xs
xsm
sm
md
lg

'โรเจอร์ โลหะนันท์' วิพากษ์ระบบ 'ขายหมา-กินหมา' ถึงเวลากำจัดโค่นรากเหง้าของปัญหาเสียที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข่าวตำรวจนครพนมบุกสกัดจับรถบรรทุกสุนัขกว่า 2,000 ตัว เพื่อนำไปส่งขายยังต่างประเทศคงสร้างแรงสั่นสะเทือนในจิตใจของบรรดาคนรักสัตว์ไม่น้อย

เพราะนี่ไม่ใช่เพียงแค่การก่ออาชญากรรมกับสัตว์ที่ถือเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนภาพให้เห็นถึงธุรกิจมืดที่แฝงกายเข้ามาในสังคมไทยอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนสุดท้ายได้กลายเป็นปัญหาคาราคาซัง เนื่องจากคงปฏิเสธได้ลำบาก ว่าเอาเข้าจริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องนี้แบบนี้ขึ้น

คำถามก็คือ เพราะเหตุใดปัญหานี้จึงเป็นเรื่องที่แก้ไม่ตกเสียที แถมยังมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องชนิดฉุดไม่อยู่อีกต่างหาก งานนี้จึงถือโอกาสนี้พูดคุยกับ 'โรเจอร์ โลหะนันท์' เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย ในฐานะของผู้ที่ออกมายืนต่อสู้กับเรื่องนี้มานานกว่า 15 ปี เพื่อค้นหาต้นตอ รวมไปถึงทางแก้แบบถอนรากถอนโคนที่จะสามารถยุติปัญหาเดิมๆ แต่กระเทือนความรู้สึกแบบรุนแรงให้หมดไปเสียที

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ปัญหาเรื่องค้าสุนัขไม่หมดไปจากสังคมไทยเสียที

ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของความเกรงอกเกรงใจกันในเรื่องที่ผิด เพราะต้องยอมรับว่าตอนแรกธุรกิจค้าหมานั้นเป็นเรื่องของคนท่าแร่ (จังหวัดสกลนคร) เท่านั้น ซึ่งเดิมก็เป็นแค่ชาวบ้านชาวนาธรรมดา แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นพ่อค้าทำธุรกิจ แล้วฐานะการเงินของเขาก็ดีมากขึ้นจริงๆ แบบหน้ามือเป็นหลังมือเลย ซึ่งพอเป็นแบบนี้เขาก็เลยกลายเป็นหัวคะแนนของนักการเมืองท้องถิ่น บางคนเป็น ส.อบต. บางคนเป็น ส.ท. และคงทราบนะว่า โดยปกติระบบการเมืองก็จะเอื้อกัน โดยเฉพาะในระดับชาติ เวลาหาเสียงก็ใช้คนพวกนี้ซึ่งเป็นคนกว้างขวางเป็นตัวช่วย

ที่สำคัญคนพวกนี้ก็จะมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นปศุสัตว์ หรือตำรวจ เพราะมันเห็นหน้ากัน กินข้าวด้วยกันทุกครั้ง ก็เลยเกิดความเกรงใจ ปล่อยปละละเลยกันไป และทุกคนก็ลอกเลียนแบบไป จนเป็นประเด็นข่าวขึ้นมาทีหนึ่ง ถึงจะระดมมาทีหนึ่ง หรือไม่ก็แค่ตบหลังแล้วบอกกันว่า ทำให้มันเงียบๆ อย่าให้ใครเขาถ่ายรูป หรืออย่างให้หน่วยราชการเดือดร้อน เพราะสื่อมันแรง และพอเรื่องเงียบก็ทำธุรกิจเป็นปกติ มันก็เป็นลักษณะนั้น

คือมันกลายเป็นเรื่องระดับประเทศไปแล้ว

ใช่! เงินมาง่าย แล้วเขาก็เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง เช่น ไอ้นี่แต่ก่อนมันก็จนเหมือนเรานี่ แต่เดี๋ยวนี้ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ออกรถกระบะ บ้านมันจากกระต๊อบกลายเป็นก่ออิฐถือปูน

