xs
xsm
sm
md
lg

“ธันวา” SO “ฮัก” Very “ฮัก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หล่อแบบนี้ถ้าไม่เรียกว่า “เทพ” คงไม่ได้ ที่บอกอย่างนี้ไม่ใช่จะให้หนุ่ม ทัน-ธันวา สุริยจักร ไปเปรียบเทียบกับหนุ่มหล่อขั้นเทพที่ไหน แต่บท “เทพ” ในภาพยนตร์เรื่อง “ฮักนะ'สารคาม” ทำให้คนที่ได้ไปดูภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวติดอกติดใจอยู่ไม่น้อย … ใครจะรู้ว่าก่อนเข้าวงการบันเทิง เขาคือนักฟุตบอล ชุด u-16ทีมชาติลาว ปัจจุบันหนุ่มหล่อจากประเทศลาว ลูกครึ่ง ไทย-จีน-เวียดนาม-ฝรั่งเศส คนนี้กำลังจะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงไทยอย่างเต็มตัว ในสังกัดของนักปั้นมือทอง อย่าง “เอ-ศุภชัย” ผ่านงานทั้งเดินแบบ ถ่ายแฟชั่น เล่นละคร ภาพยนตร์ และกำลังจะกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ประดับวงการบันเทิงเมืองไทย...

“สวัสดีครับ ผมชื่อ “ธันวา สุริยจักร” ครับ” สำเนียงเสียงทักทายและแนะนำตัวเองแบบเต็มยศ ทำให้สัมผัสถึงความใสซื่อและความจริงใจได้เมื่อแรกที่ M-Lite ได้พบกับหนุ่มลูกครึ่ง ไทย-จีน-เวียดนาม-ฝรั่งเศส คนนี้ 

เขาคือชายหนุ่มในสังกัดของนักปั้นดาราดาวรุ่งหน้าใหม่ให้แก่วงการบันเทิงไทย อย่าง “เอ-ศุภชัย” ด้วยสายตาอันแหลมคมของเอจึงทำให้เด็กคนหนึ่งที่มีวิถีชีวิตอยู่กับครอบครัวที่เมืองปักเซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ก้าวเข้ามาสู่วงการบันเทิงของเมืองไทย … อะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้นักปั้นมือทองคนนี้มองเห็นและผลักดันเข้าสู่วงการวันนี้ M-Lite จะพาไปสัมผัสความเป็นตัวตนของหนุ่มที่ชื่อ “ธันวา สุริยจักร”

หนุ่มลาวเข้าวงการข้ามประเทศ

เชื่อว่าการเข้าสู่วงการบันเทิงแบบข้ามประเทศคงเป็นเรื่องยากหากว่าความสามารถของคนคนนั้นไม่โดดเด่นจนเป็นที่น่าจับตามอง ทว่าสำหรับหนุ่ม “ทัน-ธันวา สุริยจักร” หนุ่มเชื้อสายลูกครึ่งจีน-เวียดนาม ที่มาพำนักอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ที่เมืองปักเซ เมืองทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เกิดดันไปเตะตาแมวมองในสังกัดของนักปั้นมือทองอย่าง “เอ-ศุภชัย” ที่จับคนไหนขึ้นมาเป็นดังเป็นพลุแตกซะทุกคน

“ตอนอยู่ที่นู้นผมก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะวุ่นอยู่กับการเตรียมตัวสอบเพื่อชิงทุนไปเรียนต่อที่ประเทศจีนกับเวียดนามครับ บังเอิญว่าหลังคิวเสร็จก็แวะไปกินก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อน แล้วเหมือนว่ามีพี่คนหนึ่งเขาเหมือนเป็นเพื่อนพี่เอ มานั่งจ้องหน้าผมตลอดเวลา ตอนแรกก็รู้สึกตกใจครับ จ้องตลอดเวลา ตอนนั้นผมมากับเพื่อนสามคน ก็นั่งกลัว ตอนแรกรู้สึกกลัวนะครับ มองเราทำไม เขาจะต่อยเรารึเปล่า ก็แอบคุยกับเพื่อน แล้วก็ชวนเพื่อนกลับเถอะ จากนั้นก็รีบขับมอเตอร์ไซค์กลับเลยครับ แล้วพี่เค้าก็ฝากเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเอาไว้ครับว่า ถ้าผมมาที่นี่อีกก็ขอเบอร์โทร. เก็บไว้ให้หน่อย จากนั้นพี่เขาก็โทร.มาหาครับ”

