ใครเอ่ย?... นักแสดงอารมณ์ดี อยู่ในวงการมาน 20 กว่าปี มีหน้าตาและเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ มีรอยยิ้มที่โดดเด่นกว่าใครๆ...
ทันทีที่ได้รู้ว่าวันนี้จะได้เจอกับ 'โหน่ง' - วสันต์ อุตมะโยธิน นักแสดงคนเก่งมากฝีมือที่ช่วงหลังๆ เขาอาจจะหายหน้าหายตาไปจากหน้าจอโทรทัศน์พักใหญ่ แต่ก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ป่วยหนักบ้างล่ะ เป็นโรคบ้างล่ะวันนี้เขาได้มาพูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตที่โลดแล่นในวงการบันเทิงที่ผ่านมาและความสนุกสนานเฮฮาในการเป็นนักแสดงที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกว่า 2 ทศวรรษ!
ขอย้ำว่าทุกบทสนทนา ปะปนไปด้วยรอยยิ้มเสียงหัวเราะ 99.99 เปอร์เซ็นต์ เชิญอ่านและจินตนาการตามได้...
ช่วงหลังๆ นี่หายไปไหน ไม่ค่อยเห็นผลงาน
มีเรื่องว่าเราหายไป แต่ปีที่แล้วเล่นละครเหนื่อยมาก... เขาก็จะให้เล่นละครเรื่องนึงภาคสองนะ เราก็เหนื่อยไง ไม่รู้จะว่าจะแก้ตัวกับเขาอย่างไร เลยบอกไปว่า พี่ไปเช็กกับหมอแล้วหมอบอกว่าสุขภาพไม่ค่อยดี เลยบอกเขาไปแบบนี้ค่ะ มันก็เลยมีข่าวกระจายไปว่า โอ้ย...อีนี่ ต้องตายแน่ๆ ป่วยบ้างละ เป็นมะเร็ง เป็นเอดส์บ้างล่ะ ได้ยินข่าวใช่ไหม ใครเอาไปลงอ่ะ ซ้อเจ็ดหรือเปล่า ก็เอาไปเมาท์ค่ะ (หัวเราะ)
ก็เลยเป็นข่าวว่าเราป่วยเหรอ
อือ...ประกอบกับเราไปออกรายการอโรคา ปาร์ตี้ ซึ่งใครที่ไปนั่งเก้าอี้แดงในรายการ ก็เป็นคนที่มีความเสี่ยงไง เพื่อนก็เมาท์ว่า อีนี่จะตายแล้วเหรอ และประจวบเหมาะกับเราไปบอกกองละครว่าไม่สบายด้วยไงค่ะ ก็เลยไปกันใหญ่เลย แล้วก็ไม่ได้รับละครภาคสองที่จะเล่น ก็เลยเหมือนหายไปไง
ตกลงว่าไม่ได้หายไปไหน
ไม่ค่ะ ถ้าเราไม่เล่นละครก็มีเล่นเกมโชว์ แต่นั่นก็ไม่ได้รับนะ เพราะติดต่อมาคิวไม่ได้เราก็ไม่ได้รับ ถ้านับจริงๆ ที่หายไปก็ประมาณปีครึ่ง ระหว่างที่หายไปก็ถ่ายละคร กว่ามันจะออกก็เหมือนหายไปเลย
บทบาทในละครที่เล่นเหมือนเดิมไหม
เดี่ยวนี้บทตะแล้ดแต๊ดแต๋ เขาก็เอาผู้ชายเล่น สังเกตไหมในโทรทัศน์ แล้วเราก็รับละครเรื่องหนึ่ง เสือกเล่นเป็นผู้ชาย เอาผู้ชายเล่นเป็นแต๋ว แล้วเอาแต๋วเป็นผู้ชาย เขาคงหลีกหนีความซ้ำซากอ่ะ เขาอยากเปลี่ยนและเสนออะไรใหม่ๆ ให้กับคนดู
แล้วชอบอะไรระหว่างเล่นเป็นผู้ชายกับบทตะแล๊ดแต๊ดแต๋
โอ้ย...บทผู้ชายก็เล่นบ่อย สนุกดี และอยากให้ดูเรื่องใหม่ ขำมาก 'เศรษฐีบ้านนา' เล่นเป็นผู้ชายเลย เล่นคู่กับตุ๊ก-ดวงตา (ดวงตา ตุงคะมณี) มีเลิฟซีนด้วย
บทที่ว่านี่ขัดกับตัวเองไหม
