“กุ๊บกิ๊บ สุมนทิพย์ เหลืองอุทัย” ล่าสุดเธอกลายเป็นสาวที่ Lucky in Game แต่ ไม่ Lucky in Love เหตุเพราะเธอเพิ่งประกาศยุติความสัมพันธ์กับหนุ่มฮอต มาริโอ้ เมาเร่อ ไปเสียแล้ว แต่กลับไปในช่วงที่ก่อนหน้าความรักจะยุติลง เธอกลายเป็นนักแสดงที่หลายคนยอมรับในฝีมือของ นางร้ายรุ่นใหม่ กับบทบาท ทั้งร้ายลึกอย่างในละครเรื่อง เงารักลวงใจ รวมถึงบทร้ายคอมเมดี้ กับบท คุณมิลค์ ที่มีประโยคสุดฮิตจนติดปาก “ไฟขา” ในละครเรื่อง ดวงใจอัคนี
วันนี้ M-Liteมีโอกาสได้มานั่งพูดคุยกับเธอ แม้ว่าหลายคนจะมองภายนอกว่าเธอดูเป็นผู้หญิงตรงและแรง แต่สิ่งที่สัมผัสได้ จากตัวเธอคือ ความเฮฮา ตลก พูดจาเป็นกันเอง และเป็นตัวของตัวเอง กลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้กุ๊บกิ๊บเป็นที่รักของใครหลายๆ คน
เริ่มต้นจากตัวประกอบ
ถามถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของเธอและหนุ่มฮอต ที่ตอนนี้ลดความสัมพันธ์ลงเพียงแค่เพื่อนที่รู้จักกัน ซึ่งไม่นานเธอได้ออกมาแถลงข่าวพร้อมน้ำตา อย่างที่รู้กันว่า เขาทั้งคู่เริ่มจากการเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียน ป.1 จนกลายเป็นความผูกพันที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกวัน
จนกระทั่งมีภาพหลุดที่ชายทะเลที่ทำให้แฟนคลับของมาริโอ้ กลายเป็นข่าว เธอคือแฟนสาวตัวจริงของมาริโอ้ตั้งแต่นั้นมา ยังมีข่าวถึงกระแสที่เธอออกมาเกาะมาริโอ้ เพื่อหวังจะดังในวงการบันเทิง ทว่าแท้จริงแล้วเธอเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 15 ปี ด้วยการเริ่มถ่ายแบบ โฆษณาเล็กๆ น้อยๆ มิวสิกวิดีโอ นักแสดงประกอบ จนอายุ 18-19 ปี จึงมีคนชักชวนเข้ามาทำเพลง
“งานแรกสุดน่าจะเป็นเอ็มวี ของสิงห์เหนือเสือใต้ เราก็เป็นตัวประกอบ มีมาริโอ้ด้วย ได้คนละ 1500 เราเริ่มจากการเป็นตัวประกอบมาก่อนหมด แล้วโอ้จะไปเร็วกว่า พวกหนูก็ค่อยๆ มันไม่เหนื่อยหรอกเป็นเด็กเราได้วันละพันห้าก็ดีใจแล้วนะ ตื่นเต้น เวลาได้โฆษณาก็ได้เงินเป็นก้อน ทำแล้วเราแฮปปี้ วันหนึ่งรับงานเอ็กซ์ตร้าไม่เยอะ เพราะเราต้องเรียนไปด้วย ก็ค่อยๆทำกันไป”
“จากนั้นมีคนมาชวนทำเพลง ออกมาแค่เป็นซิงเกิ้ล แล้วทุกคนเวลาไม่ตรงกัน ทัศนคติไม่ตรงกัน ก็เลยหยุด แล้วช่วงนั้นพี่เอชวนมาเล่นละครก็เลยรีบมาเลยค่ะ”
งานละครเรื่องแรกที่ทำให้หลายคนรู้จักเธอ คือ เรื่อง เงารักลวงใจ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้จัดละครเห็นในความสามารถ และเลือกให้เธอได้มารับบทนางร้าย