หลังจากได้เบอร์โทรศัพท์ โอกาสในการเข้าวงการบันเทิงของธันวาเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อเขาได้รับการติดต่อไปยังพ่อแม่เพื่อให้เขาได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเมืองไทย

“พอเขาได้เบอร์มา แล้วเขาก็โทร.มาถามเรา ผมอยากเข้าวงการมั้ย ตอนแรกๆ ความรู้สึกมันคือไม่อยากเข้าครับ รู้สึกว่าเราอยากจะเรียนมากกว่า เราอยากจะเรียน อยากจะศึกษา ไปเรียนต่อต่างประเทศมากกว่า แต่ว่าเขามาคุยกับพ่อกับแม่ครับ เหมือนเขามายื่นข้อเสนอว่า ถ้ามาที่นี่ มาเมืองไทย คุณได้ทำงานแล้วก็เรียนไปด้วยนะ ก็ตอนนั้นรู้สึกโอเคนะ ถ้าได้ย้ายมาเรียนที่นี่ ก็เริ่มเปลี่ยนทัศนคติตัวเอง มาเรียนที่เมืองไทย อย่างแรกด้วย ผมก็อยากมารู้จักวัฒนธรรมของเมืองไทย ด้วย มาศึกษา มารู้จักเพื่อนคนไทย เพราะว่าอยู่ที่นู้นผมก็ได้ดูทีวีของเมืองไทย อยู่แล้ว”

หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้การเข้ามาสู่วงการบันเทิงของเมืองไทยในเวลากว่า 1 ปี ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักและผู้คนให้ความสนใจในคาแร็กเตอร์ของหนุ่มคนนี้ที่มีความใสซื่อ จริงใจ จนมีผลงานผ่านตาทั้งบนรันเวย์แฟชั่นของห้องเสื้อดังต่างๆ ถ่ายแบบในนิตยสารชื่อดังอยู่บ้าง และกำลังมีภาพยนตร์เรื่อง “ฮักนะ'สารคาม” และ “มนต์รักแม่น้ำมูล” ที่กำลังออนแอร์เร็วๆนี้ทางช่องเจ็ดสี เป็นต้น

เด็กบริหารผันตัวมาเรียนนิเทศฯ

ชีวิตของหนุ่ม ธันวา ในลาว ก่อนเข้ามาอยู่วงการบันเทิงเมืองไทย อาจจะเป็นเหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั่วไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีคือความตั้งใจ เขาเป็นหนุ่มที่มีความตั้งใจและรักการเรียนมาก ก่อนที่เขาจะผันตัวเองจากนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ซึ่งถือเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มาเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

“ถามว่าผมเรียนเก่งมั้ย ก็พอได้ครับ ไม่เก่งมาก ผมว่าเรื่องการศึกษาของไทยกับลาว ในเชิงมหาวิทยาลัยผมก็ไม่รู้นะครับ แต่อยู่ที่นู้นผมเรียน คณะบริหารธุรกิจ มาที่นี่ผมก็เปลี่ยนคณะไปเรียนนิเทศศาสตร์ เอก ภาพยนตร์ เป็นอะไรที่แตกต่างมาก ตอนช่วงจบ ม.6 แล้วที่บ้านผมทำธุรกิจทำ เกสต์เฮาส์ โรงแรม พ่อผมก็ทำร้านคาร์ออดิโอ ตกแต่งเครื่องเสียงรถยนต์ แม่ก็ให้เรียนบริหารธุรกิจเพราะกลับไปจะได้ทำงานที่บ้าน พอจบ ม.6 ผมก็เอนทรานซ์ เข้าคณะเศรษฐศาสตร์ สาขาบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ครับ ผมว่าที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศลาว ”

หลายคนอาจจะมองว่าการย้ายสาขาการเรียนมาเรียนนิเทศฯ ของหนุ่มธันวาคงเพราะความคิดชั่ววูบในการได้มาอยู่ในวงการบันเทิงหรือไม่ แต่สิ่งที่มากกว่านั้นการเรียนนิเทศฯ ทำให้เขาได้พบเจอตัวตนและความจริงว่าตนเองชอบทำอะไร และอยากจะเรียนรู้ในสิ่งไหนมากขึ้น