ก็นักแสดง เขาให้แสดงก็แสดงอ่ะนะ พูดถึงขัด ก็มีบางบทที่ขัดอย่างเลิฟซีน จูบกันด้วยนะ จูบกับดวงตา ตุงคะมณีค่ะ (หัวเราะเสียงดัง)
เล่นแล้วเป็นไงบ้าง
ก็สนุกนะ เป็นเพื่อนกันสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ขำอ่ะ เล่นกันไปก็หัวเราะกันไป เอ่อว่ะ...มีเลิฟซีน ถ้าไปเล่นกับคนอื่นคงมีขัดเขินมากกว่านี้อ่ะค่ะ
แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง
ตอนนี้ถ่ายละคร ทำละครเวทีด้วย งานอย่างอื่นไม่ได้ทำ (เสียงเบา) อย่างอื่นทำมาหมดแล้ว....(ลากเสียง)
ทำอะไรมาบ้าง
เป็นนางแบบ (เสียงต่ำ+หัวเราะ) ฮิ้ววว...เปิดร้านอาหาร ทำร้านเสื้อผ้า เป็นคอลัมน์นิสต์ แต่งหน้าแฟชั่น ทำมาหมดแล้ว พอมาเล่นละครก็ไม่ได้ทำ เลิกทำไปเลย เพราะชอบเล่นละคร
เข้าวงการบันเทิงมานานแค่ไหนแล้ว
ฮะ...2-3 ปี 2-3 ปีนี่เองค่ะ
ทำไมรู้สึกว่าเห็นนานแล้ว
แสดงว่าดูมาแต่เด็กๆ เหรอ ไม่จริ๊ง (เสียงสูง) ดูผิดมั้ง นั่นอีกคนล่ะ คนนั้นป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์) คนนั้นเขาอยู่นาน
(หัวเราะ) ก็มาเล่นละครปี 2531 ค่ะ
เคยเห็นนุ่งผ้าเช็ดตัวไปงานแฟนซีอะไรสักอย่าง
อืม...ใช่ อันนั้นแหละ สวย.... นานแล้วนะ จะสิบปีแล้ว
เป็นภาพติดตาของหลายคนเลยนะ
เป็นภาพติดตาที่ดีหรือไม่ดี (หัวเราะ)
20 กว่าปีในวงการบันเทิงเห็นอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
เปลี่ยนสิค่ะ เปลี่ยนหมดเลย ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ผู้จัดฯ ทางช่องก็เปลี่ยน เพราะว่าโลกมันหมุนไป ความทันสมัยก็เข้ามามากขึ้น
อะไรที่ว่าเปลี่ยน
คือได้เงินมากขึ้นไง แต่ทางจริยธรรม มโนธรรม มนุษยธรรม คุณธรรมลดลง จิตใจมันสวนทาง หนังสือหัวใหม่ออกมาเยอะแยะ หนังสื่อหัวเก่าก็ต้องปรับ ให้ข่าวแรงมากขึ้น ข่าวคาวมากขึ้น
เคยมีข่าวคาวกับเขาบ้างไหม
ไม่เคยมี อยู่มา 20 กว่าปี อยากมีเหมือนกัน แต่ไม่มี
แสดงว่ารักษาภาพลักษณ์ที่ดีไว้ได้
ไม่ได้รักษา แต่ไม่มีใครเขามาสนใจ เขาก็ไปดูดาราเด็กสิค่ะ เอาข่าวที่แบบแรงๆ กลายเป็นว่านักแสดงหน้าใหม่ที่เข้าสู่วงการบันเทิงต้องแรง ต้องก้าวร้าว เอ่อ...มันก็แปลกนะ ภาพมันออกมาเป็นแบบนั้น เราก็รู้จักอยู่คนหนึ่งตัวจริงเขาไม่ได้ก้าวร้าวหรือแรงนะ แต่เขาแสดงออกมาแบบนั้น ไม่รู้ทำไม ต้องรั่ว บ้าให้หนัก โฉ่งฉ่าง โวยวาย เหนื่อยนะ การที่จะทำอะไรที่ตามกระแสและไม่ใช่ตัวเองเนี่ย
เมื่อก่อนที่เราเล่นละคร 20 ปีที่แล้วก็นับเป็นบุญนะ ถือว่าเป็นบุคลิกส่วนตัวนะ และคนก็ไม่ได้ต่อต้านและเราได้รับการยอมรับที่โอเค เล่นบ้าบอ เขาก็ยอมรับว่านี่เป็นบุคลิกส่วนตัวของเรา เขาก็ไม่ต่อต้าน ขึ้นอยู่กับการวางตัวของเราด้วย
