xs
xsm
sm
md
lg

น้ำคำของ ‘เรยา’ จากปลายปากกาของ ‘แดง’ ศัลยา สุขะนิวัตติ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้ละคร ‘ดอกส้มสีทอง’ จะลาจอไปแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่อเ 'เรยา' ได้สร้างผลสะเทือนให้แก่สังคมไทยในหลายด้าน ไม่ว่าจะในฐานะของละครเรตติ้งสูงลิ่วเรื่องล่าสุด หรือจะเป็นข้อถกเถียงทางด้านสังคมวัฒนธรรมที่ตามออกมา

นอกจากเรื่องราวที่ถูกผูกขึ้นโดยเจ้าของบทประพันธ์แล้ว ในการมาทำเป็นละครโทรทัศน์ คนสำคัญอีกคนที่ขาดไม่ได้ก็คือ ผู้เขียนบทละครโทรทัศน์ เพราะบทสนทนา การเรียงลำดับการเล่าเรื่อง ล้วนถูกกำหนดโดยคนเขียนบททั้งสิ้น

ดังนั้น ทุกคำพูดของเรยา คุณใหญ่ คุณดี๋ และตัวละครอื่นๆ ที่ออกมาโลดเล่นสร้างความประทัปใจและข้อถกเถียงให้แก่มหาชนชาวไทย ก็ล้วนออกมาจากปลายปากกาของ แดง-ศัลยา สุขะนิวัตติ์ นักเขียนบทละครโทรทัศน์มือฉมังที่รับหน้าที่เขียนบทให้แก่ละคร ‘ดอกส้มสีทอง’


ชอบเขียนหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆ
สมัยเด็กๆ นี่เรียกตัวเองว่าเป็นหนอนหนังสือตัวยงก็ได้นะ ก็อ่านทุกแนวส่วนมากจะเป็นวรรณคดี, นวนิยาย แต่อ่านอย่างเดียวนะ ไม่ได้คิดอยากจะเขียนเลย ต่อมาก็เข้ามาศึกษาที่รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเป็นคณะที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเขียนเลย

ถ้าไม่ได้ชอบเขียน แล้วเข้ามาเขียนบทละครโทรทัศน์ในที่สุดได้อย่างไร
ตอนที่เริ่มก็อายุมากแล้วนะ สักสามสิบเกือบจะสี่สิบได้ คือมีญาติของเราที่ทำละคร (ไพรัช สังวริบุตร ประธานบริษัทดาราวิดีโอ, สามเศียร, ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น และ จ๊ะทิงจา / ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ภาพยนตร์และละคร ปี 2547) ชักชวนให้มาเขียน คือ กิตติศัพท์เรื่องการอ่านของเรานั้นเป็นที่เล่าลือในหมู่ญาติ เขาเลยคิดว่าเราทำได้

เรื่องแรกที่ทำนี่รู้สึกว่ายากไหม
ไม่ยากเลย เพราะเป็นเรื่องสั้นจบในตอน ไม่ต้องทิ้งปม หรือเร้าอารมณ์คนอ่านให้อยากติดตาม เพราะมันจบในตอน แต่พอมาเรื่องต่อมาซึ่งเป็นเรื่องยาว เราก็รู้เลยว่าเราเขียนไม่ได้ มันช่างยาก นั่นทำให้ต้องคิดแล้วว่าเรียนรู้เพิ่ม คือมันต้องเล่าเรื่องให้น่าสนใจ เป็นศิลปะคนละแขนงกับการเขียนนิยายเลยนะ อย่างนิยายนี่ถ้าจะมีการบรรยายความในใจ เขาก็สามารถเขียนบรรยายออกมาได้เลย แต่กับละครนั้นการจะให้ตัวละครพูดกับตัวเอง เพื่อเล่าความในใจแบบที่ละครสมัยนี้ชอบทำกัน ดิฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่

