เป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่มีหน้าตาดูเด็กตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลายิ้ม รอยยิ้มจริงใจที่ปรากฏอยู่บนใบหน้านั้นทำเอาหลายคนเดาอายุของเธอกันไม่ออกทีเดียว (ถึงแม้ว่าความจริงอายุจะไม่ใช่เด็กๆ แล้วก็ตาม)
สาววัยย่าง 36 ปี ที่ไม่ปิดบังอายุคนนี้นั่นก็คือ ป๊อก-ปิยธิดา วรมุสิก และเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เป็นหญิงสาวที่มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นแอร์โฮสเตส จึงมุ่งหน้าเข้าเรียนต่อในรั้วมหาวิทยาลัย คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ เพื่อต่อยอดทักษะทางภาษาให้แก่ตัวเองได้เดินตามฝัน แต่ชีวิตได้หักมุม เพราะได้เดินทางเข้าวงการบันเทิง ในสไตล์ผู้หญิงหน้าตาเรียบร้อย น่ารัก ใสๆ เธอเดินเข้ามาในวงการบันเทิงและโลดแล่นอยู่นานจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเธอบอกว่า หากเธอเข้าวงการในสมัยนี้อาจจะไม่ได้แจ้งเกิดกันเลยทีเดียว
ด้านชีวิตความรัก ที่คบหาดูใจกับคนในวงการเดียวกันกับ ตั๊ก-นภัสกร มิตรเอม ถึง 10 ปี และปลายปีนี้อาจจะมีพิธีแต่งงานให้ทุกคนได้แสดงความยินดีกับทั้งคู่
บ่ายของวันที่อากาศดีๆ วันหนึ่ง ป๊อก มาตามสถานที่นัดหมายเพื่อให้สัมภาษณ์ในบรรยากาศสบายๆ แบบเป็นกันเอง
ช่วงนี้มีงานอะไรบ้างไหม
ก็มีงานออกรายการต่างๆ ถ่ายละคร ถ้ามีบทที่น่าสนใจจริงๆ ก็รับเล่น แต่ถ้าไม่มีก็หาเวลาเตรียมงานแต่งงาน เพราะตอนนี้ทั้งสถานที่ แขกเหรื่อ อะไรก็ยังไม่ได้จัดการเลย เดี๋ยวให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วก็จะเตรียมตัวไปซื้อสมุดสำหรับแพลนงานแต่ง เพราะคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่ต้องวางแผนซักที
ได้กำหนดเวลาแน่นอนหรือยัง
ยังค่ะ แต่น่าจะเป็นภายปลายในปีนี้กำลังดี
เตรียมตัวยังไงบ้าง
เรื่องแต่งหน้าทำผมมีช่างที่ถูกใจอยู่แล้ว ส่วนเลือกชุดก็ต้องดูนานหน่อย ยังไม่มีชุดในใจ เราแค่อยากได้สไตล์ไทยๆ และก็เริ่มติดต่อนั่นนี่เยอะขึ้น
มีวิธีการเลือกชุดยังไง
น่าเกลียดที่สุด คือเรารับถ่ายแบบให้วี (WE) แมกกาซีน เพราะอยากหาชุดแต่งงาน (หัวเราะ) เขาติดต่อมานานหลายทีแล้ว ให้ถ่ายคู่กับพี่ตั๊ก เราก็บอกยังไม่พร้อมค่ะ แต่พอจะแต่งแล้วเรายังไม่มีชุดไง พอเขาติดต่อมา เราก็ถามว่าถ่ายคู่พี่ตั๊กได้ไหมค่ะ เขาก็บอกว่าได้ค่ะ เราก็บอกให้หาชุดให้ด้วยนะ ขำตัวเองเหมือนกัน อายนะ เขิน เป็นวิธีการหาชุดสำเร็จรูป เขามีชุดหลายร้านมากมาให้เลือก เราไม่ต้องไปร้านเอง เราบอกเขาเลยว่าหาให้ด้วยนะ 8-10ร้านเอามาเลยค่ะ มีชอบบ้างแล้วล่ะ แต่ก็เลือกต่อไป เพราะต้องลงรายละเอียดเยอะ
เป็นชุดแบบไหน
