กว่า 5 แสนวิวในYouTube และ Facebook Fanpage เกือบ 40,000 คน คงเป็นการการันตีความฮอตบนโลกไซเบอร์ของเธอคนนี้ “วรพรรณ รัตนบรรณกิจ” หรือ “ปอนด์ ยาค็อบเซน” (Bon Jakobsen) สาวไทยในต่างแดนเจ้าของรายการสุดฮิตบน YouTube “ใจดีทีวี” เธอเริ่มจากการถ่ายคลิปตัวเองแสดงบทบาทเป็นตัวละครต่างๆ แบบเสียดสีสังคมส่งให้เพื่อนดูเล่นๆ ขำๆ ไม่ว่าจะเป็น น้องคุกกี้ แอ๊บแบ๊ว, เอแคล์ สาวพริตตี้ และอีกหลากหลายตัวละครที่เธอสร้างขึ้น จนได้รับฉายาว่าเป็น YouTube Starของเมืองไทยอีกคนหนึ่งที่นอกจากจะให้ความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะแก่คนดูแล้ว เธอยังเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คน ในความกล้าแสดงออก และกล้าทำในสิ่งตัวเองรักอย่างจริงใจ
คลิปแรกเกิดจากความเหงา
ก่อนหน้านี้เธอทำทำคลิป Learn Thai the Bon's way ใน YouTube สอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติระหว่างหางานและเรียนภาษานอร์เวย์ เธอแต่งงานกับสามีชาวนอร์เวย์และใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมากว่า 3 ปี ช่วงแรกๆ เธอไม่มีเพื่อน ภาษาก็ยังพูดไม่ค่อยได้ และด้วยความที่ชอบดูคลิปบน YouTube จึงลองถ่ายคลิปวิดิโอของตัวเองแบบตลกๆ เล่นๆ ขำๆ ส่งให้เพื่อนชาวไทยดู ปรากฎว่าเพื่อนของเธอได้ส่งต่อ และได้รับความนิมยม มีคนติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเป็นที่มาของคลิปสุดฮิต “ลิ้นเปลี้ย” ซึ่งมีผู้ชมกว่า 5 แสนวิว
“เริ่มทำคลิปแรกมันเริ่มจากความว่าง เป็นช่วงที่เราย้ายไปนอร์เวย์ใหม่ๆ งานก็ไม่มี เพื่อนก็ไม่มี ภาษาก็พูดไม่ได้ ก็เลยคิดว่าทำอะไรดี ทำคลิปส่งให้เพื่อนดูดีกว่า เพราะช่วงนั้นจะติด YouTube มาก ดูเยอะมากแล้วขำ ก็เลยเริ่มทำซะหน่อย อัดคลิปแรกเลยชื่อ “ลิ้นเปลี้ย” ตอนนั้นยังไม่มีชื่อใจดีทีวีด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้ตั้งใจ ส่งให้เพื่อนดูเพื่อนก็ชอบ บอกให้ทำส่งมาอีก เราก็ทำอีก
เราได้ไอเดียมาจากเห็นเด็กแอ๊บแบ๊วในทีวี ในอินเทอร์เน็ตก็เห็นเด็กโพสท่าแอ๊บแบ๊วทุกรูปเลย เห็นแล้วคิดว่าทำไม? รำคาญ มันไม่ธรรมชาติ ก็เลยเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก่อน แล้วเราเป็นคนที่ชอบแสดง ชอบเลียนแบบ ก็เลยลองแสดงเป็นเด็กแอ๊บแบ๊วล้อเลียนการพูดลิ้นเปลี้ย พอทำคลิปที่ 