ที่บอกว่าเป็นธุรกิจใหญ่ พอทราบจำนวนเงินไหมว่าสักเท่าไหร่

ประมาณ 20 ล้านบาท โดยสกลนครถือว่าเป็นหลัก ส่วนนครพนมถือเป็นทางผ่าน แต่ตอนนี้มันเริ่มมีรายย่อยลอกเลียนแบบที่อยากได้รายได้จำนวนมากแบบนี้ แถวอุดรธานี มหาสารคาม ขอนแก่น แต่ยังไม่ถึงขั้นกดดันใครได้ แต่เขากำลังโต

อย่างนี้เราพอบอกได้ไหมว่า โทษของเรื่องนี้มันต่ำ คนก็เลยอยากเข้ามาลอง
ถูกต้อง

สรุปง่ายๆ ก็คือจุดอ่อนของเรื่องนี้ก็คือระบบราชการที่ไม่เอาจริงเอาจัง

จริงๆ กฎหมายที่มีอยู่มันก็เพียงพอที่จะห้ามค้าหมา การวิ่งรถรวบรวมหมา หรืออ้างว่าเอาหมามากิน และถ้าคุณจะบังคับใช้ก็ทำได้เลย แต่อย่างว่า การที่คุณจะให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นซึ่งคุ้นเคยกับตัวคนค้าหมามาบอกเพื่อนเขา มันก็ลำบาก หรือเจ้าหน้าที่มาใหม่ก็ไม่กล้าหือ จริงไหม สุดท้ายก็ต้องเข้ามาเป็นมิตรหรือสวามิภักดิ์กับคนพวกนี้ เพราะเขาเป็นคนมีอิทธิพลอยู่แล้ว ฉะนั้นนั้นการที่คุณจะหวังให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกับเรื่องนี้จึงเป็นไปไม่ได้

และผมเองก็เคยถามเขานะ ซึ่งเขาก็ยอมรับตอบตรงๆ ว่า “คุณโรเจอร์ ผมรู้ว่าไม่อยากให้ทำกัน แต่เราก็เข้าใจสภาพความเป็นจริงว่านี่คือประเทศไทย ถ้าคุณโรเจอร์อยากให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด คงต้องไปบอกส่วนกลาง หรือบางคนก็ใช้คำว่าเบื้องบน เพื่อที่พวกผมจะได้ออกตัวได้ว่า นายสั่งมา ผู้ใหญ่สั่ง ต้องจับ ต้องเลิก”

ตัวอย่างที่เห็นชัดก็คือ นครพนม ที่พอผู้ว่าฯ สั่งลงมา คนที่เคยเพิกเฉยก็ต้องกุลีกุจอจับกัน แต่อย่างว่าสุดท้ายมันก็จะไม่ถาวร เพราะผู้ว่าฯ ก็ทำได้แค่จังหวัดตัวเอง และก็ไม่ได้อยู่ตลอดไป

พอย้ายไป ระบบเดิมๆ ก็กลับมา

ใช่! แถมเราต้องยอมรับว่า พวกนี้เขามีเส้นสายถึงหัวคะแนน ถึงนักการเมืองไล่กันไปต่อๆ โทรศัพท์กันคนละกริ๊งๆ เดี๋ยวมันก็ไปถึงพรรคร่วม แล้วเขาก็จะโทร.กลับมาว่าช่วยๆ กันหน่อย
แต่ถ้ามีคำสั่งออกสู่สาธารณชน มีรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ หรือสาธารณสุขออกมา เหมือนสมัยคุณสุดารัตน์ (คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) ที่ออกมาบอกว่า ห้ามกินปลาปักเป้า ซึ่งผมก็มานั่งคิดนะว่า ทำไมเรื่องแบบนั้นสั่งได้ ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ใช่ปัญหามาก และมีสักที่คนเหรอที่กินปลาปักเป้า

และถ้าพูดกันตรงๆ ปัญหาค้าหมาหรือกินปลาปักเป้าอันนั้นมันใหญ่กว่ากัน ค้าหมานั้นเสียชื่อมากกว่า แต่ทำไมรัฐมนตรีถึงยอมให้สั่งได้ เพราะปลาปักเป้านั้นไม่กระทบกระเทือนฐานเสียงเขา แต่เรื่องค้าหมานั้นไม่ใช่

