xs
xsm
sm
md
lg

เทศกาล 'คริสต์มาส' อีกหนึ่งเทศกาลความสุขที่คนไทยไม่ยอมพลาด!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วันคริสต์มาสอาจเป็นวันหนึ่งที่หลายๆ คนรอคอย ด้วยบรรยากาศเย็นเยียบของหน้าหนาวปลายปี กับความผ่อนคลายของการเตรียมตัวหยุดยาวช่วงขึ้นปีใหม่ อีกทั้งบทเพลงที่ขับคลออยู่รอบตัวทำให้ชีวิตมีสีสันรื่นรมย์ด้วยแสงไฟแพรวพราวระยิบระยับรอบตัวในบรรยากาศการเฉลิมฉลอง

มาถึงตอนนี้เทศกาลคริสต์มาสกลายเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีความสำคัญในเมืองไทยไม่แพ้วันไหนๆ แม้จะไม่ถูกประกาศให้เป็นวันหยุดอย่างเป็นทางการก็ตาม คนไทยต่างร่วมเฉลิมฉลองอย่างไม่รู้สึกแปลกแยก ด้วยหลายเงื่อนไขของความเป็นคริสต์มาส ทั้งการให้ของขวัญ การตกแต่งประดับไฟรับลมหนาว พร้อมกับช่วงเวลาที่มาอยู่ในช่วงท้ายปี ในด้านของประเพณียังมีเรื่องของความเชื่อที่มีเสน่ห์ แฝงเร้น รวมกับตำนาน เรื่องเล่า เหล่านี้ที่ทำให้วันคริสต์มาสกลายเป็นวันหนึ่งที่เด็กๆ เฝ้าคอย

จากอดีตถึงปัจจุบัน การเดินทางของวันคริสต์มาสในเมืองไทยก็มีการคืบเคลื่อนแปรเปลี่ยน จากงานพิธีเลี้ยงเล็กๆ เฉพาะแต่ในโบสถ์ มาสู่งานรื่นเริงที่หลายคนร่วมเฉลิมฉลอง อีกด้านหนึ่งการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจการตลาดมีผลต่อการดำรงอยู่ของเทศกาลนี้ หากแต่ในด้านของจิตวิญญาณของผู้คนก็ได้รับการเยียวยาจากความเหนื่อยล้ามาตลอดปีเช่นกัน

‘คริสต์มาส’
 
วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีคือ วันคริสต์มาส เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองของชาวคริสเตียน และเป็นวันที่ทั่วโลกรับเอาการเฉลิมฉลองนี้ด้วย โดยหากจะเล่าถึงเหตุแรกเริ่มของวันคริสต์มาส ความเชื่อที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณของชาวยิว เรวัฒน์ เทพจักร์ ศิษยาภิบาลคริสตจักรศิโยนกรุงเทพ เอ่ยว่า เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างสรรพสิ่งบนโลก

เมื่อพิจารณากำเนิดของวันคริสต์มาสแต่แรกเริ่มที่บาปและการกำเนิดพระเยซูเพื่อมาไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์แล้ว เรวัฒน์เห็นว่า แก่นของวันคริสต์มาสจึงเป็นเรื่องของการระลึกถึงความรักของพระเจ้าที่มีให้แก่มนุษย์

“ในความเข้าใจของชาวคริสต์นั้น วันคริสต์มาสถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง เป็นวันที่พระเจ้าทรงรักมนุษยโลก และทรงทำให้คำพยากรณ์ต่างๆ สำเร็จ ทรงรักจนกระทั่งยอมเสียสละพระบุตรคือองค์พระเยซูคริสต์ เสด็จลงมาบังเกิดเพื่อแก้ไขปัญหาบาปของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน”

โดยสิ่งที่ชาวคริสต์จะทำในวันคริสต์มาสนั้น ก็คือ การร้องเพลงคริสต์มาสเพื่ออวยพรไปตามบ้านต่างๆ โดยเจ้าบ้านก็จะจัดอาหารของว่างมาเลี้ยงต้อนรับ และมีการอธิษฐานอวยพรและมอบของขวัญแก่ผู้มาร่วมร้องเพลง ทุกคนจะสนุกสนาน ตกแต่งบ้านเรือนให้สวยงามด้วยสีแดง เขียว ขาว อันเป็นสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส มีการออกไปให้ของขวัญเด็กยากจนด้อยโอกาส และผู้คนที่ห่างจากบ้านมาไกลจะได้กลับบ้านในช่วงเทศกาลนี้