3ชื่อ “ฝรั่ง” ก็เริ่มตั้งชื่อแล้ว เพราะดูจากยอดคนดูมันเพิ่มขึ้น แล้วเพื่อนขำกันมาก ปรากฎว่าคลิปฝรั่งเนี่ย ไปเข้าตาคนเขียน cnngo.com เขาก็ติดต่อปอนด์ผ่านใน Facebook แล้วก็สัมภาษณ์เราไปลงเว็บไซต์ลูกของ cnn ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนๆ หนึ่งจะไปลง cnn มีคนอ่านทั่วโลก แล้วเขาตั้งชื่อให้เราว่าเป็นดาวรุ่ง YouTube ซึ่งตอนนั้นในประเทศไทยยังไม่มี YouTube Starเลยแม้แต่คนเดียว พอเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เรารู้สึกเลยว่าใจดีทีวีมีทางไปก็เลยทำเป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา”
หลังจากที่คลิปแรกมีคนดูเยอะ และมีคนเรียกร้องให้ทำอีก เธอจึงทำคลิปต่อๆ มา โดยตั้งชื่อว่า “ใจดีทีวี” เพราะตั้งใจอยากจะเป็นจุดเล็กๆ ที่นำเสนออะไรที่เกี่ยวกับใจ และทำให้คนยิ้มได้
ถ่ายทำง่ายๆ แต่สะกิดใจ
ดูจากแต่ละคลิปที่เธอถ่าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งเธอบอกว่าใช้กล้องติดโน้ตบุ๊กเพียงแค่ตัวเดียว แสดงเอง กำกับเอง ใช้โปรแกรมตัดต่อแบบง่ายๆ แต่มีความสั้น กระชับ ตรงประเด็น เนื้อหาและรูปแบบการนำเสนอโดนใจ แฝงมุมมองที่สะท้อนสังคม
“ใช้กล้องนี่เลยค่ะ กล้องติดโน้ตบุ๊กมา ใช้อันนี้ตลอดเลย แล้วไม่เปลี่ยนแปลง ขั้นตอนการทำนี่ดิบมากเลยนะ ตื่นขึ้นมา วันนี้อยากทำ คิดเลยว่าทำอะไรดี สมมติวันนี้อยากเป็นคุณพลอย ไม่คิดบท ไม่เขียนบท เปิดโน้ตบุ๊คมาปึ๊บ แสดงเลย กดเร็กคอร์ด ก็แสดงอยู่ข้างหน้าเนี่ยค่ะ พอทำเสร็จเรียบร้อย เข้าโปรแกรม Movie Maker ตัดต่อ ปอนด์ว่าทุกอย่างมันง่าย และมันก็เป็นเสน่ห์ของใจดีทีวี เหมือนไปกินข้าวไข่เจียวที่บ้านง่ายๆ เหมือนเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง
คิดว่าที่คนชอบใจดีทีวีเพราะว่ามันเนียน เราแสดงเหมือนจนคนไม่รู้ว่าตัวจริง ตัวปลอม วิธีคิดไอเดียก็จะดูข่าวไทยทุกวัน เว็บไซต์ manager ก็เข้าไปอ่านซ้อเจ็ด (หัวเราะ) ทำไมภาษาเป็นอย่างนั้น ปอนด์มองไปรอบๆ ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นในสังคมบ้าง เราเห็นอะไรแล้วมันสะกิดใจ แล้วเราทำเลย ในสังคมไทยมันมีอะไรสะกิดใจเราเยอะ ยังมีเรื่องที่ยังไม่ทำอีกเยอะเลยนะ บางคนบอกว่าอย่าเพิ่งตันนะ เราบอกว่าไม่มีทางตัน เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม หรือว่าบุคลิกคน ที่เราชอบเอามาเล่น มันมีเยอะมาก นับไม่ถ้วน
