สาวน้อยวัย 17 ปี ผิวขาวเนียนใสแบบญี่ปุ่น ใบหน้าคมสวยได้รูปแบบไทย มิ้งค์ - ยูมิโกะ สุชิยะ พิธีกรสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น คลื่นลูกใหม่ของรายการบันเทิงชื่อดัง “ดาวกระจาย” ซึ่งกำลังน่าจับตามองอีกคนหนึ่งในวงการบันเทิงไทย กับการรับงานเป็นพิธีกรครั้งแรกในชีวิต หลังจากได้รับตำแหน่ง Utip Freshy Idol 4 ได้ไม่นานนัก แม้ว่าการเริ่มต้นงานครั้งนี้จะทำเอาเจ้าตัวถึงกับงง?? และตกใจไม่น้อย แต่ด้วยบุคลิกที่น่ารัก สดใส ร่าเริง และเป็นตัวของตัวเอง จึงสามารถก้าวขึ้นมาเทียบชั้นรุ่นพี่ได้ไม่ยาก และเอาชนะใจคนดูได้อย่างสบาย
ความมีใจรักที่จะเป็นนักเอนเตอร์เทนเนอร์ นั่นคือตัวตนของเธอที่มักพูดอยู่บ่อยครั้งว่า “แค่เห็นเขาสนุก เราก็มีความสุขแล้ว” ทุกสิ่งที่เธอทำจึงแสดงออกมาจากใจที่อยากทำ และทำทุกครั้งอย่างทุ่มเท ด้วยความพยายามจนสุดความสามารถเพื่อก้าวเดินบนเส้นทางบันเทิงสายนี้จึงไม่ไกลเกินฝันสำหรับเธออีกต่อไป
“ยูทิป” เวทีฝันสู่วงการบันเทิง
หลายคนอาจเคยเห็นหน้าค่าตาสาวมิ้งค์ตามสื่อต่างๆ กันมาบ้างแล้ว และคงรู้แล้วว่าเธอแจ้งเกิดจากเวทีประกวดยูทิป ซึ่งเธอเป็นเจ้าของตำแหน่ง Utip Freshy Idol คนล่าสุด บนเวทีประชันโฉมสาววัยใสปิ๊งที่มีจำนวนมากถึง 3,000 คน มิ้งค์จึงกลายเป็นสาวน้อยที่หลายคนจ้องจับตามองเป็นพิเศษ ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่ตัวเธอ จากเด็กสาวธรรมดาที่มีความฝันบนเส้นทางวงการบันเทิง และวันนี้สิ่งนั้นไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป
“ตอนแรกที่ได้อันดับหนึ่งของยูทิป ดีใจมากที่ผู้ใหญ่เขาให้โอกาส มิ้งค์ไม่นึกว่าตัวเองจะได้ เพราะเพื่อนๆ ทุกคนก็ทำได้ดีมาก เราได้เข้ามา 15 คน จาก 3,000 คน ก็รู้สึกว่าสุดยอดสำหรับเราแล้ว”
“เคยคิดว่าถ้าไม่ติดสักตำแหน่งเลยก็ไม่เสียใจ คือมิงค์เข้าไปก็ได้ประสบการณ์แล้ว อย่างน้อยๆ ได้ขึ้นไปบนเวที ได้รู้ว่าเมื่ออยู่บนเวทีเขาถามคำถามอย่างนี้นะ เห็นคนเยอะๆ อย่างนี้มันเป็นยังไง ระหว่างประกวดได้ทำเต็มความสามารถและเป็นตัวของเราเอง พอได้ติด15 คนก็โอ้โฮ!...งงเลย พอได้แชมป์ก็งงกว่าอีก แต่เห็นป้ามีความสุขก็ดีใจ” นี่เป็นความรู้สึกวินาทีแรกของเธอหลังจากได้รับตำแหน่ง ยูทิปมาครอง
ก่อนหน้านี้มิ้งค์ไม่เคยเข้าประกวดในเวทีระดับประเทศมาก่อน มีแค่การประกวดเวทีเล็กๆ ภายในโรงเรียนเท่านั้น แต่ทันทีที่เธอเห็นการประกาศการรับสมัครเข้าประกวดของยูทิป เธอไม่ลังเลใจเลยเพียงแค่หวังว่า “ขอสักครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่ได้ยืนอยู่บนเวทีแห่งนี้ ได้เก็บเกี่ยวมิตรภาพและประสบการณ์ที่สำคัญในช่วงหนึ่งของชีวิต