เพราะฉะนั้นการแก้เรื่องนี้ให้หมดไป คงเป็นเรื่องลำบาก

มันยากเฉพาะตรงนั้นแหละ มันยากเฉพาะทัศนคติของนักการเมือง แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ต้องห่วงหรอก เพราะพวกฐานเสียงเนี่ย ยังไงก็อยากเป็นฐานเสียงอยู่วันยังค่ำ เพราะพวกนี้ได้ประโยชน์จากนักการเมืองมากกว่านักการเมืองได้ประโยชน์จากเขา นักการเมืองได้ประโยชน์เฉพาะตอนเลือกตั้ง พวกรายทางที่อยู่รอบตัวนักการเมืองต่างหากที่ต้องพึ่งพวกนี้ นักการเมืองก็เลยพลอยมีความรู้สึกว่าต้องช่วยพวกใกล้ตัวไปด้วย

แต่ถ้านักการเมืองมีความรู้สึกว่า ยังไงไอ้พวกฐานเสียงย่อย ยังไงก็ต้องมาพึ่งข้าอยู่ดี แล้วออกมาสั่งตู้มเลยว่า ถ้าคุณอยากให้ช่วย ไปทำอย่างอื่นแล้วเราช่วยกัน แต่อันนี้ผมยอมไม่ได้ มันจบเลย

แต่ก็ยังดูเหมือนเป็นแค่ความฝันเท่านั้น

ก็เป็นเพราะนิสัยนักการเมือง เล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องเอาไว้ เนื่องจากไม่กระเทือนกับเขาโดยตรง ดังนั้นเราก็ต้องทำยังไงก็ได้ ให้กระเทือนนักการเมือง และที่สำคัญต้องทำโดยด่วน ไม่เช่นนั้นมันจะขยายตัวออกไปเรื่อยๆ เพราะผมทำเรื่องนี้มา 15 ปีแล้ว ตั้งแต่พวกนี้ทำเป็นอาชีพเสริม เป็นแค่รายได้พิเศษ แล้วเขาก็ขยับขึ้นเป็น อบต. เป็น ส.ท. ขยับเป็นหัวคะแนนใหญ่ อีกไม่นานนี้ ต่อไปคงนึกภาพออกนะ 5 ปีจากนี้อาจจะมีคนใดคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในสภาฯ เพราะเราดู ส.ส.ตอนนี้ก็ได้ ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพแบบเก่า แต่เดี๋ยวใครมีเงินก็เข้าไปเป็น ส.ส.ได้แล้ว

อย่างนี้คุณโรเจอร์มีวิธีอย่างไรบ้างที่จะจัดการกับเรื่องนี้

เราเขย่าไม่ได้ แต่บีบได้ คือเพียงลำพังเราคงพังระบบมันไม่ได้หรอก เพราะมันระบบอุปถัมภ์ แต่เราบีบให้เกิดผลในทางถาวรได้ ที่เราต้องการทำก็คือ การจับเอาเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เพราะนี่ถือเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ถือว่าใหญ่ระดับชาติ ซึ่งแต่เดิมเราจะคุยกันแค่สองต่อสอง แต่ตอนนี้เราจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว เราจะเชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคนมาในงานประชุมนี้ แล้วจัดให้คนฟังกัน 200 คน มีทั้งเอ็นจีโอ ชาวบ้าน คนรักสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงโดยอ้อม รวมไปถึงสื่อมวลชนด้วย และก็เอาหลักฐานเหล่านี้มาถามท่านต่อที่สาธารณะว่า ท่านมีเหตุผลอะไรหรือไม่ที่จะไม่สั่งปิดเขียงหมาทั้งหมดประเทศ เพราะว่ากฎหมายสาธารณสุขไม่อนุญาตให้กินเนื้อหมา หลักฐานทุกอย่างมีหมดแล้ว ข้าราชการทุกคนยอมรับ เราแก้ไม่ได้ท่านไม่สั่ง ท่านจะสั่งหรือไม่