‘คริสต์มาส’ ในไทย

หากมองดูภาพในปัจจุบันแล้ว อาจนึกไม่ออกว่าเทศกาลคริสต์มาสเริ่มเข้ามาสู่เมืองไทยเมื่อไหร่ และพัฒนาจนมาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไร ดร.ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย นายกสภามหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น และที่ปรึกษาสมณกระทรวงสื่อสารมวลชน สำนักวาติกัน บอกเล่าถึงความเป็นมาของการฉลองเทศกาลคริสต์มาสกับคริสต์ศาสตร์ในประเทศไทยว่า เริ่มเข้ามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว

“การฉลองคริสต์มาสในประเทศไทยเกิดขึ้นครั้งแรกที่โบสถ์ทางคริสตศาสนาทุกแห่งในแผ่นดินสยาม โดยเริ่มตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว อาจมีการกินเลี้ยงเป็นพิเศษเพื่อการเฉลิมฉลอง และการให้ของขวัญแก่กันและกัน”

จนถึงปัจจุบันนี้การเฉลิมฉลองคริสต์มาสในเมืองไทยประกอบด้วย 2 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ โบสถ์ทุกแห่งทั่วโลกมีการเทศน์สอนเพื่อเตรียมจิตใจ และส่วนของการเฉลิมฉลองที่เป็นรูปธรรม อย่างการขับร้องเพลงคริสต์มาสในสถานที่ต่างๆ รวมถึงการแสดงละครโดยนักเรียนเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซู มีการจัดทำถ้ำพระกุมาร ประดับสถานที่ด้วยต้นคริสต์มาสและดวงดาว มีการจัดงานเลี้ยงรื่นเริง การละเล่น และการจับสลากแลกของขวัญ

“สำหรับศาสนพิธีซึ่งเป็นหัวใจของการฉลองคริสต์มาสนั้นจะเหมือนกันทั่วโลก กล่าวคือ เริ่มการฉลองตั้งแต่คืนวันที่ 24 ธันวาคม เป็นพิธีมิสซาที่โบสถ์ต่างๆ สำหรับโบสถ์ที่ชาวคริสต์อยู่รวมกันเป็นชุมชน เป็นหมู่บ้านเดียวกัน พิธีมิสซามักจะจัดในเวลาเที่ยงคืนตามธรรมเนียมโบราณ แต่บางแห่งที่ชาวคริสต์อยู่กระจัดกระจายและไม่สะดวกในการเดินทางตอนดึก ศาสนพิธีมักจะเริ่มในเวลาค่ำ เช่น ที่วัดเซนต์จอห์นเริ่มในเวลา 2 ทุ่ม”

ธุรกิจกับ ‘คริสต์มาส’

นอกจากในส่วนของความเชื่อแล้ว แน่นอนว่าการตลาดก็มีส่วนที่ทำให้เทศกาลคริสต์มาสเป็นที่แพร่หลาย บอกได้จากการตกแต่งที่ต้นคริสต์มาสด้วยสีขาว เขียว แดงได้ถูกประดับตามร้านรวงตลอดจนห้างสรรพสินค้า ดร. เกียรติอนันต์ ล้วนเก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ บอกถึงมูลค่าทางธุรกิจในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่า มีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่เปิดกว้างมากกว่าเดิม

“คือคนไทยจะฉลองร่วมกันไปเลย ทั้งคริสต์มาสควบไปถึงปีใหม่ ในส่วนของการตลาด การมีช็อตเด็ดๆ ให้ลูกค้าได้เห็นติดๆ กัน ก็โปรโมชัน 2 ครั้งทั้งคริสต์มาสและปีใหม่ มันทำให้คนรู้สึกว่าพลาดอะไรไปสักอย่างแล้ว ยังมีอีกอย่างรองรับนะ”

ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ ห้างร้านที่มีการลดราคาสินค้าโดยใช้ช่วงนี้เป็นแคมเปญ ซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกคึกคักขึ้น สนุกสนานขึ้น เมื่อก่อนการฉลองปีใหม่จะเป็นการขอพรจากผู้ใหญ่ แต่ 4-5 ปีหลังมานี้ในความคิดของเกียรติอนันต์ ประเทศไทยเริ่มมีการเคานต์ดาวน์ และช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เข้มข้นขึ้น