เขาเล่าว่า ในวัยเด็กเขาเป็นคนที่ชอบดูภาพยนตร์มาก เนื่องจากเขาจำความได้ว่า อาชีพแรกของพ่อเลี้ยงเขามาตั้งแต่ยังเด็ก คือ การเปิดร้านเช่าวิดีโอ ที่มีเพียงแห่งเดียวในเมืองปักเซ

“ ผมก็เลยดูหนังมาตั้งแต่เด็ก หนังเรื่องไหนมาก็จะได้ดูก่อนเพื่อนๆ ในปักเซเลยครับ เพราะมีที่เดียวในปักเซครับเมื่อก่อน ส่วนใหญ่ชอบหนังแนวชีวิต การใช้ชีวิตครับ การถ่ายทอดชีวิตของคนครับ”

“อยู่ที่ลาวผมไม่ค่อยรู้เรื่องละครเท่าไหร่หรอกครับ อาศัยการดูหนังมากกว่า พอผมได้เข้ามาทำงานแบบนี้ ได้สัมผัสการเดินแบบ ทำให้ผมได้รู้ว่าการเดินแบบมันคือศิลปะ เป็นเสน่ห์ของแต่ละแบบนะในการเดินแบบ รวมถึงการเล่นละคร ตอนแรกผมไม่รู้จักการเรียนนิเทศฯเลยครับ ผมเข้าไปก็ได้เล่นละคร และได้ค้นพบว่าการเล่นละครเป็นเหมือนกับการถ่ายทอดความรู้สึก มันเจ๋งมาก ก็เลยเข้าไปเรียนิเทศฯ ตัดสินใจเปลี่ยนคณะเลย โดยไม่สนใจว่า แบ็กกราวนด์เราเคยเรียนอะไรมาก่อน ก็ทิ้งไป เริ่มต้นใหม่ พอเข้ามาเรียนนิเทศฯ มันเป็นอะไรที่สนุก ผมชอบอะไรที่ได้ปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี ชอบถ่ายรูป ยากสุดก็มีลงวิชาถ่ายรูปเชิงวารสารฯ ผมก็หนีไปถ่ายที่อยุธยา ถ่ายเป็นสารคดี ไปทุกวัดเลยครับ ประมาณ สี่ห้าวัด ถ่ายมาแล้วทำเป็นรายงาน หาข้อมูลส่งให้อาจารย์ เขียนบรรยายใต้ภาพมา เป็นคณะที่ต้องมีศิลปะจริงๆ ครับถึงจะทำได้ ”

ภาษาไทยที่ต้องเรียนรู้

การเข้ามาสู่วงการบันเทิงไทย ทำให้เขาต้องห่างครอบครัวอันแสนอบอุ่นที่พ่อและแม่เป็นห่วงและคอยทะนุถนอมเขามาอย่างดี ทุกเย็นทุกคนจะต้องมานั่งรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งพ่อแม่ และน้องสาวที่เขาห่วงและหวงมาอีก 2 คน แต่การมาอยู่เมืองไทยรวมถึงการดูแลของพี่เอ-ศุภชัย และเพื่อนที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกันทำให้เขารู้สึกอบอุ่น

“ผมว่าคนไทยทำให้ผมรู้สึกเป็นกันเองนะครับ โดยที่ไม่รู้สึกว่าผมแตกต่าง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่ว่าอยู่กับคนไทยแล้ว ผมว่าคนไทยไนซ์ มีน้ำใจ อย่างที่อยู่บ้านพี่เอก็มีเพื่อนๆ เด็กของพี่เอก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้มาเจอเพื่อนๆ ที่เมืองไทย มีน้ำใจให้กับเรา เขาเปิดรับเรา ไม่ได้มองว่าเราเป็นใครมาจากไหนอ่ะครับ ผมว่านี่คือข้อดีของคนไทย ”

