภาพได้ก็คือในหลวง พระองค์ท่านเป็นแบบอย่างในเรื่องของความพอเพียง เคยได้ยินเรื่องยาสีฟัน พอหมดหลอดก็ไม่ได้ทิ้งไป รีดจนแบน เป็นภาพที่นุ่นจำได้ รองเท้าของพระองค์ที่ขาด ก็นำไปซ่อม ท่านเป็นผู้ริเริ่มความคิดเรื่องความพอเพียง การใช้ชีวิตง่ายๆ พระราชดำรัสของในหลวงเกี่ยวกับเรื่องความพอเพียงก็มีออกมาเยอะมาก ถ้าคนส่วนใหญ่เห็นคุณค่า และลองนำไปใช้ เชื่อว่าต้องเกิดประโยชน์แน่ๆ”
ไม่เป็นหนี้ ไม่เป็นทุกข์
สิ่งที่เห็นได้ชัดๆ จากตัวนุ่นคือเรื่องของการใช้เงิน เธอมีวิธีดูแลและบริหารเงิน ตั้งแต่เริ่มทำงานเธอก็ไม่รบกวนขอเงินจากพ่อแม่อีกเลย แถมยังรู้จักใช้เป็น แบ่งเงินเป็นส่วนๆ แบ่งให้พ่อแม่ส่วนหนึ่ง ที่เหลือฝากบัญชี และส่วนที่เอาไว้ใช้
"จริงๆ นิสัยนี้เป็นมานานแล้ว นุ่นจะรู้ค่าของเงิน ชอบเก็บเงิน ยิ่งพอเราหาเงินได้ก็ไม่อยากรบกวนพ่อแม่ เพราะเราเห็นว่าท่านก็มีภาระเยอะ นุ่นมองว่าวัยรุ่นเป็นวัยที่ใช้เงินเยอะมาก แต่เราคิดว่าอะไรก็ได้ที่รบกวนพ่อแม่น้อยที่สุด แนวคิดของนุ่นก็คือสามารถใช้เงินได้แต่ต้องเหลือเก็บไว้ เพราะเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ จะได้ไม่เดือดร้อนหรือไปยืมคนอื่น เห็นวัยรุ่นบางทีชอบยืมเงินเพื่อน แล้วก็เป็นทุกข์ เพราะไปยืมเงินเขา
ตัวอย่างมีให้เห็นทั่วไปเลยนะคะ เวลาเพื่อนเป็นหนี้เขาก็ชอบมาบ่นว่าไม่สบายใจ เมื่อไหร่จะมีเงินไปคืน เราก็เห็นความไม่สบายใจของเขา วัยรุ่นนี่ยืมเงินหลายอย่าง ยืมเงินไปซื้อเสื้อผ้า ยืมไปซื้อโทรศัพท์ แล้วก็ผ่อนคืนให้ อย่างต่ำๆ ก็ 2-3 พัน หนี้บิลค่าโทรศัพท์ก็มี หนี้ใหญ่ๆ ก็มี ที่เห็นชัดๆ เยอะๆ เลยก็หนี้พนันบอล นุ่นเห็นหมดเงินทีก็เยอะ เป็นหลักหมื่น หลักแสนก็มี หาเงินง่าย หาเงินเร็ว สนุก แต่เวลาเสียก็เสียเยอะ จนควบคุมไม่ได้ ก็ต้องพยายามหาเงิน ไปยืมเพื่อน ขอเงินพ่อแม่ ขอยืมเงินจากอีกที่มา หาไม่ได้ก็เครียด พ่อแม่ก็เสียใจ”
“พอเราได้มาทำงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ตรงนี้ ก็มีพูดกับเพื่อนๆ บ้างว่าเราได้เห็นอะไร เรารู้ข้อมูลอะไรมากขึ้นในเรื่องของความพอเพียง เราเห็นคุณค่าว่ามันดีจริงๆ ทำให้บางทีเวลาเราไปกับเพื่อน เราก็พูดบอกเขา อย่างเรื่องเงิน เพื่อนที่ยังหาเงินเองไม่ได้ เราก็ยกเราเป็นตัวอย่างว่าไม่ขอเงินพ่อแม่แล้วเพราะสงสารเขา เล่าถึงแนวทางการใช้เงินของเราให้เพื่อนฟัง เพราะเราเห็นเพื่อนบางคนใช้เงินแบบสุดยอดไปเลย เพื่อนก็มีแอบบ่นว่าเราเป็นอะไร แต่เราคิดว่าอย่างน้อยก็มีคนบอกเขา ไม่ใช้ว่าเห็นเขาใช้เงินไปเรื่อยๆ โดยไม่เห็นคุณค่าของเงิน"
ชอปฯ ประหยัดราคานักศึกษา
แนวคิดเรื่องการใช้เงินของสาวคนนี้คือ มีเงินใช้ และต้องมีเงินเหลือเก็บด้วย คำว่าพอเพียงสำหรับนุ่นคือไม่ใช้เงินเกินตัว และก็ไม่เป็นหนี้ แต่ไม่ใช่เป็นคนขี้งก เป็นคนรู้จักใช้ รู้จักจ่าย
“นุ่นก็ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป ไปเรียน อยู่กับเพื่อน ก็มีไปเที่ยวบ้าง แต่เวลาไปเที่ยวเราจะคิดนิดหนึ่ง เวลาจะไปเที่ยวเราก็คิดว่าเราต้องเก็บเงินนะ เพราะเราไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ ถ้าปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ก็จะเลือกร้านที่มันไม่แพงเกินไป
เรื่องชอปปิ้ง ก็มีบ้างที่อยากได้ของแพงๆ เราก็คิดว่าถ้าเรายังไม่มีเงินพอที่จะซื้อก็ไม่เป็นไร เราก็ทำงานเก็บเงินไปก่อน บางทีเราอยากได้อะไรที่เป็นของแพง แต่ก็จะดูว่าว่ามันอาจจะมีที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้าง (หัวเราะ) ก็ไปหาซื้ออะไรที่คล้ายๆ กัน แต่ในราคาที่ถูกลง นุ่นจะไม่ค่อยเดินห้าง เพราะของในห้างราคาก็เป็นหลักพันขึ้นไปอยู่แล้ว นุ่นก็ไปเดินตลาดนัด เดินแพลตตินัมที่เขาขายราคาส่ง ถ้าเราเลือกดีๆ เราก็ได้ของดี เพราะบางทีของที่ขายตามห้างก็อาจจะมาจากแหล่งเดียวกัน นุ่นว่าคนเราใส่อะไรให้ดูดี มันขึ้นอยู่กับบุคลิกเรา ถ้าบุคลิกเราดี ใส่อะไรก็ดูดี ไม่จำเป็นต้องเป็นของแบรนด์ หรือของแพง”
จะเห็นว่าทุกวันนี้ ไลฟ์สไตล์วัยรุ่นจะนิยมใช้ของแพง ตั้งแต่ใช้ของแบรนด์เนม ใช้โทรศัพท์รุ่นใหม่ ต้องขับรถมาเรียนถึงจะดูดี ดูเท่ในสายตาเพื่อน ซึ่งค่านิยมเหล่านี้สาวนุ่นก็เห็นจนชินตา และอยากเตือนว่าวัยรุ่นก็ควรใช้ชีวิตให้เหมาะสม สิ่งสำคัญก็คือเรื่องการเรียน ถ้าใครรู้ตัวว่าชอบใช้เงิน ใช้เงินเก่งก็อาจจะต้องหางานพิเศษทำ
“จริงๆ เรื่องเทคโนโลยีกับวัยรุ่นเป็นเรื่องใกล้ตัวมากเลย กลุ่มเพื่อนทุกคนใช้ไอโฟน 4 ตอนนี้ 4s ก็มีของใหม่มาเรื่อยๆ แล้วเวลาใครมีของใหม่ๆ มา เพื่อนก็จะมาเล่น มาดู นุ่นก็เห็นว่ามันเป็นค่านิยมไปแล้ว ถ้าใครมีเขาก็จะตื่นเต้น เห่อของ มันเป็นเทคโนโลยีที่ทำได้หลายอย่าง ถ่ายรูป แชต ไลฟ์สไตล์แบบวัยรุ่นน่ะค่ะ
ทุกวันนี้นุ่นไปเรียนนุ่นก็ใช้รถไฟฟ้า ประหยัดเวลาด้วย ประหยัดค่ารถด้วย ถ้านุ่นขับรถไปก็มีค่าน้ำมัน แล้วรถก็ติดมากด้วย นุ่นว่ายังไม่เหมาะสมกับวัยด้วย ถ้าเราเป็นวัยทำงาน อาจจะต้องมาคิดเรื่องนี้ว่าต้องใช้รถ ปกติก็นั่งรถไฟฟ้า แล้วต่อรถเมล์เข้าบ้าน
เรื่องการใช้ของแบรนด์เนมก็เป็นค่านิยมมากๆ เลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะเห็นดาราใช้กระเป๋าแบบนี้ นาฬิกาแบบนี้ ก็อยากใช้ตาม แต่ดาราเขามีรายได้มั่นคง เราเป็นวัยรุ่นก็ควรใช้ชีวิตให้เหมาะสม”
สาวนุ่นแนะวิธีเก็บเงินตามแบบฉบับของเธอ "สมมุติว่าได้เงิน 1 หมื่น นุ่นก็จะให้พ่อแม่ แล้วก็เก็บไว้ส่วนหนึ่ง ใช้แค่ส่วนที่น้อยสุด ได้เงินมาก้อนหนึ่งก็แบ่งให้เป็นประโยชน์ที่สุด จัดสรร เก็บไว้ ถ้าจะซื้ออะไรก็มาดูอีกทีว่ามันจำเป็นหรือเปล่า วิธีนี้ก็ช่วยได้เยอะเลย รู้สึกสบายใจด้วย เวลาเราอยากได้อะไร เราก็มีเงินเหลืออยู่”
“พอเพียง” เรื่องไกลตัววัยรุ่น
“ความพอเพียงมันไกลตัววัยรุ่นมากๆ เพราะสมัยนี้ทุกอย่างต้องตามกระแสนิยมไปหมดแล้ว เป็นสังคมกลุ่มเพื่อน ไม่มีจริงๆ นะคะ ความพอเพียงกับเรื่องวัยรุ่น อย่างออกค่ายก็เป็นกลุ่มน้อย และเป็นกลุ่มเดิมๆ ด้วย เอาที่นุ่นสัมผัสนะ เด็กวัยรุ่น เด็กในเมือง ไม่ค่อยรู้จักเรื่องความพอเพียงแล้ว มันอยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคนมากกว่า มาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ด้วยก็เป็นส่วนสำคัญ เป็นตัวอย่าง วัยรุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยอะไรเลย ถ้าทางมหา'ลัย มีสอดแทรกเรื่องความพอเพียงในรายวิชาบ้าง พูดให้ผ่านหูบ้าง ในวิชาหลักน่าจะมี นุ่นว่าความพอเพียงสามารถใส่ได้กับทุกเรื่อง ถ้าปกติไม่ได้มีการรณรงค์ มันก็เป็นเรื่องที่แทบจะห่างไกลเรามากๆ ถึงแม้ความพอเพียงเป็นเรื่องไกลตัววัยรุ่น แต่นุ่นเชื่อว่าสามารถทำได้ ความพอเพียงเข้าถึงทุกเพศทุกวัยได้ ถ้ามีความพอเพียงอย่างน้อยก็ไม่เป็นทุกข์ พอใจในสิ่งที่เรามี มีกิน มีใช้ ไม่เป็นหนี้”
แนวคิดความพอเพียงของสาวนุ่น สำคัญเลยต้องเริ่มจากใจ "บางทีเราอยากได้อะไรก็นั่งดูแล้วดูอีก คิดว่าจะทำยังไงดีถึงจะได้มา จะขอพ่อแม่ หรือขอยืมเงินเพื่อน แต่ถ้าเปลี่ยนความคิดว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร พอๆ เริ่มจากใจเราว่าเราจำเป็นต้องใช้ไหม ตัดใจไปก่อน พอเราตัดใจได้มันสบายขึ้นเยอะเลยนะคะ เรารู้สึกว่าเราไม่มีก็ได้ ไม่ต้องมานั่งกังวล หรือมานั่งคิดว่าจะทำยังไงถึงจะได้ สำหรับคนที่อยากได้อะไร แล้วนั่งคิดว่าทำยังไงถึงจะได้ ลองเปลี่ยนวิธีคิดเป็นตัดใจ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็จะทำให้สบายขึ้นเยอะ ไม่ต้องเสียเงินอีกด้วย"
คุณแม่คือตัวอย่างที่ดี
สำหรับเรื่องความพอเพียง และความดีที่เธอได้ซึมซับมาตั้งแต่เด็กๆ เธอยกความดีให้คุณแม่ ที่คอยเคียงข้าง และปลูกฝังความคิดดีๆ เป็นแบบอย่างที่ดีในหลายๆ เรื่องให้เธอมาตั้งแต่เด็ก
"คุณแม่ก็ค่อนข้างภาระเยอะ เพราะมีลูกสองคน พี่สาวก็เพิ่งเรียนจบ เพิ่งได้งานทำ ตั้งแต่เด็ก นุ่นเห็นเวลาใช้เงินแต่ละที ท่านก็จะคิด เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในบ้าน เห็นแบบอย่างเราก็ซึมซับมาตั้งแต่เด็กๆ คุณแม่ก็จะให้หยอดกระปุก นุ่นเชื่อว่าถ้าพ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดี ปลูกฝังเรื่องการใช้เงินตั้งแต่เด็ก เด็กก็จะทำตาม
โตมาคุณแม่ก็สอนเรื่องหนี้บัตรเครดิต ถ้าเป็นหนี้ต้องมานั่งผ่อนบัตร เป็นหนี้ที่เพิ่มไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่พอ วันหนึ่งก็กลายเป็นเงินจำนวนเยอะ คุณแม่จะสอนเรื่องการแบ่งเงิน ใส่บัญชีไว้ เงินที่ใช้ก็แยกออกมา แม่บอกถ้าได้คำถามก็นึกถึงเรื่องแม่เอาไว้ ความพอเพียง คุณแม่จะไม่เป็นหนี้ ใช้เงินให้เหลือเก็บ”
หวังไกลกับงานในวงการฯ
หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหน้าสาวหน้าหวานคนนี้ เพราะเธอยังเป็นน้องใหม่ของวงการบันเทิง ผลงานที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานโฆษณา และล่าสุดเธอเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดมาสเตอร์วัน ซึ่งกำลังจะมีผลงานละครทางช่อง 3 ออกมาให้ได้ชมเร็วๆ นี้
"ตอนนี้นุ่นเรียนอยู่ปี 2 ที่มศว. เอกการแสดงค่ะ นุ่นเลือกเรียนการแสดง เพราะเป็นอาชีพ เราชอบในด้านนี้ก็เลยอยากพัฒนาตัวเอง เรียนการแสดงต้องมีจินตนาการที่คนทั่วไปไม่มี ต้องเห็นภาพ ถึงเราไม่ได้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ แต่เราก็ต้องเป็นคนที่เห็นภาพมัน แล้วนึกถึง ต้องอินกับบทบาท นุ่นรู้สึกว่ามันพิเศษ สนุกไปกับมัน
นุ่นเพิ่งเริ่มเข้าวงการฯ มาได้ประมาณปีกว่า ก็ได้ทำงานมาเรื่อยๆ ผลงานที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นถ่ายงานโฆษณา ล่าสุดก็เป็นโฆษณาซัมซุงโน้ตบุ๊คคู่ณเดช และช่วงนี้นุ่นก็เรียนการแสดงอยู่กับทางช่อง 3 แรกๆ ที่เข้ามาก็รู้สึกท้อนะคะ เพราะต้องไปแคสฯ งานหลายงานมาก กว่าจะได้แต่ละงาน แต่พอเริ่มมีงานต่อเนื่อง ได้ประสบการณ์มากขึ้น นุ่นก็เริ่มชอบ ยิ่งได้ไปเรียนการแสดงที่ช่อง 3 ก็ชอบ"
สาวหน้าหวานเล่าย้อนให้ฟังว่า จริงๆ มีโมเดลลิงติดต่อมาตั้งแต่เด็ก และคุณแม่ก็สนับสนุน อยากให้ลูกสาวลองทำงานในการบันเทิง แต่ตัวเธอตอนเด็กๆ กลับไม่ชอบ ไม่ยอมทำ จนกระทั่งโตขึ้น มีความกล้ามากขึ้นจึงตัดสินใจลองทำงานในวงการฯ ดู ปรากฎว่ารู้สึกชอบ และหวังว่าจะไปได้ไกลในวงการฯ นี้
"ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณแม่ ที่พาเราไปแคสฯ งาน ตอนแรกเรายังเด็กอยู่ แม่ให้ไปแคสฯ งานก็ยังร้องไห้ ไม่อยากไป เกี่ยง หาข้ออ้าง เราคิดว่าเราไปก็ไม่ได้ ไม่ได้ก็อายเขา คุณแม่จะเป็นคนช่วยดู ช่วยหา ท่านมองว่างานในวงการฯ น่าจะเหมาะกับนุ่น คุณแม่เคยบอกว่าตอนเด็กๆ เห็นนุ่นชอบไปแสดงที่โรงเรียน ชอบเต้น ชอบทำกิจกรรม ก็เลยลองส่งเสริมดู พอโตมาหน่อยคุณแม่ก็ส่งรูปอัปเดตให้โมเดลลิง เราก็เข้ามาแคสงานเรื่อยๆ เริ่มจากงานโฆษณา
จริงๆ อยากเป็นแอร์โฮสเตส ตามประสาเด็กผู้หญิง แต่การทำงานในวงการฯ ก็เป็นโอกาสที่ดี อยากไปให้ถึงจุดๆ หนึ่ง ตอนนี้ก็ดีขึ้น จากตอนแรกที่ไม่ได้งาน เราพัฒนาตัวเอง ก็ทำให้ได้งานเรื่อยๆ”
นุ่นเล่าต่อว่าตอนแรกเธอเป็นคนไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่นัก แต่เพราะความชอบ เธอจึงตั้งใจเรียนการแสดง และพัฒนาตัวเอง ทั้งบุคลิก การแต่งตัว จนทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น
"แต่ก่อนนุ่นเป็นคนไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ค่อยกล้าแสดงออก พอมาเรียนการแสดงมันมีความพัฒนา ช่วยพัฒนาบุคลิก ตอนเรียนการแสดงตอนแรกก็ยังทำไม่ได้ โดนบ่น โดนคอมเม้นต์ จนร้องไห้ แรงมาก เป็นเด็กการแสดง เรียนที่มหา'ลัยมา ทำไมได้แค่นี้ พอเราเริ่มเปิดใจมากขึ้น เขาพูดว่าให้เรามั่นใจว่าเรามีอะไรดี มองว่าเรามีอะไรดีบ้าง เราสวย ก็คิดไป ทำให้เรามั่นใจขึ้น แล้วก็พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เห็นความแตกต่าง เปลี่ยนไปเยอะ จากคนที่ไม่เอาอะไรเลย ก็ดูแลตัวเองมากขึ้น บุคลิกก็ดีขึ้น”
ตัวตน เป็นคนเรียบง่าย สบายๆ
บุคลิกที่เห็นภายนอกกับตัวตนของสาวคนนี้ไม่ต่างกันมากนัก เธอแสดงออกถึงความเป็นคนตรงไปตรงมา ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ไม่เสแสร้ง "นุ่นก็อยู่เรียบๆ ง่ายๆ เข้ากับคนง่าย ตอนที่ไปลงพื้นที่ก็ชอบด้วย ชอบอยู่กับชาวบ้าน ชอบที่ได้มาเห็นชีวิตเขา เพราะเราอยู่ในเมืองก็ไม่ค่อยได้เห็น ต่างจากในเมืองโดยสิ้นเชิง รอบตัวมีแต่เทคโนโลยี เราได้เห็นถึงความสุขของคนจริงๆ มีความน่ารัก
ปกตินุ่นชอบไปเที่ยวต่างจังหวัด ชอบท่องเที่ยว ชอบดูคน ชอบภูเขา ทะเล ชอบธรรมชาติ แต่โตมาไม่ค่อยได้เที่ยว ทำงาน เรียน แต่มีโอกาสก็อยากไปเที่ยว ชอบภาคเหนือ เพราะคุณแม่เป็นคนเชียงใหม่ ตอนเด็กนุ่นก็ไปเชียงใหม่ปีละครั้ง เรารู้สึกว่าซึมซับวัฒนธรรม ชอบเที่ยว ชอบขึ้นดอย วัฒนธรรมภาคเหนือมีเสน่ห์มาก น่าจะอนุรักษ์ไว้ให้นานๆ เลย ทั้งอาหาร ทั้งวัฒนธรรม การรำ อาหารเหนือนุ่นชอบกินน้ำพริกหนุ่ม ไข่เจียว ข้าวเหนียว กินด้วยกัน อีกเมนูโปรดที่ไม่ใช่อาหารเหนือก็ชอบกินส้มตำ ปลาร้า ขาดไม่ได้เลย ของโปรด ชอบกินมาก อาหารไทยๆ ก็ชอบมาก แต่นุ่นพูดเหนือไม่ได้ แต่ฟังรู้เรื่อง เพราะคุณแม่พูด