ผมอยากจะรู้ว่าเขาจะพูดว่าอย่างไรต่อหน้าคน 200 คนและคนอีกเป็นล้านที่ฟังการถ่ายทอด ซึ่งผมเชื่อว่าเขาต้องสั่ง เพราะเมื่อเขาไปยืนตรงนั้น ถามว่าเขาจะกล้ารับไหมว่าเป็นเรื่องปากท้อง หรือสิทธิเสรีภาพอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งถ้าเขาพูดออกมา เราก็มีเรื่องกฎหมายว่ามันไม่ใช่

แล้วสุดท้ายจะไม่ลงอีหรอบเดิมเหรอ เพราะเท่าที่เห็นก็คือสั่งแล้วมักจะไม่เกิดอะไรตามขึ้นมา

ตามสเต็ปมันจะเป็นแบบนี้แหละ ทันทีที่ออกกฎกระทรวงมา ช่วงแรกการบังคับใช้มันจะเข้มข้น เป็นธรรมชาติของระบบราชการ ซึ่งส่วนที่เหลืออยู่ก็แค่ไม่ให้มีเกิดขึ้นอีก ให้มีความต่อเนื่อง ซึ่งมันไม่ยากเลยสำหรับเอ็นจีโอ

ก็คือเรื่องปลายเหตุ เอ็นจีโอสามารถคุมได้หมด

ใช่! ถ้ามีกฎกระทรวงออกมา เกิดเจ้าหน้าที่บอกจับรถท่าแร่ไม่ได้ ผมจะบอกเลยว่าคุณไปดูกฎกระทรวงคำสั่งล่าสุดเลยว่า ห้ามออกใบอนุญาตขนสุนัขหรือค้าสุนัข แล้วทำไมคุณไม่จับ แต่ตอนนี้ผมทำไม่ได้ เพราะไม่คำสั่งกระทรวงมาอ้างอิง เพราะเรื่องแบบนี้คุณต้องทำตั้งแต่การสะสมสุนัขก่อน มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะมาดักที่ด่าน ไม่ให้ออกๆ มันปลายเหตุเกินไป ถ้าเขาไม่มีหมาให้สะสม เขาก็ไม่มีหมาขึ้นรถ ไม่มีหมาข้ามแม่น้ำโขง

ถามจริงๆ ตอนนี้คุณคาดหวังจะเห็นภาพอะไรมากที่สุด

หากเราจัดการเรื่องนี้สำเร็จ มันก็จะสานต่อไปถึง ‘พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณสัตว์’ เพราะพระราชบัญญัติตัวนี้ถูกล้มไป จากพวกค้าหมานี่แหละไปกักไว้ เนื่องจากมีผลกับเขามากกว่ากฎกระทรวง แต่ถ้าเขาไม่มีพวกนี้ ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ เขาก็จะไม่สามารถเป็นฐานเสียงของนักการเมืองที่จะไปงัดข้อกฎหมายได้อีกต่อไป

คิดว่าทั้งหมดนี้ใช้เวลาสักเท่าไหร่

ผมคิดว่าน่าจะสัก 2 เดือน เพราะเราก็ต้องตีเหล็กขณะที่กำลังร้อน และทุกฝ่ายก็พยายามจะทำให้มันจบ เพราะครั้งนี้ถือว่าใหญ่พอที่จะเห็นชัด และเงินบริจาคหมุนเวียนที่จะมาช่วยเรื่องนี้ก็มีถึง 2-3 ล้านบาทแล้ว ซึ่งเมื่อเป็นเรื่องทุกหย่อมหญ้าเดือดร้อนแล้ว มันก็ถามกลับไปราชการว่าคุณจะยอมให้พวกนี้หลุดไปด้วยค่าปรับพันบาทเหรอ ซึ่งเราคงต้องพึ่งสื่อมวลชนให้เกิดแรงกระตุ้นตลอด เช่นเรื่องที่รับปากไว้ในที่ประชุม กฎกระทรวงจะใช้เวลาเขียนครับท่าน เพราะทุกคนรู้ว่า ตอนนี้คนมาช่วยก็มาช่วยกันเยอะแยะ อีกสัปดาห์หนึ่งก็ซาไป เพราะฉะนั้นเราต้องใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด
>>>>>>>>>>>
………
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK




กำลังโหลดความคิดเห็น