“เริ่มเป็นนักแสดงจริงจังก็เงารักลวงใจเลย หนูไม่เคยเป็นเอ็กซ์ตร้าละครมาก่อน มาเล่นก็ได้งานนี้เลย โชคดีมากที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสค่ะ เห็นความสามารถไว้ใจเรา ได้รับบทที่ดีมาก บทส่งให้คนรู้จักเราด้วย ไม่รู้ว่าเค้าเห็นอะไรในตัวเรา แต่ผู้จัดเค้าบอกว่าเค้าเห็นเราในรายการที่วู๊ดดี้ แล้วเราเล่นเป็นนางเอก แต่พี่เค้าดูว่าเราเป็นนางร้าย เราเป็นคนดีนะ ก็เริ่มจากจุดนั้น”
“หนูไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาเล่นละครเลยค่ะ แค่ชอบร้องเพลงแล้วอยากอยู่ในวงการแฟชั่น เพราะก่อนหน้านี้เคยอยู่วงการสไตลิสต์มาก่อน ความฝันอยากทำงานอยู่เบื้องหลังนิตยสารมากกว่า”
แสดงจากความรู้สึกภายใน
เมื่อเธอได้มีโอกาสมาลองเล่นละคร จากการเห็นแววของผู้จัดละครหลายคน จึงทำให้เธอเปลี่ยนความคิด ที่ลองมาเล่นละคร ด้วยเพราะเสน่ห์งานละครมีหลายสิ่งหลายอย่างให้เธอได้เรียนรู้
โอกาสในการเล่นละคร ทำให้เธอได้เรียนรู้แอ็กติ้งจาก หม่อมน้อย (ม.ล.พันธ์เทวนพ เทวกุล) สิ่งที่เธอได้รับ คือการเรียนรู้การแสดงที่หม่อมน้อยสอนให้เกิดความรู้สึกจากภายใน จึงทำให้ผลตอบรับที่ดีกับการแสดงเรื่องแรก
กุ๊บกิ๊บบอกว่า การเรียนแอ็กติ้งกับหม่อมน้อย ซึ่งมีการสอนที่ไม่เหมือนใคร โดยให้เรียนรู้จากความรู้สึกของตัวเองจากภายใน เรียนรู้ถึงกระดูก เส้นเอ็น ในร่างกายของตัวเอง
“เพราะหม่อมบอกว่าถ้าเราจะเป็นตัวละครสักตัวหนึ่งจะต้องมาจากความรู้สึกจริงๆ เวลาบทคนเมาก็ต้องรู้สึกว่าเส้นเอ็นต้องเป็นแบบนี้ เราต้องรู้จักความรู้สึกตัวเอง เรียนแล้วดูมีเสน่ห์ เท่ พอได้เล่นยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรที่ไม่เบื่อเลย เราได้แต่ตัวเป็นคนอื่น ได้ทำอะไรใหม่ๆ ตลอด เราเล่นเป็นร้ายก็ร้าย ซึ่งในชีวิตจริงเราคงไม่เล่นร้ายขนาดนี้ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าได้ทำอะไรที่ไม่ซ้ำซากจำเจ หม่อมชอบบอกว่า ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าทิ้งความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะอะไรยังไงก็ตาม ต่อให้ดังยังไงก็อย่าลืมว่าตัวเองเป็นแบบไหน ห้าคนทุกคนจะเล่นไม่เหมือนกัน ซึ่งแต่ละคนสไตล์ไม่เหมือนกัน หนูเลยจำเอาไว้ตลอดว่ายังไงก็ต้องเล่นในแบบที่เป็นตัวของตัวเองไม่ว่าจะเป็นบทไหน”
ในช่วงแรกความกดดัน แต่สำหรับเธอไม่ได้หวังอะไรมากมาย จึงเล่นไปตามความรู้สึก เรียกว่าทุกงานเธอจัดเต็มที่ตลอด เพราะเธอคิดเอาไว้อย่างเดียว คือ ทำให้เต็มที่ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะไม่คิดว่าใครจะคาดหวังอะไรในตัวเธอ กับการเป็นนักแสดงอยู่แล้ว ทำหน้าที่ทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่านั้นพอ
“ทุกคนเล่นเป็นตัวเอง ตัวละครและใส่ความเป็นตัวเอง แล้วมีเสน่ห์ของตัวเองทุกคน หนูทำการบ้านมาจากบ้านอยู่แล้วก่อนมากองก็ทำการบ้านมาเพราะหนูเชื่อว่าการทำการบ้านมามันทำให้เราพร้อมอยู่แล้ว เพราะว่ารุ่นใหญ่เยอะ ไม่อยากให้เค้ามารอเรา”