ชุดไทย ใช่ ไม่ใส่ชุดสากล เราไม่ใช่ฝรั่งนะ เคยใส่ถ่ายละครหลายเรื่องแล้ว รู้สึกว่าการใส่ชุดเจ้าสาวแบบฝรั่งก็โอเค แต่เราชอบแบบไทย เวลาเราไปเห็นเจ้าสาวประเทศเกาหลี จีน ญี่ปุ่นที่ใส่ชุดฝรั่ง ก็คิดว่าอยากเห็นเวลาเขาใส่ชุดบ้านเขานะ ใส่ชุดเกาหลีแท้ๆ ก็น่าจะดีออก
คิดว่าหญิงไทยใส่ชุดไทยดูดีที่สุด อาจจะต้องเป็นชุดไทยทั้งงานเช้า - เย็น สวยด้วยและสบาย แต่แบบก็ไม่เยอะ ถ้าเผื่อไม่มีที่ชอบจริงๆ อาจจะหาผ้าแล้วนุ่งสด สบายๆ ไม่ต้องมาตัดเป็นสำเร็จ เจ้าบ่าวก็นุ่งโจงกระเบน และก็ต้องเป็นผ้าทับเดียวกัน สีเดียวกัน พี่ตั๊กเขาถนัดเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาชอบ...ชอบมาก
รูปแบบงานวางไว้อย่างไร
อยากให้เป็นแบบไทยๆ เหมือนงานมหรสพแบบนั้น รายละเอียดลงลึกไม่ได้ ใกล้ๆ วันดีกว่า ค่อยว่ากันอีกที ไม่ใช่ใหญ่โต หรือเป็นมหกรรมแห่งชาติ พื้นฐานจริงๆ ก็เสียดายเงิน แอบงก (หัวเราะ) จริงๆ อยากได้วัดอรุณฯ (วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร) แบบที่เป็นเอาต์ดอร์ พี่ตั๊กก็บอกว่า บ้า... แต่งงานในวัดเหรอป๊อก (หัวเราะ) บางคนบอกต้องสนามหลวง เราก็บอกพี่ค่ะ เอาไว้เผาศพนะค่ะ จะเหมาะเหรอ (หัวเราะ)
ทำไมไม่จัดที่โรงแรมไปเลย
โรงแรมมันทำอะไรไม่สะดวก เราอยากโชว์โขน มีพี่น้องแสดงเยอะ เราเป็นตัวเองมากกว่า คนอื่นก็ต้องโรงแรมหรู เราไม่ใช่คนหรู เราอยากให้ทุกคนรู้สึกสบาย ง่ายๆ ไม่อยากให้รู้สึกเป็นภาระ งานเราแค่แต่งตัวเรียบร้อยก็พอแล้ว ไม่ต้องแต่งหน้าทำผมมาก็ยังได้
จะจัดงานธีมชุดไทยเลยไหม
กลัวแขกเครียด ถ้าได้แบบนั้นเราแฮปปี้มาก อาจจะถ้าเผื่อคุณไม่ลำบากเราจะรบกวนอย่างนั้น ใจอยากให้แต่งไทย เพียงแค่ไม่อยากให้ลำบากในการหาชุด
เตรียมเข้าคอร์สเจ้าสาวหรือเปล่า
ไม่หรอก แค่อาจจะขัดผิว เพราะเราถ่ายละคร คนดูไม่ค่อยได้เห็นผิวจริงๆ เราก็อยากโชว์ผิวสวยๆ ให้ดู ปกติสามปีขัดครั้ง ครั้งนี้ก็เอาสักหน่อยแล้วกัน ดูอยู่ว่าจะทำยังไง หรือจะเอาเงินจ้างเด็กที่บ้านซื้อมะขามเปียกมาขัด (หัวเราะ)
มองการแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญไหม
มันเป็นการบอกให้คนอื่นรับทราบอย่างเป็นทางการ ให้เกียรติพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าหอบผ้าไปอยู่ด้วยกัน ถ้าเรามีแฟนก็ต้องทำ ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องเครียด ก็มีเยอะแยะจัดงานใหญ่โตสุดท้ายก็เลิกกัน ไม่เคยแต่งงานกัน แต่อยู่ยืดยาวก็มี
เมื่อก่อนกลัวการแต่งงาน เราประสาทเสีย คิดว่าวันนี้แต่งงานแล้วตัวกลายเป็นสีเขียว ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องที่สาวสังคมเมืองใหญ่กลัว ไม่ใช่ อย่าประสาทเสียเลย ถ้าเรามานั่งนึกย้อนกลับ คนต่างจังหวัดก็ทำงาน แต่งงาน มีลูกมีผัวไป สาวสังคมเมืองบางทีก็ร้องไห้กับเรื่องบ้าบอ มีเวลาเครียดกับเรื่องแปลกๆ
กลัวการแต่งงานเหรอ
กลัวว่าแต่งงานแล้วดูแก่ เป็นภรรยา มีสามี ไม่ได้แล้ว ฉันอยากดูเป็นสาวตลอดเวลา จริงๆ รักแฟนนะ แต่อยากรู้สึกเป็นสาว ซึ่งเคยมีความคิดนี้ไม่นานมานี่เอง