ตัวจริงกับในจอเป็นเหมือนกันไหม
หน้าจอก็เห็นเราเป็นแบบที่เห็นนี่แหละ ส่วนหลังจอก็เป็นเรา ก็มีบ้างไปชอปปิ้ง คนเขาก็เจอเราและบอกว่าไม่เห็นเหมือนตัวจริงเลย เขาก็ถามว่านี่ตัวจริงหรือตัวปลอมเนี่ย เราบอกตัวจริง นี่ตัวจริง ตัวปลอมอยู่ข้างในโทรทัศน์
จริงๆ เราก็นิ่งๆ มากกว่า เราก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ได้วิ้ดบูม แลบลิ้นปิ้นตาตลอด 24 ชั่วโมง แต่คนก็ติดภาพ ก็อย่างที่บอกไงว่าเด็กสมัยนี้ต้องแรง ต้องรั่ว ก้าวร้าว และหนักขึ้นไป สมัยนี้จะหนักกว่าและต้องสวมอะไรที่เข้าไปในตัวอีก และต้องเสริมกำลังภายในเข้าไปอีกกว่าเรา 100 เท่า เพื่อการแสดง
20 กว่าปี วงการบันเทิงให้อะไรบ้าง
เข้ามาเหรอค่ะ (เสียงต่ำ) ให้เงินค่ะ มันเป็นอาชีพหนึ่ง ซึ่งบางที่คนเข้าใจว่า เราได้เงินเยอะ เวลาไปจ่ายตลาดคนก็บอกว่านี่ได้เงินเยอะ ขายแพงๆ เลย เราก็โกรธนะ ฉันเหนื่อยมากนะทำการแสดงเนี่ย บางทีเพื่อนชวนไปเที่ยว เราก็บอกว่าเราเหนื่อยไม่ไหวแล้ว เพื่อนก็บอกว่า เหนื่อยอะไร ไม่เห็นเหนื่อยเลย แค่ไปเล่นๆ พูดๆ ร้องวี๊ดๆ แล้วก็กลับบ้าน ถ้าคุณไม่ได้มาอยู่ตรงนี้จริงหรือมาใกล้ชิดเราจริงๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าเหนื่อยแค่ไหน
วางตัวอย่างไรบ้างในการเป็นนักแสดง
กรอบการวางตัว สบายๆ เราก็ไม่ได้ทำตัวสำมะเลเทเมา เมื่อก่อนอาจจะมีบ้าง แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ตอนเด็กๆ ก็เสียบ้าง เละบ้าง พอโตมาเราก็ได้เรียนรู้ ชีวิตคนเราต้องเรียนรู้จริงๆ เรียนรู้จากการผิดพลาด ถ้าคนเราไม่เคยทำอะไรผิดพลาดก็จะทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกัน ทำถูกมาหมดตลอดชีวิต ทำผิดหนเดียวเจ๊งไปตลอดชีวิตก็มี มีผิดบ้างถูกบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่ในในลึกๆ จริงๆ ต้องเป็นคนรักดี รักที่จะทำดี แล้วก็คนที่รักดีจริงๆ แล้วดึงตัวเองกลับไม่ทันก็เยอะ ก็น่าหวาดเสียว เพราะสิ่งในวงการนี้มันยั่วยุเยอะเหลือเกิน เด็กหญิงเด็กชายคนเขาก็ยกยอปอปั้นกันหมดเลย โอ้ย เก่งมากค่ะลูก หล่อมากค่ะ ถ่ายรูปทีได้เป็นหมื่น ไปเป็นพิธีกรไปออกรายการอีเวนท์โชว์ตัวได้เป็นแสน เล่นโฆษณาทีก็ได้เป็นล้าน ความหลงระเริงตัวมันมาทุกคน ต่อให้คุณทำใจไว้แค่ไหนมันต้องมา มันต้องมีหลงลืมกันบ้าง ก็ต้องคอยเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าเราเป็นใคร ทำอะไรอยู่ตรงนี้ เราไม่ได้ดีเด่นเหมือนที่คนอื่นชื่นชมเรา เราต้องพยายามดึงตัวเองกลับ