“เพราะสังคมที่เรามีการสื่อสารกับประเทศอื่นมากขึ้น และได้ซึมซับเอาวัฒนธรรมของตะวันตกมาแบบไม่รู้ตัว แต่หากลงลึกไปจริงๆ จะมีเพียงกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง หรือลูกคุณหนูที่เรียนจบจากเมืองนอก ประเทศที่เขาให้ความสำคัญกับเทศกาลคริสต์มาสมากๆ คนเหล่านี้ก็จะรับเอาอิทธิพลโดยซื้อของขวัญให้กัน ซึ่งหากมองมูลค่าตรงนี้แม้คนกลุ่มนี้จะมีจำนวนไม่มาก แต่มียอดเงินสะพัดที่สูงทีเดียว”

ความรู้สึกต่อ ‘คริสต์มาส’

โดยปกติแล้ววันคริสต์มาสไม่ได้เป็นเทศกาลของชาวไทย หากแต่ด้วยบรรยากาศและหลายสิ่งก็ทำให้เทศกาลนี้เข้ามามีส่วนต่อความรู้สึกในช่วงหยุดพักผ่อนของหลายคน ในแง่ของความบันเทิงและงานรื่นเริงนั้นได้ชื่อว่าคนไทยก็สนุกได้กับทุกเทศกาลอยู่แล้ว

อย่างที่ วรงค์กรณ์ บัวสมบุญ ชาวพุทธคนหนึ่งมองเทศกาลคริสต์มาสว่า เป็นเพียงเทศกาลตามกระแส เพราะความจริงแล้วไม่ใช่ธรรมเนียมของคนไทยมาแต่เดิม

"ส่วนตัวก็เฉยๆ กับวันนี้นะ ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ แต่ก็มีบ้างที่จะออกไปดูไฟ สังสรรค์กับเพื่อน แต่ก็ไม่ได้ซาบซึ้งกับวันนี้เท่าไหร่"

ซึ่งตรงกันข้ามกับชาวคริสต์อย่าง สิรเวช พุกกะเวส ที่จะไปโบสถ์ทุกปีในเทศกาลคริสต์มาส เขาคิดว่าเทศกาลนี้เปรียบได้กับวันรวมญาติ ที่ทุกคนจะได้มาทำกิจกรรม และรับประทานอาหารร่วมกัน

"วันนี้ก็จะเป็นวันที่ทุกคนมาเฉลิมฉลองกันที่โบสถ์ คล้ายๆ กับเป็นการเฝ้ารอให้พระเยซูกลับมาเกิดอีกครั้งหนึ่ง ผมไปที่โบสถ์เป็นประจำทุกปี วันนี้จะคล้ายวันรวมญาติ ทุกคนจะมารวมตัวกันเพื่อกินเลี้ยงสังสรรค์ ร้องเพลง ทำกิจกรรมร่วมกัน"

ขณะที่ในมุมมองของ จารุมล จารุดิลกวรกุล แม้จะนับถือศาสนาพุทธ แต่ก็มีความผูกพันกับวันคริสต์มาสมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเคยศึกษาอยู่ในโรงเรียนคริสต์ เอ่ยถึงเทศกาลนี้ว่า ประทับใจในบรรยากาศและความรู้สึกที่อบอวลไปด้วยความสุข

“ชอบมาก จะตั้งตารอวันคริสต์มาส มันเป็นเทศกาลที่มีทั้งความสุข ความสนุกสนาน บรรยากาศก็ดีเพราะอยู่ในช่วงหน้าหนาว มีลมเย็นๆ เมื่อก่อนตอนอยู่โรงเรียนทุกคริสต์มาสจะไปโบสถ์เพื่อร้องเพลง ทำพิธีมิสซา สังสรรค์กับเพื่อน”

.......
 
เทศกาลคริสต์มาสเป็นเทศกาลแห่งความรักความรื่นรมย์อันเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความสุข ผู้คนทั่วโลกต่างเฉลิมฉลอง มีซานตาคลอสเป็นสัญลักษณ์ และหลายบทเพลงบอกเล่าถึงเรื่องราวของวันคริสต์มาส แน่นอนหลายครั้งหลายคนก็ไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะซึมซับรับรู้ถึงความสำคัญของช่วงวันแห่งเทศกาลนี้หรือไม่ นั่นคือ บรรยากาศอันอบอุ่นของการเฉลิมฉลองท่ามกลางความหนาวเหน็บของช่วงสิ้นปี

>>>>>>>>>>>>
………….
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์





กำลังโหลดความคิดเห็น