“ผมต้องไปเรียนพิเศษภาษาไทยเพิ่มครับ เพราะภาษาไทยเรื่องของพยัญชนะมีเยอะกว่าของลาว อย่าง ส.เสือ กับ ศ. ก็ไม่เหมือนกันแล้ว สมมติว่าที่ลาว ส. ก็คือ ษ. หมดเลยครับ ก็เยอะครับ ช. วิธีเขียนไม่เหมือนกัน เรียนต้องมีครูพิเศษ พี่เอเค้าจ้างครูพิเศษมาสอนให้ที่บ้านเลยครับ มานั่งสอนต่อหน้า นั่งคัดลายมือตั้งแต่ ก-ฮ เลยครับ นั่งคัดทุกวัน พี่เอให้มานั่งเขียนทุกวัน เพราะว่ายังไงเค้าก็ต้องดูแล เขาเอาเรามาแล้ว ต้องมาดูแลเราในเรื่องภาษาด้วย พี่เค้าก็เป็นห่วงเรื่องเรียนด้วยครับ อยู่ที่นู้นผมชอบเรียน มานี่ พี่เค้าก็ไม่อยากให้ทิ้งการเรียน”

นอกจากเรื่องการเรียนเพิ่มเติมทางด้านภาษาแล้ว การเตรียมตัวเพื่อเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง เขาต้องฝึกในเรื่องของการเดินแบบ การเรียนแอ็กติ้งเพื่อการแสดงเพิ่มเติม

“ก็ยากครับ มาสองวันแรกก็เดินแบบ ตื่นเต้น ความรู้สึกแบบก็ยังเป็นเด็กนะ ยังประหม่า ยังตื่นเต้นอยู่ครับ ทุกวันนี้ยังตื่นเต้นอยู่เลยครับ ที่ต้องเจอไมค์นักข่าว ออกงานทุกงานก็ตื่นเต้นครับ ยังคิดอยู่เลยครับว่าผมยังเป็นเด็ก กลับมานั่งคิดดูว่า ปีที่แล้ว ผมยังปั่นจักรยานไปซื้อผักให้แม่อยู่เลย ปั่นจักรยานไปซื้อของกินตามตลาด ปั่นไปโรงเรียน แล้ววันนี้ได้มาทำงานในจุดนี้ ตรงนี้ในเมืองไทย ก็เป็นตัวแทนของประชาชนคนลาว ”

ก็จะทำให้ดีที่สุด เพราะว่าเมื่อก่อนเหมือนได้ดูหนังกับพ่อ แต่พอได้มีโอกาสมาทำงานมาเล่นหนัง ก็จะเล่นให้พ่อดู ก็ไปเรียนแอ็กติ้ง ไปทำการบ้าน สนุกครับ ก็มีคลาสแอ็กติ้งที่ได้เรียนการแสดงแล้วยังได้แชร์ความรู้สึกด้วยครับ ความคิด การกระทำหลายๆ อย่าง เหมือนเป็นการสอนใช้ชีวิตไปด้วย”

ผลงานดีมีกระแสตอบรับ

ผลงานที่หนุ่มหน้ามนคนซื่อเคยผ่านมาให้เรียกน้ำย่อยกับคนที่ชื่นชอบเขามาแล้วบ้าง ตามหน้านิตยสาร โอกาสในการรับบทพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง ฮักนะ'สารคาม และเรื่อง มนต์รักแม่น้ำมูล ที่กำลังจะจ่อลงจอในไม่ช้า ทำให้หนุ่มคนนี้เริ่มมีแฟนคลับและเสียงตอบรับที่กำลังเป็นที่รู้จัก ครองใจใครหลายๆคนมากขึ้น

“ตอนแรกก็ดีใจมากครับที่ได้โอกาส ความรู้สึกตอนแรกที่ได้เล่นเรื่องมนต์รักแม่น้ำมูล ทางช่อง 7 ก็รู้สึกดีใจมากครับ อีกอย่างก็รู้สึกดีใจมากครับที่ได้ร่วมงานกับพี่เวียร์ ส่วน ฮักนะ'สารคาม กระแสเรตติ้งดีหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้เท่าไหร่เลย ไม่รู้ว่าตอนนี้รายได้เท่าไหร่ แสดงยากนะ ในหนังเรื่องหนึ่งมันต้องคิดเยอะกว่าที่จะเล่นออกมาผมก็อยากไปเรียนเพิ่ม ไปเรียนเยอะๆ ตอนนี้ก็ยังอยากไปหาเวลาไปเรียนพิเศษแอกติ้งเพิ่มอยู่ครับ แรกเล่นๆยังไม่เก่งหรอกครับ เล่นบทกับพี่ตุ๊กกี้ บางทีก็หลุดเหมือนกันครับ ขำเหมือนกันครับ ราได้ดูพี่ตุ๊กกี้ทางโทรทัศน์เมื่อก่อนที่ผมอยู่ที่ลาว พี่ตุ๊กกี้ผมคิดว่าเค้าเป็นซูเปอร์สตาร์ตลกเลยนะ ผมก็เลยไม่ค่อยกล้า เกร็งๆ ไม่กล้าคุยมาก แต่พอได้คุยจริงๆ น่ารักมากครับ ช่วยสอนเรื่อง รีแอ็ก การแสดงต่างๆ หลายอย่าง ช่วยสอนไม่ให้เราเล่นแข็ง พอเจอก็สอนเรื่องการวางตัว น่ารักมากครับ ”

เมื่อประชาชนลาวส่วนใหญ่ได้ชมละครไทยผ่านทางช่อง 7 จึงทำให้ละครหลายเรื่องและพระเอกของช่อง อย่าง “เวียร์ ศุกลวัฒน์” กลายเป็นไอดอลของหนุ่มธันในเรื่องการแสดงและการวางตัวในวงการบันเทิงอีกด้วย

“ดาราไทยที่ผมชอบ ที่นู้นที่ผมได้ดูก็พี่เวียร์เค้าเก่งดีครับ รู้สึกว่าเขาเก่งในเรื่องการร้องเพลง การแสดง เราดูก็ทำให้เราได้รู้สึกว่าเค้าเป็นตัวละครนั้นจริงๆ ถ้าให้บอกก็พี่เวียร์ก็เป็นเหมือนไอดอลผมเหมือนกันนะ ก็ตอนเจอแรกผมขี้อาย ไม่กล้าคุย เจอพี่เวียร์ เฟรนด์ลีมาก ชวนนั่งกินข้าวในกอง ผมถามเค้าก็สอนผมหลายๆอย่าง การใช้ชีวิต เหมือนว่าถ่ายทอดประสบการณ์ให้ผม”

ผมไม่ใช่ดาวรุ่ง ผมเป็นแค่ดิน

การทำงานของดาราดาวรุ่งหน้าใหม่คนนี้ เขาอาจจะต้องใช้ความสามารถและความพยายามในการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ จนทำให้บางครั้งอาจจะเครียดกับการทำงานบ้าง ซึ่งนั้นคือสิ่งที่เขาอยากจะปรับตัวเรียนรู้ให้มากขึ้น

“บางทีก็เครียดนะ เพราะเราไม่ใช่คนที่จะเกิดมาเพื่อจะเป็นดาราหรอกนะ เทพการแสดง ก็ต้องปรับตัว ผมก็ต้องปรับเยอะมากในเรื่องการแสดง เล่นไม่ได้ เล่นแข็งมากในละคร มีพี่ธงชัย ประสงค์สันติ มาช่วยสอนในเรื่องการแสดงบ้างครับ เรื่องการถ่ายทอดอารมณ์คน เรื่องการร้องเพลงลูกทุ่ง”

“งานในวงการทุกงานผมว่าถ้าได้เข้าถึงมันมันสนุกมากครับ แล้วผมชอบทุกอย่างครับ เหมือนว่าแต่ละงานต้องปรับตัวไปเรื่อยๆครับ วันนี้เราถ่ายละคร อารมณ์จะอีกฟิลด์นึง พอตกเย็นไปถ่ายหนังสือ ก็ต้องปรับอารมณ์อีกแบบนึง เป็นอะไรที่ดูเป็นงานศิลปะที่ยากพอสมควร”
มาถึงตอนนี้ หนุ่มคนนี้อาจจะมีแฟนคลับอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังตอบแบบเขินว่า แฟนคลับเหล่านั้นคงบังเอิญผ่านมาหรือเปล่า

“ตอนแรกผมก็ไม่คิดหรอกว่าผมจะมีแฟนคลับ เราเห็นคนอื่นอย่างเดอะสตาร์ แฟนคลับเขาเยอะมาก ผมก็เป็นเด็กธรรมดาคนนึง มีแฟนคลับคนนึงผมก็ดีใจมากแล้วนะ ผมรู้สึกดีใจนะครับ จากที่เราเป็นเด็กธรรมดา มีคนมาชอบผลงานเรา ปลื้มใจครับ กลับไปก็ยิ้ม”