อะไรที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิด
เหนื่อย คิดมาก ประสาทเสีย ก็ไม่ได้มีอะไร ตอนอายุ 29 พอเช้าถัดไปวันเกิดอายุจะครบ 30 ปี ก็กังวล ซึ่งจริงๆ ตื่นมาก็เหมือนเดิมมันก็ธรรมดา ชีวิตก็เหมือนเดิม แค่สมมติเรื่องตัวเลขขึ้นมา ถ้าเราไม่คิดมากนะ (หัวเราะ)
แล้วตอนนี้ล่ะ
ตอนนี้ 35 ปี จะ 36 ปีแล้ว เออ…ที่ผ่านมาประสาทเสีย อายุมันเป็นความจริง ใครถามอายุก็ไม่ได้ว่าอะไร
มุมมองความรักของป๊อกเป็นแบบไหน
ถ้ามีความรักก็จริงจัง จริงจังในความสัมพันธ์ ไม่ใช่การปฏิบัติ ไม่ใช่ว่าดูหนังก็ต้องไปด้วยกัน ฉันไม่อยากไปเธอก็ไม่ได้ไป ฉันอยากอยู่บ้านก็ต้องอยู่
เคยเป็นแบบนั้นไหม
เคยค่ะ...พูดจากประสบการณ์ล้วนๆ มีครั้งหนึ่งพี่ตั๊กเขาไปงานเปิดตัวหนัง แล้วเราติดงาน เข้าไปดูไม่ทัน ไปดูด้วยไม่ได้ โกรธค่ะ ทำไมไม่ดูด้วยกัน กิจกรรมการดูหนังเป็นสิ่งทำกับแฟน พี่ตั๊กก็บอกไปดูอีกก็ได้ เราบอกไม่ ก็ไปดูมาแล้ว ไม่ดูๆ ดูประสาท งี่เง่า เป็นตอนเด็กๆ พอโตแล้วก็ไม่ใช่...
.........
บางสิ่งบางอย่างของป๊อก
เคยทำหลายอย่างในวงการบันเทิง ทั้งถ่ายแบบ ร้องเพลง แสดงละคร พิธีกร ชอบและถนัดที่สุดคือ แสดงละครแต่สิ่งทำไม่ได้และไม่ทำเลยก็คือการออกงานอีเวนต์
“ไม่ใช่แนว รู้สึกอาย ยกเว้นแต่เราเป็นพรีเซ็นเตอร์ โอเคไป ถ้าอีเวนต์ทั่วไปนี่เราไม่ไปเลย เขิน เหมือนกับเราไปใช้ความเป็นดาราหาเงิน เราไม่ชอบ ไปแล้วให้ทำอะไรอ่ะ เราทำไม่ได้ ถ้าคนอื่นไปแล้วทำได้ก็โอเค แต่เราทำไม่ได้ ไปแล้วยืนโชว์ตัว เราไปอยู่ตรงนั้นมันไม่ถูกที่ถูกทางของเรา
“ร้องเพลงก็เคย (หัวเราะ) ไม่ใช่ไม่เคย เพลงประกอบละคร ‘สุดหัวใจ’ และ ‘ซึมน้อยหน่อยกะล่อนมากหน่อย’ และสองเรื่องนี้เล่นคู่กับ พี่จ๊อบ (นิธิ สมุทรโคจร) ซึ่งร้องเพลงเก่งมาก ทั้งคู่ร้องเนี่ยะ เสียงหลงไปกันคนละทาง พอไปร้อง ทีมงานก็ถามว่า จะรับเป็นค่าร้องหรือจะเอาเป็นส่วนแบ่ง โอ้ยๆๆๆ คิดดูดิ จะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่ เขาก็จะบอกเราว่า จะได้ค่าซีดีเท่านี้ๆ เรารู้ว่าร้องไม่ดี ก็เลยถามพี่จ๊อบว่าเอาแบบไหนดี พี่จ๊อบเลยบอกว่า ไอ้ป๊อกแกคิดว่ามันจะขายได้จริงๆ เหรอ รับเป็นก้อนเถอะ (หัวเราะ) เราก็โอเค พอผลออกมามันก็ธรรมดา ไม่มีอะไร ก็ดีแล้วที่ไม่รับส่วนแบ่ง ไม่งั้นเจ๊ง (หัวเราะ)”
หลายครั้งมีคนเคยมาขอให้ป๊อกถ่ายแบบชุดว่ายน้ำ เธอเลยบอกไปว่า
“สงสารกันเถอะ อยากอยู่แบบลอยหน้าลอยตาอยู่ ไปถ่ายแล้วมันดีก็เสมอตัว แย่ก็แย่ไปเลย ถ้าถ่ายก็แค่เป็นคนหนึ่งที่เคยถ่ายชุดว่ายน้ำ ไม่เอาดีกว่า ขออยู่เป็นส่วนที่ไม่เคยถ่าย ไม่ได้ขายด้านนี้ อย่าจบชีวิตตัวเองทำงานที่ไม่ถนัดเลย (หัวเราะ)”
>>>>>>>>>>>
………
เรื่อง : มาลิลี พรภัทรเมธา
ภาพ : พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร