น้ำจิตน้ำใจผองเพื่อนคนไทยหัวใจพันธมิตรฯ เบื้องหลังกายกรรมกวางเจาบนเวทีมัฆวานรังสรรค์

กล่าวถึงการแสดงที่เรียกว่า ‘กายกรรม’ คนไทยมักคุ้นเคยกับกายกรรมจากกวางเจา เพราะมาเปิดการแสดงที่เมืองไทยเป็นระยะๆ สร้างความประทับใจแก่ผู้ชมคนไทยได้ไม่น้อย

ล่าสุด มีคณะกายกรรมจากกวางเจาคณะหนึ่ง นาม ‘หย่าเท่อ’ เดินทางมาเปิดการแสดงในประเทศไทย ใน โครงการร้อยดวงใจชาวจีน-ไทย เทิดไท้องค์ราชัน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทุกสิ่งอย่างน่าจะดำเนินไปอย่างราบรื่น ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคณะกายกรรมหย่าเท่อถูกเบี้ยวและถูกทิ้งขว้างแบบไม่ไยดีจากผู้จัดงาน ถึงขนาดเกือบจะถูกตำรวจลากออกจากโรงแรมที่พัก

ดีที่ยังมีคนไทยคนหนึ่งและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ก่อนที่น้ำผึ้งหยดเดียวจากการไร้ความรับผิดชอบของผู้จัดจะบานปลายเป็นความกินแหนงแคลงใจระหว่างสองประเทศ

[1]

เรื่องมีอยู่ว่า ทางคณะกายกรรมหย่าเท่อจากกวางเจาคณะนี้ นำโดย เย่ เม่า หรือ ไอวี่ ยิป ผู้จัดการคณะ ซึ่งได้รับการติดต่อให้มาแสดงในเมืองไทยโดย สายสมร สุวรรณพานิช ประธานฝ่ายจีน เพื่อแสดงความจงรักภักดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา เพื่อร่วมงานโครงการ ‘ร้อยดวงใจชาวจีน-ไทย เทิดไท้องค์ราชัน ครั้งที่ 1-4’ ซึ่งจัดขึ้น 4 พื้นที่หลักทั่วประเทศ ประกอบด้วย

- พัทยา ในวันที่ 1-6 เมษายน 2554 ณ ศูนย์กีฬานานาชาติภาคตะวันออก
- กรุงเทพฯ ในวันที่ 8-10 เมษายน 2554 ณ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี
- ขอนแก่น ในวันที่ 13-19 เมษายน 2554 ณ หอประชุมกาญจนาภิเษก จังหวัดขอนแก่น และ
- เชียงใหม่ ในวันที่ 22-28 เมษายน 2554 ณ สนามกีฬาสมโภช 700 ปี

คณะกายกรรมหย่าเท่อเป็นคณะกายกรรมที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก มีการแสดงระดับอลังการงานสร้างและน่ามหัศจรรย์หลายชุด โดยเฉพาะการเต้นรำบนศีรษะและไหล่

ซิง ยู่ เจิน ผู้กำกับเวทีของคณะ เล่าว่า คณะกายกรรมหย่าเท่อ มีชื่อเต็มๆ ว่า บริษัท หย่าเท่อ พัฒนาศิลปะ จำกัด ความพิเศษของหย่าเท่อ นอกจากความสามารถในการแสดงแล้ว หย่าเท่อยังถือเป็นคณะกายกรรมคณะแรกของประเทศจีนที่ก่อตั้งในรูปของบริษัท เพราะโดยปกติแล้วคณะกายกรรมในจีนจะเป็นหน่วยงานของรัฐ

คณะกายกรรมหย่าเท่อมีทีมประมาณ 50 คน อายุเฉลี่ยที่ 17 ปี เปิดการแสดงมาแล้วหลายประเทศ ในประเทศจีนเอง หย่าเท่อก็เดินสายแสดงทั้งในเมืองและในชนบท กระทั่งมาประสบเหตุการณ์ในประเทศไทย

[2]