กระแสตอบรับของเขาเริ่มดีขึ้นมากเรื่อยๆ จนต้องแอบแซวว่า กำลังจะกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการบันเทิงไทย แต่เขากลับบอกว่า “ผมไม่ใช่ดาว ผมเป็นแค่ดิน” เท่านั้น

“ผมว่าผมไม่ใช่ดาวรุ่งนะ ผมก็ทำงานไปเรื่อยๆ ผมยังไม่เป็นดาวเลยครับ ผมยังเป็นดินอยู่เลยครับ ผมไม่คิดว่าผมจะเป็นดาว หรือว่าเป็นอะไร เป็นซูเปอร์สตาร์ หรืออะไร ผมอยากจะถ่ายทอดอารมณ์ตามหน้าที่ที่เราได้รับมากกว่าครับ ”

“ผมจะบอกว่าความฝันมันก็เกินฝันนะครับ อยู่ที่นู้นผมก็เป็นเด็กธรรมดา กิ๊กก๊อกคนนึงมาที่นี่มาทำงาน ได้มีโอกาสจากผู้ใหญ่ได้รับงาน แบบหนังใหญ่ (ภาพยนตร์) ก็ดีใจ ตอนนี้พ่อแม่คงไม่อยากให้กลับไปทำงานที่บ้านแล้วล่ะ ตอนแรกผมเป็นลูกชายคนเดียว เขาก็อยากให้เรากลับไปสานต่อธุรกิจที่บ้าน แต่พอมาถึงจุดนี้ เขาก็อยากให้ตามใจ ชีวิตของเรา ผมดีใจที่พ่อแม่ผมเป็นคนเปิดรับ เขาจะไม่ปิดว่าคุณโตมาจะต้องเป็นแบบนี้นะตามไลฟ์สไตล์เราไปเลยครับ ”

เด็กดื้อเงียบ ชอบหนีเที่ยว

เมื่อนิสัยส่วนตัวของหนุ่มธันวา ที่เขาบอกเอาไว้ว่า เป็นคนไม่พูด ขี้อาย และสิ่งที่ถูกคอนเฟิร์มจากผู้จัดการคนใกล้ชิดอย่าง เอ-ศุภชัย ว่าเป็นเด็กดื้อเงียบ และแอบหนีเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง

“ก็ผมชอบไปเที่ยว ทำตัวเป็นแบ็กแพกเกอร์ไปเที่ยวด้วยตัวเอง นี่เมื่อไม่กี่วันก็เพิ่งกลับมาจากปักเซ ชอบแอบหนีไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน คือเพื่อนผมกลับมาจากฝรั่งเศสไงครับ ก็หนีไปอยู่บนเขากันประมาณ3 วัน ไม่เอาอะไรไปทั้งนั้น เอาแต่เต็นท์ไปอย่างเดียว กลับมาสิวเต็มหน้าเลยครับ ขึ้นเขาปากซ่องมีแต่หมอกครับ ถ้าไปน้ำตก จะค่อนข้างร้อน ที่ปักเซจะมีขึ้นไปอีกดอย ประมาณ 50 กม. จะมีดอยชื่อว่า “ปากซ่อง” ไปบนดอยก็เป็นดอยเขาจะปลูกกาแฟขาย เราก็ไปตามบ้านเขา ไปเยี่ยมเขา ไปกินกาแฟ ชา ธรรมชาติ แล้วก็ไปกางเต็นท์ กว่าผมจะค้นเจอนานเหมือนกัน”

“เป็นคนชอบไปต่างประเทศกับเพื่อน เป็นคนชอบหนีเที่ยวนะ ขอไปดีดี มันไม่สนุก ก็หนีไป ไม่ให้ใครรู้ ไปอาทิตย์กว่าๆ ถ้าบอกแม่ ก็จะคอยถามว่าไปไง เอาอันนี้ไปมั้ย เอาตังค์ไปมั้ย จะพอมั้ย ผมชอบไปแบบไม่มีอะไร หนีไปอยู่กับเพื่อนที่เวียดนาม ยืมเงินแม่สักก้อนนึง แล้วหนีไปกับเพื่อน ไปอยู่เป็นอาทิตย์ ตังค์หมดก็กลับบ้าน ผมว่าผมชอบแบ็กแพกกับเพื่อนเพราะมันช่วยให้เราได้เจออะไรแปลก วัฒนธรรมของเมืองโน้นเมืองนี้ แล้วเก็บภาพเป็นความทรงจำของเรา พบว่าค้นพบการใช้ชีวิต การอยู่ร่วมกันกับคนอื่น รู้จักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่”

