xs
xsm
sm
md
lg

ครั้งแรกของเขา กับ ‘เพื่อนและกิ๊ก’ การ ‘ขึ้นครู’ ที่เปลี่ยนไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พฤติกรรมการมีเซ็กซ์ครั้งแรกของชายไทยเปลี่ยนไป เกิดปรากฏการณ์ใหม่ของ 'ครั้งแรกเขา' ที่ไม่ใช่หญิงขายบริการแต่เป็น 'เพื่อน' หรือ 'กิ๊ก' ที่ยินยอมพร้อมมีประสบการณ์ทางเพศร่วมกัน

เรื่องของเพศสัมพันธ์ในสังคมไทย คล้ายกับว่าจะเป็นเรื่องต้องห้ามที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง แต่สุดท้ายมันก็เป็นสิ่งที่ยังคงดำรงอยู่และดำเนินไปตามครรลองของมัน

แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ได้พูดกันเต็มปาก แต่เอาเข้าจริง ไม่ว่าหญิงหรือชายคนไหนก็ต้องมีครั้งแรกของตนเองกันเกือบทั้งนั้น และเป็นที่รู้กันอยู่ว่า ครั้งแรกของชายไทยในยุคก่อนหน้านี้ มันมักจะเกิดขึ้นกับหญิงบริการ หรือที่เรียกกันว่าการไป 'ขึ้นครู' นัยว่าเป็นการไปเรียนรู้เรื่องเพศครั้งแรกกับผู้มีประสบการณ์ ก่อนจะออกเดินทางไปผจญภัยทางเพศตามวิสัยของชายหนุ่มวัยฉกรรจ์

แต่ในปัจจุบัน วิถีทางเพศแบบดั้งเดิมได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว เพราะจากผลการวิจัยของ สถาบันวิจัยประชากร และสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้ให้เห็นว่าชายไทยปัจจุบันนิยมมีเซ็กซ์ครั้งแรกกับ ‘เพื่อนและกิ๊ก’ แทนที่จะมีกับหญิงขายบริการเหมือนกับที่ผ่านมา

อาจจะฟันธงไม่ได้ว่า แบบไหนดีกว่าแบบไหน เพราะจะว่าไปแล้ว บางทีอาจจะพอหาต้นสายปลายเหตุได้ว่า มันเดินทางมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร


เมื่อเพื่อนฟีเจอร์ริ่งกับเพื่อน

รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล รองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า ความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างเพื่อนจริงๆ แล้วไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว โดยผลวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า เรื่องเพศวิถีนั้นมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งในแง่ปัจเจกบุคคลและในแง่สังคม

ตัวอย่างเช่น ผลสำรวจพบว่าผู้ชายไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป พบว่า สัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับภรรยาตนเอง ขณะที่ในรุ่นถัดๆ มาก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเป็นไป คืออายุ 46-60 ปี แม้ส่วนใหญ่จะมีเซ็กซ์ครั้งแรกกับคู่ตนเองมากที่สุด แต่สัดส่วนนั้นเหลือเพียงประมาณหนึ่งในสาม ขณะที่สัดส่วนของผู้ตอบว่า คู่นอนคนแรกคือ หญิงบริการก็เพิ่มตามมาติดๆ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน

และเมื่อพอไปสอบถามคนอายุ 41-45 ปี ก็พบว่าสัดส่วนการมีเซ็กซ์กับหญิงบริการกลับมีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ 43 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ชายไทยอายุ 36-40 ปี วิถีเพศก็เริ่มเปลี่ยนอีกครั้ง เพราะเป็นรุ่นที่เริ่มมีเซ็กซ์ครั้งแรกกับเพื่อนสนิทเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 43 เปอร์เซ็นต์ และก็เริ่มมีแนวโน้มแบบนี้สูงขึ้นในรุ่นถัดๆ ไป

