เพียงชั่วพริบตาสังคมโลกออนไลน์ก็จับจ้องมายังสาวไทยผู้มีน้ำเสียงอันทรงพลังตรึงทุกโสตประสาท คงพูดได้เต็มปากถ้าหากจะบอกว่า เพิร์ล - รพีพร ประทุมอานนท์ เป็นหนึ่งเสียงเล็กๆ ที่สร้างความภูมิใจแก่ประเทศไทย ก็เพราะเธอพกพาพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงเปล่งเสียงเชือดเฉือนผู้เข้าแข่งขันกว่า 6,000 คนทั่วโลก เข้าสู่รอบ 10 คนสุดท้าย ของเวทีประกวดร้องเพลงออนไลน์ครั้งแรกของโลก 'Avon Voices'
แม้หลายครั้งจะพบกับอุปสรรคและความผิดหวัง แต่ความไม่ย่อท้อก็ผลักดันให้เธอทะยานสู่ความสำเร็จ เธอก้าวเข้ามาในทางสายดนตรีด้วยความไม่รู้ จากนั้นก็ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยพอกพูนความรู้และประสบการณ์มากว่า 10 ปี ซึ่งเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอมาเปิดโรงเรียนสอนดนตรีและขับร้อง 'The voices' ด้วยความหวังที่ว่าจะถ่ายทอดประสบการณ์ในฐานนะครูสอนร้องเพลงแก่ลูกศิษย์ลูกหา
ถึงงานนี้เธอจะไม่ได้คว้ารางวัลชนะเลิศจากเวที 'Avon Voices' แต่เชื่อว่าเธอนั้นชนะใจชาวออนไลน์ไปจำนวนไม่น้อย หลังจบเวทีการประกวดสุดหินก็ขอคว้าสาวผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ด้านพลังเสียงระดับโอเปร่า มาพูดคุยกันแบบสบายๆ เสียหน่อย..
เริ่มร้องเพลงจริงๆ จังๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่
ประมาณสักอายุ 16 ค่ะ ก็เริ่มเรียนร้องเพลงจริงจัง เพราะว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย เรียนคลาสสิค ซิงกิ้ง (classical singing - ขับร้องคลาสสิค) ก็คือโอเปร่านั้นเอง
คิดว่าตัวเองจะมาอยู่ ณ จุดนี้ไหม
คิดว่าแค่อยากเป็นนักร้อง ตอนเด็กๆ แค่อยากร้องเพลงได้ที่หนึ่ง แต่ว่ามันก็ไม่ได้เท่าไหร่ (หัวเราะ)
แล้วตอนเด็กๆ คุณสนใจเพลงสไตล์ไหน
ทั่วไปเลยคะ แต่ชอบร้องเพลงฝรั่งเป็นคนที่ชอบฟังเพลงแล้วแกะ ฟังจากวิทยุแล้วก็แกะเนื้อเพลงอยากร้องเพลงแต่เขียนเป็นภาษาไทยก่อนนะ
ความที่ชอบร้องเพลงฝรั่งมีส่วนให้สนใจภาษามากขึ้นหรือเปล่า
ก็จริงๆ มีส่วนคะ อยากเวลาเราร้องๆ ไปมันจะเรียงเนื้อหาของมันตั้งแต่ต้นยันจบ มันก็เหมือนเราได้อัตโนมัติ เพราะว่าเวลาเพิร์ลร้องเพลงก็จะแปลไปด้วย
อย่างนี้ก็เก่งภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก
ไม่เลยคะ แต่ได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษเยอะๆ ก็ตอนร้องเพลงเท่านั้นเอง
ได้ข่าวว่าคว้ารางวัลมาเยอะเลย
หูย!...รางวัลใหญ่ๆ จริงๆ มีแค่ 2 รางวัล รางวัลแรก ‘Most Promising Female Singer : Asia New Singer Penang Shanghai World Star Quest 2008' และอีกรางวัล ‘Thailand Asia New Singer Competition 2007’
ตอนเด็กๆ อยากประกวดร้องเพลงได้ที่หนึ่ง แล้วตอนนี้ละ?