เคยมีช่วงอารมณ์แบบนั้นหรือเปล่า
อู๊ย...เยอะ หนีกองก็มี ไม่ไปกองก็มี คำพูดที่นักแสดงจะบอกที่กองก็คือ อาหารเป็นพิษ แต่จริงๆ แล้วเราไปสำมะเลเทเมามา แต่เราก็บอกไปว่า อาหารเป็นพิษ และที่กองก็จะรู้ทันทีเลยว่าเราเอาอีกแล้ว และจะรู้ทันทีเลยว่าเราไปเละมาเมื่อคืน บางทีก็มาเลทประจำ เมื่อถูกโทรตาม อยู่ไหน อยู่บนทางด่วน นี่คือคำตอบประจำเลย อยู่บนทางด่วนแล้วค่ะพี่ กำลังจะถึง ทางด่วนไหนก็ไม่รู้
ตอนนี้มีแบบนั้นไหม
ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว...(ลากเสียง) อยากทำงานจะตาย ก็ทำดีที่สุด เพราะว่าเราทำผิดไปเราก็ไม่มีความสุขในการทำงาน ก็ปวดหัวตาย ไปไม่ทันก็ทุกข์แล้ว ส่วนคนที่หลงระเริงกับแสงสีเสียงก็ไม่สนใจ กองถ่ายก็ถ่ายไป ช่างมัน ซึ่งบางทีธุรกิจกองถ่ายเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็หมดไปเป็นหมื่นเป็นแสนนะ ค่าสถานที่ ไฟ ฯลฯ
เรียนรู้อะไรบ้างจากเรื่องนี้
ถ้าเรามัวแต่ว่า ขอโทษค่ะ กองเราก็พังสิค่ะ ก็เสียชื่อเสียง คนเขาก็พูดกันว่า อีนี่ไม่ดีอย่าเอามาเล่น เราก็เสีย พอเกิดอะไรไม่ดีในกอง พรุ่งนี้เช้าก็รู้กันหมดเลย ทุกค่าย ไม่เฉพาะช่องนะ เพราะสมัยนี้ระบบเทคโนโลยี รู้เท่าทันกันหมด แต๊ดตะแล้ดแตด พอเช้ามาก็รู้หมดว่าอีนี่ไม่ไป อีนี่เบี้ยวกอง คนโน้นทะเลาะกับคนนี้ รู้หมด
ผ่านมาได้ยังไง
มันเป็นเยอะ ตอนเป็นเด็กวัยรุ่น มันก็มีอารมณ์อยากจะไปเที่ยว เที่ยวดึกกลับมาโทร. ไปบอกกองว่า ไปไม่ไหว ไปช้าหน่อย เราก็เป็นแบบนี้เยอะ แต่มันเตือนตัวเองไง ถ้าทำตรงนี้แล้วไม่มีงาน อาจจะเป็นโชคดีที่เรารักการแสดงรักการทำงานของเรา ถ้าทำตรงนี้บ่อยๆ เขาไม่กล้ามาจ้างเราทำงานก็อดทำงานที่เรารัก อดทำงานที่เราชอบ ไม่ได้ไปอยู่ในกองถ่ายตรงนั้นตรงนี้กับเพื่อนนักแสดง แบบนั้นไม่เอาดีกว่า ก็เลยต้องปรับตัวเองให้ดีขึ้น แต่บางคนก็ไม่สามารถที่จะดึงตัวเองกลับออกมาได้ เพราะฉะนั้นการรู้ตัวเองดีที่สุด
เหนื่อยไหม
เล่นละครก็เหนื่อยสิค่ะ (เสียงสูง) ขับรถไปกลับชลบุรี ตื่นเช้าขึ้นมาก็ขับรถไปลพบุรี รถก็จะชนตายเอา เราก็ไม่กล้าจ้างคนขับรถให้ขับรถให้นะกลัวคนขับรถข่มขืนค่ะ (เสียงเบา) ก็เลยไม่จ้างคนขับรถ ขับเองดีกว่า (หัวเราะ)