ที่บอกว่าเขียนไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาก็ได้รับรางวัลทางด้านการเขียนบทละครมานับสิบรางวัล
แหม! ก็ทำงานมาตั้งยี่สิบกว่าปี มันก็ต้องมีทักษะขึ้นมาบ้าง ต้องมีการพัฒนา อีกอย่างดิฉันนั้นโชคดีที่ได้รับนวนิยายที่ดีมาเป็นโจทย์ เป็นนวนิยายของนักประพันธ์ชั้นครู ดังนั้นก็เหมือนกับได้กำไรมาครึ่งหนึ่งแล้ว เราเพียงแต่ทำให้ออกมาเป็นบทละครเท่านั้นเอง

รู้สึกว่า จะถนัดเขียนบทละครที่อิงประวัติศาสตร์และย้อนยุค ไม่ว่าจะเป็น ‘คู่กรรม’, ‘สายโลหิต’, ‘นางทาส’, ‘ฟ้าใหม่’, ‘คือหัตถาครองพิภพ’
อาจจะเป็นเพราะอายุมากแล้ว เราเลยสนุกกับกรเขียนเรื่องที่ร่วมสมัยกับเรา มันเป็นเรื่องที่คุ้นเคย เหมือนเขียนถึงเพื่อนที่รู้จัก เป็นฉากของสังคมที่เราเคยอยู่ แต่ในทางกลับกันถ้าให้ไปเขียนบทละครวัยรุ่นนี่ก็เขียนไม่ได้หรอก เพราะเราไม่สามารถเข้าถึงตัวละครได้

แต่ ‘ดอกส้มสีทอง’ นั้น ก็ค่อนข้างจะเป็นเรื่องสมัยใหม่
คือเรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะในยุคสมัยไหนมันก็มี เพราะเป็นเรื่องของสถาบันครอบครัว เป็นเรื่องของสามีภรรยา เป็นเรื่องของแม่กับลูก ลองนับดูสิ ในเรื่องนี้มีเมียน้อยตั้ง 5 คน มีเมียหลวง 3 คน เรื่องของความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่ล้าสมัยหรอก

มีหลายคนบอกว่า บทสนทนาที่เขียนนั้น มันร่วมสมัยมาก นอกจากนั้นมันยังมีการเชือดเฉือนกันในแบบที่สมจริงและโดนใจ
ในชีวิตจริงคงไม่มีใครมาเชือดเฉือนกันได้ตลอดเวลาแบบนั้นหรอก แต่เราดูจากคาแรกเตอร์ของตัวละคร แล้วก็เอามาคิดต่อว่าถ้าตัวละครตัวนั้นปะทะกับสถานการณ์แบบนี้ เขาจะโต้ตอบอย่างไร

ในตอนที่เขียนนั้นก็จะพูดออกเสียงไปด้วยนะ อย่างตอนที่ตัวละครเถียงกันนี่ เราก็จะพูดและใส่อารมณ์เข้าไปด้วย เพื่อจะให้รู้ว่ามันได้ไหม คือตอนทำงานนั้นก็ไม่มีใครมายุ่งกับเราอยู่แล้ว เพราะต้องเอาตัวเข้าไปเป็นตัวละคร อย่างตอนที่เขียนบทเศร้า เราก็มีเศร้าโศกร้องไห้ตามไปด้วย จนเด็กที่บ้านก็บ่นว่าเอาอีกแล้ว (หัวเราะ)

ในกระบวนการทำงานคนเขียนบทละคร เคยมีความเห็นไม่ตรงกับเจ้าของบทประพันธ์หรือเปล่า
ไม่เคยเลยนะ กับคนอื่นไม่รู้ เพราะสำหรับบทละครของดิฉันไม่มีหลุดออกจากบทประพันธ์เลย เรียกได้ว่าเคารพบทประพันธ์มากๆ ที่มีเรื่องมีราวกรณีของ ‘เรยา’ ขึ้นมาก็เพราะเคารพบทประพันธ์นี่แหละ (ยิ้ม)

คือนิยายเขาเขียนคาแรกเตอร์และเรื่องราวของเรยาไว้เป็นแบบนี้จริงๆ ที่ทุกคนเห็นในทีวีคือเรยาตามบทประพันธ์ ไม่ใช่เรยาที่ดิฉันเขียนขึ้นมาเอง