ลูกคนเล็กต้องดูแลตัวเอง
ในครอบครัวเธอเป็นลูกคนเล็ก ที่มีพี่ๆ ทั้งหมด 6 คน ในตอนเด็กที่ฐานะลูกคนเล็กของครอบครัว จึงทำให้เธอมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองมาก จนเธอการันตีตัวเองว่า ตอนเด็กร้ายมาก
“ตอนเด็กนิสัยคนละเรื่องกับตอนโตเลยค่ะเด็กๆรร้ายมาก เอาแต่ใจ เหมือนเราอยู่คนเดียว เป็นเจ้านายตัวเอง ขี้วีน ขี้เหวี่ยงมาก พอโตขึ้นเราก็เปลี่ยนไปเยอะมาก ไม่รู้ว่าทำไมเป็นหน้ามือเป็นหลังมือเลย เป็นคนที่พอเริ่มโต เริ่มอ่านหนังสือ ชอบอ่านหนังสือปรัชญาชีวิต เป็นคนแปลกมาก มีแนวคิดที่ไม่เหมือนคนอื่น”
การเติบโตมาในครอบครัวจีนที่พี่ๆ คิดทำธุรกิจของตนเอง มีเพียงเธอที่มองและชอบไปทางด้านงานศิลปะ แฟชั่น ทำให้แม่เป็นห่วง และคอยเตือนไม่อยากให้เธอก้าวสู่วงการบันเทิง
คนในบ้านที่คิดว่าโตมาจะทำธุรกิจ แต่หนูไม่ใช่หนูอยากไปทางด้านศิลปะ แฟชั่น ซึ่งคนจีนจะงงมาก ว่าอะไรคือแฟชั่น ทำมาหากินได้ที่ไหน ยิ่งดารา แม่ก็บอกว่าเต้นกินรำกิน แต่เดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยนทัศนคติแม่ได้เยอะ อย่างเมื่อก่อนจะไปแคสโฆษณา ถ่ายแบบ หนูก็ต้องแอบไป แม่ไม่ให้ไป เราก็แอบไปกับเพื่อนๆ งานออกมาแม่ก็ไม่แฮปปี้เพราะเค้าอยากให้เราเรียนมากกว่า ทุกวันนี้ก็ชอบ ติดละคร ติดตามข่าวตลอด
“เรามีคติในตัวเอง ทำอะไรก็คิดว่าทำแล้วก็ต้องทำให้ได้ รู้ตัวเองตลอดว่าจะไม่ทำให้ตัวเองเสียคนเด็ดขาด ทำอะไรนอกกรอบก็จริงแต่เราก็ต้องควบคุมตัวเองให้อยู่ในกรอบเหมือนกัน ที่มันดี พิสูจน์ตัวเองให้แม่เห็นด้วย เราก็ไม่อยู่กับแม่เพราะแม่อยู่เมืองนอก เราก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี”
เพื่อนที่ไม่พัฒนาความสัมพันธ์
ก่อนหน้าที่เธอจะดังเข้าวงการจนทำให้ใครหลายคนจับจ้อง ว่าเธอคือใคร เกิดจาก ภาพหลุดในชุดบิกินีสีดำ ที่เดินอยู่ริมชายทะเลกันสองต่อสองกับหนุ่มมาริโอ้ ที่ตอนนี้ได้ยุติความสัมพันธ์ลงไปเรียบร้อย เหลือเพียงความเป็นเพื่อนที่ไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไปได้
“ตอนนั้นหนูทำใจอยู่แล้วค่ะ ตอนนั้นเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย เป็นแค่เพื่อนธรรมดา เค้าก็เขียนกันไปเยอะแล้ว ตอนนั้นคิดว่าเราไม่ใช่ดาราด้วย ทำไมถึงเอารูปเราไปลงได้ ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ชอบจริงๆ จะทำให้มันเป็นเรื่องก็ทำได้แต่เราก็เข้าใจ เป็นเรื่องธรรมดาของวงการบันเทิง เพื่อนเราได้เป็นดารา”
