แม้อากาศตอนนี้จะจะห่างไกลกับบรรยากาศของฤดูหนาวอยู่มาก แต่ถ้านับตามช่วงเวลาแล้วก็ยังถือว่ายังเป็นช่วงของฤดูหนาวอยู่ อย่างน้อยๆ ยอดเขาทางภาคเหนือของเราก็ยังคงมีอากาศเย็นๆ ล่องลอยปกคลุมอยู่บ้าง ดังนั้นจึงขอหยิบยกเรื่องเล่าของ ยูกิ อนนะ หรือ ภูติหิมะ ตำนานเขย่าขวัญปนเศร้าของคนญี่ปุ่น มาเล่าเพื่อเพิ่มดีกรีความหนาวเย็นในความรู้สึกกันอีกสักหน่อย
เล่าขานที่มาแห่งภูติหิมะ
ยูกิ อนนะ หรือ ภูติหิมะ เป็นตำนานเล่าขานที่โด่งดังทางแถบตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพื้นที่บริเวณนั้นจะมีลักษณะเป็นเทือกเขาสูงมีหิมะปกคลุมอยู่เกือบทั้งปี เพราะเมื่อถึงฤดูหนาวก็จะเกิดพายุหิมะอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเรื่องเล่านี้จะปรากฏอยู่แถวๆ ฮอกไกโด หรือ อิวาเตะ มากกว่าท้องที่อื่นๆ จนมีผู้กล่าวขานว่าภูติหิมะนั้นก็คือจิตวิญญาณแห่งฤดูหนาวดีๆ นั่นเอง
ลักษณะของภูติหิมะนั้น กล่าวต่อๆ กันมาว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง ทั้งใบหน้า ผิวพรรณ เส้นผม ล้วนเป็นสีขาวสะอาดหมดจด และมักจะปรากฏตัวในชุดกิโมโนสีขาว ไร้ลวดลาย โดยนางมักจะปรากฏตัวบนภูเขาสูงในวันที่มีพายุหิมะ และหลอกล่อให้ผู้ชายที่หลงใหลในความงามของนางไปสู่ความตายจากความเย็นยะเยือก
โดยมีจุดกำเนิดว่า ในตอนที่เธอยังมีชีวิตได้สูญเสียลูกชายไปและจมอยู่ในความโศกเศร้าจนตรอมใจตายอยู่กลางหิมะ บ้างก็ว่านางได้ตายลงทั้งๆ ที่ยังอุ้มท้องลูกอยู่ แต่ในบางตำนานก็ว่าเธอเสียชีวิตเพราะตกลงมาจากภูเขาในวันที่พายุหิมะโหมกระหน่ำ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าแบบใดความน่ากลัวของยูกิ อนนะไม่ได้ลดลงเลย
และการปรากฏกายในแต่ละครั้งก็สยองขวัญไม่แพ้กัน เพราะในบางครั้งเธอจะปรากฏตัวในชุดกิโมโนสีแดง และในขณะที่เดินไปเดินมาท่ามกลางหิมะขาวโพลน ก็จะมีรอยเลือดแดงฉานหยดไปตามทางเดินอีกด้วย ซึ่งความเชื่อของคนญี่ปุ่นแล้ว ยูกิ อนนะ ถือเป็นภูตผีที่มีอันตรายสูงมาก เพราะว่าเธอสามารถทำให้คนที่พบเจอนั้นหนาวตายได้ในทันที
แม้จะเย็นชาแต่ว่าเธอก็มีหัวใจ
แต่ถึงแม้ภูติหิมะจะดูเย็นชาและน่ากลัวขนาดไหน เธอก็ยังคงมีแง่มุมที่อ่อนไหวซุกซ่อนเอาไว้เหมือนกัน
ซึ่งเรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ ความรักของภูติหิมะโดยว่ากันว่า มีชายตัดฟืนพ่อลูกคู่หนึ่ง ได้ขึ้นไปตัดฟืนบนภูเขา แต่ช่วงเวลานั้นมีพายุหิมะพัดผ่านมาพอดี ทำให้ทั้งสองคนติดอยู่บนภูเขา
ทั้งคู่จึงต้องหาที่พักโดย ได้เข้าไปหลบในกระท่อมร้างแห่งหนึ่ง และตัดสินใจกันว่าจะนอนค้างที่นี่จนกว่าพายุหิมะจะสงบ แต่ท่ามกลางค่ำดึกสงัดคืน ชายแก่คนพ่อได้หลับลงไปแล้ว แต่ชายหนุ่มคนลูกกำลังอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นและสังเกตเห็นว่า มีผู้หญิงสวมกิโมโนสีขาว หน้าตาซีดเผือด และมีแววตาที่น่ากลัว กำลังเป่าลมหายใจใส่พ่อของเขา ชายหนุ่มตกใจจนถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เพียงนั่งตกตะลึงอยู่อย่างนั้น และในใจก็คิดว่าว่าตนได้มาพบเห็นภูติหิมะที่เขาเล่าลือกันเสียแล้ว
เมื่อภูติหิมะหันมาเห็นชายหนุ่ม แวบแรกเธอก็จะจะปลิดชีวิตของเขาทิ้งเสีย หากแต่มีบางสิ่งบางอย่าง ทำให้เปลี่ยนไป ภูติหิมะเข้ามากระซิบข้างหูชายหนุ่มว่า นางจะไว้ชีวิตเขา ตราบเท่าที่เขาไม่แพร่งพรายเรื่องของเธอให้ใครรู้ แล้วภูติหิมะก็อันตรธานไป ทิ้งไว้ก็เพียงเพียงร่างไร้วิญญาณของชายสูงวัยและความหวาดกลัวของชายหนุ่ม
หลังจากนั้น 1 ปีให้หลัง ชายหนุ่มผู้กำความลับแห่งภูติหิมะไว้ ก็ได้พบกับสตรีนางหนึ่งที่มีหน้าตาสวยงาม เป็นอย่างยิ่งแต่ผิวพรรณของเธอกลับดูขาวซีดเซียวราวหิมะ ต่อมาสองตกหลุมรักซึ่งกันและกัน ดังนั้นจึงตัดสินใจแต่งงานเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน
เวลาเนิ่นนานผ่านไป เขาและเธอก็ได้ให้กำเนิดลูกชาย ลูกสาว เป็นพยานรักมากถึง 10 คน แต่กระนั้นความงดงามของหญิงสาวกลับไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิดเดียว นั่นทำให้ชายหนุ่มแปลกใจระคนสงสัยเป็นอย่างยิ่ง จนวันหนึ่งสามีก็เกิดหลุดปากเล่าเรื่องของภูติหิมะบนยอดเขาที่เคยไว้ชีวิตของเขาให้นางฟัง เมื่อภรรยาของเขาได้ยิน เธอก็กลายร่างเป็นเป็นภูติหิมะตนเดียวกับที่ชายหนุ่มเคยพบเจอ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง และคิดว่าเมื่อตนทำผิดสัญญา นางปีศาจก็คงจะต้องลงโทษเขาโดยแน่แท้
แต่ถึงแม้ภูติหิมะจะโกรธชายหนุ่มขนาดไหน ทว่าเมื่อเธอได้ยินเสียงของบรรดาลูกๆ เธอก็ตัดใจปลิดชีวิตสามีของนางไม่ลงเสียที แต่สุดท้ายเธอก็อันตรธานหายไปพร้อมกับความเศร้าเสียใจและผิดหวังที่สามีของเธอเป็นคนไม่รักษาสัญญา
ทุกพื้นที่มีตำนานและทุกตำนานก็มีเหตุผล
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก ที่แต่ละท้องถิ่นจะมีตำนานและเรื่องเล่าซึ่งสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของตน นัยหนึ่ง เรื่องเล่าเหล่านี้อาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าปรัมปราที่เล่าสืบต่อกันมา แต่ถ้าหากมองลึกลงไปแล้ว เบื้องหลังตำนานเหล่านั้น มันก็มักจะมีเหตุผลซ่อนอยู่เสมอ
“ตำนานเรื่องนี้ส่วนมากคนที่อยู่ทางแถบเหนือๆ อย่างฮอกไกโดซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีหิมะเยอะจะเล่าสืบต่อกันมา ซึ่งตัวเราเองคิดว่าการที่เขาเล่าเรื่องภูติผีแบบนี้ มันก็อาจจะเป็นนิทานให้ข้อคิดหรือเตือนว่าอย่าขึ้นไปบนภูเขาหิมะตอนกลางคืนหรือเปล่า เพราะอากาศมันจะหนาวมาก และอากาศมันมีน้อย ซึ่งอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ คนเฒ่าแก่เขาก็เลยเอาเรื่องยูกิ อนนะ มาเป็นอุบายสอนลูกหลานว่าอย่าขึ้นไปบนภูเขาในตอนกลางค่ำกลางคือนหรือตอนที่มีพายุ” ณัฐชยา สรนันท์ นักศึกษาไทยที่เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น และเป็นคนที่หลงใหลวัฒนธรรมญี่ปุ่น เล่าให้เราฟังถึงเบื้องหลังตำนานที่คนญี่ปุ่นเล่ากันมาเพื่อเป็นคติสอนใจ
“ก็ถ้าความเชื่อทั่วๆไป เขาก็จะเล่ากันว่ายูกิ อนนะ นี้เป็นผีที่อยู่ตามภูเขาสูง ภูเขาที่มีหิมะ เป็นวิญญาณที่อาฆาตแค้นหลังจากเสียลูกไป และก็ชอบก็จะมาล่ามนุษย์ผู้ชายโดยการทำให้หนาวตาย แต่เราก็เคยได้ยินเรื่องจากปากคนญี่ปุ่นที่แปลกออกไปนะ คือเขาบอกว่ายูกิ อนนะ เป็นเทพธิดาองค์หนึ่ง ที่มีมาตั้งแต่เริ่มกำเนิดเกาะญี่ปุ่น ซึ่งยูกิ อนนะเนี่ย ก็จะคอยดูแล ปกปักรักษาในแถบที่มีหิมะ คือเป็นเทพธิดาแห่งหิมะมากกว่าที่จะเป็นปีศาจที่คอยรังควาญผู้คน”
**********
เรื่อง : สุภิญญา นาคมงคล