นอกจากนั้นนุ่นก็ค่อนข้างชอบอยู่บ้าน ไม่ค่อยออกไปเที่ยว เป็นคนมีโลกส่วนตัว อยู่บ้านชิล อ่านหนังสือ อ่านนิยาย เล่นอินเทอร์เน็ต นิยายนี่เพิ่งจะเริ่มฝึกอ่าน เพราะจะได้อินเวลาแสดงละคร พอได้อ่านก็ติด อ่านได้เรื่อยๆ”
สวยประหยัดง่ายๆ ที่บ้าน
เห็นผิวสวย ขาวใส รูปร่างก็ผอมบางแบบมีน้ำมีนวล ดูเป็นสาวสุขภาพดีแบบนี้ พอถามถึงเรื่องการดูแลตัวเอง นุ่นก็ตอบว่าจริงๆ เป็นคนที่ดูแลตัวเองอย่างง่ายๆ กินอาหารอะไรก็ได้ แต่ลดแป้ง ส่วนเรื่องผิวก็ใช้วิธีทำสปาเองที่บ้าน และมีออกกำลังกายบ้างวันละประมาณ 1 ชั่วโมง
“นุ่นจะเล่นฟิตเนสวันละประมาณ 1 ชั่วโมง ช่วยรักษาหุ่น ช่วยให้นอนหลับสนิท แต่เรื่องการกิน ก็เป็นคนกินอะไรง่ายๆ เพียงแต่ลดแป้ง ลดขนม ช็อกโกแลตก็อดใจ ไม่กินเยอะ นุ่นเป็นคนชอบพวกเรื่องสปามาก แต่ทำเองที่บ้าน เอากากกาแฟ ขมิ้น สมุนไพร มาทำเอง สูตรของนุ่นจะใช้กากกาแฟ นุ่นเป็นคนบ้าของพวกนี้มาก ลองมาทุกอย่างแล้ว รู้สึกว่ากากกาแฟ ใช้ดีที่สุด ผสมนมสด โยเกิร์ต งาดำ มาขัดผิว ก่อนอาบน้ำสัก 10 นาที อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เป็นสูตรที่ผสมเอง เคยใช้สูตรสำเร็จรูปที่ขาย ก็เลยลองเอากากกาแฟจริงๆ มาทำดู ปรากฎว่าได้ผล ช่วยเรื่องขจัดเซลล์ที่เสื่อมออกไปแล้ว ช่วยให้ผิวนุ่ม”
“ความรัก” ชอบผู้ใหญ่ อบอุ่น
พอถามเรื่องความรัก สาวนุ่นยิ้มหวานๆ แล้วตอบแบบเขินๆ ว่า ช่วงนี้ยังเรียน และทำงาน เรื่องความรัก ก็ขอคบแบบเป็นเพื่อนกันไปก่อน ส่วนเรื่องสเป๊กชอบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ ดูอบอุ่น
"มุมมองความรัก นุ่นจะคบแบบเป็นเพื่อนกันไปก่อน คุณแม่มีประสบการณ์ชีวิตมาก่อน นุ่นก็เชื่อ เราอยู่ในวัยเรียนด้วย ถ้าถามเรื่องสเป๊ก นุ่นจะชอบคนที่นิสัยมากกว่า ชอบคนที่ขี้เล่น อบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำ เป็นคนที่มีความคิดแล้ว ไม่ชอบเด็กๆ ยังเล่นไร้สาระ ชอบคนที่มีความคิด แค่คุยแล้วรู้สึกว่านิสัยดี ไม่มีสเป๊กเรื่องรูปร่างหน้าตาค่ะ”
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล : นางสาว มนพัทธ์ คงนุ่น
ชื่อเล่น : นุ่น
เกิดวันที่ 3 เมษายน 2535
ส่วนสูง 162 ซม. น้ำหนัก 47 กก.