ตอนนี้เราหวัง (หัวเราะ) อย่างเวทีล่าสุด Avon Voices สำหรับตอนนี้เราแฮปปี้แล้ว การที่ได้มาเป็น 10 คนสุดท้ายของโลกจาก 6,000 คน ก็ถือว่าตอนนี้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่คาดหวัง แต่การตัดสินก็ต้องมาลุ้นกันต่อ
รางวัลถือเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จไหม
สำหรับเพิร์ล...รางวัลมันเป็นสิ่งตอบแทนของความพยายามที่เราทุ่มเท เป็นการเตือนว่าเรามีการพัฒนาในสิ่งที่เรารัก รางวัลเป็นสิ่งที่บอกว่าคุณได้พยามจนถึงที่สุดและคุณควรได้รับมันเป็นสิ่งตอบแทน เป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์ เราได้ไปอยู่ในจุดที่หลายๆ คนไม่มีโอกาส อย่างน้อยก็ถือเป็นรางวัลแล้วคะ
มีอุปสรรคในเรื่องการร้องเพลงบ้างไหม
มีอยู่ครั้งหนึ่งร้องๆ เพลงอยู่...เขาไล่ลงเวที
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ
เพราะเขาบอกว่ามันน่าเบื่อ กลับบ้านไปคิดใหม่เถอะ แล้วครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนเลยนะ มันเป็นจุดเริ่มต้นให้เพิร์ลต้องทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน อย่างเช่นไม่เคยร้องเพลงเร็วก็ร้องเสียบ้าง เหมือนกับว่าความกดดันมันทำให้เราต้องพัฒนาตัวเองขึ้นไป
มีคติดประจำใจ
ห้ามท้อ
ได้อะไรจากการร้องเพลงจากตรงนี้บ้าง
เราต้องเป็นคนที่อัพเดทตัวเองตลอดเวลา เพราะว่าเพลงมันไม่เคยหยุด บิลบอร์ดมีอะไรใหม่ๆ มาทุกวัน ถึงพ.ศ.นี้แล้ว แต่เรายังร้องเพลงของปี ค.ศ.1530 อยู่ การร้องเพลงมันก็จะไม่เกิดการพัฒนา มันจะไม่เกิดอะไรแปลกใหม่ในวงการ อย่างเช่นย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ถ้าเพิร์ลไม่เรียนร้องเพลง ไม่เข้าร่วมประกวดร้องเพลง วันนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
เชื่อในเรื่องของพรสวรรค์ไหม
เชื่อมาก เพราะว่าพรสวรรค์มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ ยกตัวอย่างเด็กๆ ที่มาเรียนร้องเพลง ถ้ามีพรสวรรค์อยู่ประมาณหนึ่งมันจะทำให้การร้องเพลงนั้นสามารถต่อยอดได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีอะไรเลย
แต่คนที่ไม่มีพรสวรรค์เลยถ้ามีความพยายามเขาจะสามารถพัฒนาไปได้ ณ จุดหนึ่ง ซึ่งเราไม่รู้ว่า ณ จุดนั้นไปได้แค่ไหน แต่ละคนจะมีจุดของตัวเองไม่เท่ากัน ถามว่าพัฒนาได้ไหม..ได้ ถ้าเรามีการฝึกฝนมีการฝึกซ้อม และสิ่งที่คุณครูแนะนำมันตรงกับสิ่งที่เขามีหรือเปล่า ถ้ามันตรงกันแน่นอนว่าต้องไปได้แน่ๆ
แล้วที่คุณมาอยู่ ณ จุดนี้เป็นเพราะพรสวรรค์ด้วยหรือเปล่า
พรสวรรค์เป็นแค่ส่วนหนึ่ง เพราะว่าตอนเด็กๆ ถ้าเพิร์ลมีพรสวรรค์คงเข้ารอบไปหลายรายการแล้ว(หัวเราะ) อาจจะพูดได้ว่าตอนนั้นมีพรสวรรค์แต่ไม่มีคนแนะนำไม่มีไกด์ ไม่รู้ว่าไปประกวดร้องเพลงต้องแต่งตัวอย่างไร ไปเจอคนต้องแต่งตัวอย่างไร ไปเทรนเสียงต้องทำอย่างไรบ้าง แต่พอเพิร์ลโตมาก็รู้ว่า เราต้อไปหาคุณครูคนนี้ เราต้องไปเจอไปพบใคร
เปิดโรงเรียนสอนร้องเพลงด้วย
ใช่ค่ะ เพิ่งเปิดได้ประมาณ 2 เดือน ก็คือเพิร์ลเริ่มคิดเรื่องโรงเรียนตั้งแต่ต้นปี เป็นช่วงที่บังเอิญกับที่เพิร์ลไปสมัครประกวด Avon Voices ด้วย ก็เลยลองดูเพราะว่าไหนๆ การประกวดครั้งนี้มันก็เป็นแรงบันดานใจค่อนข้างเยอะ จาก 6,000 เราเข้ารอบ 10 คนปุ๊บก็ตัดสินใจเลยว่าจะตั้งชื่อโรงเรียนว่า The Voices แต่ก็มีคนคอมเมนท์เยอะนะคะว่า มันจะกลายเป็นว่าเราสอนร้องเพลงอย่างเดียวเลยหรือเปล่า คือ Voices ในเชิงวิทยาศาสตร์มันคือเสียงที่คนต้องการ และชื่อนี้เป็นชื่อที่ชอบมากที่สุด โรงเรียนนี้เพิร์ลก็ลงแรงลงใจกับที่นี้ทำด้วยตัวเองหมด มีความรู้สึกว่าอยากให้เป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทอดในสิ่งที่เราอยากจะทำ