ในขณะที่เขียนบทละคร จินตนาการไหมว่า ใครจะมาเป็นพระอก-นางเอก
ในการเขียนบทละคร เขาก็จะบอกมาก่อนเลยนะว่าให้ใครเล่น และมันต้องอิงกับนวนิยายและนักแสดงก็มีหน้าที่ที่จะแสดงให้สมบทบาทนั้นๆ

แต่ก็มีหลายครั้งที่เราเห็นว่า คู่พระคู่นางที่มาแสดงนั้น บางทีเขาก็ไม่เหมาะกับบทบาทที่เขาต้องแสดง แต่เราก็เข้าใจ เพราะการจะให้ใครสักคนมาแสดงบทนำนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตลาด คิวของนักแสดง หรือสถานภาพของนักแสดงในช่องนั้นๆ แต่โดยมากเขาก็จะต้องเลือกพระเอกนางเอกให้เหมาะกับเรื่อง แต่ถ้ามีคู่พระนางอยู่แล้ว หลายครั้งทางช่องก็ต้องเลือกเรื่องให้เหมาะกับพระเอกนางเอก

ตอนนี้ทำงานบทละครเรื่องอื่นด้วยไหม
ตอนนี้กำลังเขียนบทละครเรื่อง ‘แค้นเสน่หา’ และ ‘กว่าจะรู้เดียงสา’ อยู่ ซึ่งอยากให้มีคนดูมากๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แรง แต่มันก็สะท้อนให้เห็นว่าจากชีวิตที่ไร้เดียงสาของเด็กจนเดินทางมาเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ไม่รู้ว่าจะโดนต่อต้านหรือไม่ แต่นี่เป็นเรื่องที่อยากทำบทละครมานานแล้ว

หลังจากทำงาน มีวิธีการผ่อนคลายจากงานอย่างไร
ถ้ามีเวลาว่างจากการทำงานก็จะอ่านหนังสือค่ะ

งานที่ทำก็เป็นการอ่านนวนิยาย ตอนพักผ่อนก็ยังเป็นการอ่านนวนิยายอีก
ก็อ่านเรื่องที่ไม่ได้ทำอยู่ไง เพราะการอ่านเพื่อนำมาเขียนบทละครนั้น เราต้องอ่านอย่างละเอียด มีการตีความระหว่างบรรทัดทุกๆ อย่าง เพื่อให้บทละครที่ออกมาดี แต่กับการอ่านเพื่อพักผ่อน เราไม่ต้องซีเรียสกับมันเหมือนตอนทำงาน

นอกเหนือไปจากนั้นก็คงเป็นการปลูกต้นไม้แต่งสวนไปตามประสา

จากความแรงของละคร ‘ดอกส้มสีทอง’ ทำให้มีหลายคนลือกันว่า ตอนนี้กำลังทำภาคต่ออยู่ จริงหรือไม่
อะไรมันจะไวปานกามนิตหนุ่มขนาดนั้น ดิฉันยังไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ นวนิยายก็ยังไม่มีเลยนะจะมาเขียนบทละครได้อย่างไร แต่จริงๆ แล้วละคร ‘ดอกส้มสีทอง’ นั้น ถ้าจะให้ทำต่อก็ยังสามารถทำได้หลายตอน เพราะตัวละครนั้นมีเยอะ และแต่ละคนก็มีชีวิตที่เข้มข้นทั้งสิ้น แต่การทำงานกับช่อง 3 นั้น เขามีเวลาให้เท่าไหร่ เราก็ต้องเท่านั้น เขาไม่มีมาขอให้เขียนเพิ่มเลย

ได้ตั้งเวลาไว้ไหมว่า จะเกษียณตัวเองจากงานทำบทละครเมื่อไหร่
ไม่ได้ตั้งนะ ที่เขียนมาจนบัดนี้ก็เป็นเพราะมีงานเข้ามาเรื่อยๆ เราไม่เคยคิดเลยว่าจะเลิกหรือไม่ คิดไว้ว่าถ้ามีแรงเราก็ทำต่อไปเรื่อยๆ.

>>>>>>>>>>

……….
เรื่อง : เอกชาติ ใจเพชร
ภาพ : อดิศร ฉาบสูงเนิน





กำลังโหลดความคิดเห็น