หลังจากการแสดงในวันที่ 10 เมษายน ที่เมืองทองธานี ต่อเบื้องพระพักตร์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ซึ่งทางผู้จัดการคณะ เย่ เม่า กล่าวว่า วันนั้นเธอควรจะได้รับเงินงวดที่ 2 แต่เมื่อติดต่อไปยังผู้จัดก็ถูกขอผ่อนผันไปเป็นวันที่ 11 เมษายน 2554 กระทั่งวันที่ 13 เมษายน ก็ยังไร้วี่แวว ขณะที่โรงแรมที่ทางคณะพักอยู่ก็ขอให้ย้ายออก ถึงขนาดเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเพื่อแก้ปัญหา

เย่ เม่า เล่าอีกว่า เธอพยายามโทรศัพท์หาคุณสายสมร ซึ่งเป็นผู้ติดต่อเธอมาแสดงในประเทศไทย ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้ และกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้

ณ จุดวิกฤตนั้น เย่ เม่า กำลังตัดสินใจว่าจะติดต่อไปยังสถานทูตจีนเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งหมายถึงกรณีนี้อาจกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ วีรยุทธ แซ่อุ้น ซึ่งมีหน้าที่เป็นล่ามจึงต้องรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า

“ผมไม่อยากให้เรื่องนี้บานปลายเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งพวกเขามาเนื่องในโครงการเทิดไท้องค์ราชัน แต่กลับมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ผมจึงต้องช่วยเหลือ ไม่ให้เสียหน้าประเทศไทย”

วีรยุทธบอกว่า เขาต้องสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ของคณะหย่าเท่อประมาณวันละ 2 หมื่นบาท ด้วยการหยิบยื่นคนอื่นมา

แต่ที่สุดแล้ว เรื่องนี้ก็คลี่คลาย เมื่อคนรู้จักของวีรยุทธต่อสายถึง ยุทธิยงศ์ ลิ้มเลิศวาที พิธีกรประจำเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

[3]

เมื่อเรื่องนี้ทราบถึงหู สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงเกิดการระดมเงินบริจาคเพื่อส่งคณะกายกรรมหย่าเท่อกลับบ้านเกิดเมืองนอนในวันที่ 29 เมษายนนี้ โดยในระหว่างนั้นคณะกายกรรมหย่าเท่อได้รับความช่วยเหลือในด้านที่พักและอาหารการกินเสร็จสรรพ

“เราไม่รู้เรื่องเมืองไทยและเราก็ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน เรารู้ว่าทุกที่มีทั้งคนดีและคนไม่ดี เราขอขอบคุณต่อมิตรภาพและความช่วยเหลือที่ได้รับ” เย่ เม่า กล่าวทั้งน้ำตา

และเพื่อตอบแทนน้ำใจ เราจึงได้เห็นคณะกายกรรมหย่าเท่อขึ้นแสดงบนเวทีพันธมิตรฯ

ช่วงสายวันที่ 25 เมษายน ทางคณะกายกรรมหย่าเท่อจึงเดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อรับมอบเงินช่วยเหลือจากน้ำจิตน้ำใจชาวพันธมิตรฯ ผ่านทางมือสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นเงิน 1,035,725 บาท ซึ่งทาง ซิง ยู่ เจิน ได้ขอให้ทางพันธมิตรฯ ทำหนังสืออย่างเป็นทางการให้แก่เธอ เพื่อที่ทำจะได้นำไปเสนอต่อทางการเมื่อเธอและคณะกลับถึงแผ่นดินจีนแล้ว

จากความไม่รับผิดชอบของคนบางคนที่เกือบจะสร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงคลี่คลายลงได้ด้วยน้ำใจของคนไทยที่ไม่มีวันเหือดหาย และจะเป็นบทเรียนสำคัญอีกครั้งสำหรับโอกาสต่อไปที่รัฐบาลหรือใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องหมั่นดูแลใส่ใจไม่ให้เกิดเรื่องเสียหายต่อประเทศอีก...

>>>>>>>>>>>

เรื่อง : ทีมข่าว CLICK