หลายคนคงคิดแบบนั้นผู้หญิงเกาะกระแสโอ้ดัง ยอมรับว่าหลายคนในวงการก็ทำกันแบบนั้น แต่สำหรับเราไม่ได้ทำแบบนั้น ทุกวันนี้ก็เลยต้องพยายามทำให้เค้ารู้ไม่ให้คนมองว่านี่คือแฟนมาริโอ้ หรือเพื่อนสนิทของมาริโอ้ ให้มองว่ากุ๊บกิ๊บก็คือกุ๊บกิ๊บ ที่เป็นนักแสดง ไม่อยากอยู่ใต้เงาของใคร อยากทำอะไรด้วยตัวเอง เค้าก็อยากยืนด้วยตัวเอง
ความสัมพันธ์ที่ก่อเกิดจากความเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่ชั้น ป.1 ทำให้ความผูกพันที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องออกมาบอกรัก มาบอกว่าเราเป็นแฟนกันมาสวีตกัน เป็นเพียงแค่เพื่อนที่ห่วงใยต่อกัน ให้กำลังใจกันมากกว่า
“เราเข้ามาทำงานเร็วเลยไม่มีโมเมนต์นั้นที่ว่าจะมาหวานแหวว มารู้ตัวอีกทีเราก็มาทำงานแล้ว มีบ้าน มีพ่อแม่ที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อไหร่ที่มีงาน มีความรักในแบบมากๆ โดยมีการึงหวง เราอายุแค่นี้เราก็ไปไม่รอดเรายังไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ตามเสต็ป อย่าเพิ่งไปเร่งเลย สัก 25 เราไม่ต้องทำอะไรที่ไม่ต้องขอพ่อแม่แล้ว ต่อให้ทุกวันนี้เราทำงานหาเงินได้ ของชิ้นใหญ่เรายังต้องขออนุญาต ซึ่งนั้นแสดงว่าเรายังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ คุณยังไม่โตพอ เพราะทุกวันนี้คนข้างนอกก็มองว่าเรายังเด็กมาก ซึ่งถ้าทำอะไรเกินงามก็คงไม่ดี เอาแค่พอดีให้ผู้ใหญ่เอ็นดู”
การประกาศยุติความสัมพันธ์ที่ผ่านมา 7 ปี เลขอาถรรพ์ที่หลายคนคิดว่า เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ที่ไม่คืบหน้าต่อไปได้ แต่ความเป็นเพื่อนระหว่างคนทั้งคู่ยังคงมีให้กันเสมอมา ในเรื่องราวความรัก เธอมองเพียงการหาเพื่อนที่รู้ใจสักคนหนึ่ง ที่คอยอยู่กับเธอได้ไปตลอดจนแก่
“มุมมองความรัก หนูมองหาเพื่อน เพราะวันหนึ่งเราก็ต้องแก่ ความสวยความหล่อ ก็ไม่ยั่งยืน ความสวีตหวานก็ไม่ยั่งยืนเหมือนกัน วันนี้เราเป็นเพื่อนกันสามารถอยู่กับหนูจนแก่ได้ เราไม่มีวันเบื่อเพื่อนเราอยู่แล้วถึงเราไม่เจอกันเดือนสองเดือนหรือเป็นปี วันหนึ่งที่เรากลับมาเจอกันยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี ต่อกันติดอยู่ดี คนเราวันหนึ่งก็ต้องแก่ตัวลง เพื่อนไม่ทิ้งเรา เราไม่ทิ้งเพื่อน มองหาแต่แฟน คนรัก มันไม่มีทางอยู่ได้นาน ลองมองหาเพื่อนชีวิตมากกว่าคนรัก”
กระทบ “ซ้อเจ็ด” ไม่รับผิดชอบสังคม
ไม่ว่าเธอจะมีข่าวคราวในวงการบันเทิงร้ายแรงอย่างไร มั้งข่าวศัลยกรรม ข่าวความรัก สุดท้ายข่าวที่เธอรับไม่ได้มากที่สุด คือ ข่าวเมาท์ กอซซิปจากซ้อคนดัง ที่เขียนกระทบเธอแม้ว่าจะใช้เป็นนามแฝงก็ตาม กับเรื่องการทำแท้ง
