เทศกาลสงกรานต์ เป็นเทศกาลสำคัญของคนในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนจะหยุดงานและออกมาร่วมเฉลิมฉลองศักราชใหม่กัน นอกจากกิจกรรมตามประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาแล้ว การเล่นน้ำสงกรานต์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายๆ คนอาจจะผ่านตาข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งที่พูดถึงการตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นในประเทศพม่า เพื่อตรวจตราหาคนที่แต่งกายไม่เหมาะสมและวาบหวิวในช่วงสงกรานต์มาลงโทษ โดยโทษที่จะได้รับนั้น มีทั้งการปรับและการจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการพม่าก็เคยออกมาประกาศห้ามการแต่งตัวด้วยเสื้อสายเดี่ยวและกางเกงขาสั้นเล่นสงกรานต์มาแล้ว
แต่นั่นก็เป็นเรื่องของประเทศสังคมนิยม ที่ยังมีการจำกัดสิทธิเสรีภาพของคนในประเทศอยู่สูง ซึ่งต่างกับบ้านเราที่ประชาชนยังมีเสรีภาพในเรื่องแบบนี้อยู่มาก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาภาครัฐอย่างกระทรวงวัฒนธรรมจะออกมารณรงค์เรื่องการแต่งกายในช่วงสงกรานต์อยู่ทุกปีก็ตาม แต่เท่าที่เห็น ก็คงต้องบอกว่ามันไม่ได้ผลสักเท่าใด ไม่เชื่อก็ลองไปเล่นสงกรานต์ที่ถนนข้าวสารหรือสีลมดูก็ได้
ความห่วงใยของผู้ใหญ่
“ตามประเพณีการเล่นน้ำแบบเดิมของไทยเรานั้น เขาจะรดน้ำกันแค่มือหรือแค่ไหล่เท่านั้นนะ ส่วนการแต่งกายนั้นก็จะมิดชิดเรียบร้อย แต่มาสมัยนี้มีทั้งการสาดน้ำใช้ปืนฉีดน้ำแล้วก็ประแป้งกันยกใหญ่ การแต่งกายออกไปเล่นสงกรานต์ของสาวๆ สมัยนี้ก็ไม่รัดกุม ไม่ต้องถึงสายเดี่ยวหรอก แค่เสื้อยืดบางครั้งก็โป๊แล้วถ้าเปียกน้ำ”
ร.ศ. สุพัตรา สุภาพ อาจารย์อาวุโส จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์ของประเพณีสงกรานต์ในปัจจุบัน ซึ่งความเห็นของอาจารย์สุพัตรานั้น สอดคล้องและเป็นไปในทำนองเดียวกับสิ่งที่กระทรวงวัฒนธรรมของบ้านเราพยายามรณรงค์ตลอด 4 - 5 ปีที่ผ่านมา
“จริงๆ ก็ควรจะใส่เสื้อหลวมๆ สีครึ้มๆ หน่อย กางเกงขาสั้นก็ไม่ต้องสั้นมาก เอาแค่พอสมควรก็น่าจะพอ เพราะจะเป็นการรักษาประเพณีอันดีงามของบ้านเราเอาไว้ จริงอยู่ว่ามันห้ามกันไม่ได้หรอก เพราะวัฒนธรรมประเพณีมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตามกระแสวัฒนธรรมโลกที่เข้ามา แต่เราก็ต้องดูสิ ดูไม่ให้มันเปลี่ยนแปลงเลื่อนไหลไปในทางที่เลว
“สิ่งที่เป็นของดีของเรา เราก็ต้องรักษาไว้ ไม่ต้องแต่งสไบออกไปหรอกนะ แต่ต้องไม่โป๊ไม่แนบเนื้อ แต่บางคนเขามีเจตนาชัดมากว่าจะออกไปเล่นสงกรานต์เพื่ออวดสัดส่วนโดยเฉพาะ”
ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนไปตามกาล
ความเห็นของผู้ใหญ่หลายคนนั้น ส่วนมากจะโน้มเอียงไปในทางตำหนิติเตียนว่าการแต่งกายของวัยรุ่นสมัยนี้นั้นไม่เหมาะไม่ควร แต่ในมุมมองของนักวิชาการรุ่นใหม่อย่างอาจารย์วันรัก สุวรรณวัฒนา จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลับมีมุมมองที่ต่างออกไปและเป็นมุมมองที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย
“การแต่งกายไปเล่นสงกรานต์นั้นมันไม่ใช่เรื่องผิดเรื่องถูก อย่างแรกคืออากาศบ้านเรามันร้อน และวัยรุ่นบ้านเราก็แต่งตัวแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่เขามาแต่งตอนช่วงสงกรานต์อย่างเดียวเท่านั้น มันเป็นเรื่องของแฟชั่น มันไม่ต่างกับเมื่อ 50 ปีก่อนคนใส่กางเกงขาบานเสื้อตัวเล็ก โดยหลักการแล้วเหมือนกันต่างที่รูปแบบเท่านั้น ดังนั้นการจะแต่งอะไรมันไม่ใช่ประเด็น แต่คนที่ออกมาบอกว่าแต่งอย่างนี้แล้วโป๊นั้น เราต้องดูว่ามันสะท้อนนัยอะไร
“มันชี้ให้เห็นว่าในสังคมนี้ การมองเห็นขาเห็นไหล่ของผู้หญิงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร มันเชื่อมโยงไปถึงเรื่องของการมองร่างกายผู้หญิง ทำไมผู้ชายใส่ขาสั้นกับเสื้อกล้ามจึงไม่ถูกมองว่าโป๊ล่ะ เหมาะสมกับโป๊นี่คนละประเด็นนะ เพราะสงกรานต์มันไม่มีโค้ดของการแต่งตัว เพราะการแต่งตัวนั้นมันก็เป็นไปตามยุคสมัย มันต้องพูดถึงปริบทปัจจุบัน”
วันรักกล่าวต่อไปอีกว่าคนที่มองว่ามันโป๊ต่างหากที่ต้องพิจารณาตัวเอง ถึงทัศนคติของตนและสังคม เพราะเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้มันโยงไปถึงเรื่องพฤติกรรมทางเพศของผู้หญิงในสังคมไทยที่โดนกดทับไม่ให้แสดงออกมาตลอด
“ว่ากันตามตรง คนที่แต่งแบบนี้เขาก็อยากจะเซ็กซี่นั่นแหละ คำถามต่อมาก็คือทำไมเขาถึงอยาก นั่นก็เพราะสังคมไม่มีพื้นที่สำหรับการแสดงออกเรื่องเพศสำหรับเด็กผู้หญิงเลย ทุกวันนี้คนที่มีปัญหากับเรื่องนี้คือผู้ใหญ่ จริงๆ แล้ว แทนที่จะออกมาห้ามเรื่องแต่งตัวโป๊ ควรจะกลับไปมองถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคม และทำความเข้าใจก่อนที่จะไปห้ามเขา เพราะมันเป็นการพูดถึงเรื่องปลายเหตุมากๆ”
แต่งอย่างไรก็ได้แต่ขอให้ปลอดภัย
ส่วนเรื่องการแต่งกายเล่นสงกรานต์ในความคิดของสาวๆ นั้น ส่วนมากก็มีความเห็นไปในทำนองที่ว่าไม่ต้องถึงขั้นแต่งชุดไทยออกมาเล่นหรอก หากแต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองไว้ก่อน ดังเช่นความเห็นของ ภาวรินท์ โกมุทรัตนานนท์ นักศึกษาสาวที่บอกว่า
“จริงๆ ก็ไม่ได้ผิดนะ เพราะชีวิตประจำวันเราก็แต่งตัวแบบนี้กันอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเป็นช่วงสงกรานต์ก็ต้องระวังหน่อย เพราะเวลาเสื้อผ้าโดนน้ำแล้วจะทำให้โป๊ขึ้น อย่างไรเราก็ต้องเซฟตัวเองไว้ก่อน”
