xs
xsm
sm
md
lg

‘หยุดกระสุนปืน’ ด้วย 'ปฎิทินมือปืน'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้จะล่วงเลยปีใหม่มาเกือบครึ่งปีแล้ว แต่ล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ขอโชว์ฝีมือด้วยการผลิตแจกจ่ายปฏิทินมือปืนไปทั่วประเทศ เพื่อให้ตาสับปะรดอย่างประชาชนได้มีส่วนบรรเทาอาชญากรรมเกิดขึ้น ซึ่งแม้งานนี้จะเปลี่ยนไอเดียนิดหน่อย จากที่เดิมที่เน้นขอเป็นแค่อาชญากรอุกฉกรรจ์ มาเป็นจำกัดวงเฉพาะแค่มือปืน แต่ก็ถือว่าเข้ากับยุคและสมัยสุดๆ เพราะอย่างที่ทราบว่า ช่วงนี้กำลังอยู่ในฤดูกาลเลือกตั้งด้วยแล้ว มือปืนก็คงจะเริ่มเพ่นพ่านออกยิงทั้งบรรดาผู้สมัคร หัวคะแนน และอื่นๆ อีกมากมายอย่างแน่นอน

โดยรูปแบบของปฏิทินก็เก๋ไก๋มากๆ เพราะมีรูปของอาชญากรจำนวน 50 คนเรียงรายอย่างชัดเจน (แม้จะถูกจับแล้ว 6 ราย และตาย 1 คนจึงเหลือ 43 รายก็ตาม) ซึ่งต้นแบบนั้นก็ยังยึดรูปแบบที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งไม่ว่าจะไปนั่งในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 หรือผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็มักจะพกไอเดียปฏิทินโจรไปแจกทั่วพื้นที่ วางเอาไว้เหมือนเดิมเปี๊ยบ

เพราะนอกจากจะเข้าใจง่ายแล้ว ยังรับประกันได้จากผลงานในปี 2548 สามารถจับได้ 24 คน ปี 2549 จับกุมได้ 18 คน และในปี 2550 จับกุมได้ 7 คนอีกด้วย ดังนั้นในฐานะที่ปฏิทินอาชญากรนี้ได้ถูกแจกจ่ายไปทั่วประเทศเป็นครั้งแรก ก็เลยขอประเดิมวิเคราะห์ผลงานเด็ดชิ้นนี้สักหน่อยว่า พอขยายวงกว้างแล้ว โอกาสที่จะได้ประสิทธิผลตรงเป้าเหมือนสมัยที่ทำให้จำกัดพื้นที่จะเป็นไปได้มากน้อยสักแค่ไหน

ตำรวจช่วยประชาชน ประชาชนก็ช่วยตำรวจ

ที่มาของปฏิทินโจรนี้ พล.ต.ต ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เล่าว่า มีมาตั้งแต่ปี 2550 ส่วนสาเหตุที่มีปฏิทินมือปืนออกมาในช่วงนี้ ก็เนื่องจากว่าเป็นเพราะมีเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง

“ช่วงนี้มีการว่าจ้างมือปืน เพราะในวงการการเมืองมีความขัดแย้ง การแย่งชิงการหาเสียง ซึ่งเป็นทุกปี ที่มีเรื่องการเมืองประทุษร้ายร่างกาย ต้องเฝ้าระวังกันทุกปี”

หากประชาชนคนใดมีข้อมูลของเหล่ามือปืนในหมายจับนี้ละก็ ไม่ต้องมัวเกรงกลัวอิทธิพลมืดจนไม่กล้าแจ้งเบาะแสเข้ามา เพราะทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองบอกว่า จะปิดบังให้ความสบายใจแก่ผู้แจ้งแน่นอน

“สามารถแจ้งเข้ามาได้ ไม่ต้องกลัว เราจะปิดบังชื่อผู้แจ้ง ที่ผ่านมายังไม่มีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามา แจ้งแค่สถานที่ติดต่อและเบอร์โทร.ไว้ก่อนก็ได้ ไม่ต้องบอกชื่อจริงที่อยู่จริง”

ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้มีการจับมือปืนเหล่านี้ไปบ้างแล้ว จากการสืบทราบของหน่วยสืบสวนเอง แต่ยังไม่มีการแจ้งเบาะแสจากประชาชนเลย