“ตอนแรกถามป้าก่อนว่าไปดีไหม แต่ป้าเขาก็เป็นห่วงว่าไปจะทำได้เหรอ คนก็เยอะนะ มิ้งค์ก็ขอสักครั้งหนึ่งเพราะมิ้งค์ไม่เคยทำเลย พอเข้าประกวดมิ้งค์ได้อะไรจากเวทีนี้เยอะมาก อย่างแรกคือ เพื่อนๆ ทั้ง 14 คน ได้มิตรภาพ ได้ประสบการณ์ และที่สำคัญคือได้ฝึกความกล้าแสดงออก เพราะมิ้งค์เป็นคนขี้อาย เขาพาไปเรียนร้องเพลง เรียนแอ็กติง เรียนเต้น และฝึกบุคลิกภาพ มีฝึกแต่งหน้าด้วยนะ”
“มีกิจกรรมหนึ่งของแคมป์ยูทิปก่อนที่จะประกวด เขาให้เล่นละครด้วยกัน แสดงละครหนึ่งเรื่อง จึงได้ทำอะไรร่วมกันในกลุ่มเพื่อนๆ ทำให้ยิ่งสนิทกันมากขึ้น จริงๆ แล้วเราสนิทกันทุกคน แต่มีที่อายุไล่ๆ กันพอดี ก็มีพี่ตอย หมวย และไอซ์ เรามีความคิดคล้ายๆ กันเลยสนิทกันมากกว่าคนอื่น”
“มันเหมือนเป็นก้าวแรกของการเข้ามาในวงการ เวลาเจอกล้อง เจอคนถามก็จะงง พอหลังๆ ก็เริ่มชินขึ้น ทุกวันนี้ก็ต้องทำตัวให้ชิน ครั้งแรกที่ได้รางวัลมาแล้วเขาพาไปออกรายการ มิ้งค์ก็ตอบตรงมากเลย พี่เขาก็บอกว่าใจเย็นๆ ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ยิ่งเป็นทีวีรายการสดก็ยิ่งตื่นเต้นใหญ่ ตอนมิ้งค์เป็นยูทิป 15 คน เราเป็นคนที่ 9 (U9) เราก็อุ่นใจเดี๋ยวเพื่อนตอบก่อน พอได้ที่ 1 ปุ๊บมีอะไรเป็นเราที่ตอบก่อน เพื่อนที่เป็น U1 ก็บอกว่าเป็นยังไงล่ะรู้ถึงความรู้สึกนั้นแล้วใช่ไหม (หัวเราะ)”
มิ้งค์ ดาวกระจาย
จากเวทียูทิป เปิดโอกาสให้เธอโลดแล่นอีกคนหนึ่งในวงการบันเทิง และตอนนี้เธอได้นามสกุล ดาวกระจาย ไปใช้อีกคนหนึ่ง กับครั้งแรกของการจับงานพิธีกร ดาวกระจาย ช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ คนล่าสุด ซึ่งมาแทน นาเดีย-นิมิตรวานิช หมาดๆ เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่เธอก็ทำหน้าที่
“มิ้งค์ ดาวกระจาย” ได้อย่างน่ารัก สดใส ร่าเริง คงคอนเซ็ปต์ของพิธีกรดาวกระจาย เป๊ะ! แม้ว่าช่วงแรกจะดูติดๆ ขัดๆ ไปบ้าง แต่คนน่ารัก ทำยังไงก็น่ารักไปหมด จึงบอกได้คำเดียวเลยว่า “ชนะใจคนดูจริงๆ”
“เริ่มงานพิธีกรดาวกระจายมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ตอนนี้ก็ประมาณ 3 เดือนแล้วคะ ผู้ใหญ่เรียกเข้าไปทำก็ตกใจเหมือนกัน ซึ่งเราไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ และก็ไม่เคยเป็นพิธีกรมาก่อนเลย จึงไม่ได้ฝึกเลย แบบสดๆ ทั้งนั้น ตอนนี้จึงพยายามดูการทำงานด้านพิธีกรมากขึ้น ซึ่งแต่ก่อนไม่ได้สนใจ ต้องดูว่าเขาพูดยังไง พี่นาเดียต้นแบบเราก็ดู”
“ตอนแรกรู้สึกแข็งมาก เพราะมิ้งค์ตื่นเต้นมาก ดูตัวเองแล้วโอ้โห!...ไม่ดีเลย ตอนแรกมิ้งค์ก็เครียด พอช่วงหลังก็ค่อยๆ ปรับปรุง พอมันเริ่มชินตอนนี้ก็โอเคแล้วนะ มีคนให้กำลังใจเยอะ (ยิ้ม) ทั้งแฟนคลับ ครอบครัว เพื่อนๆ และมีพี่ทีมงานก็จะช่วยตลอดเลย พูดถึงตอนนี้ก็ลงตัวแล้วล่ะ แต่ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ”