“หนูไม่รู้ว่า เรื่องข่าวแบบนี้คนคิดเค้าคิดมาได้ยังไง เด็กอายุเท่านี้จะไปทำ ถึงจะมีในสังคมแบบนี้จริง แต่หนูก็ไม่คิดว่าทุกคนจะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะเอามาเขียนกันเล่น มันเหมือนเขียนชี้โพรงให้กระรอก ถ้าวัยรุ่นอ่านแล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ แล้วมาคิดว่า อ้าว ! ดารายังทำได้เลย แล้วทำไมเค้าทำไม่ได้ หนูว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะมาเขียน มันคือเด็ก มันทำให้หนูมองว่าสังคมเสื่อมโทรมมาก มันไม่ใช่คนที่เขียนจะคิดได้ ”
“เกลียดมาก หนูไม่ชอบ หนูว่าเขาไม่ควรเขียนอะไรแบบนี้ โอเค ถ้ามองแบบแฟร์ๆ มันคือการทำมาหากินในแบบของเขา เขาอาจจะมีภาระอะไรที่มีความจำเป็นต้องเขียน แต่เขียนอะไรให้มีสำนึกต่อสังคมบ้าง เขียนได้แค่ตัวดาราไม่เท่าไหร่ คุณรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เรื่องมีมูลแค่สิบ อีกเก้าสิบ คุณอาจทำให้คนที่บ้านครอบครัวเขา ป่วย ไม่สบายใจ แต่คนที่บ้านอาจจะเครียด เสียใจ อย่างเรื่องท้องทำแท้ง ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดี ทำอะไรต้องรับผิดชอบต่อสังคมหน่อย ไม่เครียดนะ คนที่เครียดคือคนที่ทำ เพราะกลัวว่าวันหนึ่งจะออกมา ไม่เครียดเพราะมันไม่มีผลกระทบอะไรกับตัวหนูอยู่แล้วนะ เพราะคุณไม่ได้ทำ”
ถึงวันนี้ความสัมพันธ์ของกุ๊บกิ๊บ และมาริโอ้ จะยังคงเหลือเพียงแค่เพื่อนที่ไม่สามารถพัฒนาให้กลายมาเป็นคนรู้ใจ แต่เรื่องงานในวงการบันเทิง ยังคงให้กุ๊บกิ๊บฉายแววความสามารถ ที่จะทำให้หลายคนติดใจและกลายเป็นนางร้ายดาวรุ่งคนต่อไปได้
******************************************
ตัวตนแท้จริงของสาว “แรง”
ตัวจริงกุ๊บกิ๊บเป็นผู้หญิงติ๊งต๊อง ห้าว ไม่ใช่คนเรียบร้อย แต่เป็นคนที่ไม่ทำให้อะไรเสียหาย ตลก เฮฮา มากกว่าไม่ได้เอาแต่ใจ หรือขี้วีนอย่าที่ใครมองข้างนอก
เพราะภาพลักษณ์ที่เราชอบแต่งตัวมั้งค่ะคนเลมองว่าเราแรง คือตั้งแต่พี่นักข่าวสร้างให้ว่าภาพลักษณ์เราต้องเป็นแบบนี้เขาเหมือนสร้างคาแร็กเตอร์ให้เรา คนก็จะมองเป็นแบบนั้น ก็ต้องขอบคุณพี่ๆ ที่เวลาหนูเล่นร้ายคนก็จะมองเราแบบนั้นแล้วเชื่อเลยก็เป็นข้อดี แต่พอได้มารู้จักคนก็จะบอกว่าเราต๊อง ตลก ไม่ได้คิดว่าใครจะมองหรือคิดว่าเราเป็นไงห้าวแต่ก็รักสวยรักงามมาก มีเพื่อนผู้ชายเยอะด้วย เดินไปกับเพื่อนผู้ชายตั้งแต่เด็ก เพราะผู้ชายง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ผู้หญิงจะมีฟิล นินทา ก็คนละแบบ หนูสบายใจ คนก็เลยมองว่าเราแรง มั่นใจ ไม่ใช่หญิงๆ หนูว่าดีนะที่คนมองเราแบบนี้ เพราะเราจะไม่มีหน้ากากคนจะได้เข้าหาเราได้ง่ายๆ เพราะว่าเราไม่ได้มีอะไรหลายชั้น คนจะรู้ว่าเราเป็นแบบไหน ไม่เสแสร้ง
ข่าวโดย M-Lite /ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน