xs
xsm
sm
md
lg

'ทองคำเปลว' พลังศรัทธาไม่มีวันตก ในวันทองคำโลกร้อนระอุ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ความผันผวนของราคา 'ทองคำ' ทะยานพุงสูงขึ้นในตลาดโลกเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง แม้เป็นเพียงเศษทองที่นำมาทำผลิตภัณฑ์ 'ทองคำเปลว' ก็ต้องปรับอัตราสูงขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตามถึงต้นทุนจะมีการปรับเพิ่ม แต่ตลาดทองคำเปลวกลับไม่ได้ถูกลดความต้องการลงแม้แต่น้อย

จะเห็นได้ว่าแผ่นทองลักษณะบางเฉียบอย่างทองคำเปลวนั้น นิยมนำไปปิดทององค์พระตามวัดวาอารามเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ถึงขนาดของทองคำเปลวจะไม่ใช่ชิ้นใหญ่โต แต่เป็นแผ่นทองบางๆ ที่นำมาปิดซ้อนองค์พระก็เปล่งประกายอร่ามพิสูจน์ถึงพลังศรัทธาได้เป็นอย่างดี

นอกจากใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา ทองคำเปลวยังนิยมนำมาใช้ในงานศิลปหัตถกรรมไทยอันทรงคุณค่า รวมถึงสถานเสริมความงามหลายๆ แห่งก็นำเอาทองคำเปลวบริสุทธิ์มาใช้ในการมาร์กหน้าเพิ่มความโดดเด้งอ่อนวัย หรือร้านอาหารชั้นนำก็ยังนำเอาทองคำเปลวมาลอยขายในน้ำซุปเพิ่มคุณค่าแก่มื้อนั้นๆ เฉกเช่นเดียวกับขนมไทยโบราณก็มีการนำทองคำเปลวมาประดับเช่นกัน

ทองคำเปลวที่เห็นแผ่นบางๆ หากพิจารณาถึงกรรมวิธีการผลิตนั้นยากเย็นไม่ใช่เล่น เพราะต้องใช้กำลังคนในการผลิต ใช้พละกำลังในการยกค้อนทองเหลืองหนักร่วม 10 กิโลกรัม ตีทองคำบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ที่ผ่านกรรมวิธีกาารรีดเป็นแผ่น เพื่อให้ได้ความเบาบางตามสัดส่วนที่ถูกกำหนดไว้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ‘ทองจิ้ม’ ลักษณะเป็นแผ่นเล็กที่นิยมปิดตามองค์พระขนาดตั้งแต่ 1.5 X 1.5 - 2.5 x 2.5 ซม. และ ‘ทองเต็ม’ ลักษณะเต็มแผ่นขนาด 3.4 x 3.5 - 3.4 x 3.5 ซม. สนนราคาขายขั้นต่ำในขณะนี้ตกแผ่นละ 4-6 บาท แปรผันไปตามราคาทองคำในตลาดโลก

ความพลิ้วไหวของทองคำเปลว

ต้องยอมรับว่าความผันพวนของราคาทองคำนั้น ส่งผลต่อราคาทองคำเปลวอย่างมาก เพราะวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นหากมีการปรับราคาขึ้นมาบ่อยๆ ก็จะมีผลต่อการตั้งราคาสินค้า สุรีพร พานิชรัมย์ เจ้าของร้านแอนบ้านทอง ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายทองคำเปลวมานานกว่า 30 ปี เล่าว่า

"ต้นทุนที่จะขายก็ต้องเป็นวันต่อวัน โดยเราเอาราคา ณ วันนั้นมาขายเลย เนื่องจากปกติเราใช้ทองคำแท่ง ซึ่งก็ต้องบวกต้นทุนอะไรต่างๆ แล้ววิธีการซื้อของเราก็คือ พอขายสินค้าได้ทีหนึ่ง เราก็เงินก้อนไปซื้อทีหนึ่ง มันต้องสลับหมุนเวียนแบบนี้ แต่ตอนนี้ถือว่าผิดคาดมาก เป็นประวัติการณ์เลยก็ได้ เพราะไม่เคยเลยที่จะขึ้นวันละพันๆ บาทแบบนี้ ตั้งตัวไม่ทัน สมมติเราซื้อวันศุกร์ราคานี้ พอถึง 7 วันมันขึ้นอีกพันไม่รู้ เราก็ขาดทุนไปแล้ว ซึ่งพอเป็นแบบนี้ ต้นทุนก็เลยขึ้นมาเยอะตามไปด้วย อย่างเมื่อก่อนขายแผ่นหนึ่ง 5 บาทกว่า แต่เดี๋ยวนี้ต้องขาย 6 บาทกว่าแล้ว"

การซื้อทองคำเพื่อกักตุนก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ก็ยอมรับว่า สินทรัพย์ชนิดนี้มีความเสี่ยงในเรื่องราคาสูง และถ้าจะซื้อจริงก็ต้องมีเงินเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นทางแก้ของเรื่องนี้ หลักๆ ก็คือการรอจังหวะในอนาคตว่าทองราคาจะลงหรือไม่ เพราะการจะเข้าไปควบคุมราคาย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

"ตอนนี้มันก็มีทั้งลูกค้าที่หายไป และที่ยังยังอยู่ อย่างพวกที่หายไป เขาไม่มั่นใจในราคาทอง อย่างช่วงนี้ก็ผลิตกันแทบไม่ทันแล้ว เพราะการทำทองคำเปลวมันเป็นงานที่ละเอียดอ่อน เป็นงานทำมือ เพราะฉะนั้นได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่ถ้าพูดโดยภาพรวมแล้ว ก็ต้องถือว่าช่วงนี้ทองคำเปลวขายดีกว่าช่วงทองคำถูกอีกนะ เพราะเขาอาจจะเชื่อมั่นในสภาพเศรษฐกิจ หรือคิดว่าต้องรีบซื้อไปกักตุน เพราะไม่แน่ต่อไปราคาอาจจะแพงกว่านี้ก็ได้ เนื่องจากของแบบนี้คนที่ใช้ก็ต้องซื้ออยู่แล้วใช่ไหม ทั้งวันพระ ทั้งงานเทศกาล"

อย่างไรก็ดี แม้ต้นทุนของราคาทองคำเปลวจะสูงขึ้น แต่ก็เชื่อว่าผู้ประกอบการที่ค้าทองคำเปลว ย่อมมีวิธีการเพื่อลดต้นทุนไม่ให้กระทบต่อผู้อุปโภค ดร.ชลิต ลิมปนะเวช คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่าถึงแนวทางการค้าขายของตลาดทองคำเปลวว่า พ่อค้าแม่ค้าเองก็ต้องการผลกำไรเพื่อความอยู่รอด จึงมีกลวิธีการขายทองคำเปลวที่อาจต่างกันไป

“บางที่เขาอาจบีบต้นทุนทางด้านอื่น เพื่อให้ราคาทองคำเปลวไม่ขึ้นสูงมาก คนขายอาจจะให้วิธีการลดส่วนผสมทองลงเพิ่มสารอย่างอื่น เพื่อลดส่วนผสมของทองคำแท้ให้น้อยลง หรือไม่ก็รีดแผ่นทองคำเปลวให้มันบางลง เฉพาะนั้นราคาต้นทุนของทองคำเปลวก็จะเท่าเดิม เขาก็จะสามารถที่จะขายในราคาเดิมได้”

ในพักหลังมานี้ หากเอาทองคำเปลวมาเปิดดูจะเห็นแผ่นทองบางมาก พอเปิดก็แทบยุ่ยออกมาเลย เพราะมันต้องรีดให้มันบางลง

“ผู้ผลิตในยุคทองคำแพงก็ต้องหาหนทางที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอด และกระทบต่อผู้อุปโภคน้อยที่สุด เพราะหากราคาสูงขึ้นมากก็ย่อมทำให้คนที่จะทำบุญด้วยการติดทองคำเปลวหาวิธีทำบุญด้วยแบบอย่างอื่นแทน”