ตอนนี้งานพิธีกรสำหรับมิ้งค์เริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว แฟนรายการพูดถึงมิ้งค์นานาสารพันความเห็น บ้างก็บอกว่ามองไปมองมาคล้ายๆ นาเดียเหมือนกัน บางคนนึกว่าน้องสาวนาเดียเสียอีก แต่บางคนกลับมองว่าเธอก๊อบปี้นาเดียมาชัดๆ จะไม่ให้เหมือนได้ยังไง เมื่อมีคนพูดแบบนี้ เรามาถามสาวมิ้งค์กันเลยว่าเธอคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง
“คือมิ้งค์ก็พยายามทำเป็นตัวเรานะ คือเราต้องทำตามบท ดาวกระจายก็ต้องเป็นดาวกระจายอย่างนี้ ท่าดาวกระจายก็พยายามทำไม่เหมือนนะ แต่คอนเซ็ปต์รายการมันเป็นอย่างนี้ แต่มิ้งค์ก็พยายามทำให้เป็น “มิ้งค์ ดาวกระจาย” ให้ดีที่สุด คนเป็นพิธีกรต้องดูสดใส ร่าเริง ฉะนั้นท่าทางบางท่าจึงต้องคงคอนเซ็ปต์ไว้ แต่ก็พยายามทำเป็นตัวเองนะ (ย้ำอีกครั้ง)”
คิดว่าความยากสำหรับการทำงานด้านพิธีกรอยู่ตรงไหน “การพูดกับกล้อง เราไม่เคยทำ มันเหมือนว่าเราพูดคนเดียวแล้วจะพูดกับคนดูได้ยังไง พี่ๆ เขาก็ช่วยสอนให้ทำอย่างนั้น อย่างนี้ ทำท่านั้น ท่านี้ ส่วนการออกเสียงเราต้องฝึกพูด “ล” “ร” และคำควบกล้ำให้ชัดๆ แต่มิ้งค์ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องพูดไม่ชัดอยู่แล้ว จะมีก็แต่ตื่นกล้องหน่อย (หัวเราะ)”
ในฐานะที่มิ้งค์เป็นพิธีกร และดาวกระจายก็เป็นอีกรายการหนึ่งที่มีกลุ่มวัยรุ่นดูจำนวนมากเช่นกัน คิดยังไงเกี่ยวกับการใช้ภาษาของวัยรุ่นไทยสมัยนี้ที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องการเขียนอักษร มักใช้อักษรที่ออกเสียงอ่านเหมือนกันแทน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากการใช้ภาษาในการแชต MSN โปรแกรมที่ทำให้ภาษาไทยวิบัติไม่ใช่น้อย “มันไม่ดีนะ ภาษาของเรา เราควรอนุรักษ์ให้เป็นเอกลักษณ์ของเราไว้ ถ้าคนไทยเองไม่เห็นคุณค่าของภาษาไทย มาใช้กันผิดๆ แล้วชาติอื่นเขาจะเห็นคุณค่าภาษาของเราได้ยังไง”
สาวลูกครึ่ง 3 สัญชาติ
“ยูมิโกะ สุชิยะ” เพียงแค่ได้ยินชื่อก็รู้ว่าเธอมีเชื้อสายญี่ปุ่น ประกอบกับชื่อเล่นว่า “มิ้งค์” แบบไทยๆ จึงพอเดาได้ไม่ยากว่าเธอเป็นลูกครึ่ง ไทย-ญี่ปุ่น แต่ใครจะรู้ว่าเธอยังมีเชื้อสายอเมริกันแทรกอยู่ในตัวอีกด้วย ซึ่งแสดงออกมาอย่างเด่นชัดบนใบหน้าที่ออกอเมริกันนิดๆ เธอจึงเป็นลูกครึ่ง 3 สัญชาติ ไทย-ญี่ปุ่น-อเมริกัน
“คุณพ่อเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน คุณแม่เป็นคนไทย ก่อนมีมิ้งค์คุณแม่ได้ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วเจอพ่อจึงแต่งงานกัน พอมีมิ้งค์ก็กลับมาคลอดที่ประเทศไทย และก็ไปทำธุรกิจเปิดร้านอาหารส่วนตัวกับเพื่อนอยู่ที่ฮ่องกง ส่วนมิ้งค์อยู่และเรียนเมืองไทยมาตั้งแต่เด็ก และพ่อแม่อยู่ต่างประเทศทั้งสองคน มิ้งค์เป็นลูกคนเดียว ส่วนใหญ่พ่อแม่จะมาหามิ้งค์เอง เพราะมิ้งค์ต้องเรียนหนังสือ ที่บ้านจึงสนิทกับคุณป้า ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนจะมีคุณป้าคอยรับส่งมิ้งค์ตลอด จึงมีคุณป้าคอยดูแลมาตั้งแต่เด็ก” ในขณะสัมภาษณ์คุณป้าก็มาด้วยเช่นกัน
“คุณป้าเขาจะคล้ายมิ้งค์ ตลกๆ (หัวเราะ) เขาเป็นคนมีระเบียบ และดูแลเราตลอด” คุณป้าที่นั่งอยู่ข้างๆ มิ้งค์จึงพูดเสริมออกมาว่า “เขาเป็นเด็กที่สุดในบ้าน เป็นหลานคนเล็กที่ป้าเลี้ยง ป้าก็เป็นห่วงเขา รักเขา ไปไหนก็ต้องตามไปด้วย”
“ตอนเด็กมิงค์เป็นคนขี้งอแง พอ 4 ทุ่มต้องกรี๊ดทุกทีไม่รู้ว่าเป็นอะไรพอถึงเวลานี้ก็จะกรี๊ด คุณป้าบอกว่าอาจจะคิดถึงแม่ก็ได้ เพราะช่วงนั้นแม่เขาเพิ่งเดินทางไปต่างประเทศ ตอนมิ้งค์ยังเล็กอยู่ แม่ก็เทียวมาเทียวไปบ่อยๆ ที่บ้านมิ้งค์จะมีโฟมแปะอยู่ตรงบันได เพราะชอบซนกลิ้งลงบันได ซุ่มซ่ามตั้งแต่เด็ก โตมาก็ยังซุ่มซ่ามเหมือนป้าเลย (แซวป้าอีก)”
มิ้งค์ย้อนเล่าความฝันในวัยเด็กให้ฟังว่า “ตอนเด็กเคยคิดว่าโตขึ้นอยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะเวลาเรามองขึ้นไปกับฟ้าจะเห็นเครื่องบินแล้วอยากอยู่บนฟ้า แม่กับพ่อก็จะพูดว่าอยากเป็นนางฟ้าก็ต้องเป็นแอร์โฮสเตส”
โตเกียวที่รัก
เมื่อเธอเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น จึงมีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นบ้าง แต่นั่นตั้งแต่ครั้งยังเด็ก จนมิ้งค์แทบลืมความทรงจำนั้นไปแล้ว พอได้ตำแหน่งยูทิปจึงมีโอกาสได้ไปถ่ายแฟชั่นถึงโตเกียว ซึ่งทริปครั้งนี้ทำให้มิ้งค์ตื่นเต้นไม่เบา จนมีทีมงานยูทิปแอบแซวว่า “คุ้นไหมเนี่ย เหมือนได้กลับบ้านเกิดรึเปล่า” จึงเป็นประสบการณ์การทำงานครั้งหนึ่งที่เธอประทับใจมาก
“ได้ไปถ่ายแฟชั่นที่โตเกียว สนุกมากเลย ตั้งแต่เกิดคือมิ้งค์อยู่เมืองไทยใช่ไหมค่ะ ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นก็เป็นตอนที่เราเด็กมากๆ เลย จำอะไรไม่ได้แล้ว พอไปอีกที พี่ๆ เขาก็ชอบแซว ปกติทุกๆ ปีพี่ทีมงานเขาไปถ่ายกันจะเป็นตอนหิมะตกแล้วซึ่งอยู่แต่ในเมือง แต่มิ้งค์ไปตอนอากาศเหมือนเมืองไทย เย็นๆ สบายๆ ไม่ร้อนมาก และก็ไปถ่ายงานนอกเมืองตรงภูเขาไฟฟูจิ จึงแปลกกว่าทุกปี สวยมากเลย เพราะเป็นวิวดอกไม้ เห็นภูเขาสวยงาม”
“เวลาเห็นดาราญี่ปุ่นที่เขาแต่งหน้าเยอะๆ ก็เข้าไปขอถ่ายรูป พูดภาษาอังกฤษบ้างชี้มือชี้ไม้ไปเรื่อย แต่บางทีเขาฟังเราแล้วก็งงๆ ไม่รู้ว่ามิ้งค์พูดไม่รู้เรื่องหรือเขาฟังไม่ออก แต่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เขาจะเน้นภาษาตัวเองมากกว่า บางทีเราพูดภาษาอังกฤษกับเขา เขาก็พูดญี่ปุ่นกลับมาก็มี มาเป็นชุดเลย มีคำพูดเฉพาะเวลาเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นจนเราจำที่เขาพูดได้แล้ว Irrashimase (อิ-ระ-ไช-มะ-เซ) แปลว่า ยินดีต้อนรับ แต่เขาพูดเร็วมากเลยนะ”
