xs
xsm
sm
md
lg

ยินดีที่ได้รู้จัก... 'เนปาล' วิมานของนักเที่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มุมสูงจากเครื่องบินเล็กบนเทือกเขาหิมาลัย
หลังจากใช้ชีวิตอยู่บนอากาศ เหิรฟ้านั่งเครื่องบินเป็นเวลานานถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง ทันทีที่กัปตันเสียงหล่อประกาศว่า

“ขณะนี้เราได้นำท่านผู้โดยสารมาถึงประเทศเนปาลแล้ว และอีกสักครู่เครื่องบินกำลังจะลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานตรีภูวัน (เมืองกาฐมันฑุ ประเทศเนปาล) ขอให้ท่านผู้โดยสารปรับเก้าอี้ให้อยู่ในระดับตรง เปิดหน้าต่าง และรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย และห้ามถ่ายภาพทางอากาศบริเวณสนามบินหรือภายในสนามบินนะครับ ขอบคุณครับ”

ไม่ทันจะสิ้นเสียงประกาศ ผู้โดยสารที่ไม่เคยมาประเทศเนปาลต่างชะเง้อคอส่งสายตาผ่านหน้าต่างเพื่อที่จะได้เห็นภาพประเทศเนปาลบนอากาศว่าจะเหมือนจริงดังที่เคยได้เห็นมาในรูปถ่าย ในทีวีหรืออินเทอร์เน็ตหรือไม่

ยินดีที่ได้รู้จัก

อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ณ สนามบินตรีภูวัน ก่อสร้างด้วยอิฐสีส้มสวยงามสูงเพียง 2 ชั้น ขนาดกะทัดรัดเหมาะกับประเทศเนปาล ตั้งอยู่อย่างมั่นคงรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมเยียน ซึ่งหากประเมินโดยสายตาแล้วก็แตกต่างจากสนามบินที่เพิ่งจากมาไม่กี่ชั่วโมงอยู่หลายขุมทีเดียว

ภาพในสนามบินที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ดูวุ่นวายเหมือนที่จินตนาการไว้ในครั้งแรก แต่ออกจะเงียบสะงัดเล็กน้อย เนื่องจากผู้โดยสารที่ลงมาจากเครื่องบินลำเดียวกันจำนวนไม่มากเท่าไหร่

ผ่านพ้นขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ถามคำถามประจำที่เคยทำคนอื่นๆ เป็นภาษาสากลว่า

“มาอยู่กี่วัน มาเที่ยวเหรอ” พร้อมคำอวยพรว่า ขอให้เที่ยวให้สนุกนะ และส่งท้ายด้วยรอยยิ้มต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านที่ทำให้ผู้มาเยือนอบอุ่นอยู่ไม่น้อย
 
พอได้เดินออกมาพ้นอาคารผู้โดยสารก็ได้สัมผัสกับอากาศที่เนปาลแบบเต็มๆ ซึ่งก็คือไม่ต่างจากเมืองไทยเท่าไหร่นัก นั่นก็คือร้อนพอๆ กัน แต่หากจะต่างบ้างก็คือที่เนปาลจะมีฝนตกได้ตลอดทั้งวัน (ช่วงเดือนพฤษภาคม)

คณะเดินทางมายืนรอรถทัวร์คันงามขนาด 40 ที่นั่ง อยู่ไม่นานก็มีเสียงคนพูดเป็นภาษาไทยสำเนียงเนปาลนิดๆ บอกให้เราขึ้นรถได้

เสียงนั้นไม่น่าจะผิดไปจากที่ได้เดาไว้แต่แรก สุจิน (ซาจิน) ขัดกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Specialized Tour & Travel ในฐานะไกด์ทัวร์ หนุ่มวัยเกือบ 30 ปีรูปร่างกะทัดรัด เจ้าของเสียงคอยส่งสัญญาณมือให้คณะที่เดินทางมาพร้อมขึ้นรถให้เรียบร้อย

'นมัสเต' เสียงต้อนรับแรกที่ได้ยินอย่างเป็นทางการบนรถทัวร์คันหรูติดแอร์เย็นฉ่ำ เพราะถ้าไม่หรูจริงก็อย่าหวังว่ารถจะมีแอร์ ก็ไม่แปลกที่จะเห็นคนเนปาลขับรถยนต์แล้วเปิดกระจก ไม่ใช่ว่าอากาศดีหรืออะไรหรอก แต่เพราะว่ารถไม่ได้ติดแอร์จึงต้องเปิดหน้าต่างไว้นั่นเอง

คณะสื่อมวลชนกว่า 40 ชีวิต ที่เดินทางมาในโครงการ “Thai Everest 2011 Live Your Dream” คิดใหญ่...กล้าใช้ชีวิต อยู่บนรถทัวร์คันหรูอย่างพร้อมเพรียงแล้ว