“ผมชอบถ่ายรูปนะครับ เมื่อไม่นานผมก็ไปอยุธยามาครับ สวยมากเลย คือผมชอบสถานที่โบราณที่มัน สามารถเก็บความทรงจำได้ อย่างไปเที่ยวทะเล ไประยอง ตอนนั้นผมไม่ทราบว่าระยองมีเกาะเสม็ด มีคนเค้าบอกว่าเกาะเสม็ดสวยมาก ผมไประยอง กลับมาคนก็ถามว่าทำไมไม่ไปเกาะเสม็ด อ้าวจริงหรอ เราไม่รู้ว่ามี เพราะที่ลาวไม่ติดทะเลไงครับ”

เรื่องแฟนเรื่องใหญ่

ไม่ถามถึงเรื่องความรักก็ชักจะสงสัยว่าอยู่ที่ลาวเขามีคนรู้ใจหรือยัง เขารีบตอบว่า ตอนนี้ยังไม่มีแต่ แต่เมื่อตอนเด็กๆ เคยแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ด้วยวัฒนธรรมการทำความรู้จักกันระหว่างหนุ่มสาวลาวเป็นเรื่องที่เคร่งครัดอย่างมาก จึงทำให้ไม่ได้ติดต่อกัน

“ตอนเด็กๆ ผมก็ปั่นจักรยานไปเที่ยวเล่นๆ ไปแอบๆ มองเขาบ้าง สมัยนั้นก็อายุ 10 ขวบครับ พอแม่โทรมาก็รีบกลับบ้าน กลัวแม่รู้ เพราะว่าที่ลาวเรื่องแฟนเป็นเรื่องใหญ่มาก เขาไม่ค่อยให้เจอกัน เค้ากลัวเสียอนาคต ไม่อยากให้คบแฟนเลย ให้เรียนอย่างเดียว มาอยู่ที่ไทยก็ยังไม่เจอใครเลยครับ ผมว่าผมเป็นคนที่ ผู้หญิงไม่ค่อยมีใครชอบนะ เป็นคนแบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน เป็นคนที่ชอบเค้าฝ่ายเดียวมากกว่า มานี่ก็ไม่มีแฟน เรียนอย่างเดียว ”

แอบถามถึงความสวยระหว่างสาวไทยกับสาวลาว หนุ่มคนนี้แอบเอาใจสาวไทยว่าน่ารักและเป็นกันเองอย่างมาก แต่สเปกของเขาชอบผู้หญิงที่มีความมั่นใจ เซ็กซี่ และมองแล้วทำให้เขาใจเต้นเมื่อตอนแรกพบได้ อย่างซุปเปอร์สตาร์ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ

“ผมว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม อย่างพ่อแม่ มันคือการให้ทุกอย่างได้หมด ถ้าผมเป็นพ่อคนที่ต้องให้แก่ลูกอย่างที่พ่อผมเป็น ให้ทุกอย่าง ทำงานเพื่อเลี้ยงดูเรา เป็นความรักที่ดีมากครับ ”

พ่อสอนให้ “อดทน”

การดำเนินชีวิตที่ต้องออกมาเผชิญและเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเองในวัย 19 ปี บนเส้นทางบันเทิงไทย สิ่งที่เขาจดจำและนำมาปรับใช้คือ “ความอดทน” คำสอนที่พ่อสอนและฝึกให้เขามีความอดทน และคิดในแง่บวกมาตั้งแต่เด็ก

พ่อบอกว่าจะต้องอดทนกับทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องเรียน เมื่อก่อนวัยเด็ก เขาเป็นเด็กที่ไม่เอาอะไรเลย เอะอะจะไปเที่ยว พ่อก็คอยตามจี้ให้เรียน ด้วยความเป็นเด็กจึงทำให้เขาต้องคอยถามพ่อมาตลอดว่าเพราะอะไรจึงต้องให้เรียนนักหนา

“ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่พอมาอยู่คนเดียว เราก็สามารถเอาคำที่พ่อสอนมาประยุกต์ใช้ได้จริงๆ ครับ มันรู้สึกจริงๆ ครับ ตอนอยู่กับพ่อแม่ก็รู้สึกสบายไงครับ มีกลับบ้านมามีข้าวกิน โตแล้ว ต้องหางาน หาเงินเอง ไม่มีตังค์ ก็ไม่มีกินครับ เลี้ยงดูตัวเองครับ ผมว่าชีวิตทุกคนก็ต้องต่อสู้ แต่โชคดีทีผมมาเจอพี่เอ แล้วพี่เค้าก็ดูแลเราดีมากครับ มันก็ไม่ได้ลำบากมากครับ ”

นอกจากคำสอนของพ่อแล้ว จากการที่เขาชอบดูภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้เขาสามารถนำเอาดีเทลเล็กของภาพยนตร์ที่ตนเองชื่นชอบมาประยุกต์ใช้กับชีวิตได้อีกด้วย

“พ่อสอนผมทุกอย่างอย่างมีเหตุผล ตอนเด็กจะเป็นเจ้าหนูจำไมมาก ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ ต้องถามเขาก่อนว่าเพราะอะไร และอีกอย่างผมชอบดูหนัง อย่างเรื่อง Forrest Gump ผมดู 5 รอบ ซื้อแผ่นเก็บไว้ที่บ้านเลยครับ พอมาเมืองไทยก็ซื้อมาเก็บไว้ที่บ้านพี่เออีก ชอบมาก และเป็นหนังที่ผมได้แง่คิด ผมอาจจะดูเป็นผู้ชายที่แข็งกระด้างในความรู้สึก แต่พอเราได้ดูตัวละครที่เล่นทำให้ผมคล้อยตามได้ครับ รู้สึกได้ว่าหลงรักในตัว ฟอร์เรส กัมพ์มา เราเป็นคนปกตินะ ขนาดเขาเป็นคนไอคิวต่ำเค้ายังสู้ชีวิตเลย ”

ไม่ว่าโอกาสที่เขาได้รับจะเป็นงานเล็กหรือใหญ่ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาทำได้คือความตั้งใจที่จะทุ่มเทให้กับงานที่ได้รับและโอกาสที่เข้ามา หากใครกำลังจับตามองว่าเขาเป็นดาราดาวรุ่งดวงใหม่ ยังมีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ลืมคือ “วิถีชีวิต” ของเด็กหนุ่มที่เติบโตจากประเทศลาวที่ชื่อ “ธันวา สุริยจักร”...

*************************************************

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-สกุล ธันวา สุริยจักร
ชื่อเล่น ทัน
เชื้อชาติ ไทย-จีน-เวียดนาม-ฝรั่งเศส
ความสามารถ เปียโน , กีต้าร์ , ร้องเพลง
ประวัติ คุณพ่อ ไทย-จีน-ฝรั่งเศส
คุณแม่ ไทย-จีน-เวียดนาม
และย้ายครอบครัวเข้าไปทำธุรกิจในเมืองปักเซ
โดยญาติพี่น้องส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดอุบล และ กทม
การศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
กีฬาที่ชอบ ฟุตบอล
ผลงาน นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติลาว ชุด U-16
ผลงานวงการบันเทิง ถ่ายหนังสือ lip , Image , Hamburger , เดินแฟชั่นใน Elle Fashion Week
ภาพยนตร์เรื่อง ฮักนะ'สารคาม
ละคร เรื่อง มนต์รักแม่น้ำมูล ทางช่อง 7 (เร็วๆ นี้)
 
ข่าวโดย M-Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย  พงษ์ศักดิ์  ขวัญเนตร





งานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ฮักนะ  สารคาม


งานเดินแบบแฟชั่น


กระแสตอบรับจากแฟนคลับในแฟนเพจ
อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ  หญิงในสเปก
เวียร์  ศุกลวัฒน์  ไอดอลในดวงใจของหนุ่มทัน
งานบวงสรวงเปิดกล้องละครเรื่อง มนต์รักแม่น้ำมูลที่กำลังจะออนแอร์ทางช่อง 7 เร็วๆ นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น