บังเอิญเราหมุนตัวเองไปในภาพที่สะท้อนสังคม เพราะว่ามันเหมือนมากจนมันได้สะท้อน อย่างเด็กที่แอ๊บแบ๊ว ไม่เคยรู้หรอกว่ามันน่ารักหรือไม่น่ารัก แต่เห็นเพื่อนแอ๊บกัน เขาก็แอ๊บตาม พอเรามาทำคลิปนี้มันก็ทำให้เขาตัดสินเองว่าตกลงมันน่ารักไหม มันก็เลยสะท้อน”
อย่างคำว่า นะคะ...ในจุดนี้ เราอยากจะบอกว่ามันก็เป็นเรา จริงๆ เราก็เอามาจากพวกพริตตี้น่ะ เวลาเราเห็นอะไร เราชอบคิดเชิงวิเคราะห์ ทำไมเขาเป็นอย่างนั้น ทำไมเขาทำแบบนั้น แล้วเวลาเขาทำ เขาทำยังไง พอเราคิดอย่างนั้น เราได้มาเป็นเหมือนบทเลย สวมได้เลย บอกได้เลยว่าทุกตัวในคลิปมันเป็นตัวเองหมด มันถึงได้เนียนไง เพียงแต่ว่าเหมือนเอาไฟมาส่องคนละมุม แล้วมาขยายนิดหนึ่งเท่านั้นเอง เราเล่นคนเดียวไง ไม่มีคน เราก็ต้องจินตนาการให้มีความสมจริง ปอนด์ว่าการแสดงมันไม่ใช่การแสดงนะ มันเป็นตัวตน มันก็เหมือนการแสดง เราดึงส่วนหนึ่งของเราออกมา”
เห็นเธอเล่นเอง กำกับเอง บางวันแต่งหน้าแต่งตัวแบบจัดเต็มเป็นนางแบบ บางวันแต่งเป็นคุณยาย บางวันใส่ชุดนักเรียน จึงอดไม่ได้ที่จะถามถึงความคิดเห็นของสามีชาวนอร์เวย์กับสิ่งที่เธอชอบทำ ซึ่งเธอยิ้มขำๆ แล้วบอกว่า “หนึ่งเขาดูไม่รู้เรื่อง สองเขามองว่าบ้า วันหนึ่งก็มาเป็นยายแก่ อีกวันหนึ่งก็สวยพริ๊งเลย แรกๆ เขาไม่เข้าใจนะ ว่าเราทำไปทำไม เงินก็ไม่ได้ เราก็บอกเขาว่าเราชอบ ตอนเรากลับมาที่เมืองไทย เดินไปด้วยกันแล้วมีคนมาทัก เขาเห็นผลไงว่าสิ่งที่เราทำเป็นที่ยอมรับเขาเลยเข้าใจแล้ว”
โปรเจกต์สานฝัน 60 วัน
พอคลิปที่เธอทำได้รับความสนใจ มีคนดูจำนวนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับความสนใจจากทั้งสื่อทั้งไทยและเทศ เธอจึงมีกำลังใจที่อยากสานความฝันวัยเด็ก คือการเป็นพิธีกร จึงเกิดเป็นโปรเจกต์ “สานฝัน 60 วัน” ทำเป็น reality ตั้งแต่โทรศัพท์ไปยังรายการต่างๆ ในเมืองไทย เพื่อนำเสนอรูปแบบรายการ ตลอดจนการนัดพบพูดคุยกับคนระดับบิ๊กๆ ในวงการฯ อย่างวิทวัส และวู้ดดี้
“โปรเจกต์ 60 วัน เป็น reality คือปอนด์จะอัดเอาไว้หมดเลยว่าทำอะไรบ้าง ทำ reality ทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่ปอนด์เริ่มโทร. หาบริษัท ในเมืองไทยก็มี JSL โทร. ไปตีสิบ ตอนนั้นเห็นเข็มออกไง ก็ไม่ได้คิดหรอกว่าตัวเองจะได้ คิดว่ามีคนออกก็ต้องมีคนเข้า (หัวเราะ) ) เวิร์กพอยส์ บริษัทใหญ่ๆ โทร. ไปหมด เรียกว่าเริ่มจากศูนย์เลย