สุจินต์ เริ่มทำหน้าที่ อธิบายสภาพความเป็นอยู่บ้านเมืองของชาวเนปาลให้ผู้มาเยือนใหม่รับรู้ถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่เบื้องต้น
ค่าเงิน 1 บาท เท่ากับ 2 รูปี (คนเนปาลใช้เงินรูปี) 1 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เท่ากับ 70 รูปี

คิดไม่อยากหากซื้อของที่ประเทศเนปาลคนขายบอกราคาเท่าไหร่ให้เอา 2 หาร ก็จะได้เป็นเงินไทย ซึ่งราคาสินค้าที่นี่ก็ไม่แพงเท่าไหร่นัก ยกเว้นสินค้าที่ต้องใช้ศิลปะในการสรรค์สร้าง อย่างรูปเขียนและงานฝีมือต่างๆ

เที่ยว ชอป ให้สุขใจ

“ถ้าอยากได้ของชิ้นไหน ก็ต้องลองต่อราคาดู เอาราคาที่อยากได้จริงๆ ถ้าต่อได้แล้วไม่เอา อาจจะถูกรุมมองด้วยสายตาที่น่ากลัวได้ เพราะฉะนั้นต่อได้แล้วกรุณาซื้อด้วยค่ะ” เสียงของแจน ไกด์สาวหมวยชาวไทยแนะนำวิธีซื้อของที่นี่

สินค้าขึ้นชื่อของเนปาลก็คือผ้าพาสมีน่า คือผ้าที่ทำมาจากขนสัตว์ (จามรี) ซึ่งมีทั้งแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ และแบบผสม แน่นอนว่าราคาก็ลดหลั่นกันลงไป แต่ที่แน่ๆ ผ้าพาสมีน่าแท้ 100 เปอร์เซ็นต์นุ่มอย่างกับนุ่น

นอกจากจะแนะนำสถานที่ชอปปิ้งซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาสุภาพสตรีทั้งหลายแล้ว ในการมาเยือนเนปาลครั้งนี้เราก็มีโอกาสได้ไปสถานที่สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่น จตุรัสกาฐมาณฑุ ดูร์บาร์ หรือ พระราชวังหนุมานโดก้า ซึ่งเป็นอาคารแบบยุโรปสีขาว สูง 9 ชั้น เรียกว่า หอพสันตปุร์
ซึ่งพระราชวังนี้ใช้ประกอบพิธีสำคัญของราชวงศ์พระมหากษัตริย์เนปาลออกเสด็จชมการสวนสนามด้านหน้าพระราชวัง ต่อจากนั้นก็ไปชมบ้านกุมารี เทพธิดาผู้มีชีวิตจริงของชาวเนปาล และเดินลัดเลาะอยู่บริเวณนั้นจวนจะค่ำก็ออกเดินทางมุ่งหน้าต่อไปยังย่านถนนทาเมล ซึ่งเป็นสถานที่ชอปปิ้งของฝากจำพวกผ้าทั้งหลาย

ถนนธาเมลเปรียบเหมือนถนนข้าวสารในเมืองไทย แต่มีขนาดใหญ่กว่ามากและมีสีสันกว่า มีของฝากจำพวกผ้าคลุมไหล่ กระเป๋า ปลอกหมอน หินสี อัญมณี เครื่องเงิน และสินค้าที่ระลึกทำมือหลายอย่างให้เลือกซื้อ

บรรยากาศความมืดเข้าปกคลุมทั่วถนนทาเมล นักท่องเที่ยวกำลังสนุกสนานกับการเลือกซื้อของฝากและต่อรองราคากันอย่างเมามัน ไม่ทันที่จะเลือกของได้ครบดังใจ ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างก็ดับลงอย่างไม่มีสัญญาณใดๆ เจ้าของร้านขายของฝากหน้าตาเข้มดุดันแต่ใจดี วิ่งสาละวนหาไฟฉายอันใหญ่เพื่อฉายให้แสงสว่างแก่นักท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้ขาดตอนในการชอปปิ้ง

“ที่นี่ไฟจะดับวันละ 18 ชั่วโมง จะดับเวลาไหนก็ไม่ได้แจ้งให้รู้ชัดเจน มา 4 ชั่วโมง ดับ 4 ชั่วโมงแบบนี้ทั้งวัน สาเหตุก็มาจากกระแสไฟฟ้าที่มีไม่พอจ่ายให้ จึงต้องหมุนเวียนกันใช้ในแต่ละจุด” ไกด์หนุ่มอธิบาย