แน่นอนว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ มีรากเหง้ามาจากมุมมองเรื่องเพศของปัจเจกบุคคลที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น กรอบความคิดเรื่องอยู่ก่อนแต่ง หรือการรักษาพรหมจารีซึ่งมีทิศทางที่ดูผ่อนคลายมากขึ้นในทางปฏิบัติ

"คนมองเรื่องเพศสัมพันธ์เปลี่ยนไปจากเดิม ตัวอย่างเช่นคำว่า ‘แฟน’ ก็อาจจะไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นคู่ที่แต่งงานอย่างเดียว หรืออย่างการมีเซ็กซ์ ซึ่งสมัยก่อนมองว่า พอมีเซ็กซ์กันแล้วก็จะอยู่กินด้วยกัน แต่เดี่ยวนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เพราะมันกลายเป็นว่าหากถูกใจกันก็มีเซ็กซ์กัน“

“อย่างวัยรุ่นในปัจจุบัน เหมือนว่าเขาเดินทางอยู่ระหว่างโลก 2 โลก คือ โลกของตัวเอง ในกลุ่มเพื่อนฝูง โลกที่การโฆษณาจากสื่อบันเทิง กับโลกที่อยู่ในบ้านและโรงเรียนซึ่งมีความเป็นจารีตอยู่ พูดง่ายๆ คือเขาก็มีชีวิตของเขา มีวัฒนธรรมของเขา แต่ในบ้านหรือในโรงเรียนก็ยังคิดว่ามันยังเป็นเหมือนแบบเดิมๆ อยู่”

และวัฒนธรรมของพวกเขาที่ว่า ก็นำพาไปสู่การแสวงหาประสบกาณ์ใหม่ๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน เรื่องเที่ยว หรือกระทั่งเรื่องเพศ

สายลมตะวันตก นำไปสู่ 'การแชร์ประสบการณ์'

ในสังคมไทย ถึงแม้ว่าจะเป็นสังคมที่ไม่พูดเรื่องเพศอย่างเปิดเผย แต่มันก็มีกลไกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเติบโตของวุฒิภาวะทางเพศอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูไม่ดีนัก แต่เราก็ต้องยอมรับว่า ในสมัยหนึ่ง ผู้ชายในบ้านเราส่วนมาก ก้าวข้ามผ่านเรื่องของเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับหญิงบริการ ที่ดูเหมือนจะรับหน้าที่นี้ไว้โดยเฉพาะ แต่จากความเปลี่ยนแปลงที่เห็นกันในทุกวันนี้ เราก็ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเกิดมาจากมุมมองทางด้านวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนเดิม

รศ. รัจรี นพเกตุ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบัน แนวคิดจากสังคมตะวันตกได้หลั่งไหลเข้ามาสู่ประเทศไทย ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างต้องเปลี่ยนไป

“ต้องยอมรับว่าสังคมมันเปลี่ยนไปเยอะ การสื่อสารมันก็เชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก สังคมเราค่อนข้างจะเคลื่อนไปทางสังคมตะวันตก สมัยก่อนชายไทยครั้งแรกของเขานั้น มักจะไปตามซ่อง ไปหาหญิงบริการ ไปเสียสตางค์แลกมา แต่ปัจจุบันนี้บริการแบบนั้นมันก็ไม่ได้เหมือนเดิม มันมีโรคติดต่ออย่างเอดส์มาเกี่ยวข้อง ทำให้ผู้ชายเกิดความกลัว ฉะนั้นพฤติกรรมของเขาก็ใกล้เคียงไปทางตะวันตกมากขึ้นคือ คนที่เป็นเพื่อน ก็อาจจะมีเซ็กซ์ร่วมกัน มันขึ้นอยู่กับมุมมองของทั้งชายและหญิงเองด้วย เพราะว่าความคิดเห็นของผู้หญิงก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว จากการรักนวลสงวนตัวก็คิดใหม่ว่าเขาน่าจะมีประสบการณ์บ้าง”