ส่วนสมพักตร์ คำคณา สาวออฟฟิศย่านสีลม ก็มีความเห็นคล้ายๆ กัน และเธอก็คิดว่าเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล
“โดยส่วนตัวแล้ว เราว่าจะแต่งอะไรก็แต่งไปเถอะนะ เพราะวัฒนธรรมในปัจจุบันมันมีความหลากหลายมากขึ้น แต่ข้อสำคัญก็คือจะต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้ ยอมรับผลที่ตามมาได้ เช่นถ้าถ้าหากแต่งตัววาบหวิวแล้วโดนลวนลาม ก็ต้องมีวิธีการจัดการตัวเอง แต่สรุปแล้วจะทำอย่างไร แต่งอย่างไรมันก็เป็นเรื่องของแต่ละคนมากกว่า”
สุดท้ายก็คงต้องยอมรับว่าในปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ การจะให้คนใส่ผ้าถุงออกมาเล่นสงกรานต์กันเหมือนแต่ก่อนนั้น คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากแต่คนสังคมคงจะต้องทำความเข้าใจปัจจุบัน มากกว่าที่จะออกมาเรียกร้องให้ทุกๆ อย่างถูกแช่แข็งไว้เหมือนเดิม ดังที่อาจารย์วันรักกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า
“การเอาการแต่งกายมาผูกกับอัตลักษณ์ไทย มันเป็นความกลัวส่วนตัวของเจเนอเรชันที่เป็นผู้ใหญ่ที่รู้ว่าวันนี้มันไม่มีอะไรเหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว เขาจึงใช้เรื่องของเครื่องแต่งกายเป็นเครื่องมือในการย้อนกลับไปหาอัตลักษณ์บางอย่าง ที่เขาเชื่อว่ามันเป็นอัตลักษณ์แท้ๆ ของไทย ทั้งที่ในความจริงปัจจุบันมันได้เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว”
..........
แฟชั่นเสื้อผ้าของสาวรุ่นสมัยใหม่ในเทศกาลสงกรานต์ ที่เน้นความวาบหวิวโชว์สัดส่วนอย่างเต็มที่ รวมถึงพอถูกน้ำสาดจนเปียกชุ่มโชกทั้งหมด ก็แนบเนื้อยิ่งทำให้เห็นสรีระและส่วนสัดที่เด่นชัดกระจ่างตามากขึ้น แต่พวกเธอก็ไม่ยี่หระ เพราะในชีวิตประจำวันปกติธรรมก็แต่งกายด้วยแฟชั่นเหล่านี้อยู่แล้ว ทำไมต้องไม่แต่งในช่วงสงกรานต์...
ปัญหาโลกแตก ช่องว่างระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กในเรื่องโลกทัศน์ของเสื้อผ้าและแฟชั่นเครื่องแต่งกายคงไม่มีจุดที่พบกันได้ เพราะถึงอย่างไร ก็ได้เพียงแค่การรณรงค์ขอความร่วมมือไม่ให้แต่งตัวโป๊หรือวาบหวิว รวมถึงห้ามเข้าในสถานที่ซึ่งเป็นที่เคารพทางศาสนาเพื่อความเหมาะสม ซึ่งเป็นการลงโทษเพียงตามแนวทางของวิถีประชาและจารีตประเพณี แต่ไม่มีผลทางกฎหมาย
ตามท้องถนนและย่านการค้า สถานบันเทิงต่างๆ พวกเธอก็ยังเริงรื่นเบิกบานในวันสงกรานต์อย่างเต็มที่ต่อไป...นี่คือภาพของความจริงของสังคมไทยในเทศกาลสงกรานต์
>>>>>>>>>>>
………
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพ CLICK