ปัญหาไฟฟ้าไม่พอต่อการใช้งานถือเป็นวิกฤตพลังงานแห่งชาติ เนปาลกำลังดิ้นรนฟื้นฟูประเทศจากสงครามกลางเมืองฝีมือกบฏเหมา ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นรัฐบาลปกครองประเทศ

เนปาลกับการเมือง

อย่างไรก็ตามเรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของเนปาลไม่ใช่เรื่องน่ากังวลของนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด และที่เนปาลจะมีการประท้วง ปิดถนนกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งการประท้วงก็จะมีการแจ้งให้รู้ล่วงหน้าเพื่อขอความร่วมมือประชาชน ก็คือห้ามขับรถไปมา หากจะไปไหนก็ต้องเดินเท้าอย่างเดียว

“เขาจะไม่ทำอะไรนักท่องเที่ยว ถ้าเป็นรถของนักท่องเที่ยวก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย ซึ่งเรื่องนี้นักท่องเที่ยวไม่ต้องเป็นห่วง เที่ยวได้สบาย” ไกด์หนุ่มเล่า
 
อีกเสียงสนับสนุนจาก มาริษ เสงี่ยมพงษ์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงกาฐมาณฑุ เล่าถึงการเมืองที่เนปาลว่า หากมีการประท้วงเกิดขึ้น จะมีการปิดประเทศห้ามรถวิ่งไปมา ไม่ให้มีการค้าขาย ซึ่งการเมืองเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจไม่เดินหน้าสักที

“เด็กใช้ถนนเล่นฟุตบอลกันได้เลย” มาริษอธิบายให้เห็นภาพ

เอเวอเรสต์ ภูเขาสูงเสียดฟ้า

การเมืองภายในประเทศยังดูวุ่นวาย แต่การท่องเที่ยวก็ยังเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาประเทศเนปาล ซึ่งหนึ่งในแรงดึงดูดนั้นก็คือภูเขาสูงอันลือชื่อ 'เอเวอเรสต์' นั้นเอง

เอเวอเรสต์เป็นหนึ่งในยอดเขาในแนวเทือกเขาหิมาลัย และเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งยอดเขานี้มีแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเนปาลไม่น้อยเลยทีเดียว

หนึ่งในนั้นก็คือณัฐพล ทรัพย์มนู หนุ่มวัย 35 ปี ผู้มีความฝันในการปักธงไทยและพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บนยอดเขาเอเวอเรสต์

ณัฐพลเดินหน้าหาผู้ร่วมสนับสนุนที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ในโครงการ 'คิดใหญ่...กล้าใช้ชีวิต' เพื่อเสนอโครงการความฝันของเขา ทันทีที่โครงการก็ได้รับอนุมัติ เขามุ่งหน้ามาที่เนปาลเพื่อสานความฝันให้สำเร็จ

เขาใช้เวลาในการเดินตามฝันโดยมีการเตรียมตัวอยู่นาน 2 ปี ฟิตร่างกายเตรียมความพร้อมหวังที่จะพิชิตยอดเขาได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นดังหวัง เพราะเมื่อขึ้นไปถึงที่ระดับความสูง 7,500 เมตร แล้วต้องเดินทางกลับและยุติการปีนเขาเอเวอเรสต์ทันที

“อากาศตอนนั้นแย่มาก และทางจีนทำเชือกที่ต้องใช้ปีนระยะสุดท้ายช้า ทำให้เลยกำหนดเวลาที่สภาพอากาศเหมาะสม และเป็นช่วงใกล้ฤดูมรสุม จากอากาศดีๆ ก็มีพายุหิมะเข้าอย่างหนัก ทีมงานเราเลยสรุปความเห็นกันว่าเดินทางกลับกันดีกว่า”

นอกจากภูเขาสูงเสียดฟ้าที่มีความท้าทาย ตั้งเด่นท้าแดด ลม ฝน รอนักปีนเขาหลายหมื่นคนปีนมาถึงยอด ที่เนปาลก็ยังมีอีกหลายอย่างที่รอนักท่องเที่ยวมาเรียนรู้วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งนี้
>>>>>>>>>>
……….

เรื่อง : มาลิลี พรภัทรเมธา
ภาพ : บริษัท ไทยเบฟเวอเรจมาร์เก็ตติ้ง จำกัด
เด็กชาวเนปาลร้อยลูกปัดขายให้นักท่องเที่ยว
บรรยากาศภายในเมืองกาฐมัณฑุ
 หญิงชาวเนปาลยังแต่งตัวด้วยชุดพื้นเมืองมีให้เห็นอย่างหนาตา
บ้านกุมารี
เมืองกาฐมัณฑุบนจุดชมวิว
สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเนปาลที่เป็นที่พักผ่อนของคนเนปาลด้วยเช่นกัน
ตลาดสดเล็กๆ ในเนปาล
กำลังโหลดความคิดเห็น