กลายเป็นว่าจากที่เคยมีคนรู้จัก เรามีแฟนอยู่ 3 หมื่นกว่าคน ใน facebook มันทำให้เกิดภาพลวงตาขึ้นว่าคนรู้จักเรา แต่พอเราโทรศัพท์ไปยังรายการต่างๆ กลายเป็นว่ามันทำให้เปิดโลกกว้างขึ้นว่าเราไม่ได้เป็นที่รู้จัก คนในวงการฯ ก็ไม่เห็นมีใครรู้จักฉันเลย เขาก็ตอบรับว่าเดี๋ยวจะลองเข้าไปรายการของเราดู แต่ก็ไม่ค่อยมีใครอยากคุยกับเรา
ช่วง 30 วันแรก เราก็โทรศัพท์ไปยังรายการต่างๆ 10 วันแรกที่กลับมาเมืองไทยปอนด์กลับบ้านอยู่กับครอบครัว ไปวัด พอ 20 วันสุดท้ายปอนด์จะให้งานนี้หมดเลย ออกสื่อนิตยสาร หนังสือพิมพ์ รายการทีวี ใครเรียกไปไหนไปหมดเลย แล้วเราก็สนุกกับมัน โชคดีมากๆ ที่ได้คุยกับคนระดับใหญ่ๆ เราเข้าไปคุย ไปเสนอไอเดีย ให้ชื่อของปอนด์ ความคิดของปอนด์ หน้าของปอนด์ ไปติดอยู่ในความคิดของเขา คิดว่าวันหนึ่งถ้ามีอะไรที่เหมาะกับเราเขาจะนึกถึงเรา ประมาณนี้คิดเอาเอง
เราก็ได้ความรู้อีกแบบหนึ่ง ไปคุยกับคุณวิทวัสได้อีกแบบหนึ่ง ไปคุยกับคุณวู้ดดี้ก็ได้อีกแบบหนึ่ง ได้ความรู้เยอะมากในเรื่องของวงการฯ คอนเทนต์ที่เราจะทำจะเป็นไปในรูปแบบไหน แล้วคนสนใจอะไร ปรากฎว่าคนไทยไม่ชอบสาระ คนไทยชอบความบันเทิง
ดังนั้นปอนด์คิดว่ามันยาก เพราะว่าระบบของสื่อโทรทัศน์ไทย มันมีระบบฟิกซ์อยู่แล้ว การที่จะทำอะไรใหม่ๆ ฉีกๆ โดยคนที่หน้าตาไม่เคยมีใครเห็นเลยมันยากมาก แต่ว่าปอนด์มีความมั่นใจว่าปอนด์จะได้ ไม่รู้แหละว่าใครจะให้โอกาส แต่คิดว่าต้องได้ ถ้าไม่ได้ ถือว่าได้ทำแล้ว โอเคแล้ว
พอครบ 60 วัน ก็กลับนอร์เวย์ ทำบทสรุป ให้คนที่ติดตามรู้ว่าเราทำอะไรไปบ้าง แล้วผลที่ตามมามีอะไรบ้าง ปอนด์เข้าใจว่าการที่เราทำแบบนี้มันเหมือนเชื้อ มันจะหมุนตัวไปเอง เพราะว่าปอนด์ไปปล่อยระเบิดไว้หลายที่มาก แต่ถ้ามันเกิน4-5 เดือนขึ้นไป เราก็มีแผนสำรองไว้คือเราจะไปเป็นบาริสต้า ขายกาแฟอยู่นอร์เวย์ (หัวเราะ) แต่ใจดีทีวีก็ไม่ทิ้ง เพราะเป็นสิ่งที่เรารัก”
มุมธรรมะของสาวฮา
หลายคนรู้จักเธอผ่านคาแรกเตอร์ตลกๆ สนุกสนานเฮฮาที่เธอนำเสนอ ซึ่งตัวตนจริงๆ ของเธอนั้นขอบอกว่าค่อนข้างแตกต่าง เพราะเธอดูเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ชอบพูดคุย เวลาว่างเธอชอบดูรายการบนอินเทอร์เน็ต ชอบเต้นรำ ปั่นจักรยาน นั่งสมาธิ แถมสุดท้ายนี้เธอยังนำหลักธรรมที่เธอได้จากการปฏิบัติธรรมมาแบ่งปันให้ฟังด้วย