ประวัติการศึกษา : มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ คณะ ศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง ปี 2
สังกัด : ค่ายมาสเตอร์วัน ช่อง 3
ผลงานที่ผ่านมา : โฆษณาโน๊ตบุ๊คซัมซุง, โฆษณากุริโกะ, โฆษณาแอนตี้แอน, โฆษณาผงซักฟองเปา, โฆษณา AIS, ฯลฯ
วิธีช่วยบริหารเงินแบบวัยรุ่น
แทบจะทุกเดือนที่จะได้ยินเสียงบ่นของบรรดาวัยรุ่น นักศึกษาว่าเงินไม่พอ ไม่มีเงินเก็บ เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ต้องตามกระแส ตามเพื่อน นอกจากใช้เงินไปเรียนแล้ว ยังต้องใช้เป็นค่าอาหาร ค่าดื่ม ค่าเที่ยว ไหนจะของใช้ที่ต้องดูดี มียี่ห้อ เทคโนโลยี โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ ต้องตามให้ทัน แล้วอย่างนี้จะเอาเงินที่ไหนมาเก็บ M-Lite จึงมีวิธีบริหารเงิน แบบง่ายๆ มาฝาก
1. เปิดบัญชีธนาคารให้เหมาะสม สำหรับเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เพราะทุกเดือนจะต้องขอเงินเดือนจากพ่อแม่ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีส่งเงินเข้าบัญชี ควรเปิดบัญชี ATMสาขาในกรุงเทพฯ เพราะการกดเงินข้ามเขตจะต้องเสียค่าธรรมเนียม และควรกด ATM จากธนาคารเจ้าของบัญชี เพราะต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกเหมือนกัน ยิ่งกดมากยิ่งเสียเงินเยอะ
2. ทำบัญชีรายรับรายจ่าย ทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน จะได้รู้ว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ไม่ว่าจะจ่ายเงินค่าหนังสือ ค่าสบู่ ยาสีฟัน ซื้อของอะไรก็แล้วแต่ ควรจะเก็บบิลไว้และจดบันทึกประจำวันว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เราจะได้รู้ว่าใช้เงินเกินเงินเดือนหรือเปล่า
3. เลือกคบเพื่อนที่มีฐานะใกล้เคียงกัน เพราะเพื่อนที่บ้านมีฐานะดี เขาใช้แต่ของแพง แบรนด์ กินเที่ยวที่แพงๆ ซึ่งถ้าอยู่ในกลุ่มสังคมนั้น หนีไม่พ้นการเป็นหนี้แน่นอน เวลาไปเที่ยวก็เลือกร้านอาหารอร่อย ประหยัด ราคานักศึกษา อย่างวิธีที่สาวนุ่นแนะนำไว้ก็ได้
4. โปรโมชั่นค่าโทรศัพท์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะวัยรุ่นติดเพื่อน ต้องติดต่อสื่อสารกันตลอดเวลา จึงต้องเลือกดูโปรโมชั่นของแต่ละค่ายว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเอง ก็จะช่วยประหยัดได้มากทีเดียว
5.บัตรนักเรียนนักศึกษาก็มีค่า ใช้เป็นบัตรส่วนลดได้มากมาย อาทิ ร้านอาหาร ส่วนลดค่าบัตรหนัง ส่วนลดค่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งหากใช้ให้เป็นประโยชน์ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้
6.รู้จักออมเงิน ควรจะแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ สำหรับค่าใช้จ่ายประจำวัน ค่าใช้จ่ายสำหรับสิ่งของที่จำเป็น ส่วนหนึ่งเป็นเงินออมฝากบัญชีเอาไว้ยามจำเป็น หรือจะฝากแบบเปิดบัญีชีประจำทุกเดือน ก็จะได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หรือจะซื้อเป็นพันธบัตรก็ทั้งได้ลุ้นโชค ได้เก็บเงินด้วย
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย ธัชกร กิจไชยภณ และทีมข่าว M-Lite