จริงๆ แล้วเป้าหมายของ The Voices คืออะไร
บอกเลยว่าไม่ได้มุ่งเน้นเชิงธุรกิจ แค่อยู่ได้จ่ายค่าเช่าได้ก็พอแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ทำเนี้ยทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเองก็คือเพิร์ลถูกสอนร้องเพลงมาหลายรูปแบบ เราได้ประสบการณ์ทั้งการเล่นละคร การร้องเพลงกลางคืน การอัดเสียงในละครโทรทัศน์ ฯลฯ มันทำให้เรารู้จุดบอดของการเรียนร้องเพลงว่ามันมีอีกหลายจุดที่ครูควรจะให้เด็ก
แล้วมันแตกต่างจากโรงเรียนสอนร้องเพลงที่อื่นอย่างไร
ห้องเรียนร้องเพลงในกรุงเทพฯ มีหลายสไตล์มากๆ แต่เพิร์ลอยากได้ห้องเรียนร้องเพลงที่ใหญ่ เพราะว่าเด็กเวลาที่ร้องเนี่ยเขาร้องด้วยความรู้สึกจริง แต่ถ้าห้องมันเฟคเขาจะไม่ได้ห้องที่ให้ความรู้สึกจริง ซึ่งเพิร์ลอยากให้เด็กทีเขาเรียนได้ซ้อมจริง ได้ออกคอนเสิร์ตจริง อย่างเวลาเพิร์ลไปเรียนที่เมืองนอกต้องบอกว่าเด็กเขามีคุณภาพกว่าเรา เพราะว่าเขาอยู่ในสถานที่จริงตลอดเวลา เขารู้ว่าสิ่งที่เขาจะไปเจอข้างหน้าคือสิ่งที่เข้าเจอมาแล้ว ซึ่งที่นี่จะเป็นที่ที่ครบวงจรแบบเมืองนอก และเด็กไทยก็จะได้คุณภาพเดียวกับเด็กเมืองนอกจริงๆ อยากให้ที่นี่เป็นที่เตรียมความพร้อมสำหรับเขา เพราะเรารู้แล้วว่าควรจะให้อะไรเขาบ้าง ที่นี่ก็น่าจะเป็นอีกที่หนึ่งในประเทศไทยที่จะผลิตนักร้องที่จะไปเล่นละครเพลง หรือไปใช้ในชีวิตการทำงานได้ตรงจุด
ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
นักเรียนที่เรียนกับเพิร์ลมาก็ยังต่อเนื่องกันเหมือนเดิม มีคนสนใจสอบถามกันเยอะขึ้น และตอนนี้กระแสการร้องเพลงมันก็แรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นร้องแนวแจ๊สซ์ แนวป๊อบ ฯลฯ ก็มีคนสนใจเข้ามา แต่ที่นี่อาจจะโดดเด่นในเรื่องของการส่งต่อในระดับอินเตอร์เนชันแนล เทรนด์เด็กที่จะสอบจะศึกษาต่อในต่างประเทศ
มีทั้งคอร์สร้องเพลง คอร์สอนดนตรี แล้วอะไรที่ได้รับความนิยมสูงสุด
อันดับหนึ่งก็เป็นร้องเพลงค่ะ
นักเรียนของคุณจะได้มากกว่าการร้องเพลงเป็น
ใช่คะ ที่นี้ให้ในเรื่องของประสบการณ์ และที่เน้นอีกอย่างหนึ่งไม่ว่าคุณจะเรียนคอร์สอะไร เพื่อวัตถุประสงค์อะไร อาจเรียนเพื่อพัฒนาตัวเอง เรียนเพื่อใช้ในการทำงาน เรียนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ แต่คุณต้องอ่านโน้ตให้เหมือนในระดับอินเตอร์เนชันแนล
แล้วถ้าต้องเลือกระหว่างเป็นนักร้องระดับโลก กับครูสอนร้องเพลงละ
โหย..อันนี้มันยากมากเลยนะ อยากเป็น 2 อย่างเลยอะ(ยิ้ม) คือเป็นครูเป็นสิ่งที่เพิร์ลชอบนะ แต่ว่าการประกวดทำให้เราได้ประสบการณ์แล้วเอามาแชร์ ถ้าเราไม่ประกวดเลยเราไม่มีทางรู้เลยว่าเด็กๆ ที่จะไปประกวดนั้นจะต้องเจออะไรบ้าง จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพราะเฉพาะนักร้องระดับโลกก็อยากเป็น
ต้องใช้พลังเสียงมากๆ ต้องการดูแลเสียงเป็นพิเศษอย่างไรบ้าง
นอนค่ะ เพราะว่าการรักษาเสียงข้อสำคัญคือการพักผ่อน ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอร์ เป็นเบสิกเลย(ยิ้ม)
............................
เรื่อง : นฤมล ประพฤติดี
ภาพ : พลภัทร วรรณดี