ท้ายที่สุดก็คงสรุปไม่ได้ว่าพฤติกรรมทางเพศของชายไทยที่หันมามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนสาวครั้งแรกนั้นถือว่า ผิดหรือไม่? คงต้องพิจารณาตามวิจารณญาณของแต่ละบุคคล

“ถ้าถามว่ามันเสียหายหรือไม่นั้น ดิฉันคิดว่ามันขึ้นอยู่กับประเพณี วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ความคิดของละครอบครัว แต่ละบุคคล มันเกิดขึ้นเนื่องจากสังคมเราเปลี่ยนแปลงไป มีแนวโน้มเข้าไปในตะวันตกมากขึ้น มันอยู่ที่ว่าเรารับกับได้หรือเปล่า ถ้าเผื่อเรารับไม่ได้เราจะแก้อย่างไร”

ในมุมมองของคนสองวัย

เรื่องของการมีเพศสัมพันธ์นั้นมันอยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทว่าด้วยสภาพของสังคมและยุคสมัยที่ต่างกันย่อมทำให้มุมมองของคนในแต่ละยุคที่มีต่อเรื่องของเพศสัมพันธ์แตกต่างกันไป

“ปัจจุบันนั้น เรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ เราอาจจะสรุปได้ว่า มั่วกันมาก คิดแต่จะเอากันอย่างเดียว ไม่เหมือนกับในสมัยก่อน เขายังให้เกียรติผู้หญิงกันมาก คิดอยู่แต่ว่าจะทำตัวอย่างไรให้เขารักเขาชอบเรา ไม่ใช่คิดว่าทำยังไงถึงจะนอนกับเขาได้ เมื่อก่อนได้แค่ภาพถ่ายหรือจดหมายจากผู้หญิงมาก็ดีใจจนนอนไม่หลับแล้ว หรือได้จับมือก็สุดยอดแล้ว สมัยนี้มาเจอกันครั้งแรกก็แทบจะกอดจะจูบกันแล้ว”

นั่นคือมุมมองเรื่องของความสัมพันธ์หนุ่มสาวในสายตาของคนรุ่นก่อนอย่าง สุพัฒน์ ธีรภาพสกุลวงศ์ หรือที่รู้จักกันดีในนามของ เต็กกอ ขุนแผนเมืองนครปฐม แต่ถึงแม้มุมมองเรื่องของความรักของคนในสมัยนั้นจะดูอนุรักษ์นิยมและโรแมนติก แต่ในเรื่องของการเรียนรู้ในเรื่องเพศของฝ่ายชายนั้นก็ยังคงดำเนินไปตามวิถีของมัน

“จริงๆ แล้ว ไม่มีใครอยากเป็นผู้ชายซื่อบื้อที่ไม่มีประสบการณ์หรอก ผู้ชายในสมัยนั้น เขาก็จะไปเรียนรู้เรื่องเพศโดยการไปขึ้นครูกัน เรียกว่าพากันไปเสียตัวครั้งแรกที่สถานค้าประเวณี ซึ่งถึงแม้ใครจะไม่กล้าหรือจะขี้อายขนาดไหน แต่เพื่อนๆ ที่เคยมีประสบการณ์ก็จะเป็นธุระให้ รวมหัวกันออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย คนรุ่นผมมีครั้งแรกแบบนี้กันเป็นส่วนใหญ่ มีน้อยมากที่จะไปมีอะไรกับเพื่อนหรือกับคนรู้จัก ส่วนกับแฟนนี่ จะไปมีอะไรกันก็วันแต่งงานโน่น”

ที่เต็กกอกล่าวไว้ คือมุ,มองของคนในสมัยก่อน แต่ในมุมมองของคนในยุคปัจจุบันนั้น กันต์ รตนาภรณ์ ดาราหนุ่มหล่อ ให้ความเห็นในทำนองว่าว่า ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ย่อมทำให้รูปแบบของการมีเพศสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไปด้วย จากแต่ก่อนผู้ชายมักจะมีครั้งแรกโดยการไปซื้อบริการทางเพศ แต่ในทุกวันนี้ครั้งแรกของผู้ชายก็มักจะเกิดกับเพื่อนหรือกิ๊กมากกว่า ซึ่งนั่นอาจจะมาจากความคิดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความปลอดภัย

“การซื้อบริการอาจจะไม่ใช่ทางเลือกของคนยุคนี้ เพราะมันดูไม่น่าปลอดภัย การมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนหรือกิ๊กก็น่าจะมีความเซฟกว่า แต่ถ้ามองในด้านคุณธรรมแล้วมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะเราไปมีอะไรกับเพื่อนหรือกิ๊กเพื่อเรียนรู้ และสนองความต้องการทางเพศเท่านั้น”

ในมุมมองของกันต์ การที่คนเราสามารถมีเพศสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ง่ายขึ้น อาจจะเป็นเพราะว่า โลกในยุคปัจจุบันเปิดกว้างมากขึ้น สามารถพูดถึงเรื่องเซ็กซ์ได้อย่าเปิดเผยมากกว่าแต่ก่อน

“สื่อต่างๆ มันเปิดกว้างขึ้นทำให้คนเราคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำ คนปัจจุบันจึงไม่เห็นเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องแปลก จึงทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญของคนในสังคมไปแล้ว ซึ่งหากเทียบกับแต่ก่อนแล้วก็ไม่ได้เปิดเผยกันถึงเพียงนี้”

ส่วนทางด้านมุมมองฝ่ายหญิงที่มีต่อเรื่องนี้นั้น คุณิตา ตันติพันธุ์วดี มองว่า ในมุมของผู้หญิงนั้น สาเหตุน่าจะมาจากความรู้สึกผูกพันที่เพื่อนมีต่อกันเป็นระยะเวลานาน จนเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ ระหว่างชายหญิง แต่ยังคงสถานะความเป็นเพื่อนอยู่ และเมื่อเกิดสถานการณ์ที่เป็นใจ อาจจะเกิดความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นได้

“คิดว่า ในมุมของผู้หญิง ถึงแม้จะไม่ใช่ความสัมพันธ์กับแฟนแต่เรื่องแบบนี้มันมีโอกาสเกิดจากความผูกพันทางใจ และความรู้สึกดีๆ ต่ออีกฝ่าย

“ส่วนตัวคิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นนะ เพราะเป็นเพื่อนกันอยู่ ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ก็อาจจะมองหน้ากันไม่ติด หรือความรู้สึกอาจจะเปลี่ยนไปบ้างไม่มากก็น้อย ทำให้วางตัวกันลำบาก”

..........

ถึงแม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตามอุดมคติ และมาตรฐานของศีลธรรมนั้น ก็คือการมีเพศสัมพันธ์กับสามีหรือภรรยาในวันส่งตัวเข้าหอ แต่กระนั้น เราก็ต้องยอมรับว่า ในโลกแห่งความเป็นจริงจะมีใครบ้างที่ทำได้ตามนั้น

จากแต่ก่อน ครั้งแรกของผู้ชายมักจะเริ่มในสถานบริการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ครั้งแรกของทั้งชายและหญิงกลับเริ่มต้นที่ห้องนอนเพื่อน จากนั้นก็ผจญภัยไปอีกนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนที่จะมาจบในห้องหอในคืนวันแต่งงาน

คงไม่มีใครบอกได้ว่า การมีครั้งแรกแบบซื้อหา กับมีครั้งแรกกับเพื่อนฝูง อย่างไรเป็นเรื่องที่ดีกว่ากัน และผลการวิจัยในเรื่องนี้ ที่เรานำเอามาเล่าสู่กันฟังชิ้นนี้ ก็เป็นเพียงแค่การนำเอาความจริงที่เห็นและกำลังเป็นไปในสังคม มานำเสนอให้ทุกคนเห็นเท่านั้นเอง.

>>>>>>>>>>>
………
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพ CLICK


กำลังโหลดความคิดเห็น