พลันที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองเตรียมที่จะกระจายบัตรสมาร์ทการ์ด ซึ่งนำไปทำบัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรเหลืองที่ใช้คาราคาซังมาเกือบปี ก็ได้ยินเสียงแง่ยินดีจากประชาชนผู้ถือบัตรเหลืองอย่างอึงมี่ เพราะที่ผ่านมา คนส่วนมากรำคาญกับการใช้บัตรเหลืองอย่างเต็มทีแล้ว อย่างความรู้สึกข้างล่างนี้
ตั้งใจว่าวันนี้จะลางานที่แสนจะยุ่งเหยิงเพื่อไปทำบัตรประชาชนใบใหม่ที่เกือบจะหมดอายุซะหน่อย...แต่เมื่อไปถึงก็ได้พบกับความผิดหวังเพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่า “บัตรหมดครับ” เลยต้องทำใจรับบัตรเหลืองมาแทน
ความรู้สึกยังไม่หมดแค่นั้น เพราะหงุดหงิดที่อุตส่าห์ลางานมาก็ต้องมาพบกับความผิดหวัง บวกกับความรำคาญใจ ที่ต้องจำใจพกบัตรเหลืองขนาดเอสี่พับหลายทบซ่อนไว้ในกระเป๋า เพื่อควักออกมาใช้ในยามจำเป็น (เพราะหากไม่จำเป็นก็ไม่น่าจะเอามาโชว์ใครเขาสักเท่าไหร่) ไม่เพียงเท่านั้นความรู้สึกรำคาญก็ปนเปเข้าไปด้วย หลังจากที่ต้องรู้ว่าจะได้ใช้บัตรเจ้ากรรมนี้นานหลายเดือน ไหนจะต้องทำธุรกรรมทางการเงิน ติดต่อราชการและอีกหลายอย่างมากมาย....
นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของประสบการณ์และความรู้สึกผู้ที่ร่วมชะตากรรมใช้บัตรเหลืองแทนบัตรประจำตัวประชาชนเป็นเวลานานหลายเดือน
ในช่วงปีที่ผ่านมาการออกบัตรประชาชรอิเล็กทรอนิกส์แบบอเนกประสงค์ หรือ บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดให้แก่ประชาชน ก็เป็นอันต้องร้องเพลงรอนานกันหลายเดือน เพราะบัตรที่ว่านี้ผลิตออกมาผิดสเปก ไม่ได้คุณภาพและมาตรฐานตามต้องการ จึงทำให้ผู้ที่ต้องการมีบัตรใหม่ในระหว่างนั้นจนถึงตอนนี้ต้องอยู่ในภาวะที่ว่า 'รอ' รอจนกลายเป็นปัญหาของระดับประชาชนโดยแท้จริง
หากเป็นสมัยก่อน ที่เทคโนโลยียังไม่เท่าทันตอนนี้ การใช้บัตรเหลืองก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะกว่าจะได้บัตรประจำตัวประชาชนชนิดบัตรแข็งกลับบ้านมาสักที ก็ต้องใช้เวลารอนานถึง 3 เดือนกันทีเดียว ซึ่งระหว่างนั้นก็ต้องใช้บัตรเหลืองแทนไปก่อน
แต่ใครจะไปคิดว่าในยุคโลกวิทยาการล้ำยุคเช่นทุกวันนี้ คนไทยกลับต้องทนใช้บัตรเหลืองหรือบัตรชั่วคราวนานกว่าเก่าเสียอีก เจออย่างนี้เข้าไป ก็ทำเอาหลายคนหงุดหงิดสุดๆ เพราะนอกจากจะไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะได้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนตัวสำรองไปอีกนานแค่ไหน แถมอุปสรรคในการใช้งานแต่ละครั้งมันก็มากมายเหลือเกิน จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมพอกระทรวงมหาดไทยประกาศไปรับบัตรตัวจริงได้แล้ว ผู้คนจึงแห่แหนกันไปที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอชนิดมืดฟ้ามัวดิน แต่ที่ไหนได้เมื่อไปถึงก็ยังต้องเจอโรคเลื่อนเข้าไปอีก
การรอคอยยังไม่สิ้นสุด
หลังจากที่ได้นัดกันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่า จะให้ไปรับบัตรสมาร์ทการ์ดของจริงกันเสียที แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง เพราะนัดแล้วก็ต้องเลื่อนออกไป ด้วยเหตุผลที่ว่า 'บัตรหมด' จนหลายคนที่ใช้บัตรเหลืองพูดแกมประชดไปเลยว่า