บริจาคตามกำลังศรัทธา

นอกจากดอกไม้ธูปเทียนแล้ว ทองคำเปลว ถือเป็นเครื่องสักการะสำคัญอีกอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วตามวัดวาอารามก็จะมีการตั้งตู้รับบริจาคเงินญาติโยมทำบุญกัน ก่อนนำเอาเครื่องสักการะทั้งหลายไปไหว้บูชา บางวัดอาจระบุตัวเลขราคาบริจาคไว้ชัดเจน แต่บางวัดก็แล้วแต่ความศรัทธา ทั้งนี้ก็เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของวัดที่ต้องจ่ายไปกับต้นทุนของเครื่องสักการะโดยเฉพาะทองคำเปลวที่มีมูลค่าสูง

ซึ่งผู้ดูแลเครื่องสักการะวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง ถึงกับโอดครวญกับราคาทองคำเปลวที่สูงขึ้นว่า อนาคตทางวัดอาจจะไม่มีทองคำเปลวให้ได้เสริมสิริมงคลกันแล้ว เช่นเดียวกับวัดแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี ถึงจะระบุให้บริจาคตามกำลังศรัทธา แต่ถ้าหากต้องการปิดทองคำเปลวก็ต้องบริจาคจำนวน 20 บาทขึ้นไป แล้วจะมีคนดูแลหยิบยื่นทองคำเปลวให้

แต่สำหรับวัดที่มีชื่อเสียงอย่าง วัดชนะสงคราม ย่านบางลำพู การบริจาคก่อนนำเครื่องสักการะทั้งหลายไปบูชา จะรับบริจาคตามกำลังศรัทธา ไม่ได้กำหนดว่าต้องเท่าไหร่ แม่ชีศิริวรรณ จำเนียรบุญ ผู้ดูแลเครื่องสักการะสำหรับบูชารอยพระพุทธบาท บอกว่า ใครบริจาคแค่ไหน ก็สามารถหยิบของสักการระบูชาไปได้เหมือนกัน เพราะทางวัดก็อยากทำบุญ

“เดี๋ยวนี้ราคาทองคำสูงขึ้น แต่เราก็ยังต้องใช้ทองคำแท้อยู่ จะไปซื้อที่ร้านทองที่เคยซื้ออยู่เป็นประจำ เพราะถ้าเป็นร้านอื่นเขาอาจจะเอาทองเก๊มาขายให้เรา ราคาตอนนี้แผ่นใหญ่หน่อยจะอยู่ที่แผ่นละ 4 บาท 100 แผ่น ก็ 400 บาท แผ่นเล็กลงมาหน่อยจะอยู่ที่แผ่นละ 3 บาท เวลาซื้อต้องซื้อคราวละมากๆ เช่น ซื้อ 10,000 แผ่น 40,000 บาท เพราะที่ร้านทองเขาจะไม่แบ่งขายให้เรา การทำบุญนั้นต้องทำตามความศรัทธาจะไปบังคับกันไม่ได้ ถึงราคาทองคำเปลวจะแพงขึ้นก็ไม่ได้ส่งผลให้ทางวัดต้องกำหนดกฎเกณฑ์การบริจาค”

แม่ชี กล่าวทิ้งท้ายว่า ด้วยความที่เป็นทองคำแท้เมื่อแผ่นทองที่นำมาแปะหนาขึ้นๆ นั้นก็หมายความว่าปริมาณของทองเพิ่มขึ้น กลายเป็นช่องทางให้โจรเข้ามาขูดทองคำเปลวเหล่านั้นไปขายทางวัดจึงต้องมีการเฝ้าระวังตรงนี้ด้วย

ท้ายที่สุดแม้ราคาทองคำเปลวจะปรับตัวสูงขึ้น แต่พฤติกรรมการเข้าวัดทำบุญของคนไทยก็ยังนิยมใช้ทองคำเปลวแปะพระพุทธรูปเพื่อเสริมสิริมงคล อีกอย่างหนึ่งคนที่ไปทำบุญเขาก็พร้อมยอมจ่ายเพื่อความสบายใจอยู่แล้ว นนทิยา คะสุดใจ เจ้าของกิจการส่วนตัว แสดงทัศนะว่า ทางวัดนั้นมีต้นทุนที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งดอกไม้ ธูป เทียน และทองคำเปลว ที่จัดเตรียมสำหรับผู้ที่ไปทำบุญ