“อุ่นใจได้ครับ เรามีการประชาสัมพันธ์ให้รู้ ฟีดแบ็กตื่นตัวดี ประชาชนก็รับทราบ แต่เรายังไม่ได้จับใคร หวังผลว่าน่าจะมีคนแจ้งเข้ามาบ้าง”

ปฏิทินฉบับล่าสุดนี้ ได้รับการตีพิมพ์ขึ้นมากว่า 100,000 ฉบับซึ่งถือได้ว่ามากโขอยู่ และทางตำรวจก็รอรับการแจ้งเบาะแสจากประชาชนอยู่อย่างมีความหวัง

อำนาจของการใช้สื่อ

การทำปฏิทินมือปืนนั้น จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเหมือนการใช้สื่อในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติกันอย่างเต็มที่ ซึ่งในมุมมองของนักวิชาการด้านสื่ออย่าง ศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่าโดยหลักการถือว่าน่าชื่นชม เพราะการทำเช่นนี้ประชาชนจะสามารถเห็นภาพ และรับสารได้อย่างชัดเจน

“มันทำให้เกิดการเฝ้าระวังจับตาดูบุคคลเหล่านั้นว่า อยู่ตรงไหน จะได้แจ้งเบาะแสเข้าไป และที่สำคัญกว่านั้นยังมีการกระตุ้นเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็นการให้รางวัล หรือสินบนนำจับก็จะยิ่งช่วยให้งานนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

"จุดเด่นของการทำงานแบบนี้ก็คือ การทำให้เรื่องนี้เป็นข่าว ไม่ว่าจะรอบนี้หรือรอบปีก่อน แล้วยังทำให้ข้อมูลเรื่องนี้ถูกส่งเข้ามายังระบบออนไลน์ เพราะฉะนั้นจึงผสานช่องทางต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน โอกาสที่คนจะเข้าถึงและช่วยกันก็ง่ายขึ้น และยังทำให้เกิดการตื่นตัวในการเฝ้าระวังมือปืน"

ประกอบกับถ้าลองเปรียบการทำสื่อประเภทอื่น เช่น รายการโทรทัศน์นั้น การทำปฏิทินถือว่าใช้ทุนทรัพย์และเวลาที่น้อยกว่ามาก แต่สามารถขยายผลได้มากกว่า เพราะถ้าข้อมูลแน่น ก็สามารถแพร่ไปสู่เครือข่ายได้เร็วมาก

แต่สิ่งสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการต่อไปนั้น ก็คือการดูแลและจัดการทุกเรื่องอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปกป้องผู้ให้ข้อมูล ต้องมีมาตรการที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาย้อนมาแก้แค้น หรือแม้แต่กระบวนการใช้กฎหมาย ก็ต้องกระทำอย่างจริงจังและมีความชัดเจน และประเด็นที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ การต่อยอดไปสู่อาชญากรกลุ่มอื่นๆ ด้วย เช่น กลุ่มโจรลักขโมย หรืออาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต จึงจะถือว่าเป็นการใช้สื่อได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

"ต้องยอมรับว่าจำนวนของผู้พิทักษ์กฎหมายนั้นมีไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นพลังของประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการช่วยเฝ้าระวังในทุกๆ เรื่อง เพียงใช้ผู้บังคับกฎหมายมาทำเพื่อให้ถูกต้องตามกฎกติกา ที่สำคัญต้องทำจริงจังไม่ใช่แค่สร้างภาพว่า มีรูปขึ้นแล้วจบกัน แต่ต้องทำอย่างเป็นระบบครบวงจร ไม่เช่นนั้นทำครั้งต่อไปก็จะขาดความน่าเชื่อถือ หรือเกิดคนให้เบาะแสเป็นอะไรไป มันก็จะเกิดกระบวนการว่าฝ่ายมือปืนเป็นผู้ได้เปรียบกว่า"

อย่างไรก็ตาม ก็มีอยู่หลายประเด็นเช่นกันที่ ศ.ดร.ปาริชาตกังวล โดยเฉพาะผลพวงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่นการเข้าใจผิดว่าคนนั้นคนนี้เป็นอาชญากร เพราะหน้าตาคล้ายคลึงกัน ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้นได้ รวมไปถึงการก่ออาชญากรรมที่อาจก็จะกลายรูปมากขึ้น เพราะทุกคนรู้แล้วว่าไม่สามารถทำอะไรได้โต้งๆ เหมือนเช่นก่อน เพราะฉะนั้นก็อาจจะหันไปใช้วิธีการสร้างคนกลุ่มอื่นขึ้นมาเป็นตัวแทนในการทำ ซึ่งแบบนี้ก็จะทำให้การแก้ปัญหายิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก

เกมจำหน้า ล่ารางวัล

สำหรับทางฝั่งประชาชน ที่ดูเหมือนว่าจะต้องเป็นผู้ที่ใช้ปฏิทินนี้โดยตรง ถ้าหากต้องการจะช่วยเหลือตำรวจ อย่าง พรลภัส ยะปวง พนักงานธนาคารย่านนครหลวง กลับมองว่า ปฏิทินโจรที่ตำรวจทำออกมานั้น คงเป็นเพราะโจรเยอะจึงต้องมีปฏิทินมาให้ชาวบ้านตามจับ ซึ่งเมื่อดูจากในปฏิทิน ก็ไม่ใช่มีจำนวนน้อยเลย แต่กระนั้นก็เป็นแนวคิดที่ดี เพราะการที่ให้คนทั้งประเทศช่วยกันเป็นหูเป็นตานั้น มันจะช่วยสร้างความปลอดภัยให้แก่สังคมมากขึ้น

“หากจำได้ก็คงแจ้งตำรวจเหมือนกัน แต่นี่ติดตรงที่เราจำไม่ค่อยได้ แต่ถ้ามีรางวัลนำจับก็ไม่แน่นะ อาจเป็นแรงจูงใจทำให้คนสนใจและช่วยกันตามหาก็ได้ ปกติชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำจะไปนั่งจำหน้าโจรทำไม แต่ถ้าจำแล้วได้เงินก็อีกเรื่อง”

แต่กับ นิดา (นามสมมุติ) ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณชุมชนแออัดแห่งหนึ่งใจกลางกรุงกล่าวว่า เธอไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องปฏิทินที่ว่ามากนัก

“จริงๆ ก็เคยได้ยินมานะว่ามีปฏิทินแบบนี้อยู่ แต่ก็ไม่เคยเห็นตัวจริงเสียที แต่ถ้าถามว่ากลัวไหมถ้าเราเจอตัวคนร้าย แล้วจะไปแจ้งเบาะแส ถ้าเป็นเราเองก็เกรงๆ อยู่เหมือนกันเพราะถ้าคนร้ายเขาหนีตำรวจมาได้ เขาก็น่าจะพอตัวอยู่ ไม่รู้ว่าถ้าแจ้งไปแล้วตำรวจยังจับไม่ได้เราจะโดนตามมาแก้แค้นหรือไม่

“แต่ถ้าเกิดว่าคนร้ายที่เห็นในปฏิทินเป็นลูกเป็นหลานหรือเป็นคนในชุมชน เราก็อาจจะไม่บอกตำรวจก็ได้นะ มันไม่คุ้มกับเงินที่ได้หรอก อีกอย่างก็เป็นคนที่เคยเห็นๆ กันอยู่ แต่ถ้าคุยกับเขาได้ เราก็อยากให้เขาไปมอบตัวเองมากกว่า”

………

เห็นไอเดียและความคาดหวังทุกภาคส่วนเกี่ยวกับปฏิทินมือปืนกันไปแล้ว เชื่อว่าทุกคนคงสรุปกันได้แล้วว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์ แต่อย่างว่า เรื่องแบบนี้ก็ถือเป็นดาบสองคมอยู่ดี เพราะเอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าคนที่ทราบเบาะแสของมือปืนเหล่านี้ จะกล้าพอไหมที่จะเข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เพราะฉะนั้นงานนี้คงถึงเวลาของเจ้าหน้าที่แล้วว่า จะสามารถแสดงศักยภาพในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตามจับอาชญากร หรือการปกป้องชีวิตของผู้ให้เบาะแสะ เพราะหากทำไม่ได้ สุดท้ายโครงการดีๆ เช่นนี้ก็คงเปล่าประโยชน์ในความรู้สึกของผู้เกี่ยวข้อง และคงไม่จะเป็นการยากที่เดินไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน

>>>>>>>>>>
……….
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพ CLICK
กำลังโหลดความคิดเห็น