“ให้ใช้บัตรเหลืองตลอดชีพไปเลยซิครับจะได้ไม่ต้องมีใครตั้งหน้าตั้งตารอคอยบัตรสมาร์ทการ์ดกันอีก ผมใช้บัตรเหลืองมา 8-9 เดือน บัตรเปื่อยหมดแล้ว ถึงกำหนดวันที่เขาไห้ไปรับบัตรทีไรพอไปถึงเขาก็ทำตรายางต่ออายุบัตรมาให้ที่บัตรเหลืองทุกทีปั๊มตราต่ออายุบัตรมาให้ที่บัตรเหลืองจนบัตรเหลืองไม่เหลืองไม่เหลือที่จะให้ปั๊มแล้วครับ”
ธีรภัทร นันทพงษ์ เจ้าของธุรกิจส่วนตัวก็เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งใช้บัตรเหลืองมาตั้งแต่เดือนกันยายนของปีที่แล้ว เพราะบัตรแข็งของเขาหมดอายุลง เขาจึงต้องไปทำบัตรใหม่ แต่มาถึงบัดนี้เขายังไม่ได้รับบัตรตัวจริงเลยทั้งที่เลยกำหนดมาได้พักหนึ่งแล้ว
“พอถึงกำหนดผมก็ไปรับบัตรนะ แต่เจ้าหน้าที่เขาแจ้งว่าบัตรยังมาไม่ถึง ประมาณว่ามีคนรอบัตรอยู่เป็นจำนวนมาก แต่บัตรล็อตแรกที่ออกมามีแค่สามแสนใบ ซึ่งมันไม่พอ ทีนี้เขาก็เลยเอาตราประทับมาปั๊มลงบนบัตรเหลืองของผมและบอกว่ามันสามารถต่ออายุได้เรื่อยๆ”
ประสบการณ์ตรง! กับบัตรเหลือง
ธีรภัทรเองก็ประกอบธุรกิจส่วนตัว ทำให้เขาต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนทำธุรกรรมเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ อยู่บ่อยครั้ง และเจ้าบัตรเหลืองก็สร้างปัญหาให้แก่เขาไม่น้อย
“บัตรเหลืองมันเป็นกระดาษอ่อนๆ และมีขนาดใหญ่ ทำให้เวลาเราพกไปไหนมาไหน มันก็ต้องใช้วิธีการพับเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ จะใช้ทีก็ควักออกมาคลี่ที ซึ่งนอกจากมันจะไม่สะดวกแล้ว การพับๆ คลี่ๆ นี่มันจะทำให้ตัวกระดาษมันเปื่อยและขาดตรงรอยพับ ของผมก็เกือบแล้ว แต่ผมมีคนรู้จักที่ทำขาดไปแล้วก็มี ซึ่งเขาก็ใช้เทปใสแปะไว้ดูทุเรศทุรังมาก
“เคยมีคนบอกให้เอาไปเคลือบเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าตามกฎหมายแล้วเราจะเอาไปเคลือบได้หรือเปล่า แต่ถ้าได้ผมคงไม่ทำ เพราะบัตรเหลืองมันใหญ่เท่ากระดาษเอสี่เลยนะ ถ้าเคลือบแล้วพกไปพกมา มันคงดูเหมือนพกเมนูอาหารติดตัว”
แต่สำหรับการใช้บัตรประจำตัวประชาชนในเรื่องอื่นๆ นอกจากเรื่องของการทำธุรกรรมการเงินแล้ว ธีรภัทรบอกว่าไม่เป็นปัญหาเท่าใด อย่างเช่นเรื่องของการตรวจบัตรในเวลาไปเที่ยวผับ
“คนที่เขาคุมผับเขาไม่ตรวจบัตรผมแล้วนะ เขาคงดูจากหน้าตาเอา แต่ก็เคยมีอยู่ครั้งสองครั้ง ที่เขาขอดู ผมก็ควักออกมาจากกระเป๋าตังค์คลี่ให้ดูบัตรเหลืองเลย”
ฝั่งของสาวนักการตลาดอย่าง ภัทรพร รักการงาน ก็บอกว่า ต้องทนใช้บัตรเหลืองแทนบัตรแข็งมานาน 6 เดือนแล้ว และถือว่าเป็นปัญหาในชีวิตประจำวันด้วยเหมือนกัน ซึ่งเมื่อก่อนเธอไม่ได้ใส่ใจ ไม่เห็นคุณค่าความสำคัญของบัตรประจำตัวประชาชนเป็นพิเศษเลย แค่พกติดไว้ในกระเป๋าสตางค์ ซึ่งบางทีก็ไม่ได้พกตลอดด้วย
“แต่พอเข้ามาทำงาน อาชีพเราต้องเดินทางไปพบลูกค้าที่ต่างๆ แล้วการเข้าติดต่อตามอาคารใหญ่ๆ ส่วนมากเขาจะต้องทำการแลกบัตรประจำตัวประชาชนสำหรับผู้มาติดต่อ ซึ่งตอนเป็นบัตรเดิมมันก็ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย หยิบจับสะดวก พอต้องมาใช้บัตรชั่วคราวนี้มันก็ไม่สะดวกในการติดต่องาน”