ดูเธอจะตื่นเต้นกับประเทศญี่ปุ่น คนญี่ปุ่น และภาษาญี่ปุ่นไม่เบา เพราะท่าทางเธอมีความสุขเวลาพูดถึงเรื่องนี้ แต่พอถามว่ามิ้งค์อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นเรื่องเป็นราวเลยไหม เธอกลับตอบว่า “จริงๆ แล้วมิ้งค์ชอบภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาญี่ปุ่น จึงอยากเรียนเอกอังกฤษ หรือไม่ก็ภาควิชาอื่น แต่หลักสูตรอินเตอร์ฯ ไปเลย”
นักกิจกรรมสุด “โก๊ะ”
เธอเป็นอีกหนึ่งนักเชียร์ลีดเดอร์เข้าเส้น เพราะมิ้งค์เป็นเชียร์ลีดเดอร์ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล และจากนั้นก็รับหน้าที่นี้มาตลอดทุกปี จนถึงทุกวันนี้เชียร์ลีดเดอร์กลายเป็นกิจกรรมหนึ่งในโรงเรียนที่เธอต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุดอย่างสุดความสามารถไปโดยปริยาย
“ปีนี้เป็นรุ่นมิ้งค์ทำกีฬาสีด้วย คือเขาจะให้ชั้น ม.5 เป็นคนจัดกีฬาสีเอง และให้รุ่นน้องเข้ากองเชียร์ ดูแลกิจกรรมต่างๆ มันก็ได้ฝึกความสามัคคีและได้ทำอะไรหลายอย่างร่วมกับเพื่อนๆ และมิ้งค์ก็เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียนทุกปี ก่อนมีกีฬาสีที่โรงเรียนมิ้งค์จะซ้อมเชียร์ลีดเดอร์เกือบทุกเย็น เราก็ต้องแบ่งเวลาเรียนกับเวลาซ้อมเชียร์ให้ดี เวลาเราอยู่ในชั่วโมงเรียน เราต้องทำงาน เก็บงานทุกอย่างให้เสร็จ พอมีเวลาว่างก็ค่อยไปซ้อม อย่างตอนเย็น ถ้าวันไหนไม่มีเรียนตอนเย็นก็จะไปซ้อมเชียร์ลีดเดอร์”
“เรียนก็เต็มที่ เล่นก็เต็มที่” เต็มที่กับชีวิตทั้งเรื่องการเรียนและกิจกรรม ไม่เฉพาะเชียร์ลีดเดอร์หน้าที่ประจำของสาวมิ้งค์เท่านั้น กิจกรรมอื่นๆ ระหว่างเรียนก็แทรกเข้ามาให้ได้ทำอยู่ตลอดเวลา
“เวลาโรงเรียนมีเดินแฟชั่นโชว์เป็นชุดรีไซเคิล เราก็เอาถุงก๊อบแก๊บ หรือกล่องนมมาประดิษฐ์กันกับเพื่อนๆ เราเป็นตัวแทนห้องใส่เดินโชว์ บางทีก็เป็นตัวแทนของระดับชั้น เป็นมา 2 ปีแล้ว”
“มิ้งค์ชอบทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็กแล้ว บางทีเรียนอย่างเดียวก็เครียดแล้ว เวลาทำกิจกรรมเห็นคนอื่นเขาสนุกเราก็มีความสุข อย่างแค่กีฬาสี มันฝึกความตั้งใจ เพราะคนกีฬาสีมันเยอะ กว่าเราจะคุยจนเข้าใจกันได้มันต้องใช้เวลา ถ้าทุกคนทำออกมาได้ลงตัว แสดงว่าเราทำได้ดีที่สุดแล้ว มันจึงเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง”
“โก๊ะ” เป็นฉายาที่เพื่อนๆ เรียกเธอ จริงๆ แล้วก็มาจากนิสัยโก๊ะๆ ของเธอนั่นเอง และบางส่วนก็มาจากคำท้ายชื่อ “ยูมิโกะ” ที่เป็นชื่อจริง แต่เพื่อนๆ มักเรียกไอ้โก๊ะ ซึ่งเธอก็ชินและหัวเราะอย่างสดใสเมื่อพูดถึงฉายาที่เพื่อนๆ (แอบ) ตั้งให้