ทำงานมันเหนื่อยมากอยู่แล้วทุกคน ไม่มีหรอกค่ะ พระเอกนางเอก ไปไหนมาไหน บอกว่าสบายมาก นอกจากวันไหนที่มีฉากถ่ายเก็บ พอไปถึงแล้วถ่ายฉากเดียวจบแล้วก็กลับ นี่ก็เรียกว่ากินหมู กว่าจะเล่นละครมาเรื่องหนึ่ง เหนื่อยมาก อยู่กลางแดดทั้งวัน หน้าร้อน 37 องศาก็ต้องไปยืนกลางแดด ไปถ่ายที่ป่าก็ต้องอยู่ในป่า ง่วงนอน ถ้ามีคิวถ่าย ตีสี่ก็ต้องลงไปนอนกองกับพื้น ทั้งแมงป่อง งู ทาก หอย เต็มไปหมด เหนื่อยหมด ทุกคนว่าสบาย แต่เหนื่อยมากๆๆ นางเอกสวยๆ เนี่ย อึดหมด ปึ๊กหมด ตีสี่ต้องนั่งยิ้ม ถ้าละครออนไม่ทัน ทั้งที่ในหัวไม่มีอะไรแล้ว มันก็ต้องทำไปเพื่องาน
สนิทกับเพื่อนนักแสดงคนไหนบ้าง
ก็สนิทกับทุกคน รุ่นเดียวกันก็สนิท รู้จักกันดี เพราะว่าความสุขในกองถ่ายคือตอนพักกินข้าว หรือตอนเอาขนมไปเยอะๆ แล้วก็โบะไปและนั่งกินกันตอนพัก เราก็นั่งคุยกับคนที่เราสนิทด้วย แต่ในชีวิตจริงไม่ได้เจอกันหรอกนะ เจอกันแค่ในกองถ่ายเท่านั้นเอง แลกเบอร์โทรศัพท์ไปก็โอ้ยนานๆ โทรหากันที มันน่าอภิรมย์มาก ต้องมาเสพสัมผัสกันเอาเอง สำหรับเราเองความสุขอยู่ตรงนี้ และตอนรับเช็คก็สนุก (หัวเราะ) ตอนทำงานก็มีรายรับ รายได้ ตรงนี้ ใครก็ชอบทั้งนั้นแหละค่ะ
ที่บอกว่ารุ่นเดียวกันนี่ใครบ้าง
ป้ามารศรี (มารศรี ณ บางช้าง) เหรอ (หัวเราะ) นั่นรุ่นแม่ นี่แหละเยอะ แต่ถ้าเป็นรุ่นเด็กๆ ก็ที่เล่นละครเวทีด้วยกันหลายคน เดี๋ยวเอ่ยชื่อใครไม่เอ่ยชื่อใครก็โกรธ อย่างเล่นละครกับตุ๊ก-ดวงตา ไม่ได้เจอกันมาเป็นชาติแล้วนะ พอได้มาเจอกันก็สนุกมาก มีเรื่องคุยกันเอาเก้าอี้ไปตั้งเมาท์ๆๆๆ ท่องบท พอว่างก็มานั่งเมาท์ เราพูดจากันได้สนิท ใช้ภาษาพ่อขุนรามได้ พูดทะลึ่งได้ บางทีเราโตแล้ว รุ่นน้อง รุ่นลูกเขาก็ไม่กล้าพูดกับเรา เขาก็พูดสุภาพกัน สนุกค่ะ สนิทเยอะแยะ เป็นก๊วน เป็นพี่น้องกันหมด
ดาราใหม่เยอะบางคนเขาก็แยกไปอยู่กับกลุ่มของเขา บางคนเขาก็ไม่ลงมาจากรถ นั่งในรถ เปิดแอร์รถเก๋ง เราก็เข้าใจว่าไม่สนิทกับใครบางกองเราก็ไม่คุยเหมือนกัน นั่งคนเดียว คุยกับช่างแต่งหน้าทำผม เสื้อผ้า
เวลาว่างจากการทำงานทำอะไร
เดินห้าง ไม่รู้เป็นอะไร เป็นโรคจิตมาก บ้านเราอยู่แถวสุขุมวิทออกมาทางพระโขนง แต่จะไม่เข้าเมือง ออกไปนอกเมือง บอกชื่อห้างก็ได้ ไปเดินซีคอนสแควร์ กับพาราไดส์ พาร์ค ของเยอะ ชอบเดินห้างใหญ่ แล้วก็เดินอยู่นั่นแหละ แล้วก็ชอบเดินซูเปอร์มาร์เก็ตมาก
ไปกับใคร
ไปคนเดียว เดินเหมือนคนบ้า
เดินดูอะไร หรือซื้ออะไร
ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า บางทีก็ซื้อจนลืม ซื้อเสื้อแบบเดียวกันมา 3 สี และจำไม่ได้ด้วยว่าซื้อแล้ว คืออยากได้และหยิบๆ เราไม่ค่อยมีเวลาว่างไง หนังสือแม็กกาซีนเนี่ย ซื้อซ้ำกัน 3 ครั้ง เพราะจำไม่ได้ว่าซื้อแล้ว อยู่ในรถ ในห้องน้ำ ห้องรับแขก ว๊าย...ซื้อมา 3 เล่ม และยังไม่ได้แกะด้วยนะ เดี๋ยวต่อไปเราต้องตั้งสติในการชอปปิ้ง