ทางอำเภอบอกกับภัทรพรว่า ให้ใช้บัตรเหลืองนี้แทนชั่วคราว โดยตอนแรกบอก 3 เดือน และมีการนัดให้ไปรับสมาร์ทการ์ดอีกทีก่อนหน้านี้ แต่พอถึงเวลาก็เลื่อนอีก ซึ่งมันมีผลกระทบต่องานของเธอมาก ด้วยขนาดและความที่มันเป็นกระดาษเอสี่ เวลาไปติดต่องานเธอก็ต้องหยิบแล้วค่อยๆ คลี่ออกเป็นประจำ และ 1 วัน เธอไป 4 ที่ ซึ่งก็ต้องทำแบบนี้ไปซ้ำๆ วันละ 4 ครั้ง ความเปราะบางของเนื้อกระดาษก็ทำให้เกิดรอย พอเป็นรอยแล้วเราทำมันซ้ำๆ และสุดท้ายอาจจะขาดได้ เธอจึงอยากขอร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหานี้ให้จบลงเสียที
สารพันปัญหาคนใช้บัตรเหลือง
เพียงแค่เห็นขนาดอารมณ์ก็เปลี่ยน เรื่องของขนาดใครว่าไม่สำคัญ เพราะถ้าเป็นสมัยก่อนเวลาที่เดินทางไปทำบัตรประจำตัวประชาชนที่อำเภอสักทีหนึ่ง สิ่งที่ได้กลับบ้านมาก็คือบัตรขนาด 5.4X8.4 ตารางเซนติเมตร แต่ทว่าเมื่อโลกยุคใหม่มาถึง (ตอนนี้) บัตรประจำตัวประชาชนที่ได้กลับกลายร่างเป็นกระดาษอ่อนๆ สีเหลืองใบหนึ่งขนาด เอสี่ หรือ 21X29.4 ตารางเซนติเมตร พูดง่ายๆ ก็คือใหญ่กว่าเดิมเกือบ 4 เท่า
แน่นอนว่าด้วยความเทอะทะแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเก็บรักษา บางคนที่ไม่นิยมใช้กระเป๋าใบใหญ่ๆ แต่อยากจะพกบัตรประจำตัวประชาชนไว้ติดตัว ซึ่งมีทางเลือกทางเดียวก็คือ ต้องพับบัตรประจำตัวประชาชนไม่ต่ำกว่า 3 ทบ เวลาจะหยิบใช้แต่ละทีก็แสนลำบาก เพราะไหนจะต้องทนกับความฟิตของกระเป๋ากางเกง ยังต้องมาเผชิญกับความหนาที่ไม่พึงประสงค์ของกระเป๋าสตางค์อีก แล้วอย่างนี้ใครจะไปทนไว้
เจอแบบนี้เข้าไป บางคนเลยพยายามจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้บัตรของตัวเองด้วยสารพัดวิธี ตั้งแต่เอาบัตรไปเคลือบบ้าง ไปใส่สติกเกอร์บ้าง แต่รู้หรือไม่ว่า กระบวนการหวังดีทั้งหมดนี้ แท้ที่จริงแล้ว กลับกลายเป็นการทำให้บัตรดีๆ กลายเป็นบัตรชำรุดไปซะงั้น เพราะนี่ถือเป็นการดัดแปลงบัตรประจำตัวประชาชน และทางกระทรวงมหาดไทยก็ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นถ้าเกิดวันใดที่คุณมีธุระที่เขตหรืออำเภอแล้วต้องยื่นบัตรประชาชน ก็เตรียมเงินอีก 20 บาทเพื่อทำใหม่ได้เลย เพราะเขาถือว่าบัตรที่ได้ไปนั้น มันใช้การไม่ได้แล้ว
……….
อย่างไรก็ตามงานนี้ อธิบดีกรมการปกครอง มงคล สุระสัจจะ ก็ออกมากล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดว่า ทางกรมฯ ได้ทยอยออกบัตรไปยังสำนักทะเบียนแล้วเป็นจำนวนมากกว่าล้านใบ ประชาชนในทั่วประเทศสามารถทยอยไปทำบัตรได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ทั่วถึงร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็พอบรรเทาทุกข์ของประชาชนผู้ใช้บัตรเหลืองลงไปได้บ้าง
หัวอกคนที่ใช้บัตรเหลืองบางคนก็ใช้บริการบัตรเหลืองจนเปื่อยแล้วเปื่อยอีก ติดเทปใสก็แล้ว และก็ช่วยได้บ้างในบางโอกาส แต่ก็ยังสร้างความรำคาญใจให้แก่ผู้ถือบัตรอยู่ดี งานนี้กระทรวงมหาดไทยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาโดยตรงก็ต้องใส่ใจและเห็นใจประชาชนตาดำๆ กันบ้าง อย่าปล่อยให้อีกหลายล้านคนต้องทนใช้บัตรเหลืองไปตลอดชีวิตเลย เพราะใครๆ ก็อยากได้บัตรประจำตัวประชาชนดีๆ มาใช้กันทั้งนั้น
>>>>>>>>>>
………
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : ทีมภาพ CLICK