“เวลาว่างปอนด์ชอบดูรายการ reality ของฝรั่ง ชอบเต้น Salsa สอนโยคะ สอนภาษาไทยให้ฝรั่ง ชอบปั่นจักรยาน ชมวิว สูดอากาศ ออกกำลังกาย เดี๋ยวนี้ก็จะหาเวลาว่างนั่งสมาธิ สำหรับปอนด์คิดว่ามันง่ายที่สุด ไม่ต้องมีอุปกรณ์ อยู่ตรงไหนก็นั่งได้ มันเป็นอะไรที่ทำให้เราได้สัมผัสกับใจเรา
เพิ่งไปปฏิบัติธรรม มีคำสอนที่อยากจะแบ่งปัน ถ้ามีจอมปลวก 6 รู แล้วเราปิด 5 รู นี่คือประสาทสัมผัสทั้ง 5 แล้วถ้ามีตัวเห้... มันจะโผล่มาในรูที่เหลือ ก็คือรูที่ไม่ได้ปิดเอาไว้ คือรูที่ใจนั่นเอง เราไม่สามารถปิดใจเราได้ ถึงเราหลับตาแต่ใจเรายังสัมผัสได้ ดังนั้นเราหลับตา คือปิดทุกอย่างแล้ว ถ้ามีอะไรที่ดีหรือไม่ดีมันผุดมาที่ตรงนี้หมดเลย แล้วเราดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดูว่ามีอะไรที่ข้างใน ปอนด์ว่านี่แหละสำคัญ แต่คนสมัยนี้มัวแต่ไม่เพลิตกับอะไรก็ไม่รู้ ไม่กลับมาดูใจตัวเอง แล้วพออายุ 30-40 มานั่งคิดว่าหาตัวเองไม่เจอ ฝรั่งเป็นเยอะนะ ลาออกจากงาน ซื้อมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ไม่รู้จะทำอะไร คนไทยก็เป็นกันง่าย โตขึ้น เข้าโรงเรียน มีลูก ทำงาน ไม่เคยเลือกอะไรด้วยตัวเองเลย ตามกระแสตลอด
ที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้ว่า ถ้าคุณทำอะไรที่คุณรักคุณก็ชนะไปครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อก่อนเราก็รู้ว่าเรารักของพวกนี้ แต่เราไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง แต่พอเราได้ทำเรารู้เลยว่าต้นทุนคือศูนย์ แล้วได้ทำสิ่งที่รัก แล้วของขวัญที่ได้ คือได้ทำในสิ่งที่ชอบ มีคนดูหลายวิว มีแฟนเพจ เขามีความสุขเราก็ดีใจด้วย เรารู้ว่าความสุขมันไม่ต้องมาก เรียบๆ ง่าย ๆก็มีความสุขได้ คิดอะไรแล้วทำเลยอย่ารอโอกาส
ทุกวันนี้พอใจมากกับทุกสิ่งทุกอย่าง อนาคตถ้ามีรายการเป็นของตัวเองก็ดี แล้วอยากทำรายการที่สะกิดใจ คิดว่าจะเป็นผลดีกับคนที่ดู อยากจะพัฒนางานไปเรื่อยๆ บนพื้นฐานของความเป็นตัวของตัวเอง จริงๆ คาแรกเตอร์ปอนด์ปั้นเอาไว้ว่าจะเปลี่ยนทุกปี เป็นเซ็ตเลย ปีนี้จะมีเจ๊อ้อย, วิภา ปีหน้าก็จะเป็นตัวใหม่อีก ถ้าเกิดเล่นเป็นแต่ตัวเดิมๆ คนดูก็จะเบื่อเหมือนกันนะ”
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์