เดินจนเบลอหรือเปล่า
มันจำไม่ได้ว่าเคยซื้อแล้ว หรือว่า คิดว่าออกใหม่ บางทีจำไม่ได้ อย่างถ่ายละคร 6 วัน ว่างวันอาทิตย์วันเดียวก็ไปซื้อๆ แล้วก็ซื้ออีก
ชอบเดินห้างมาก แต่ถ้าว่างจริงๆ จะนอน นักแสดงทุกคน ถ่ายละคร 7 วัน แล้ววันว่างที่ได้พัก คุณค่าของการอยู่บ้านจะเด่นชัดมาก ทุกคนจะชอบการอยู่บ้านมากที่สุด นอกเหนือจากนั้นเราก็เดินห้าง
ตอนนี้ยังชอปแหลกหรือเปล่า
เดี๋ยวนี้ซื้อของน้อยลง ยากขึ้น คิดมากขึ้น เพราะว่ากลับไปดูตู้เสื้อผ้า ตัวที่ไม่ได้ใส่มีอีกเป็น 10 ตัว กางเกงอีกยังไม่ได้ใส่ ป้ายยังติดอยู่เลย เลยคิดว่าไปใส่พวกนี้ให้หมดก่อนดีกว่า ค่อยซื้อใหม่แล้วกันนะ อย่างเสื้อแจ๊กเก็จมีเป็น 20-30 ตัวเลยนะ ไม่ซื้อแล้ว เพราะเมื่อก่อนคิดว่า โห...มีแบบใหม่ ปักเลื่อมสวย แต่เดี๋ยวนี้เจอก็จะบอกตัวเองว่าเดินไปที่อื่นก่อน และถามตัวเองว่าซื้อไปทำไม ใส่งานอะไร ต้องนึกอย่างนี้ ของเดิมก็เยอะยังไม่ได้ใส่ ประหยัดเงินไปได้ตั้งเยอะ เมื่อก่อนอยากได้และไม่มีเวลามาเดินซื้อของเยอะๆ เห็นอะไรก็เก็บๆ ไว้ก่อน
ใช้เวลาในการเดินห้างนานไหม
3 ชั่วโมง เราไม่ชอบดูหนัง หรือถ้าไปก็ดูคนเดียว นั่งริมสุดทางเดิน ดูรอบปฐมทัศน์ก็มีคนมาตรวจโน้นนี้ เลยไม่ชอบดู เบื่อ คนเล่นบีบี (โทรศัพท์แบล็กเบอรี่) ในโรงหนัง เราไม่เคยเจอ แต่เพื่อนเคยเจอ มาเล่าให้ฟัง เราไม่ขอเจอดีกว่าเดี๋ยวต้านอารมณ์ไม่อยู่เดินไปเข็กหัวเอาให้ เล่นทำไม! เดี๋ยวทะเลาะกันเปล่าๆ
แสดงว่าเป็นคนหนึ่งที่ไม่ใช้บีบี
อยากใช้ แต่ใช้ไม่เป็น ใช้แต่คอมพิวเตอร์ แค่หัดใช้คอมฯ ก็จะตายอยู่แล้ว ไอแพด ไอพอดก็อยากซื้อ ซื้อไปก็เราไม่ได้เล่นเกม บางคนเล่นเกม ปฏิสังคม โซเซียลเน็ตเวิร์ค เราแอนตี้สังคม งานสังคมเราไม่ไป ยกเว้นงานศพ ไม่ชอบเจอคนที่รู้จัก ไม่ชอบทัก ไปไหนมาค่ะ
ถ้ามีคนสอนเล่นเอาไหม
ไม่เอา เพราะเราไม่ได้แชท ไม่ได้เล่นเกม เราไม่มีเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไม่เอา คนเขาก็ชวน เพื่อนเล่นกันหมดเลย เราก็ไม่เอา กลัวคนเขาชวนขอ...เราก็ไม่เอา
แล้วเรื่องความรักเป็นไงบ้าง
ความลับเหรอ ไม่มีในโลก (ไม่ใช่ค่ะ ความรักค่ะ) อ่อความรักเหรอ พูดถึงความใคร่ดีกว่าค่ะ (หัวเราะ) ก็รักกันค่ะ วันวาเลนไทน์ก็เอาของมาให้กันพวกน้องๆ เขา ความรักหนุ่มสาวไม่จำเป็นหรอกค่ะ อายุปูนนี้ก็ผ่านมาบ้างแต่ปัจจุบันก็ไม่มีอะไร สบายๆ ใช้เงินคนเดียวดีกว่าค่ะ โสดค่ะ ไม่ได้ลัลลา เลิกเที่ยวกลางคืนแล้วค่ะ ไม่สนุก
แสดงว่าเมื่อก่อนเที่ยวเยอะ
จะเหลือเหรอ กลับบ้านพร้อมพระออกบิณฑบาตร ตักบาตรกันก่อนไหมค่ะ คนแก่ชวน ตอนนี้แก่แล้วสิค่ะ ทุกคนเปลี่ยน เหมือนพอแล้ว เห็นมาหมดแล้ว ทำมาหมดแล้ว นั่งคุยกับเพื่อนชิลๆ ดีกว่า นานๆ ไปที ไปแค่ชั่วโมงก็ไม่ไหวแล้ว แต่เพื่อนบางคนก็ยังไปอยู่นะ วันเวลาเปลี่ยนแกไม่ได้เลย (หัวเราะ) ไปเต้นร้องวี๊ดว้าย แล้วก็มาบ่นว่าไม่ไหว
แล้วมีโลกโชเซียลเน็ตเวิร์คกับเขาบ้างไหม
เข้าเว็บฯ ต่างๆ ดูหนัง ฟังเพลง เข้าค่ะเปิดคอมพิวเตอร์เป็นค่ะ จะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คแล้วค่ะ มีเทคโนโลยีค่ะ แต่จะให้ไปสานสัมพันธ์กับคนอื่นไม่เอาค่ะ เราว่าเฟ็กหมด ไม่ได้ว่าส่วนรวมนะค่ะ แต่คือส่วนมาก 99.99 เปอร์เซ็นต์ ตอแหลกันทั้งหมด
ทำไมคิดแบบนั้น
ส่วนตัวมองว่าเราเล่นใหม่ๆ เรายังตอแหลเลย อายุ 22 ค่ะ เล่นไม่ได้แล้วเดี๋ยวคุณแม่ว่า ขนาดเรายังขนาดนี้แล้วคนอื่นจะขนาดไหน เขาก็ทำกันแหละ แต่คนจริงใจก็มีค่ะ
เมื่อก่อนเล่นอะไร
เล่นแชทสิค่ะ แค็มฟ็อก ดูแล้วก็อี้ๆๆ ไม่เอา เราไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า แต่บางครั้งก็ดีเหมือนกันนะกับคนที่ไม่รู้จัก ตอนนี้ไม่เล่นแล้ว
เล่นอยู่นานแค่ไหน
เดือนเดียว ตื่นเต้นดี เราเล่นห้องรวม ของพันธุ์นี้วัยรุ่นอยากรู้อยากเห็น บางคนเขาก็ไม่สามารถที่จะเอาตัวเองออกไปสู่โลกภายนอกได้ไง เขาก็สร้างตัวเองขึ้นมาในโลกไซเบอร์ ก็ไม่ได้ว่ากัน แต่อย่าหมกหมุ่น ตอนนี้ไม่เล่นอะไรแล้ว เอ็มเอสเอ็นไม่เล่น โทรศัพท์ก็มีทำไม่ไม่โทรคุยละ
เราไม่ชอบเล่นเกมด้วย ไม่ได้นะเมื่อก่อนเล่นอินเทอร์เน็ต 6-7 ชั่วโมงต่อวัน เดี๋ยวนี้ 2-3 ชั่วโมง เข้านั้นนี่ เมื่อก่อน มีกล้อง จัดแสงสวย ตอนนี้ไม่เอาแล้วเบื่อ เราไม่เอาแล้ว เราไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ เราก็เลยต้องอ่านข่าวในอินเทอร์เน็ต มันดูอะไรย้อนหลังได้เยอะเลย คนอื่นเขาก็เข้าเว็บโป๊กัน เราก็นานๆ เข้าทีแบบมีข่าวดาราคนนั้นคนนี้ พิมพ์ชื่อก็ขึ้นพรึ่บ
ชีวิตนี้มีอะไรที่อยากทำแล้วไม่ได้ไหม
ไม่รู้อ่ะ จะให้ทำอะไร ผู้จัดฯ ผู้กำกับ ไม่เอา ความสามารถเราไม่ถึง ไม่อยากรับผิดชอบเยอะ ก็อยากทำแบบนี้ไปนานๆ จนกว่าเขาจะเลิกจ้าง ถ้าเขาเลิกจ้างก็ไปขายบัวลอย
ทำไมต้องขายบัวลอย
ไม่รู้สิ ส่วนมากกะเทยแก่ๆ ชอบไปขายบัวลอย (หัวเราะ) ไม่รู้เหมือนกันเห็นตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เขาก็จะบอกว่า บัวลอยไหมค๊าคุ๊ณ เมื่อก่อนหน้าวัดแถวบ้าน เป็นภาพที่ติดตา
ก็เลยเป็นความใฝ่ฝันว่าอยากจะขายบัวลอย?