“มิ้งค์เป็นคนสนุกๆ เฮฮา ตลกๆ ไม่เครียด ยังไงก็ได้ มีเพื่อนเยอะเหมือนกัน แต่เพื่อนสนิทเราชื่อนุ่ม จริงๆ แล้วก็มีหลายคนนะคะ อย่างคนที่ชื่อนุ่มเนี่ย เขาจะมีนิสัยคล้ายๆ เรา เป็นคนจริงใจ มีน้ำใจ เวลาอยู่ด้วยกันก็สบายใจ และเวลามีอะไรก็คุยกับเขาได้ บางทีเราจะเป็นคนโก๊ะๆ เพื่อนเราก็จะต้องเตือนเราได้ ไม่งั้นเวลาเดินไปด้วยกันก็จะเป็นชอบพวกเดินหลงทาง ถ้าเพื่อนเป็นเหมือนเรามากก็ไม่ดี คงหลงทางกันหมด แต่คนนี้เขาจะคอยเตือนเราได้ เราดีใจที่มีเพื่อนแบบนี้ มีอะไรก็จะช่วยเหลือกันตลอด มีอะไรก็ไม่ทิ้งกัน เวลาโดนครูว่าก็วิ่งหนีด้วยกัน (หัวเราะ) เวลามิ้งค์มีงาน เขาก็จะตามงานให้ทุกครั้งที่เราไม่ได้เข้าเรียน”
ตัวตนของมิ้งค์
ที่ผ่านมาเธอได้มีผลงานออกมาให้แฟนๆ ได้ดูอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายแบบ นางเอกเอ็มวีเพลง งานโฆษณา และล่าสุดกับงานพิธีกร จึงไม่ต้องห่วงว่าแฟนคลับจะรอชมนานจนเหงา เฟซบุ๊ก fanpage จึงจัดสรรโดยสมาคมคนรักมิ้งค์ เห็นอย่างนี้ชื่นใจแทนเจ้าตัวจริงๆ
ตอนนี้จึงมีแต่งานละครที่เธอยังไม่เคยทำ ถ้ามีโอกาสได้งานจริงแล้วบุคลิกแบบนี้ ท่าทาง หน้าตาหวานๆ อย่างเธอจะเล่นบทบาทอะไรดีนะ “มิ้งค์ไม่เคยแสดงละครนะ อยากแสดงเป็นนางเอกมาก อยากเล่นบทซนๆ เพราะมันเหมือนเป็นตัวเรา แต่จริงๆ เป็นตัวอะไรก็ได้ ทุกบทบาทสำคัญหมด และมันน่าสนุกทั้งหมดเลย” (บทนางเอกจอมแก่นจัดมา...มิ้งค์ขอคะ)
“ดาราที่มิ้งค์ปลื้มเป็นพิเศษ คือพี่เต้ย ยูทิป เจอกันตอนประกวดยูทิป เวลาเห็นเขายิ้มแล้วโลกมันดูสดใส เขายิ้มน่ารัก แสดงละครก็น่ารัก แล้วเขาก็ทำตัวน่ารักกับทุกคน ไม่ถือตัวเลย”
“สไตล์การแต่งตัวของมิ้งค์แล้วแต่อารมณ์ แล้วแต่อากาศ ถ้าหน้าร้อนก็ใส่หลายๆ สีหน่อย เป็นคนชอบสีสัน เห็นแล้วรู้สึกสดชื่น ถ้ามืดๆ ก็ดูหม่นหมอง อันนี้แล้วแต่งานและสถานที่ด้วยนะ” เมื่อพูดถึงเรื่องการแต่งตัว จึงอยากฟังความเห็นของสาวใสวัยทีนคนนี้สักเล็กน้อยว่าคิดยังไงกับการใส่กางเกงขาสั้นจู๋ของวัยรุ่นไทยสมัยนี้ “มิ้งค์ว่าการใส่ขาสั้นของเด็กสมัยนี้ ถือว่าปกตินะ เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน มันสามารถที่จะใส่ได้ แต่ที่สำคัญต้องดูกาลเทศะ ไม่ใช่ใส่ไปงานศพ ไม่ได้นะ แต่ถ้าไปเที่ยวธรรมดา มันก็ดูไม่น่าเกียจเท่าไหร่ จึงต้องดูงานที่ไปด้วยมากกว่าค่ะ”
ถามถึงกิจกรรมยามว่างของสาวมิ้งค์กันบ้าง อย่างที่รู้ๆ กันว่าเธอเป็นนักกิจกรรมตัวยงที่อยู่ว่างไม่ได้ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหาอะไรทำไปเรื่อย เรามาดูกันว่าในวันหนึ่งๆ สาวสวยคนนี้ทำอะไรกันบ้าง
“มิ้งค์ชอบเล่นอูคูเลเล่ มันมีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน ตัวไม่ใหญ่เท่ากีตาร์ด้วย จึงเป็นเครื่องดนตรีที่ได้เล่นบ่อย ได้ไปเรียนมาด้วย เรียนอาทิตย์ละครั้งเป็นงานอดิเรก” แล้วอย่างนี้เล่นเพลงอะไรได้บ้าง “เพลง เบาๆ ของซิงกูล่านี่ฮิตมาก เพลงเธอยัง ของโปเตโต้ก็เล่นได้นะ”
“ถ้าว่างนานๆ มิ้งค์ชอบไปเที่ยวทะเล เวลาเราอยู่ในเมืองเห็นตึกเยอะๆ แล้วพอเราออกไปเที่ยวก็ทำให้ได้ผ่อนคลาย ได้พักผ่อนบ้าง ส่วนใหญ่จะไปทะเลใกล้ๆ กรุงเทพฯ พัทยา เกาะล้าน ที่ผ่านมาก็ไปจังหวัดชลบุรี และก่อนหน้านั้นก็ไปชะอำกับครอบครัว ส่วนใหญ่เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดจะไปกับครอบครัวมากกว่า ส่วนเพื่อนๆ นานๆ ไปกันทีหนึ่ง เพราะว่าป้าจะเป็นห่วงก็เลยไปบ่อยไม่ได้ (ยิ้ม) อีกอย่างบ้านมิ้งค์เขาชอบหาของกิน เวลาดูโทรทัศน์แล้วเห็นของกินที่ไหนอร่อยก็จะหาเวลาไป ดูว่ามันอร่อยจริงรึเปล่า (หัวเราะ) ไปทดสอบความอร่อยและได้พักผ่อนด้วย”
“สำหรับตัวมิ้งค์เองชอบกินส้มตำ เพราะมันไม่อ้วนไง และก็อร่อย เราเป็นคนชอบกินขนมอยู่แล้ว พวกเค้กเห็นไม่ได้เลย พอนึกอะไรไม่ออกก็จะกินส้มตำ ตำปลาร้านี่ชอบมาก มันอร่อย ส้มตำไทยก็กินนะ แต่ส้มตำปลาร้าอร่อยกว่า ตอนแรกก็ไม่กินนะ พอตอนหลังติดใจกินตลอดเลย”
สเปกหนุ่มขอเหมือนพ่อ
จะแปลกไหมที่สาวสวยอย่างเธอจะบอกว่า “ไม่ค่อยสนใจเรื่องมีแฟน” ได้ยินอย่างนี้หนุ่มๆ อย่าเพิ่งเสียดายและเสียใจไปเสียก่อน เพราะเธอแย้มถึงสเปกว่าถ้าคิดจะมีแฟนเมื่อไหร่ขอให้เหมือนพ่อเป็นพอ
“ตอนนี้เน้นเรียนมากกว่า ถ้าจะมีแฟนเราควรโตมากพอที่จะรับผิดชอบอะไรได้ก่อน มีเรื่องอะไรมิ้งค์ก็บอกป้า ไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอยู่แล้ว ไม่มีความลับระหว่างกัน ถ้าถามถึงสเปก อยากให้เป็นเหมือนพ่อ คือเป็นคนรักครอบครัว ดูแลและใส่ใจคนอื่น ส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตาไม่ได้คิดเลย ขอแค่ให้นิสัยดีก่อนตามที่คิดไว้เท่านี้พอ และอื่นๆ ก็เป็นเรื่องของอนาคตไป”
“สำหรับนิยามและมุมมองความรักของเธอ คือการยอมรับทุกอย่างของคนที่เรารัก ถึงแม้ว่าเขาจะมีข้อเสียบางอย่าง แต่ถ้าเรารัก ยังไงก็ให้อภัยเขาได้เสมอ โดยในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนกัน อาจเป็นคนในครอบครัวก็ได้ที่เรารัก อย่างคุณป้าอย่างนี้ (ยิ้ม)”
มิ้งค์ขอปิดท้ายด้วยคติประจำใจสวยๆ ฝากถึงแฟนๆ ว่า “เมื่อคิดจะทำอะไรแล้ว ต้องตั้งใจทำให้ดีจนสุดความสามารถของเราเลย พอสุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างไรเราก็จะไม่เสียใจ เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว”
ขอมีคุณป้าเป็นไอดอล
“ป้าเป็นทุกอย่างของมิ้งค์” จะเห็นว่าทุกบทสัมภาษณ์มิ้งค์มักพูดถึง “ป้าเอ็ง” เสมอ ซึ่งเป็นคุณป้าแท้ๆ ของเธอเอง เราสังเกตเห็นทั้งสองคนตัวติดกันตลอดเวลาแทบทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน ทั้งสองคนมีกันอยู่ทุกที่ ทำให้รู้สึกได้ว่าทั้งตัวป้าเอ็งและหลานมิ้งค์สุดรักสนิทกันมากแค่ไหน โดยไม่ต้องเอ่ยปากถามเลย เพราะเท่าที่ตาเห็นก็เป็นคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว ฉะนั้นในทุกช่วงเวลาและทุกกิจกรรมของมิ้งค์จึงมักมีคุณป้าอยู่คอยเคียงข้างเธอตั้งแต่เด็กจนโต
ป้าเอ็งบอกกับเราว่า “เป็นห่วงเขา จึงอยากไปด้วยกันทุกที่ เพราะน้องชอบหลงทาง จะให้ขึ้น Taxi คนเดียวก็กลัว” นี่เป็นความห่วงใย แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ แต่คุณป้าไม่เคยมองข้ามและยังคงคอยดูแลมิ้งค์มาตลอด ไม่ว่าเธอจะโตแค่ไหน แต่ในสายตาคนเลี้ยงดูไม่ว่ายังไงเธอก็ยังเด็กสำหรับป้าเอ็งเสมอ
คุณป้าคอยเติมความรู้สึกดีๆ ถึงมิ้งค์และส่งผ่านมาถึงทีมงาน รับรู้ได้ว่าคุณป้าคอยส่งกำลังใจในขณะมิ้งค์กำลังสัมภาษณ์ และส่งยิ้มหวานให้แก่ทีมงานอย่างสดชื่น แม้ว่าอากาศกรุงเทพฯ วันนี้ไม่เป็นใจนัก ทำให้เราเข้าใจถึงนิยามความรักของมิ้งค์ที่ว่า “รักในสิ่งที่เขาเป็น” เหมือนที่ป้าเอ็งเคยบอกไว้เช่นกัน
“เราไม่ได้สนับสนุนให้เขาเข้าวงการ แต่ถ้าเขาชอบ ป้าก็คอยช่วยประคับประคองให้เขาไปอย่างที่หวังไว้ ตอนได้ยูทิปถามว่าดีใจไหม ตอนแรกตกใจมากกว่า ตอนเขาประกาศมันหมดตำแหน่งแล้ว จึงลุ้นว่าถ้าไม่ได้ที่หนึ่ง ก็คงไม่ได้อะไรเลย พอได้ที่หนึ่งจริงๆ ตกใจก่อนดีใจเสียอีก (หัวเราะ)”
สุดท้ายมิ้งค์ฝากคำตบท้ายจากใจที่มีต่อป้าเอ็งว่า “ป้าเขาดูแลมิ้งค์ตลอด ไปไหน ไปด้วย และเป็นตัวอย่างที่ดี เขาขยัน เขารักมิ้งค์ และรักหลานๆ ทุกคน แต่มีมิ้งค์เป็นผู้หญิงคนเดียว อีก 2 คนเขาเป็นผู้ชาย ป้าเขาเลยสนิทกับมิ้งค์ ไปไหนก็จะไปด้วยกัน ป้าชอบเป็นห่วง จะคอยสอนเยอะแยะมากมาย ทั้งเรื่องการวางตัว การอ่อนน้อมถ่อมตน และแยกเวลาเรียนกับงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องมีความรับผิดชอบ
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : ยูมิโกะ สุชิยะ (มิ้งค์)
เกิดวันที่ : 18 กันยายน พ.ศ. 2537 (อายุ 17 ปี)
น้ำหนัก-ส่วนสูง : 43 กก./ 163 ซม.
การศึกษา : จบชั้นประถมศึกษา โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา และกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา แผนการเรียน ศิลป์-คำนวณ
ผลงานที่ผ่านมา : นางเอก MV เพลงเธอที่ต่าง ของบอล-จารุลักษณ์ ชยะกุล, โฆษณาวอลล์ฟรุตทาเร่, ถ่ายแบบนิตยสาร Ice, Center Point, สุดสัปดาห์, Seventeen, LoveLove และพิธีกร ดาวกระจาย คนล่าสุด
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์