“อย่างครอบครัวเราก็ไม่ได้เข้าวัดทำบุญทุกวัน อีกอย่างถ้าไปวัดก็คือตั้งใจจะไปทำบุญทำทาน ไม่ได้เกี่ยงเรื่องเงินที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว ฉะนั้นการขึ้นราคาของทองคำเปลวมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำบุญเลย ไม่ได้รู้สึกเสียดายกับตรงนี้เลย ยินดีจ่ายอีกต่างหากเพราะถือเป็นการทำบุญช่วยเหลือวัด”

เป็นเรื่องของความศรัทธา อีกอย่างงราคาทองคำเปลวถึงจะขึ้นมาแต่ก็ถือเป็นเงินจำนวนน้อยมาก หากถามว่าจำเป็นไหมว่าไปวัดแล้วต้องปิดทององค์พระ นนทิยา แสดงความคิดเห็นทิ้งท้ายว่า

“มันอยู่ที่ความเชื่อส่วนบุคคลนะ อย่างตัวเองถ้าได้ปิดทองที่องค์พระก็จะเลือกปิดที่ตาเพราะเชื่อว่าทำให้เรามีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตในหน้าที่การงาน แต่ถ้าไม่ได้ปิดทองก็ไม่เป็นไร แค่ไหว้พระขอพรก็เป็นสิริมงคลสบายใจแล้ว”
….......

ถึงแม้ต้นทุนการผลิตทองคำเปลวจะมีความไม่แน่นอน ต้องแปรผันไปตามอัตราขึ้นลงของราคาทองคำในตลาดโลก เชื่อว่าการทำธุรกิจที่คาบเกี่ยวกับความเชื่อความศรัทธาอย่างทองคำเปลวก็คงต้องขับเคลื่อนตัวเองต่อไป แม้จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นแต่ความต้องการใช้งานทองคำเปลวนั้นไม่ได้ลดลง เพราะแรงศรัทธานั้นไม่ได้เกี่ยวกับเงินทองแต่อยู่ที่จิตใจ...
>>>>>>>>>>


………
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : พลภัทร วรรณดี

 

 ทำไมต้องปิดทอง?

การปิดทองพระพุทธรูปนั้น บ้างก็ว่าเป็นการรักษาผิวขององค์พระพุทธรูปไว้ไม่ให้ผุกร่อน บ้างก็ว่าเป็นการกระทำเพื่อความสวยงาม แต่ถ้าย้อนไปดูในประวัติศาสตร์จริงๆ แล้ว เรื่องของการปิดทองลงบนองค์พระนั้น กลับไม่เคยมีปรากฎเป็นหลักฐานในพระไตรปิฎกเลย

แต่มีความเชื่อสืบกันมาว่า การปิดทองคำเปลวลงบนพระพุทธรูปนั้น นอกจากจะเป็นเรื่องของการทำนุบำรุงถาวรวัตถุทางพุทธศาสนาแล้ว คนทั่วไปยังมีความเชื่อแยกย่อยไปอีกว่า การปิดทองที่ส่วนนั้นส่วนนี้ขององค์พระพุทธรูปจะส่งผลต่างกันโดยแบ่งได้ดังนี้

1. ถ้าปิดที่พระพักตร์ มีคติความเชื่อว่าทำให้หน้าที่การงาน ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
2. ปิดบริเวณพระอุทร (ท้อง) มีคติความเชื่อว่า จะอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง
3. ปิดที่พระนาภี (สะดือ) มีคติความเชื่อว่าตลอดทั้งชีวิตจะไม่รู้จักคำว่าอด สมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สิน
4. ปิดที่พระเศียร (หัว) มีคติความเชื่อว่า จะทำให้สติปัญญาความจำเป็นเลิศ สามารถแก้ไขฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคของชีวิตได้ตลอด
5. ปิดที่พระอุระ (หน้าอก) มีคติความเชื่อว่า ทำให้มีความสง่าราศรีเป็นที่ถูกใจของคนทั่วๆ ไป
6. ปิดที่พระหัตถ์ (มือ) ทำให้เป็นคนที่มีอำนาจบารมี
7. ปิดที่พระบาท (เท้า) มีคติความเชื่อว่า สมบูรณ์ด้วยที่พักอาศัย และยวดยานพาหนะ

อ้างอิงจาก http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=166498917fae045f



กำลังโหลดความคิดเห็น