ไม่ได้ใฝ่ฝัน ไม่อยากไปขาย!&+
เคยคิดอยากศัลยกรรมไหม
คิด แต่กลัวทำแล้วสวยและไม่มีใครจ้าง เรามีคอนเซ็ปท์ว่าเสื้อผ้า หน้าผม นมพร้อม ไม่แพงอย่างที่คุณคิดค่ะ เพราะเอาเสื้อผ้าไปเอง แต่งนมเอง ถ้าทำสวยแล้วจะไม่มีคนจ้าง
คิดยังไงกับศัลยกรรม
ปกติธรรมดา มันทำให้คนสวยได้ แต่อย่าเยอะมากนะ มันทำให้คนเป็นหน้ามะม่วงได้นะ ทำทุกอย่างแล้ว บางคนก็ชอบมายุคนอื่นให้ทำต่อ ตอนนี้เราไม่ทำ อนาคตก็อาจจะทำ ตอนนี้กลัวตกงาน
เดินไปห้าง คนทักว่า ว๊าย..ตัวจริงสวยมาก งามมาก เพื่อนที่เดินไปด้วยบอกสวยตรงไหนว่ะ (หัวเราะ) อีคนนั้นมันโกหกแก มีคนชมว่าอุ้ย...ผิวดีมาก ผิวดีนะ ขาวอมชมพู เขียนด้วยนะว่าตัวจริงผิวดีมาก สวยกกว่าในทีวี อย่าโกหกเหมือนคนที่เดินห้างคนนั้น
แสดงว่าไม่เคยทำศัลยกรรม
ไม่เคย อยากทำ แต่กลัวเจ็บ ว่าจะไปดึงหน้ามั้ง กลัวแก่
ตอนนี้คิดว่าหย่อนยานไปหรือยัง
ก็หย่อนยานอยู่แล้วค่ะ อายุจะสี่สิบแล้ว
อยากไปศัลยกรรมอะไร
ทำฟันขาว เพราะเคยมีครั้งหนึ่งเล่นละครอยู่ แล้วมีเด็กวิ่งมาถามว่า พี่ทำไม่ฟันสีวนิลลา เราก็โกรธมาก ทำนมทำจิ๋มเราไม่เอา เราไม่ได้แต่งผู้หญิงนิ เราไม่ได้เป็นผู้หญิงข้ามเพศ ไม่ชอบ ไม่ใช่คอนเซ็ปท์ ไม่เอาค่ะ ไม่ได้ว่าเป็นแบบนี้โอเคนะ ไม่ชอบมีจิ๋มมีนม ชอบธรรมดา
แสดงว่าตอนนี้โอเคแล้ว
อืม...ไม่ได้สิ เดี๋ยวเราบอกว่าโอเค คนเขาก็จะประณามว่า โห...อีนี่ แค่นี้มึ_บอกว่ามึ_โอเคเหรอ ถ้าตอบว่าพอใจค่ะ โห...มึ_พอใจเหรอ นี่โอเคเหรอ ขนาดนี้แล้วโอเคถ้าไม่โอเคจะขนาดไหน
ไม่ได้อยากแต่งหญิงเหรอ
ใช่ๆ เวลาไปเดินห้าง มีคนเรียกว่า พี่ม้า... (อรนภา กฤษฎี) นี่ฉันจะเสียใจหรือดีใจแทนคุณอรนภาดี บ่อยมาก อย่างมีชมว่าพี่ม้าค่ะ สวยจังเลยค่ะ เราดู ม้าตรงไหน ไปเล่าให้แกฟังหัวเราะใหญ่เลย เราไม่ได้อยากแต่งหญิง ตอนเด็กๆ ก็มีแต่งหญิงโชว์ในละครปกติ ก็โชว์กันทุกคน แต่ในชีวิตจริงเราไม่ได้แต่งหญิงนี่นา
ภาพลักษณ์เปลี่ยนจากเดิมไหม
เปลี่ยนค่ะ ภาพลักษณ์เรียบร้อยขึ้น มีคนบอกตอนเรียนหนังสือเราเรียบร้อยมาก ไม่รู้หรอก ตัวจริงอยู่ข้างใน ตอนเรียนมหา'ลัยมีเพื่อนหลายกลุ่ม ฉันเป็นตัวของฉันเอง ผิดหรือค่ะที่หนูกล้าแสดงออก กาละเทศะสำคัญ ความอ่อนน้อมถ่อมตน เจอใครไหว้หมด ก้มหมด ถูกอบรมมาดีมาก พ่อแม่อบรมดีมาก ทุกคนเอ็นดูเด็กคนนี้มาก ทุกวงการ จริงๆ เก็บความชั่วร้ายไว้ข้างในและแสดงออกทีหลัง (หัวเราะ)
20 กว่าปีในวงการบันเทิงเสียงหัวเราะเปลี่ยนไปไหม
เสียงหัวเราะสั้นลง ลมหายใจน้อยลง บ้าบอเหมือนเดิม แต่จะให้เหมือนเดิมมากก็ไม่ไหว
มีหลักธรรมในการใช้ชีวิตไหม
(หัวเราะ) สนใจดึงธรรมะมาใช้ในชีวิต ไม่ได้เข้าวัดนะค่ะ ไม่ถึงขนาดนั้น ขับรถไป อยากด่าไอ้เหี้_ ไม่ด่าดีกว่า พูดคำหยาบ เราก็ได้ยินคนเดียว ที่พระท่านเขียนไว้จริงทุกอย่าง เวลาโกรธก็บอกตัวเองว่าอย่าโกรธ ผ่อนความทุกข์มากให้เป็นทุกข์น้อย
…....
>>>>>>>
เรื่อง : มาลิลี พรภัทรเมธา
ภาพ : พลภัทร วรรณดี